- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 08 February 2015 16:36
- Hits: 4296
จีนชงฝึกรบร่วมผสมไทย ยื่นขอบิ๊กตู่ 'มะกัน'ย้ำเร่งคืนสู่'ปชต.'ทหารคุม'เรืองไกร'ยาว ปรับทัศนคติตั้งแต่ 3 กพ. ขอจับเว็บไซต์เอเอสทีวี คสช.ปรามมธ.-จุฬาล้อ
รมว.กลาโหมจีนเยือนพบ'บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม'ดันฝึกทหารร่วม โฆษก รบ.ปัดเล่นเกมถ่วงดุลมะกัน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐลั่นกดดันไทยต่อเนื่อง ยันยังไม่ฟื้นสัมพันธ์ทางทหาร
'บิ๊กตู่'ยันรักษาสัมพันธ์ทุกปท.
เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ว่า สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น วันนี้รัฐบาลดำเนินการพูดคุยอย่างแน่นแฟ้นกับทุกประเทศ ถือว่าทุกคนเป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน ไม่เป็นศัตรูกัน วันนี้อาจมีปัญหากันอยู่บ้าง ความขัดแย้งทำให้ประชาชนอดอยากยากจน ก็ไม่น่าจะดี
"เพราะฉะนั้น เราต้องลดความกดดันในเรื่องนี้ให้ได้ ใจเย็นๆ อดทนกัน พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับทุกประเทศที่มีมาอย่างยาวนานหลายประเทศ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ลั่นเอาผิดคดีสถาบันไม่ละเว้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องคดีที่เกี่ยวกับสถาบันและการเมืองนั้น ขอให้ใช้วิจารณญาณด้วย ถ้าเป็นคดีที่มีความผิด เราละเว้นไม่ได้ ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย และขอความร่วมมือด้วยต้องช่วยกันลดความเกลียดชังกันลงไปด้วย ทั้งในสื่อในโซเชียลมีเดีย วันนี้มีการใช้โซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมาก รัฐบาลไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะเข้าไปแทรกแซง เข้าไปดูในส่วนที่เป็นความลับของประชาชน เว้นแต่ว่าทุกคนช่วยกันดูแลเองว่าไม่แพร่กระจาย ไม่ช่วยกันแพร่ในส่วนที่ไม่เหมาะสม ถึงเวลาก็ถูกดำเนินคดี ก็หาว่าเป็นคดีการเมืองหรือการรังแกของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งไม่ใช่
"บางคนก็รู้แต่ยังทำ บางคนอาจทำทั้งที่ไม่รู้ อาจจะตกเป็นเหยื่อของคนไม่ดีเหล่านั้น ที่อาจจะมุ่งหวังจะทำลายชาติ ทำลายสถาบัน ทำลายความมั่นคงของรัฐในปัจจุบัน รัฐบาลสัญญาว่าจะทำอย่างเต็มที่ในการดำเนินคดีไม่ให้เกิดขึ้นอีก" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
รมว.กห.จีนพบ'บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่'
ก่อนหน้านั้น เมื่อเวลา 09.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ พล.อ.ฉาง ว่าน ฉวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะ โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ให้การต้อนรับ โดยมีการเดินตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.ฉางหารือถึงการฝึกร่วมระหว่างทหารไทยและทหารจีน เพื่อขยายกรอบความร่วมมือกันให้มากขึ้น จากที่ผ่านมาทหารไทยและจีนฝึกร่วมกัน ทั้งรบพิเศษไทย-จีน หรือการฝึกสไตรก์
ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉาง ว่าน ฉวน และคณะเข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
ดันฝึกร่วมทหาร"ไทย-จีน"
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการหารือว่า นายกฯขอบคุณจีนที่เข้าใจถึงสถานการณ์ทางการเมืองของไทย ซึ่งจีนย้ำว่าไทยเป็นมิตรประเทศที่ใกล้ชิด พร้อมที่จะสนับสนุนไทย สำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีนแสดงความประสงค์ให้สองประเทศมีความร่วมมือด้านความมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเรื่องการฝึกร่วมผสมทั้ง 3 เหล่าทัพให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งจีนส่งนายทหารจีนมาฝึกร่วมกับไทยในคอบร้าโกลด์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557 เป็นครั้งแรก ปีนี้ก็จะเป็นลักษณะเดียวกัน
ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า ส่วนอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ไทยต้องการให้จีนสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนามากขึ้น โดยขอให้จีนให้ความรู้กับฝ่ายไทยให้มากขึ้น ที่ผ่านมาฝ่ายไทย
ซื้อยุทโธปกรณ์จากจีนบ้าง ก็อยากเรียนรู้เพิ่มเติมว่าจีนมีอะไรอีก จะได้พิจารณาเพิ่มเติมในอนาคต
ปัดจีนมาไทยถ่วงดุล'มะกัน'
"การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีนมาเยือนไทยครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการถ่วงดุลกับสหรัฐแต่อย่างใด เพราะความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนนั้นมีมายาวนาน และไม่ว่าสถานการณ์ทางการเมืองของไทยจะเปลี่ยนไปอย่างไร ประเทศจีนก็ยังรักษาความคงเส้นคงวามาโดยตลอด ดังนั้นการเยือนครั้งนี้จึงไม่มีอะไรผิดปกติ" ร.อ.นพ.ยงยุทธกล่าว
พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการหารือระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของจีนว่า ทางจีนพร้อมต้อนรับผู้บัญชาการเหล่าทัพของไทยและพาไปดูงานการต่อต้านการก่อการร้าย นอกจากนี้ จีนขอวางแผนร่วมกันในการฝึกร่วมผสม หลังจาก พล.อ.ประวิตรเสนอให้มีการฝึกร่วมผสมระหว่างกองทัพอากาศไทยกับกองทัพอากาศจีน ทางจีนจึงเสนอให้ฝึกร่วมผสมทางทหารของนาวิกโยธินยกพลขึ้นบก เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค
สหรัฐยันยังไม่ฟื้นสัมพันธ์ทหาร
วันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า สหรัฐจะไม่ฟื้นความสัมพันธ์ทางทหารกับไทย ตราบใดที่รัฐบาลทหารยังปฏิเสธที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตย ทั้งนี้ นักการทูตคนดังกล่าวซึ่งไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า ไทยจะต้องฟื้นฟูทั้งสถาบันการปกครองและสถาบันยุติธรรมอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการจัดให้มีการเลือกตั้งเพื่อให้ได้รัฐบาลพลเรือนตามระบอบประชาธิปไตยก่อนเท่านั้น
การแสดงท่าทีล่าสุดของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐมีขึ้นหลังจากที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ที่ดูแลกิจการเอเชียแปซิฟิกเดินทางเยือนไทยเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถือเป็นการเยือนของผู้แทนระดับสูงของสหรัฐครั้งแรกหลังการยึดอำนาจ พร้อมกับเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลทหาร และทำให้กระทรวงการต่างประเทศเรียกอุปทูตสหรัฐประจำประเทศไทยเข้าพบกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
กดดันไทยต่อเนื่องเร่งปชต.
ต่อมานางมารี ฮาร์ฟ รองโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ตอบผู้สื่อข่าวกรณีที่มีการย้ำจุดยืนโดยเจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ล่าสุดเป็นการแสดงว่าสหรัฐเตรียมที่จะเพิ่มแรงกดดันต่อทหารไทยให้กำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจนใช่หรือไม่ ว่าท่าทีที่สหรัฐยังคงเส้นคงวา สหรัฐเห็นว่าไทยเป็นเพื่อนและพันธมิตรที่มีค่า มีประวัติศาสตร์ความร่วมมือที่เข้มแข็งและยาวนาน สหรัฐจะยังคงร่วมมือกับไทยต่อไปในประเด็นที่เห็นว่ามีความสำคัญต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศ แต่สหรัฐยังคงเรียกร้องต่อไปให้รัฐบาลไทยดำเนินมาตรการที่จำเป็น เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยประสบผลสำเร็จโดยสมบูรณ์ นี่คือแนวนโยบายของสหรัฐ ที่ได้พูดคุยกันในเรื่องดังกล่าวมาหลายเดือนแล้ว และสหรัฐจะยังดำเนินท่าทีดังกล่าวอย่างต่อเนื่องต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐระบุว่า ดูเหมือนจะมีความล่าช้าในกระบวนการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว สหรัฐจะรอคอยไปอีกนานแค่ไหนจึงจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกัน นางฮาร์ฟกล่าวว่า "เราได้เปลี่ยนนโยบายเมื่อเราระงับการดำเนินความสัมพันธ์บางส่วนระหว่างกันหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยเมื่อปีที่ผ่านมา ดังนั้น จึงเห็นได้ชัดเจนว่าเราเชื่อว่าสิ่งนี้จำเป็นต้องเกิดขึ้่นอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเราจะยังคงกดดันไทยเช่นนี้ต่อไป"
ทหารคุมตัว"เรืองไกร"ตั้งแต่3ก.พ.
แหล่งข่าวคนใกล้ชิดนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสที่นายเรืองไกรถูกทหารควบคุมตัวว่าเป็นเรื่องจริง โดยนายเรืองไกรถูกทหารควบคุมตัวไปที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ตั้งแต่ค่ำวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงไม่พอใจมาก ที่นายเรืองไกรส่งหนังสือถึงนายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โดยชี้แจงสถานการณ์ในไทยและยืนยันว่าการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นเรื่องการเมือง จนถึงขณะนี้นายเรืองไกรยังไม่ได้รับการปล่อยตัวออกมา
"หลังจากนายเรืองไกรยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงสหรัฐ ตกค่ำวันนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้ ทราบจากคนใกล้ชิดอีกทีว่าทหารมาที่บ้านมาพูดคุยสักระยะ จากนั้นก็นำตัวนายเรืองไกรขึ้นรถตู้ไป โดยนำรถตู้มา 3-4 คัน มีนายทหารยศ พ.อ.มาพูดคุยถึงที่บ้าน อาวุธครบมือ ตอนนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง" แหล่งข่าวกล่าว
แหล่งข่าวนายทหารระดับสูงของกองทัพบกกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ควบคุมตัวนายเรืองไกรเข้ามาพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติตามกฎอัยการศึกตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ มทบ.11 หลังจากที่ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงอุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย โดยมีเนื้อหาโจมตีการทำงานของรัฐบาล ล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะดำเนินการทางกฎหมายต่อไปหรือไม่
รู้ตัวคนส่งแถลงการณ์เก๊ให้เนส
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป.รรท.ผบก.ป.กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.อ.ไพโรจน์ โรจนขจร ผกก.2 บก.ป.นำกำลังฝ่ายสืบสวน กก.2 บก.ป.ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจับกุมนายกฤษณ์ บุดดีจีน หรือเนส อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาหมิ่นเบื้องสูง และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีเผยแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอม โดยควบคุมตัวผู้ต้องหาสอบสวนที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) ตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึกว่า ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อตรวจสอบว่านอกจากนายกฤษณ์จะเป็นผู้เผยแพร่ส่งต่อแล้ว มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลิตแถลงการณ์ปลอมด้วยหรือไม่ รวมทั้งมีผู้ใดร่วมบ้าง
พ.ต.อ.อัคราเดชกล่าวว่า จากการสอบถาม พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผบก.ปอท. ทราบว่า ปอท.มีข้อมูลบุคคลต้องสงสัยแล้ว โดยพบเป็นเพียงรางๆ ยังไม่ชัดเจน อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการอยู่เพราะเป็นเรื่องที่คนไทยรับไม่ได้
พล.ต.ต.ศิริพงษ์กล่าวว่า นายกฤษณ์ยืนยันว่าได้รับแถลงการณ์ดังกล่าวมาจากเพื่อนอีกทอดหนึ่ง เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ย้อนกลับไป พอจะทราบว่ามีอีกคนหนึ่งแล้วแต่ยังไม่สามารถระบุชัดถึงตัวบุคคลได้ แต่เชื่อว่าจะขยายผลทางคดีและติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้ในเร็ววันนี้
มทภ.1ไม่ตอบบึ้มโยงแถลงเก๊
ที่กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กล่าวถึงการควบคุมตัวกรณีนายกฤษณ์ผู้ที่แชร์หรือแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอมว่า การสอบสวนขึ้นอยู่กับตำรวจ สำหรับสถานการณ์ช่วงนี้ที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ออกมาเคลื่อนไหวบ่อยขึ้นนั้น ไม่อยากพูดถึงสาเหตุมากนัก เพราะเรื่องนี้นายกฯและหัวหน้า คสช.เน้นย้ำไม่อยากให้ขยายปมความขัดแย้ง ทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย
เมื่อถามว่าทางทหารจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า จำเป็นจะต้องทำ ไม่เช่นนั้นจะเดินหน้าได้อย่างไร ถ้าทุกคนไม่เชื่อฟัง ไม่เคารพ และไม่ให้เกียรติกัน ประเทศก็เดินหน้าไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่าการปลอมแถลงการณ์กับเหตุระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า "ยังไม่ตอบ ไม่มีความชัดเจน ทุกอย่างต้องว่าตามกระบวนการสอบสวน"
คสช.แจงไม่ให้ทนายพบ"เนส"
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวถึงการควบคุมตัวนายกฤษณ์หรือเนส ที่แชร์แถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอมว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนและซักถามเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและเจตนาของการกระทำ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ยังไม่อยู่ในขั้นตอนตั้งข้อกล่าวหา จึงยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทนายมาช่วยแก้ต่างให้ในช่วงนี้
พ.อ.วินธัยกล่าวว่า สำหรับการปฏิบัติต่อผู้ถูกควบคุมตัวนั้น ยืนยันว่าเป็นไปตามแนวทางที่หน่วยงานด้านความมั่นคงเคยปฏิบัติเหมือนปกติที่ผ่านมา ทุกคนที่เข้าสู่กระบวนการนี้จะได้รับความเป็นธรรมได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ถึงแม้จะอยู่ในกรอบของกฎอัยการศึกก็ตาม และการดำเนินการทุกอย่างของเจ้าหน้าที่ยังคงยึดถือเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ได้ละเมิดสิทธิแต่อย่างใด
มั่นใจมีคนอยู่เบื้องหลัง"เนส"
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจยังสอบสวนนายกฤษณ์หรือเนสเพื่อขยายผลหาต้นตอผู้ร่วมขบวนการปลอมแปลงแถลงการณ์ปลอมดังกล่าว เนื่องจาก คสช.มั่นใจว่าเรื่องดังกล่าวจะต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังสั่งให้ดำเนินการ โดยเฉพาะหลักฐานที่ยึดมา จากการตรวจสอบรายละเอียดพบว่า นายกฤษณ์ไม่ได้เป็นผู้แชร์แถลงการณ์ปลอมตามที่ทนายความ นปช.ระบุ แต่เป็นผู้โพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย เพียงแต่ขณะนี้ต้องรอการขยายผลหาต้นตอร่วมขบวนการว่ามีใครอีกบ้าง โดยเจ้าหน้าที่ทหารยืนยันว่าดูแลนายกฤษณ์เหมือนคนทั่วไป เนื่องจากยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา เพียงแต่ควบคุมตัวไว้ตามกฎอัยการศึกเท่านั้น ระหว่างการควบคุมตัวนายกฤษณ์ไม่ได้มีความเครียดแต่อย่างใด
"ตู่"ส่งคนตามคดีแถลงการณ์เก๊
ที่ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวผ่านรายการ "มองไกล" ว่า การที่ตนส่งนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช.ไปช่วยนายกฤษณ์ บุดดีจีน นปช.เพชรบูรณ์ ผู้ต้องหาเผยแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอม
เพราะเป็นสิทธิเบื้องต้นผู้ต้องหาในการต่อสู้คดี การส่งทนายความจะไปเปลี่ยนผลคดีหรือป้องกันการซัดทอดได้อย่างไร เพราะ นปช.ก็อยากรู้ว่าใครเป็นตัวการ หากใครมีข้อมูลควรไปร้องตำรวจ อย่ามากล่าวหากันลอยๆ มอบหมายให้นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช.ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อขอพบ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. หรือ พล.ต.อ.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เพื่อสอบถามความคืบหน้าคดีว่าได้สอบสวนหาต้นตอคนทำแถลงการณ์ปลอมไปถึงไหน และตั้งข้อหานายกฤษณ์อย่างไร ได้ตั้งข้อหาเว็บไซต์สื่ออย่างไรบ้าง มีหลักปฏิบัติ 2 กรณีนี้อย่างไรเพราะเป็นเรื่องเดียวกัน
นปช.ร้องขอเป็นธรรมให้"เนส"
ต่อมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ นปช. และนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ โฆษก นปช.เดินทางมายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เพื่อขอความเป็นธรรมในการดำเนินคดีกับนายกฤษณ์ บุดดีจีน หรือเนส ผู้ช่วยประธาน นปช.เพชรบูรณ์
นายวรวุฒิกล่าวว่า หลังจากคณะของตนเดินทางไปขอพบนายกฤษณ์ ที่ ร.11 รอ. แต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากอยู่ในอำนาจของกฎอัยการศึก 7 วัน ข้อหาดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่ดำเนินคดีด้วยความรอบคอบระมัดระวังและด้วยความเป็นธรรม รวมทั้งขอให้ดำเนินการด้วยมาตรฐานเดียวกันกับบุคคลอื่นๆ ที่เผยแพร่เช่นกัน โดยได้นำข้อมูลกรณีที่เว็บไซต์เอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์โพสต์ข้อความดังกล่าวเช่นกัน มามอบให้ตำรวจด้วยอยากให้ตรวจสอบว่ามีเจตนาอย่างไร
โฆษก นปช.กล่าวว่า หากสังเกตจะเห็นได้ว่าเว็บไซต์เอเอสทีวี ผู้จัดการออนไลน์โพสต์ข้อความเวลา 21.00 น. ขณะที่นายกฤษณ์โพสต์เวลา 21.33 น. จึงชัดเจนว่าเว็บไซต์เอเอสทีวี ผู้จัดการเป็นผู้โพสต์ก่อนนายกฤษณ์
ขอหมายจับผู้ดูแลเว็บASTV
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พนักงานสอบสวน บก.ปอท.ยื่นคำร้องต่อศาลทหารขออนุมัติหมายจับนายนิรันดร์ เยาวภาว์ ผู้ดูแลเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ 2 ข้อหาฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากเป็นผู้นำแถลงการณ์ปลอมไปเผยแพร่ในเว็บไซต์ข่าวดังกล่าวเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ แต่เนื่องจากเดินทางไปในช่วงเย็นปรากฏว่าศาลทหารปิดทำการแล้ว จึงจะไปขอหมายจับอีกครั้งในวันที่ 7 กุมภาพันธ์
"ยืนยันว่าตำรวจดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดในกรณีนี้อย่างเสมอภาค กรณีที่ดูเหมือนว่าขออนุมัติหมายจับล่าช้าเนื่องจากเห็นว่านายนิรันดร์เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงตัวและชี้แจงการกระทำตั้งแต่หลังเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามเมื่อได้รับอนุมัติหมายจับ นายนิรันดร์ต้องมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จากนั้นจะพิจารณาให้ประกันตัว เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
กมธ.ยกร่างฯเคาะกม.ท้องถิ่น
ที่รัฐสภา นายวุฒิสาร ตันไชย คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ พร้อมนายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างฯ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าการยกร่างรัฐธรรมนูญในการพิจารณาภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด 7 การกระจายอำนาจ และการบริหารท้องถิ่น
นายวุฒิสารกล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯเพิ่มในส่วนของมาตรา 2/1 ขึ้นมาใหม่ โดยกำหนดว่า "เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามหมวดนี้ ให้มีประมวลกฎหมายท้องถิ่น โดยต้องให้มีการ
กระจายอำนาจเพิ่มขึ้น มีหน่วยงานรับผิดชอบการกระจายอำนาจที่เป็นเอกภาพ สามารถดำเนินการให้กระจายอำนาจให้เป็นผลสำเร็จ มีการจัดสรรภาษีและรายได้ระหว่างรัฐกับองค์กรบริหารท้องถิ่นที่เหมาะสมกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรบริหารท้องถิ่นแต่ละประเภท และมีระบบตรวจสอบ และประเมินผลการกระจายอำนาจ"
นายวุฒิสารกล่าวว่า สำหรับมาตรา 3 การกำกับดูแลองค์กรบริหารท้องถิ่น ต้องกระทำตามกฎหมายเท่าที่จำเป็น โดยรัฐอาจดำเนินการได้ดังต่อไปนี้ 1.กำหนดมาตรฐานให้องค์กรท้องถิ่นปฏิบัติและติดตามตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรฐานนั้น 2.ทำสัญญาแผนระหว่างรัฐ ราชการส่วนภูมิภาค และองค์กรบริหารท้องถิ่น 3.ส่งเรื่องให้ศาลปกครองพิจารณาวินิจฉัยว่า กฎ คำสั่ง มติ หรือการกระทำใด ของผู้บริหารท้องถิ่น สภาท้องถิ่น หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น เป็นไปโดยมิชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
ตั้ง"สมัชชาพลเมือง"ช่วยท้องถิ่น
นายวุฒิสารกล่าวว่า ส่วนมาตรา 4 กำหนดให้ประชาชนหรือชุมชนมีสิทธิมีส่วนร่วมในการบริหารงานกำหนดรูปแบบและการเปลี่ยนแปลงองค์กรบริหารส่วนท้องถิ่น ซึ่งต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร การเงินและการคลัง ให้ประชาชนรับทราบ ทั้งต้องส่งเสริมสมัชชาพลเมือง และจัดให้ประชาชนมีส่วนร่วมตัดสินใจในการดำเนินงานที่มีผลกระทบต่อประชาชน
"สมัชชาพลเมืองจะเป็นพื้นที่ของคนหลากหลาย ประกอบด้วยสมาชิกที่มาจากหลากหลายท้องถิ่น เป็นอาสาสมัคร ไม่ใช่จัดตั้งหรือเลือกเข้ามา เพื่อให้มีความเหมาะสมกับสังคมแต่ละพื้นที่ มีภารกิจร่วมกับการบริหารขององค์กรท้องถิ่น คุณสมบัติของสมัชชาพลเมืองจะเป็นอย่างไรต้องพิจารณาอีกที เบื้องต้นเห็นว่า ไม่ควรเป็นสภาของนักการเมืองที่อกหักเข้ามาทำงาน" นายวุฒิสารกล่าว
ไม่เชิญสปช.ฟังหมวด"ปฏิรูป"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการพิจารณาช่วงบ่าย กมธ.ยกร่างฯได้แจกร่างบทบัญญัติ ภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง ที่จะพิจารณาในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ได้มีการหารือเกี่ยวกับประเด็นการพิจารณาแนวทางการปฏิรูปว่าควรจะให้สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เข้ามารับฟังการพิจารณาในหมวดการปฏิรูปของ กมธ.ยกร่างฯหรือไม่ ซึ่ง กมธ.ยกร่างฯปรากฏว่ามีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยฝ่ายที่เห็นด้วยให้เหตุผลว่า จะได้ลดข้อครหา และทำให้ กมธ.ยกร่างฯทำงานง่ายขึ้น
ขณะที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยมองว่า ควรรับฟังกันนอกรอบจะเหมาะสมกว่า หากให้เข้ามาเกรงว่าหากมีสมาชิกที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่ กมธ.ยกร่างฯพิจารณาจะทำให้เสียเวลา ท้ายสุดที่ประชุมมีมติไม่อนุญาตให้สมาชิก สปช.เข้าฟัง แต่มอบหมาย กมธ.ยกร่างฯนำร่างบทบัญญัติในส่วนของสิทธิ เสรีภาพของพลเมือง และแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ไปแจกและทำความเข้าใจกับ กมธ.แต่ละคณะของ สปช.และเนื้อหาสาระที่เกี่ยวกับการปฏิรูปของ สปช.แต่ละคณะเพื่อให้ กมธ.แต่ละคณะ สปช.มีส่วนร่วมในการเสนอร่างบทบัญญัติที่สอดคล้องกับการปฏิรูปมาคณะละไม่เกิน 3 มาตรา ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เพื่อ กมธ.ยกร่างฯจะได้นำมาพิจารณายกร่างฯในหมวดการปฏิรูป
จากนั้นเวลา 17.00 น. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯได้สั่งปิดประชุม และนัดประชุมครั้งต่อไปวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เพื่อพิจารณาแนวทางการทำงาน โดยขอความร่วมมือสื่อมวลชนงดเข้าฟัง เนื่องจากเป็นการหารือเกี่ยวกับกระบวนการทำงานเป็นการภายใน
มธ.ยันคสช.ขอเว้นล้อการเมือง
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า การจัดงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 70 ที่สนามศุภชลาศัย วันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ คสช.ขอความร่วมมือมหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่งให้งดจัดกิจกรรมล้อเลียนการเมือง เนื่องจากอาจสร้างความขัดแย้งได้นั้น
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ฝ่ายทหารประสานขอความร่วมมือมาจริงให้งดจัดกิจกรรมล้อเลียนการเมืองไปก่อน 1 ปี แต่ได้พูดคุยกันเข้าใจแล้วว่าจะให้มีต่อไปได้ เพราะเป็นการแสดงออกของนักศึกษาที่ทำเป็นประเพณีมา แต่เนื้อหาต้องอยู่ในขอบเขตของความเหมาะสม ซึ่งก็จะดูเป็นเรื่องๆ ไป
เมื่อถามว่าแล้วความเหมาะสมอยู่ที่ระดับใด แล้วใครจะไปกำกับนักศึกษา นายปริญญากล่าวว่า ก็อยู่ที่นักศึกษาว่าจะทำอย่างไร จะมีขอบเขตอย่างไร มีการพูดคุยกันแล้ว และนักศึกษาต้องรับผิดชอบ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรขอให้ไปถามนักศึกษาฝ่ายเชียร์เอง
คสช.แจงให้ล้ออยู่ในกรอบ
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าว คสช.สั่งห้ามจัดล้อการเมืองในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่รัฐบาลไม่มีนโยบายแบบนี้ แต่ต้องเห็นใจว่าการจัดการดังกล่าวมองได้หลายมุม เช่น สิทธิเสรีภาพ เป็นประเพณี ไม่มีอะไรร้ายแรง แต่จะต้องคำนึงถึงบริบทหลายประการว่าคนจัดงานอาจไม่คิดว่าการจัดกิจกรรมจะส่งผลร้ายต่อประเทศ แต่อาจมีอีกกลุ่มนำไปเป็นประเด็นทางการเมือง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่นโยบายของรัฐบาล ต้องสอบถาม คสช.
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวว่า ทางผู้จัดงานทั้งสองสถาบันประสานกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในระดับพื้นที่ ถึงรายละเอียดกิจกรรมว่าก่อนแข่งขันอาจมีการละเล่นเชิงหยอกล้อการเมือง จึงประสานกันว่าปีนี้ให้ระมัดระวังในเนื้อหาให้อยู่ในกรอบความบันเทิงทางการกีฬา และตามธรรมเนียมที่พอเหมาะสม อีกทั้งผู้จัดงานและเจ้าหน้าที่ก็เห็นตรงกันว่ามีโอกาสที่อาจถูกบางบุคคลหยิบไปบิดขยายผลส่งผลให้เกิดความไม่เรียบร้อย หรือถูกนำไปอ้างเชื่อมโยงเป็นประเด็นขัดแย้งได้
"ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด แต่เห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่ทางผู้จัดงานเข้าใจและเตรียมการระมัดระวังให้อยู่แล้ว" พ.อ.วินธัยกล่าว
น.ศ.มธ.แจงล้อการเมืองไม่แรง
นายวชิรวิทย์ คงคาลัย นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และประธานกลุ่มอิสระล้อการเมือง กล่าวว่า มีการประสานระหว่าง คสช.และผู้จัดงานมาโดยตลอด ซึ่งไม่ได้มีคำสั่งให้งดแต่อย่างใด เพียงแต่ขอความร่วมมือให้การจัดงานอย่าสร้างความขัดแย้ง และอย่าพาดพิงใครเป็นพิเศษ เน้นการปฏิรูปและการเสนอทางออกของประเทศในมุมมองของนักศึกษา ไม่อยากมองเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงออก เพราะรู้ว่าสถานการณ์ต่างจากปกติ จึงพยายามทำในสิ่งที่จะรับได้ทั้งสองฝ่าย ไม่ให้แรงเกินไป
นายศุภณัฐ ยิ้มเกียรติวงศ์ รองประธานฝ่ายกิจกรรมพิเศษ ชุมนุมเชียร์ มธ. กล่าวว่า มีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาคมศิษย์เก่า ตัวแทน คสช. และคณะนักศึกษาเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เป็นไปตามกระบวนการที่หากจัดกิจกรรมร่วมกันเกิน 5 คนต้องขออนุญาตจาก คสช. ทาง คสช.ก็อนุญาตให้จัดกิจกรรมได้ เนื่องจากเป็นประเพณีอยู่แล้ว และไม่ได้กีดกันหรือสั่งห้ามแต่อย่างไร แต่อยากให้กิจกรรมล้อการเมืองออกมาในเชิงสร้างสรรค์ สะท้อนการทำงานของรัฐบาลที่เน้นการปฏิรูป หรือค่านิยม 12 ประการ
"ไม่มองว่าเป็นการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพราะเข้าใจการทำงานของ คสช. เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติ ทางนักศึกษาก็อยากจะให้มีงานประเพณีเกิดขึ้นเหมือนทุกๆ ปี และอยากให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่ต้องมีคำสั่งงดในภายหลัง" นาย ศุภณัฐกล่าว
ชงกกต.ชี้คดี"ปู"ทัวร์นกขมิ้น
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนคัดค้านการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ว่า ขณะนี้เหลือสำนวนหลักๆ ประมาณ 5 สำนวน โดยสำนวนเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯกับพวกรวม 9 คน กระทำการขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งจากการเดินทางไปตรวจราชการที่พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือทัวร์นกขมิ้นในช่วงที่มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ขณะนี้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนวินิจฉัยเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุม กกต.ในเร็วๆ นี้
นายบุญส่งกล่าวว่า ส่วนกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจอธิบายเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว หมิ่นเหม่ในเชิงหาเสียงการเลือกตั้ง และกรณีที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย (พท.) ถูกเชิญไปออกรายการวิเคราะห์ข่าวทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 รวมทั้งกรณีร้องขอให้ตรวจสอบการกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อีก 2 สำนวน และระดับท้องถิ่น คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จทุกคดีภายในเดือนเมษายน
กกต.เดินสายค้านถูกลดอำนาจ
ที่รัฐสภา น.ส.สุรณี ผลทวี ผู้อำนวยการสำนักเลขานุการ กกต. เป็นตัวแทนของ กกต. ไปยื่นจดหมายเปิดผนึกของ กกต.ถึงนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีเจ้าหน้าที่มารับแทน
น.ส.สุรณีกล่าวว่า กกต.มีความเป็นห่วงเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ กกต. 3 ข้อ คือ 1.การจัดตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) 2.การลดอำนาจหน้าที่ของ กกต.เหลือเพียงการแจกใบเหลืองอย่างเดียว 3.การตัดอำนาจหน้าที่การให้ความรู้ส่งเสริมประชาธิปไตย ซึ่งเป็นข้อสังเกตที่ กกต.อยากให้ กมธ.ยกร่างฯนำไปประกอบการพิจารณา ทั้งนี้ กกต.จะทำรายละเอียดในประเด็นต่างๆ ออกมาอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงเรื่องประเด็นการซื้อสิทธิขายเสียงด้วย
"สมชาย"งง"ป.ป.ช."ฟื้นคดีม็อบปี51
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ให้มาฟังคำสั่งศาลว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ ในคดีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสั่งสลายการชุมนุมปี 2551 ว่ารู้สึกงง นึกว่าจบไปแล้ว เพราะตอนนั้นอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง และวุฒิสภามีมติไม่ถอดถอน และที่ผ่านมาไม่ได้ทำอะไรที่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม หวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาล เพราะมั่นใจว่าบริสุทธิ์ ไม่ได้สั่งสลายการชุมนุม แต่ถ้าศาลมีคำสั่งรับฟ้องจริง ต้องไปต่อสู้ วันนี้วิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่ต้องการให้คนตระกูลชินวัตรกลับมาเล่นการเมือง แต่อยากบอกว่าคนตระกูลชินวัตรผูกขาดการเมืองไม่ได้ เพราะล้วนแต่มาจากฉันทามติประชาชน ตามกติกาเลือกตั้ง หากจะคิดว่าตนเป็นลูกเขยตระกูลชินวัตรแล้วจะมาผูกขาดคงไม่ใช่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีมติเลือกผู้พิพากษา 9 คน เป็นองค์คณะพิจารณาคดีหมายเลขดำ อม.2/2558 ที่ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกฯ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ซึ่งศาลฎีกาฯนัดฟังคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องเป็นคดีหรือไม่ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์