- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 15 February 2015 13:40
- Hits: 3305
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8845 ข่าวสดรายวัน
ชุลมุนหน้าหอศิลป์ ล็อกนศ. จัดรำลึกเลือกตั้ง จับ4 คนขัดคำสั่งคสช. รบ.โต้อียู-ฮิวแมนไรต์ ปมแก้พรบ.ศาลทหาร เตือนแกนพท.งดจ้อ
ห้ามจัด - นาทีชุลมุนเจ้าหน้าที่บุกล็อกตัวกลุ่มผู้เรียกร้องประชาธิปไตย ขณะจัดกิจกรรมรำลึกเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 บริเวณหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ ควบคุมตัวได้ 4 คน ส่งดำเนินคดีฝ่าฝืนคำสั่งคสช. |
ตำรวจบุกล็อก 4 ราย กลุ่มจัดกิจกรรมรำลึกเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ทหารส่งจดหมายห้ามแกนนำเพื่อไทยแสดงความเห็น ร่างแก้พ.ร.บ.ศาลทหารเป็นเรื่องอีก ทีมโฆษกรัฐบาล-คสช. สวนกลับ'อียู-ฮิวแมนไรต์ฯ'ข้อมูลคลาดเคลื่อน ยันไม่ได้เพิ่มอำนาจทหาร'บิ๊กตู่' สั่งชี้แจงสังคม-นานาชาติ ทนาย 'ปู'ลั่นพร้อมสู้คดีอาญาจำนำข้าว เล็งค้านยื่นฟ้องแพ่ง'บวรศักดิ์' เสนอตั้งกรรมการปรองดอง มีอำนาจเสนอออกกฎหมายอภัยโทษ
คสช.โต้ฮิวแมนไรต์วอตช์
วันที่ 14 ก.พ. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกรณีนายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียขององค์กรสิทธิมนุษยชน หรือฮิวแมนไรต์วอตช์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติคัดค้านร่างแก้ไขพ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ.2498 ว่าด้วยการเพิ่มอำนาจให้ทหารควบคุมตัวพลเรือนได้นานสูงสุดถึง 84 วัน โดยไม่จำเป็นต้องได้รับอำนาจศาล และการมอบอำนาจให้ทหารควบคุมตัวพลเรือนโดยไม่ต้องมีการตรวจสอบโดยองค์คณะตุลาการ ถือเป็นการปกครองประเทศในระบอบเผด็จการ ว่า พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการ คสช. สั่งการให้ชี้แจงทำความเข้าใจว่าเป็นความเข้าใจ คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง ด้วยข้อมูลที่ไม่ครบ
โฆษก คสช.กล่าวว่า ฮิวแมนไรต์วอตช์ถือเป็นองค์กรระดับประเทศที่ได้รับความน่าเชื่อถือ การนำเสนอเรื่องใดๆ ที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วนจนทำสังคมสับสนจะส่งผลกระทบความน่าเชื่อถือองค์กรได้ โดยเฉพาะจุดยืนและสถานะในความเป็นกลางทางสังคม เนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนสอบถามมากขึ้น เมื่อตอบกลับไปประชาชนส่วนใหญ่พบว่าหลายส่วนมีเนื้อหาไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แต่เข้าใจฮิวแมนไรต์วอตช์ ทำหน้าที่เพื่อสังคม
แก้กม.ศาลทหารไม่เพิ่มอำนาจ
"ยืนยันไม่มีการขอแก้ไขพ.ร.บ. ธรรมนูญศาลทหาร เพื่อเพิ่มอำนาจให้ทหารสามารถควบคุมตัวพลเรือนได้นาน 84 วันตามที่ กล่าวอ้าง ปัจจุบันการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งพลเรือนและทหาร ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นสุดวิสัยพนักงานสอบสวนหรือตำรวจต้องขออำนาจจากศาลให้เป็นผู้สั่งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นศาลทหารหรือศาลพลเรือนก็ตาม หลักเกณฑ์เดียวกัน ตามหลักกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่ใช้กันอยู่มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าบ้านเมืองจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ก็ยังคงใช้หลักเกณฑ์นี้ โดยการขอก็ต้องขอศาลเป็นครั้งๆ ไป จำนวนวันในแต่ละครั้งก็เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้" พ.อ.วินธัยกล่าว
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า การเสนอขอปรับแก้ไขพ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ที่กำลังดำเนินการอยู่เป็นเรื่องภายในองค์กรทหารเท่านั้น ไม่ควรนำมาปะปนกันจนทำให้สังคมเกิดความสับสน เจตนารมณ์เพื่อใช้ปฏิบัติต่อกำลังพลทหารที่ทำความผิดอาญา เพราะผู้บังคับบัญชาไม่สามารถไปขอให้ศาลทหารสั่งขังได้ด้วยเหตุจำเป็นสุดวิสัย เพื่อไม่ให้กระบวนการยุติธรรมต้องหยุดชะงัก โดยทหารที่กระทำความผิดอาญานั้นๆ ก็สมควรได้รับการปฏิบัติที่ไม่ต่างไปจากพลเรือน เพื่อให้เป็นไปตามหลักบรรทัดฐานสากลที่เหมือนหรือใกล้เคียงกัน
เล็งเชิญมาทำความเข้าใจ
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ขอให้มั่นใจการดำเนินการของทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายมีความเข้าใจดีในเรื่องของสิทธิมนุษยชน และพยายามจะการดำเนินการใดๆ นั้นก็เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสร้างความเป็นธรรมให้สังคมอย่างดีที่สุด ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช. เน้นย้ำว่า คสช.เข้าใจดีว่าการสร้างความเข้าใจต่อสังคมในการทำงานของ คสช. และรัฐบาลไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อยากให้ทุกฝ่ายให้โอกาสและร่วมมือเพื่อนำพาประเทศไทยให้ ผ่านพ้นปัญหา มีการปฏิรูปและเป็นประชา ธิปไตยที่สมบูรณ์ ขอให้การนำเสนอหรือวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ขอได้มีการศึกษาข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ก็จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า คสช.จะเชิญตัวแทนของ ฮิวแมนไรต์วอตช์มาชี้แจงข้อเท็จจริงหรือไม่ พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ขณะนี้ยัง แต่ถือเป็นแนวทางในอนาคตที่ผู้บังคับบัญชาต้อง หารือกัน
คสช.เตรียมถกหาทางเคลียร์
แหล่งข่าวจาก คสช.กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. มีความเป็นห่วงต่อการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจนทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน โดยเฉพาะกรณีของ ฮิวแมน ไรต์วอตช์ จึงจะมีการหารือในที่ประชุม คสช.เพื่อหาช่องทางในการแก้ไขปัญหา
แหล่งข่าวระบุ ที่ผ่านมาเมื่อเขาเสนอข้อมูลที่คลาดเคลื่อนกับความเป็นจริง เราใช้วิธีการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเพื่อชี้แจง เป็นแบบนี้ทุกครั้ง จึงมองว่าน่าจะมีช่องทางอื่นอีกหรือไม่ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นตอไม่ใช่ที่ปลายเหตุ เหมือนกรณี คสช.เชิญผู้ช่วยทูตทหารประจำในประเทศไทยมาชี้แจงทำความเข้าใจต่อสถานการณ์ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าฮิวแมนไรต์วอตช์เป็นองค์กรที่อยู่ในต่างประเทศ คนพูดก็อยู่ในต่างประเทศ รัฐบาลกับ คสช.จะมีอำนาจอะไรไปเชิญมา ตรงนี้ต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไร ส่วนความเป็นไปได้ที่จะชี้แจงผ่านตัวแทนของฮิวแมนไรต์วอตช์ที่อยู่ในประเทศไทยเพื่อสื่อไปถึงองค์กรใหญ่ ถือเป็นแนวทางหนึ่ง แต่ต้องหารือกันอีกครั้งเพื่อให้ได้แนวทางที่เหมาะสมจริงๆ
บิ๊กตู่สั่ง'รบ.-คสช.-บัวแก้ว'ชี้แจง
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีองค์กรฮิวแมนไรต์วอตช์ระบุให้ สนช.ค้านการแก้ไขร่างพ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร ที่มีการเพิ่มอำนาจให้ทหารควบคุมตัวพลเรือนนานถึง 84 วัน โดยไม่ต้องได้รับอำนาจศาล และการมอบอำนาจให้ทหารควบคุมตัวพลเรือนโดยไม่ต้องมีการตรวจสอบ ว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีการแก้ไขให้มีมาตรฐานเดียวกับวิธีพิจารณาความในคดีอาญาของพลเรือนที่ระบุให้ศาลควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 84 วัน จากเดิมศาลทหารมีอำนาจควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ทหารได้ถึง 90 วัน จึงแก้ไขให้เป็นมาตรฐานเดียวกับพลเรือน
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ทั้งหมดอยู่ในอำนาจของศาลไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาทหาร แต่จำเป็นต้องเขียนระบุว่าผู้บังคับบัญชาทหารมีสิทธิควบคุมตัวได้ในเฉพาะกรณีที่เป็นเหตุสุดวิสัย หรือมีความจำเป็น ยกตัวอย่างทหารเดินทางไปต่างประเทศแล้วฆ่ากันตายในเรือรบ ซึ่งในเรือไม่มีศาลทหาร จึงให้อำนาจผู้บังคับบัญชาทหารสั่งควบคุมตัวผู้กระทำผิดได้จนกว่านำตัวมาฝากขังศาลทหาร แต่ในพื้นที่ปกติผู้บังคับบัญชาทหารไม่สามารถสั่งควบคุมตัวพลเรือนได้ อย่างไรก็ตาม นายกฯ มอบหมายให้ทีมโฆษกรัฐบาล คสช. กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคมและนานาชาติ
ไก่อูโต้อียูเข้าใจคลาดเคลื่อน
ส่วนกรณีสำนักงานคณะผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) ประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลไทยเลิกใช้ศาลทหารพิจารณาคดีพลเรือน พล.ต. สรรเสริญกล่าวว่า อียูอาจได้รับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ขอชี้แจงว่าการดำเนินคดีกับพลเรือนที่อยู่ในอำนาจของศาลทหารใช้บังคับเฉพาะกับความผิดที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง หรือความผิดจากการฝ่าฝืนกฎอัยการศึกเท่านั้น เช่น การค้าหรือใช้อาวุธสงคราม มีเหตุให้คนบาดเจ็บล้มตาย เป็นต้น
ล็อกตัว - น.ศ.และผู้เรียกร้องประชาธิปไตย 4 คน ถูกคุมตัวอยู่ภายในห้องสอบสวน สน.ปทุมวัน หลังจัดกิจกรรมรำลึกเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ แล้วถูกจับกุมดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. |
ส่วนข้อสังเกตว่ามีอดีตนักการเมือง อาทิ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ ต้องขึ้นศาลทหารนั้น เป็นเพราะนายจาตุรนต์หลบหนีไม่ปฏิบัติตามประกาศเรียกของ คสช.ในช่วงที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพื่อหยุดความขัดแย้ง และเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมารายงานตัวเพื่อควบคุมสถานการณ์ จึงต้องเข้าสู่กระบวนการศาลทหาร ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่มารายงานตัวไม่ได้ถูกนำตัวขึ้นศาลทหารแต่อย่างใด แต่สุดท้ายนายจาตุรนต์ก็ได้รับการประกันตัว ดังนั้น อย่ากังวลว่าผู้บังคับบัญชาทหารจะไปสั่งควบคุมตัวพลเรือนได้ตามใจ
บัวแก้วย้ำไทยเคารพสิทธิมนุษยชน
ด้านนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศรับทราบท่าทีล่าสุดของอียูแล้ว เห็นว่าท่าทีของอียูเป็นท่าทีเดิม ขอยืนยันว่าไทยในฐานะประเทศภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ไอซีซีพีอาร์) ยังคงยึดมั่นในพันธกรณีที่มี แต่ปัจจุบันไทยอยู่ภายใต้สถานการณ์พิเศษ สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดคือความมั่นคงปลอดภัยภายในประเทศ อย่างไรก็ดีเรารับทราบข้อห่วงกังวลของมิตรประเทศและยืนยันว่าไทย ยังคงให้ความเคารพสิทธิมนุษยชน และรัฐบาลกำลังเร่งเดินหน้าตามแผนโรดแม็ปเพื่อนำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตยตามกรอบเวลาที่วางไว้
"ปึ้ง"เตือนระวังคว่ำบาตร
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การเรียกร้องของ อียู เกี่ยวกับการใช้ศาลทหารพิจารณาคดีพลเรือน สะท้อนให้เห็นว่าสังคมโลกจับตามองสถานการณ์ในประเทศไทยตลอด จึงฝากไปถึงรัฐบาลว่าจะดำเนินการอะไรกับใคร อย่างไร ต้องคิดให้รอบคอบและตั้งอยู่บนหลักความยุติธรรม การที่อียูแสดงความเห็นเรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าบีบหรือกดดันรัฐบาล แต่ทักท้วงในสิ่งที่เขาเห็นว่าลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์โดยไม่เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลจึงควรรับฟังและไตร่ตรองให้ดี เพราะสิ่งต่างๆ ที่ทำไปนั้นจะมีผลกลับมาถึงประเทศแน่นอน
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมามีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนเกี่ยวกับท่าทีของกลุ่มประเทศประชาธิปไตยเหล่านี้ ที่แสดงต่อประเทศเพื่อนบ้านของไทยซึ่งขณะนั้นปกครองและบริหารโดยทหาร คือมาตรการคว่ำบาตรในด้านต่างๆ แต่เมื่อประเทศ ดังกล่าวเปลี่ยนแปลงการปกครองและมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งท่าทีของอียู ก็เปลี่ยนไป ดังนั้น สิ่งที่เขาส่งสัญญาณมาถึงไทยเพื่อเตือนเรา หากรัฐบาลไม่ใส่ใจหรือเมินเฉยก็ต้องติดตามต่อไปว่าอียูจะมีมาตรการอื่นๆ ตามมาหรือไม่
โฆษกอสส.แจงภาพผู้ชายคู่"ปู"
นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักอัยการสูงสุด (อสส.) กล่าวกรณีมีการนำภาพถ่ายบุคคลอ้างใกล้ชิดกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และผู้ถูกกล่าวหาในคดีโครงการรับจำนำข้าว โพสต์ลงออนไลน์ ระบุชายคนดังกล่าวเป็นนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ รอง อสส. ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายอัยการร่วมกับป.ป.ช. ว่า จากภาพถ่ายจะเห็นได้ว่าบุคคลดังกล่าวไม่ใช่นายวุฒิพงศ์แต่อย่างใด ซึ่งในภายหลังมีการเฉลยว่าเป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง เรื่องนี้ตนยังไม่ได้พูดคุย กับนายวุฒิพงศ์ว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่เบื้องต้นดูแล้วอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ต้องดูเจตนาของผู้กระทำการดังกล่าวด้วยว่ากระทำไปเพื่ออะไร มีจุดประสงค์ต้องการให้นายวุฒิพงศ์หรือองค์กรอัยการเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือไม่
ค้านประกัน"ปู"ขึ้นอยู่กับศาล
เมื่อถามว่าวันที่ 19 ก.พ.นี้ ที่จะยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในท้ายคำฟ้องทางอัยการจะคัดค้านการประกันตัวหรือขอให้ศาลพิจารณาในเรื่องการเดินทางออกนอกประเทศหรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่า เรื่องการประกันตัวนั้นถือเป็นเรื่องของศาลฎีกาฯ ที่จะเป็นผู้พิจารณา ส่วนเรื่อง อื่นๆยังไม่ทราบแน่ชัด ขึ้นอยู่กับคณะทำงานฟ้องคดีเป็นผู้พิจารณา ตนก็ยังไม่เห็นร่างคำฟ้องดังกล่าว คงต้องรอดูในวันที่ 19 ก.พ.นี้อีกครั้ง
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงความพร้อมการต่อสู้คดีชั้นศาลฎีกาฯ ที่ อสส.จะยื่นฟ้องวันที่ 19 ก.พ. ว่า เบื้องต้นทีมทนายหารือกันตลอดเพื่อเตรียมพร้อมเอกสารต่างๆ รวมถึงแนวทางในการต่อสู้คดี ในชั้นนี้ยังไม่มีความจำเป็นที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องเดินทางไปศาล เพราะกฎหมายไม่ได้ระบุว่าผู้ถูกกล่าวหาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องเดินทางไปด้วย ซึ่งต่างจากคดีทั่วไป เมื่อคดีเข้าสู่ศาลก็จะมีลำดับขั้นตอนการดำเนินการต่อไป
เตรียมร้องค้านยื่นฟ้องแพ่งคดีข้าว
นายนรวิชญ์กล่าวว่า ส่วนที่คณะกรรม การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมประชุมเพื่อพิจารณาส่งหนังสือไปยังกระทรวงการคลัง ให้ฟ้องร้องค่าเสียหายทางแพ่งในโครงการรับจำนำข้าว กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 17 ก.พ. เช่นเดียวกับการดำเนินการกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ตนทราบจาก ข่าว จึงต้องรอฟังการชี้แจงจากป.ป.ช.ให้ชัดเจนก่อน มีข้อสังเกตว่าในช่วงเวลาที่อยู่ภายใต้การประกาศกฎอัยการศึกนั้นคดี ที่เกี่ยวข้องกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ กลุ่มการเมืองในอดีตและอดีตนายกฯ ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาต่อเนื่อง หวังว่าคดีต่างๆ ที่มีการสั่งฟ้องนั้นจะเข้าสู่การพิจารณาและการใช้ดุลพินิจของศาลอย่างเป็นธรรม ในส่วนของทนายจะเตรียมการต่อสู้คดีตามข้อเท็จจริงอย่างเต็มที่
"ทีมทนายความหารือกันแล้วว่าหากป.ป.ช.ไปยื่นวันใดจะไปยื่นคัดค้านเช่นกัน เพราะเห็นว่าป.ป.ช.จะยื่นเรื่องให้กระทรวงการคลังคิดค่าเสียหายและฟ้องร้องทางแพ่ง ทั้งที่คดีอาญาที่กล่าวหาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ปล่อยปละละเลย ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวนั้น ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึง ที่สุดว่ามีความผิด กระบวนการพิจารณาของศาล ก็ยังมีขั้นตอน เปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาต่อสู้และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้" นายนรวิชญ์กล่าว
"บิ๊กตู่"ชี้นำคดีจำนำข้าว
นายนรวิชญ์กล่าวว่า ภายใต้กฎอัยการศึกและเงื่อนไขที่ลูกความของตนไม่สามารถแสดงความคิดความเห็นในทางการเมือง หรือในทางคดีความได้ แต่กลับถูกกระหน่ำซ้ำเติม บางกลุ่มมีความพยายามจะซ้ำเติม โดยนำคดีความต่างๆ มากล่าวหาลูกความของตนอยู่ตลอด จึงขอเรียกร้องเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการของศาล
นายนรวิชญ์กล่าวว่า การที่พล.อ. ประยุทธ์ระบุว่าเคยเตือนอดีตนายกฯ เรื่องการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวแล้ว แต่อดีตนายกฯ อ้างว่าจะรับผิดชอบเอง คล้ายกับที่ป.ป.ช.เคยเตือนอดีตนายกฯ มาแล้ว การกล่าวเช่นนี้อาจเป็นการชี้นำคดีทางคดีได้ จึงขอเรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์อย่าให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกมาชี้นำคดี
ให้กำลังใจ - กลุ่มเพื่อนนักศึกษาและนักกิจกรรมทางสังคม จำนวนนับร้อยคนเดินทางมายัง สน.ปทุมวัน พร้อมทั้งร้องเพลงให้กำลังใจ 4 ผู้ต้องหาซึ่งถูกจับกุม ฐานขัดคำสั่ง คสช.ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน เมื่อค่ำวันที่ 14 ก.พ. |
คสช.ส่งจ.ม.เตือนแกนนำเพื่อไทย
รายงานข่าวแจ้งว่า การเร่งพิจารณาสรุปสำนวนคดีของป.ป.ช.เพื่อดำเนินคดีกับอดีตนายกฯ ทั้งน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นปรากฏการณ์ที่หลายฝ่ายรวมทั้งสมาชิกพรรคเพื่อไทยวิเคราะห์ว่าเพื่อเร่งถอนรากกลุ่มการเมืองเก่าและกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยและพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้จบโดยเร็ว ซึ่งสอดคล้องกับที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านั้น
ทั้งนี้ หลังรัฐบาลส่งสัญญาณผ่านสื่อต่างๆ เตือนทุกฝ่ายให้เลี่ยงแสดงความเห็นที่สุ่มเสี่ยงหรือต่อการยั่วยุต่างๆ มีการเรียกปรับทัศนคติไปแล้วนั้น ปรากฏว่าในส่วนของพรรคเพื่อไทย คสช.ได้ส่งหนังสือถึงแกนนำและผู้บริหารพรรคบางคน เพื่อขอความร่วมมือในการแสดงออกเช่นเดียวกัน
โอ๊คโพสต์ย้ำแก้สองมาตรฐาน
นายพานทองแท้ ชินวัตร โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ระบุ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาวิจารณ์การเมือง ตน ก็ขอวิจารณ์บ้าง นายอภิสิทธิ์บอกป.ป.ช. ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และพวกรวม 4 คน จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ปิดล้อมทางเข้ารัฐสภาในปี 2551 กระทั่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 471 รายนั้น แตกต่างจากการสลายการชุมนุมที่มีคนตายเกือบ 100 ศพในปี 2553 อ้างขั้นตอนและข้อกฎหมายต่างๆ เพียงเพื่อจะชี้นำความคิดของตนต่อสังคมว่าการสลายการชุมนุมจนมีคนตายร่วม 100 คนนั้นไม่ผิดกฎหมาย แต่การสลายการชุมนุมที่มีคนตาย 2 คนนั้นผิดกฎหมาย
นายพานทองแท้ ระบุว่า ได้เขียนในโพสต์ที่แล้วว่าการปรองดองจะเกิดขึ้นได้ความยุติธรรมต้องมาก่อน และระบบสองมาตรฐานต้องหมดไปจากสังคมไทย หากการสลายการชุมนุมของคนสีหนึ่งมีคนตายร่วมร้อยคน โดยนายกฯ ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ขณะที่ อีกสีหนึ่งตาย 2 คน ผู้เกี่ยวข้องกลับโดนฟ้องดำเนินคดีกันหมด แบบนี้การปรองดองก็จะเกิดขึ้นลำบาก ในวันแห่งความรักแทนที่ จะหูเบาคล้อยตามคนรูปหล่อพูดจาดียุแยง ให้ใช้กระบวนการ 2 มาตรฐาน มาไล่บี้คนกลุ่มหนึ่งสีใดให้เข้าสู่ทางตันดังเช่นการรัฐประหารครั้งที่ผ่านๆ มา ผู้ที่มีอำนาจ ในขณะนี้ควรใช้โอกาสที่นักการเมืองและกองเชียร์ทุกสีทุกฝ่ายหยุดพูดหยุดทะเลาะกันในวันนี้ ทำให้คน ทุกกลุ่ม ทุกสี รู้สึกว่าตนเองได้รับความยุติธรรมมีสิทธิทัดเทียมกับคนกลุ่มอื่นๆ ก่อนคืนความเป็นธรรมให้กับคนทุกฝ่าย ความสุขจะกลับคืนมาสู่สังคมไทยเอง
บวรศักดิ์ฟังข้อเสนออีสานแก้รธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ว่า คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และคณะอนุกรรมาธิการการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนร่วมกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ สถาบันพระปกเกล้า จัดโครงการสัมมนาเวทีประชาเสวนาหาทางออก สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยน รับฟังความคิดเห็นประชาชน ในพื้นที่อีสานตอนบน ประกอบด้วย อุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย เลย สกลนคร นครพนม และบึงกาฬ โดยมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ พร้อม กมธ.ยกร่างฯ นายถวิลวดี บุรีกุล นายคำนูณ สิทธิสมาน นายประชา เตรัตน์ เข้าร่วม
ช่วงเช้า คณะของนายบวรศักดิ์เข้ารับฟังข้อเสนอของภาคประชาชนคนอีสานต่อการปฏิรูปประเทศ เรื่องประชา-ท้องถิ่นร่วมสานสร้าง ยกระดับพื้นที่รูปธรรมจัดการตนเอง เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ที่โรงแรมประจักษ์ตรา
นายบวรศักดิ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ "สภาพลเมือง เพื่อการปฏิรูปประเทศ" ว่า การร่างรัฐธรรมนูญต้องแก้ปัญหาหลัก 3 ประการ คือ แก้ปัญหาความขัดแย้งเฉพาะหน้าของกลุ่มต่างๆ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม และจัดสรรดุลอำนาจใหม่ในสังคม ซึ่งเป็นที่มาของการร่างรัฐธรรมนูญ ภาค 4 การปฏิรูปและสร้างความปรองดอง
ตั้งกก.ปรองดองแห่งชาติ
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะตั้งคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ เข้ามาเป็นกลไกในการทำหน้าที่สร้างบรรยากาศความปรองดองของประชาชนทั้งประเทศ เป็นตัวกลางในการเจรจาหาข้อยุติกับคู่ขัดแย้งต่างๆ สร้างการเรียนรู้ และสุดท้ายเมื่อทุกฝ่ายยอมรับผิดคณะกรรมการชุดนี้มีอำนาจเสนอให้รัฐบาลออกพ.ร.ฎ. อภัยโทษได้ มีวาระการทำงาน 5 ปี
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากจะจัดตั้งสภาพลเมืองและมีองค์กรตรวจสอบภาคประชาชน มีหน้าที่ตรวจสอบจริยธรรมและการทำงานของนักการเมืองท้องถิ่น และภาคประชาชนต้องมีอำนาจในการถอดถอนนักการเมือง ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กมธ.ยกร่างฯ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องให้อำนาจประชาชนเป็นใหญ่ ปฏิรูปเป็นธรรม และนำประเทศพ้นวิกฤต
ช่วงบ่าย นายบวรศักดิ์จะเป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเวทีประชาเสวนาหาทางออก สานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย ที่โรงแรมบ้านเชียง จ.อุดรธานี
นักวิชาการซัดคสช.จำกัดสิทธิ
วันเดียวกัน กลุ่มนักวิชาการไทยในอเมริกา ส่ง "จดหมายรักถึงผู้ร่วมงานการเลือกตั้งที่ (ลัก) รัก" ระบุ เนื่องในวันแห่งความรักและเนื่องในวาระครบรอบ 1 ปี การล้มการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 2557 กลุ่มนักวิชาการไทยในอเมริกา (ส่วนหนึ่ง) ขอมอบกุหลาบ (สายประดิษฐ์) พร้อมจดหมาย ส่งความรักและแรงใจสนับสนุนผู้รักประชา ธิปไตย ชี้การรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ไม่ได้คลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง ขณะเดียวกันกลับเกิดการจำกัดสิทธิเสรีภาพ มากขึ้นในระดับที่ไม่สามารถพูดเรื่องประชาธิปไตยได้ในที่สาธารณะ
จดหมายระบุ ในวาระการรำลึกถึงวันครบรอบ 1 ปี การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.2557 ที่มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 43,024,042 คน (100.00%) มีผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งได้สำเร็จ 20,530,359 คน (47.72%) มีหน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ 94,454 หน่วย เปิดให้ใช้สิทธิได้ 84,325 หน่วย คิดเป็น 89.28% หรือมีหน่วยเลือกตั้งเพียง 10.72% ที่ถูกปิดโดยกลุ่มบุคคลที่ไม่ยอมรับกติกา โดยที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มิได้แสดงความรับผิดชอบตามกรอบกฎหมายอย่างเต็มความสามารถ แสดงให้เห็นว่ามีประชาชนจำนวนมากต้องการให้บ้านเมืองคืนสู่สภาวะปกติ ผ่านการเลือกตั้งอย่างสันติแม้จะมีอุปสรรคมากมาย
จดหมายระบุว่า ขอส่งกำลังใจมายังเพื่อนพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยที่ยืนหยัดที่จะแสดงให้ชาวโลกเห็นว่ายังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ต้องการให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ คือประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ สามารถแสดงออกทางการเมืองขั้นพื้นฐานผ่านการเลือกตั้งได้
หวังมีเลือกตั้งในเร็ววัน
แม้เป็นที่ทราบกันดีหลังรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ได้อ้างเหตุผลเพื่อป้องกันความรุนแรง ต้องการคืนกลับสู่การปรองดองของสังคมไทยและมีการปฏิรูป ตามแผนที่ คสช.วางไว้ก็ตาม แต่ถึงวันนี้คงได้เห็นถึงการจำกัดเสรีภาพและการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางการเมืองในขณะนี้ว่า ไม่อำนวยให้เกิดการถกเถียงกันอย่างจริงจังถึงผลดีผลเสียของรัฐธรรมนูญใหม่และการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอนาคต
ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะมี สนช.และ สปช.ที่ทำหน้าที่ร่วมกันเพื่อสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเสร็จลุล่วงและประกาศใช้เมื่อใด แม้กระทั่งการถกเถียงเรื่องความเป็นไปได้ในการปรับระบบเลือกตั้งใหม่ก็ไม่สามารถทำได้ในทางวิชาการและในแง่กิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ การรำลึกถึงการเลือกตั้งทั่วไป 2 ก.พ.2557 จึงมีความหมายมากต่อพี่น้องประชาชน เพราะการเลือกตั้งคือการสำแดงเจตจำนงของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ขอส่งกำลังใจและความรักมายังเพื่อนพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทุกคน และหวังว่าประเทศไทยที่รักของเราจะได้มีการเลือกตั้งในเร็ววัน จดหมายระบุชื่อ ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี ยุกติ มุกดาวิจิตร บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ อรัญญา ศิริผล พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์
ป้ายเรียกร้องปชต.โผล่ที่มช.
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงใหม่ ว่า มีการนำป้ายผ้าเขียนข้อความ "วันแห่งรักที่สดใส แต่ประชาธิปไตยมืดมน" ติดไว้บริเวณทางเดินใกล้หอพักชาย อาคาร 3 ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กระทั่งเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยได้ปลดป้ายดังกล่าวออก
ตร.เข้มกิจกรรม"รำลึก2กพ."
เวลา 16.00 น. ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ปทุมวัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน จากบก.น.6 กว่า 150 นาย เดินทางมาตรวจความเรียบร้อย และป้องกันกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เนื่องจากมีข่าวว่ากลุ่มพลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen จะจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ "เลือกตั้งที่ (รัก) ลัก"
พ.ต.อ.จารุต กล่าวว่า การข่าวรายงานว่าจะมีกลุ่มคนมาชุมนุมเรียกร้องและแสดงสัญลักษณ์ให้มีการเลือกตั้ง จึงนำกำลังมาดูแลความเรียบร้อยไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง เบื้องต้นจากการสอบถามพบว่าทางหอศิลปฯ ไม่ได้อนุญาตให้ใช้พื้นที่จัดกิจกรรมใดๆ กลุ่มดังกล่าวน่าจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยจัดกิจกรรมลักษณะนี้ทั้งที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ม.ธรรมศาสตร์ ตามข่าวของหน่วยความมั่นคงยังไม่บ่งชี้ว่าจะเกิดเหตุรุนแรง แต่ยอมรับว่าตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดที่ห้างสยามพารากอนมีการกำชับเจ้าหน้าที่ให้เข้มงวดในการวางกำลัง รวมทั้งอบรมให้ความรู้กับชาวบ้านเพื่อแจ้งเหตุร้ายให้ทันท่วงที มาตรการจะเริ่มจากการพูดคุยกับกลุ่มดังกล่าวเพื่อขอความร่วมมือในการจัดกิจกรรม แต่หากยังไม่ให้ความร่วมมือก็จะควบคุมตัวไปยังสน.ปทุมวัน ก่อนส่งตัวให้ทหารปรับทัศนคติ ตามกฎอัยการศึกต่อไปเนื่องจากไม่อยู่ในข้อตกลงกันไว้
คุมตัวนศ.ธรรมศาสตร์
เวลาไล่เลี่ยกัน ที่บริเวณหน้าหอศิลปฯ กลุ่มพลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen จัดกิจกรรม "เลือกตั้งที่ (รัก) ลัก" เพื่อรำลึกถึงการเลือกตั้ง 2 ก.พ.2557 มีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คนได้รับความสนใจจากประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่สัญจรไปมาจำนวนมาก
เริ่มจาก นายอานนท์ นำภา ทนายสิทธิมนุษยชนเเละพวก จำลองหน่วยเลือกตั้งโดยนำกล่องกระดาษสีเขียวเขียนกำกับว่า คูหาลงคะแนน หีบบัตร พร้อมเเจกดอกกุหลาบให้ผู้ร่วมงาน โดยเจ้าหน้าที่เทศกิจพยายามเข้ายุติกิจกรรมด้วยการเก็บหีบจำลองออกไป แต่กลุ่มผู้จัดงานได้ไปเอาคืนและเริ่มกิจกรรมโดยนำกล่องมาตั้งเป็นคูหาเลือกตั้งอีกครั้ง
นายอานนท์กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้ต้องการมอบความรักให้กับประชาชนเเละเจ้าหน้าที่ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการสร้างความวุ่นวายเพียงเเต่ต้องการมาซ้อมการเลือกตั้ง เนื่องจากปีหน้าจะมีเลือกตั้งตามที่นายกฯ สัญญาไว้ ก่อนที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายสิรวิชญ์ ไปที่สน.ปทุมวัน ข้อหาใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขณะที่กิจกรรมยังดำเนินต่อไป มีการปราศรัยจากนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัย เเละมีความพยายามเข้ายุติกิจกรรมจากเจ้าหน้าที่อยู่เป็นระยะเเต่ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมาเจ้าหน้าที่พยายามดึงตัวนายทรงธรรม เเก้วพันธ์พฤกษ์ น.ศ.กลุ่ม ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ศนปท. ถูกกระชากเสื้อเเละผม เเต่เพื่อนๆ ช่วยยื้อตัวกลับมาได้ นายทรงธรรม โชว์รอยเเดงบริเวณต้นคอ ไหล่เเละหลัง
รวบ 4 คนปรับทัศนคติ
จากนั้นเวลา 16.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ หรือพ่อน้องเฌอ เข้าไปภายในหอศิลปฯ โดยกันไม่ให้คนอื่นตามเข้าไป ขณะผู้ชุมนุมด้านนอกร่วมกันร้องเพลงเพื่อมวลชน เพลงเเสงดาวแห่งศรัทธา เเละส่งเสียงตะโกนให้มีการเลือกตั้งต่อเนื่อง รวมทั้งชู 3 นิ้ว
นายอานนท์กล่าวว่า การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เเสดงถึงความกังวลที่มากเกินไป ทั้งที่จริงพวกตนจัดกิจกรรมที่สร้างสรรค์เเละอยู่ในกรอบ จากนี้จะพยายามจัดกิจกรรมในทุกๆ เดือน ในรูปเเบบที่สร้างสรรค์ต่อไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนายอานนท์ เข้าไปในหอศิลปฯอีกคน โดยมีทนายความติดตามมาด้วย รวมแล้วเจ้าหน้าที่เชิญทั้งหมดเดินทางไปยัง สน.ปทุมวัน รวมถูกเชิญตัวไปโรงพัก 4 คน คือ นายสิรวิชญ์ นายอานนท์ นายพันธ์ศักดิ์ และนายวรรณเกียรติ ชูสุวรรณ อายุ 36 ปี คนขับรถแท็กซี่
นายอานนท์ นายพันธ์ศักดิ์ และนายวรรณเกียรติ เจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมาย เพียงแค่นำตัวมาพูดคุยและปรับทัศนคติ ก่อนทำประวัติและปล่อยตัว ส่วนนายสิรวิชญ์ ถูกดำเนินคดีข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ ให้ทางพนักงานสอบสวนทำการเปรียบเทียบปรับ 100 บาท พร้อมถ่ายรูปทำประวัติ
บ.ก.ลายจุดเตรียมจ่ายค่าปรับ
เวลา 19.30 น. ที่หน้าห้องฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน จุดที่ควบคุมตัวทั้ง 4 คน มีกลุ่มประชาชนและกลุ่มนักศึกษาเดินทางมารอการปล่อยตัว โดยนายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด เดินทางมาด้วย
นายสมบัติเผยว่า มาจ่ายค่าปรับให้น้องๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าตนอยู่เบื้องหลังการทำกิจกรรมครั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่าการจัดกิจกรรมนี้เป็นเรื่องขำๆ เพียงแต่ทางรัฐบาลอาจมองว่าเป็นการก่อความวุ่นวาย แต่อยากให้รัฐบาลมองทั้งสองด้านไม่ใช่การก่อความวุ่นวายเป็นเพียงกิจกรรมและการแสดงออกที่งดงามเท่านั้นเอง จนถึงเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าทหารก็ยังควบคุมตัวทั้ง 4 คนอยู่ภายในห้องฝ่ายสืบสวน
ดำเนินคดีฝืนคำสั่งคสช.
หลังควบคุมตัวทั้ง 4 คน เพื่อปรับทัศนคติ นายสิรวิชญ์ ถูกตั้งข้อหาก่อความเดือดร้อนรำคาญ ปรับ 100 บาท เพียงคนเดียว แต่ทหารได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษให้พนักสอบสวนดำเนินคดีทั้ง 4 คน ข้อหาฝ่าฝืนชุมนุมเกิน 5 คน ตามประกาศของคสช. และให้เพิ่มข้อหานายสิรวิชญ์ ฐานขัดคำสั่งที่เคยทำเงื่อนไขไว้ก่อนหน้านี้ โดยวงเงินประกัน 3 คน คนละ 75,000 บาท ส่วนนายสิรวิชญ์ 150,000 บาท
ขณะที่กลุ่มประชาชนที่มาให้กำลังใจ 50 คน ร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธาบริเวณหน้าห้องฝ่ายสืบสวน