- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 08 February 2015 16:32
- Hits: 3461
วันที่ 08 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8838 ข่าวสดรายวัน
ไล่ยึดวุ่น ป้ายนศ.ล้อการเมือง งานบอลประเพณีจุฬา-มธ. คสช.สั่งเบรก'ปู'ไปฮ่องกง มะกันจี้หยุดปรับทัศนคติ ทหารปล่อย'เรืองไกร'แล้ว
ล้อเลียน - ขบวนพาเหรดล้อเลียนการเมืองและการแปรอักษร ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 70 เป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีตำรวจ-ทหารปิดประตูสนามตรวจสอบข้อความและหุ่นล้อทุกขบวน ที่สนามศุภชลาศัย เมื่อวันที่ 7 ก.พ. |
คสช.เบรก'ยิ่งลักษณ์'ไปฮ่องกง เหตุยังมีคดีรับจำนำข้าว ที่อัยการเตรียมสั่งฟ้อง สหรัฐจี้ทางการไทยเลิกเรียกคนเห็นต่าง ปรับทัศนคติ ทหารปล่อยตัว 'เรืองไกร' แล้ว งานบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ หวิดชุลมุน ทหาร-ตร.เซ็นเซอร์แหลกป้ายผ้าขบวนล้อการเมือง ยึดเรียบป้ายถ้อยคำไม่เหมาะสม แต่ก็ยังมีโผล่จนได้ทั้งในสนามและบนอัฒจันทร์ 'หม่อมเต่านา'ร้องสอบจริยธรรม 'ครูหยุย' โชว์ท่าปาดคอวันลงมติถอดถอน 'ปู''สมชัย'คาดเม.ย.นี้สรุปฟ้อง 3 พันล้านคนทำเลือกตั้งโมฆะ
มะกันจี้รบ.ไทยยุติคุมตัวผู้เห็นต่าง
วันที่ 7 ก.พ. เอพีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มีความกังวลอย่างยิ่งต่อกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว. และคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ถูกเจ้าหน้าที่ทหารของรัฐบาลไทยนำตัวไปควบคุมไว้ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังจากนายเรืองไกรเข้ายื่นหนังสือต่อนายแพทริก เมอร์ฟี อุปทูต สหรัฐประจำประเทศไทย โดยหนังสือ ดังกล่าวมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการ ถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่าได้รับทราบรายงานข่าวการควบคุมตัวนายเรืองไกรแล้ว และขอเรียกร้องให้ทางการไทยยุติการเชิญและควบคุมตัวบุคคลทางการเมือง นักวิชาการ สื่อมวลชน และ ผู้แสดงความเห็นทางสื่อออนไลน์ รวมทั้ง ผู้ประท้วงอย่างสันติ โดยทางการสหรัฐขอเรียกร้องให้ทางการไทยปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุมตัวไว้ด้วย
คสช.แจงมะกัน-แค่เชิญมาคุย
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกและโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเรียกร้องให้ยุติการเรียกตัวและคุมขังกลุ่มการเมือง นักวิชาการ ผู้วิจารณ์ทางออนไลน์ รวมทั้งขอให้ปล่อยตัวนายเรืองไกรว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน คสช.พยายามใช้การชี้แจงสร้างความเข้าใจและการพูดคุยปรับทัศนคติต่อผู้ที่เคลื่อนไหวและสุ่มเสี่ยงว่าจะนำไปสู่ความขัดแย้งและสร้างความสับสนให้สังคม ซึ่งไม่ได้ใช้วิธีคุมขัง หรือกักขังตามที่มีบางส่วนกล่าวอ้าง แต่เชิญหรือขอเข้าไปพบเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในมุมมองที่บางส่วนอาจยังไม่เป็นแนวทางเดียวกัน โดยไม่ต้องการให้นำเสนอเรื่องใดๆ ที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง ให้ข้อมูลเชิงชี้นำสังคมจนนำไปสู่ความขัดแย้ง ขอให้ทุกคนคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของบุคคลหรือของกลุ่ม
"ยืนยันที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นเพียงมาตรการขอร้องและขอความร่วมมือในลักษณะการประสาน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่รับผิดชอบพื้นที่นั้นๆ เป็นผู้พบ ปฏิบัติอย่างให้เกียรติดต่อผู้ที่เชิญมา หลังพูดคุยก็สบายใจทั้งสองฝ่ายและได้รับความร่วมมืออย่างดี ส่วนบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ากระทำผิดในคดีอาญา เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาสอบสวนซักถามเพื่อหาข้อเท็จจริง และนำสู่ขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม อาทิ กรณีผลิตและเผยแพร่เอกสารเท็จทางออนไลน์ ยืนยันการดำเนินการในทุกเรื่อง เจ้าหน้าที่พิจารณาตามมูลเหตุ เจตนา และยึดโยงกับข้อกฎหมาย" พ.อ.วินธัยกล่าว
ย้ำใช้กฎหมายเฉพาะคนทำผิด
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า คสช.เคารพและรับฟังการแสดงความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ และมีช่องทางรับฟังความคิดเห็นในหลายหน่วยงาน และยังคงปฏิบัติต่อทุกส่วนตามหลักสิทธิมนุษยชน บังคับใช้กฎหมายตามความจำเป็น ส่วนกรณีนายเรืองไกร ได้รับข้อมูลว่า ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เรียบ ร้อยเหมือนหลายคนที่ผ่านมา ทราบว่าขณะนี้ได้ดำเนินชีวิตตามปกติ คสช.ตระหนักดีว่าผู้เห็นต่างนั้นไม่ใช่ผู้ที่ทำความผิด จึงไม่จำเป็นต้องไปขังหรือทำอะไรในฐานะผู้ทำ ความผิด นอกจากบางส่วนเท่านั้นที่พบว่าทำความผิดกฎหมายบ้านเมืองจริงๆ แต่พยายามไปบิดเบือนให้สังคมภายนอกโดยเฉพาะต่างประเทศให้มองว่าถูกกระทำจากเรื่องการเมือง ซึ่งไม่เป็นความจริง ฉะนั้น ที่ผ่านมาสำหรับผู้เห็นต่างส่วนใหญ่จึงเป็นการขอความร่วมมือและทำความเข้าใจกันเท่านั้น
ทหารปล่อย'เรืองไกร'แล้ว
แหล่งข่าวนายทหารระดับสูงของกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 ก.พ. เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของกองทัพภาคที่ 1 ได้อนุญาตให้นายเรืองไกรเดินทางกลับบ้านได้แล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่ทหารเชิญตัวมาปรับทัศนคติตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) รวม 5 วัน จากกรณีนายเรืองไกร ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายแพทริก เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มีเนื้อหาวิจารณ์การถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ และโจมตีการทำงานของรัฐบาล โดยการพูดคุยระหว่างนายเรืองไกรกับเจ้าหน้าที่ทหารกกล.รส. มีความเข้าใจกันอย่างดี และนายเรืองไกรยืนยันว่าจะระมัดระวังเรื่องการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดคุยตกลงกันได้ด้วยดี ทางเจ้าหน้าที่จึงไม่ได้ดำเนินการทางกฎหมายกับนายเรืองไกรแต่อย่างใด
รัฐบาลยันเข้าใจสหรัฐแต่ต้องใช้เวลา
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯกล่าวถึงกรณีมีสำนักข่าวต่างประเทศเสนอข่าวรัฐบาลวอชิงตัน สหรัฐประกาศระงับพันธมิตรทางการทหารอย่างเต็มรูปแบบกับประเทศไทยตราบเท่าที่ประเทศไทยปกครองด้วยรัฐบาลทหาร โดยต้องการให้ไทยฟื้นฟูประชาธิปไตยก่อนว่า เราได้ทำความเข้าใจกับสหรัฐหลายครั้งแล้ว ที่เขาพูดมาเราก็เข้าใจท่าทีของสหรัฐได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการคือการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ ซึ่งมองปัญหาความขัดแย้งเป็นหลัก เพราะเราเข้ามาเพื่อหยุดยั้งความขัดแย้ง และได้วางโรดแม็ปขั้นตอนดำเนินการเพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ไว้แล้ว ซึ่งต้องใช้เวลา เราไม่สามารถทำตามคำท้วงติงของใครที่ต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วได้ สิ่งสำคัญคือรัฐบาลจะพยายามไม่ขยายความขัดแย้งเพิ่มเติม
ยอมรับยังมีปัญหาคลื่นใต้น้ำ
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงความเห็นต่างหรือการเคลื่อนไหวแบบคลื่นใต้น้ำว่า ยอมรับว่ายังมีอยู่ แต่อยากให้แต่ละฝ่ายสงวนท่าทีแสดงความเห็น เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งและไม่อยากให้บ้านเมืองสับสน แต่ถ้าเป็นความคิดเห็นที่มีประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็พร้อมรับฟังและหารือ ส่วนภาพรวมด้านความมั่นคงขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในบรรยากาศที่ดีเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ การบริหารประเทศของครม.และคสช. ถือว่าทำงานได้เร็วกว่าปกติ ซึ่งเป็นไปตามโรดแม็ป เพราะทุกเรื่องต้องแข่งกับเวลา
ทหาร-ตร.เซ็นเซอร์ป้ายล้อการเมือง
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สนามศุภชลาศัย มีการจัดงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรม ศาสตร์ ครั้งที่ 70 ซึ่งก่อนงานเริ่ม พล.ต.ต. ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจ นครบาล 6 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน รวมทั้งนายธนิต ธงทอง รองอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าตรวจสอบขบวนล้อการเมืองและสะท้อนปัญหาสังคมของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งกำชับให้มหาวิทยาลัยตรวจสอบกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นให้ดี กิจกรรมใดที่อาจมีปัญหากระทบปรองดองและการปฏิรูปประเทศตามนโยบายของ คสช. ขอให้ยกเว้น
ต่อมาเวลา 14.40 น. ซึ่งเป็นเวลาปล่อยขบวนพาเหรดของทั้ง 2 สถาบันเข้าสู่สนาม โดยทันทีที่ขบวนพาเหรดล้อการเมืองของฝั่งจุฬาฯทยอยเข้าสู่สนามจนหมด และจะเป็นคิวของฝั่งธรรมศาสตร์ มีทหารจำนวนหนึ่งเข้าปิดประตูเข้าสนามทันที พร้อมยึด "ป้ายผ้า" ของนักศึกษาทั้งหมด ให้เหตุผลว่ามีถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ทำให้นักศึกษาบางส่วนไม่พอใจ จนเกิดเหตุชุลมุนขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ตัวแทนนักศึกษาจะอธิบายว่า ขบวนล้อการเมืองปีนี้จะไม่พูดเรื่องตัวบุคคล แต่จะเน้นนำเสนอพูดเรื่องกระบวนการยุติธรรม ปัญหาสังคม การต่างประเทศและความยากจน รวมทั้งอธิบายถึงแนวคิดของหุ่นล้อการเมืองแต่ละตัวอย่างละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ กลุ่มไอซิส และไม่เกี่ยวกับการเมือง สุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยให้นักศึกษาลงสนามพร้อมหุ่นล้อการเมืองได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำป้ายผ้าเข้าโดยเด็ดขาด
ฮือฮาป้ายต้านคสช.โผล่อัฒจันทร์
เมื่อขบวนล้อการเมืองนำโดยกลุ่มอิสระล้อการเมือง 70 เดินเข้าสู่สนาม ได้รับเสียงปรบมือต้อนรับทั้งจากฝั่งธรรมศาสตร์และจุฬาฯ โดยปีนี้ขบวนล้อการเมืองเริ่มจากขบวนมีชื่อว่า "คอรัปท่าน" ในขบวนเป็นรูปอัยการของศาลมือถือตราชั่งเอียง บ่งบอกถึงการทำงานของอำนาจตุลาการที่เอนเอียงจนเกิดวิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง ต่อมาเป็นขบวน "คู่จิ้น win ยกแก็งค์" ล้อเลียน รมว.คมนาคมและเจ๊เกียวที่คุมระบบขนส่งมวลชนไม่ว่ารัฐบาลในยุคใดก็ตาม จากนั้นเป็นขบวน "ข้า"นิยม 12 ประการ ซึ่งล้อเลียนค่านิยม 12 ประการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ขบวนต่อมาได้รับเสียงฮือฮาอย่างมากเพราะเป็นขบวนที่มีการล้อเลียน รายการคืนความสุข ช่วงที่มีการเปลี่ยนฉากหลัง
อย่างไรก็ตาม นักศึกษาบางส่วนแอบกางป้ายผ้าที่มีข้อความเสียดสีการเมืองอีกครั้ง อาทิ "ล้อการเมือง มธ. ขอทิ้งทุ่น" "การทำหุ่นทีมล้อพร้อมถูกจับ ขมึงตึงหมูบ้าขึ้นครองคอก" ส่วนหุ่นต่างๆ นั้น นักศึกษาได้แกะกระดาษที่ติดออกภายในสนาม เช่น จากข้อความค่านิยม 12 ประการ กลายเป็นคำว่า "ประชาธิปไตยที่ถูกขีดฆ่า" ส่วนที่อ้างว่าเป็นกลุ่มไอซิสก็กลายเป็นรูปพล.อ.ประยุทธ์ เป็นต้น โดยระหว่างการเดินถือป้ายได้มีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงซึ่งสวมสูทสีดำ ได้เข้ามากระชากป้ายผ้าออกจากมือนักศึกษาที่กำลังเดินพาเหรดอยู่ ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงให้กับนักศึกษาแต่ไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ
ต่อมาเวลา 15.30 น. มีกลุ่มนักศึกษาไม่ทราบกลุ่ม นำป้ายผ้ามาผูกไว้กับกำแพงของสนาม ฝั่งไม่มีอัฒจันทร์ โดยมีข้อความโจมตีคสช. 2 ป้าย
กกต.ฝากแม่น้ำ 5 สายทบทวนอำนาจ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกกต.ทำจดหมายเปิดผนึกถึงแม่น้ำ 5 สายชี้แจง 3 ประเด็นกรณีคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ มติลดทอนอำนาจของ กกต.ว่า สิ่งที่ต้องมองคือรัฐธรรมนูญที่จะเกิดใหม่ต้องใช้อย่างยั่งยืน ไม่ใช่ใช้ไปแล้วมาหวนคิดว่าหลักการไม่ถูกต้องแล้วมาเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพราะขณะนี้ยังคิดทบทวน แม้กมธ.ยกร่างฯจะเดินหน้าไปหมวดอื่นแล้วก็ตาม แต่พอยกร่างเสร็จ ต้องส่งให้คสช. ครม. รวมทั้งสปช. พิจารณาในขั้นตอนสุดท้ายและคงฝากความหวังไว้กับองค์กรเหล่านี้ที่สามารถทบทวนปรับแก้ได้ และหลัการที่กกต.เสนอไปใน 3 ประเด็นก็ถือเป็นหลักการที่สำคัญ
คาดเม.ย.ส่งฟ้อง3พันล.-ล้มเลือกตั้ง
นายสมชัย กล่าวถึงกรณีจะยื่นฟ้องค่าเสียหาย 3,000 ล้านบาทกับบุคคลที่ทำให้การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 2557 เป็นโมฆะว่า จากเดิมเคยบอกว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 20 ม.ค. หรือ 27 ม.ค.นั้น คณะทำงานได้ทำเรื่องเสนอให้กกต.พิจารณาแล้ว แต่ยังมีปัญหาเรื่องการรวบรวมรายชื่อผู้กระทำผิด เพราะมีอยู่เกือบทั่วประเทศ กกต.จึงมีมติให้ไปทบทวนให้ครบถ้วนก่อน นอกจากนี้อายุความในเรื่องนี้ยังไม่ถือว่านับหนึ่งจนกว่าจะส่งให้อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณา สั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง ภายใน 1 ปี ซึ่งเท่าที่คุยกับฝ่ายกฎหมายเรื่องอายุความไม่ได้เป็นปัญหา
นายสมชัย กล่าวว่า ส่วนกรอบเวลาที่จะส่งฟ้องร้องได้อาจจะเป็นช่วงเดือน เม.ย. หรือช่วงเดียวกับที่นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัยระบุว่าจะส่งฟ้องเกี่ยวกับประเด็นน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯกรณีทัวร์นกขมิ้น และการออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว รวมทั้งกรณีสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 เชิญผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแบบแบ่งเขตของพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียว ไปออกรายการช่วงที่มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ทั้งนี้ยืนยันว่ากกต.ไม่เลือกปฏิบัติในการดำเนินการแน่นอน
มาร์คหวังรธน.ใหม่ไม่สะดุด
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่สถาบันพระปกเกล้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ระบุถึงรัฐธรรมนูญจะเสร็จเร็วหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับแม่น้ำ 5 สายเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองด้วยว่า หากเดินตามโรดแม็ปก็ชัดเจนอยู่แล้ว แต่ความไม่แน่นอนมีอย่างเดียวคือรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แต่ที่นายกฯ พูดนั้นมองว่าสิ่งที่จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองผ่านไปได้ต้องมีความสงบ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ยืนยันว่าฝ่ายการเมืองส่วนใหญ่ไม่มีใครต้องการเห็นความปั่นป่วน มีแต่อยากให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายและความเป็นธรรม ซึ่งคงไม่มีประโยชน์ที่จะให้รัฐธรรมนูญออกมาช้า
ภาพชุดงานบอลประเพณี-ตรวจเข้มขบวนล้อ |
เมื่อถามว่าถ้ารัฐธรรมนูญสะดุดหรือยืดเวลาออกไปจะรับได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ขอย้ำว่าความต้องการของสังคมและสิ่งที่ดีสำหรับประเทศนั้น ถ้าไม่มีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นจะเป็นเรื่องดีที่สุด ขอให้คสช.และองค์กรที่เกี่ยวข้องจริงจัง จริงใจ และเร่งรัดผลักดัน และต้องดูแลไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นด้วย เพราะเชื่อว่าคนที่อยากสร้างปัญหาเป็นเพียงส่วนน้อย
เชื่อรบ.ไม่อยากเป็นศัตรูกับใคร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกมธ.ยกร่างรัฐ ธรรมนูญ จะมีหนังสือเชิญ 74 พรรคร่วมเสวนาในวันที่ 16 ก.พ.นี้ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือ ซึ่งที่ผ่านมาตนให้ความร่วมมือตลอด แต่ขณะนี้พรรคไม่สามารถประชุมภายในได้ เราทำได้เพียงส่งคนไปร่วมซึ่งถือเป็นการให้ความเห็นส่วนตัว ส่วนเรื่องระบบการเลือกตั้ง ที่กมธ.ยกร่างฯร่างออกมาแล้ว ตนยังไม่มีข้อเสนอแนะ ต้องรอให้ร่างรัฐ ธรรมนูญให้เสร็จเรียบร้อยก่อน เพราะยังไม่มีการอธิบายที่ชัดเจน โดยเฉพาะการ ได้มาของส.ส. เพราะมีการพูดถึงเรื่องคะแนนเสียงและที่นั่งในสภาเท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงผู้นำชาติมหาอำนาจทั้งจีนและสหรัฐเข้าพบผู้นำรัฐบาลไทยว่า เราต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ บางประเทศก็มีจุดยืน เราต้องเข้าใจสังคมโลก และไม่มีเหตุผลที่เราไปทะเลาะกับใคร ขณะเดียวกันเราต้องรักษาศักดิ์ศรีของเราด้วย ส่วนที่กองทัพจีนส่งทหารฝึกคอบร้าโกลด์เป็นปีแรกมีนัยยะหรือไม่นั้น เป็นแผนเดิมที่มีอยู่แล้ว ครั้งนี้ถือเป็นการขยายความร่วมมือที่เป็นไปโดยธรรมชาติ ไม่น่าเป็นปัญหาหรือมีนัยยะอะไร เราไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร และเชื่อว่ารัฐบาลก็ไม่คิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับใครเช่นกัน
แนะเขียนกม.ป้องละเมิดศาลรธน.
นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญได้ การรับฟังเสียงสะท้อนเป็นสิ่งที่ดี เป็นจุดเริ่มต้น เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตุลาการทำงานมาหลายปีย่อมทราบข้อเท็จจริงทราบปัญหาดีว่าควรจะร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไรให้ดีขึ้น ไม่ว่าเรื่องอำนาจหน้าที่ กระบวนพิจารณา กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ความปลอดภัยขององค์กร ในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญปกป้องผลประโยชน์ของประเทศแต่ถูกกลุ่มคนข่มขู่คุกคามกดดัน ลำบากถึงครอบครัว สิ่งเหล่านี้ควรรับฟังมาเพื่อหาทางแก้ไม่ให้มีการละเมิดอำนาจศาล เชื่อว่าถ้ากมธ.ยกร่างฯ ได้รับฟังย่อมทำให้ความสมบูรณ์แห่งรัฐธรรมนูญมีมากขึ้นอย่างแน่นอน
'พิเชษฐ'แนะรบ.ต้องชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กตอนหนึ่ง ระบุว่า "ยำใหญ่ประชาธิปไตยอเมริกา ยามว่างเป็นเจ้าไม่มีศาล ช่วยกันเปิดศึกให้ทั่ว เผื่อกลับมาเป็นรัฐบาลอีก??" ซึ่งข้อความดังกล่าวมีสมาชิกเฟซบุ๊กเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันหลากหลาย ซึ่งนายพิเชษฐ ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมตอนหนึ่งว่า อเมริกามีกฎหมายที่จะต้องปรับลดความสัมพันธ์กับประเทศประชาคมโลกที่มีความถดถอยในทางประชาธิปไตย รัฐบาลไทยจำเป็นต้องมีความชัดเจนว่า เมื่อไรรัฐธรรมนูญจะเสร็จ จะทำประชาพิจารณ์หรือไม่ เมื่อไรจะมีเลือกตั้ง ท่าทีของรัฐบาลในเชิงความรักชาติที่แสดงว่าใครจะมาแตะต้องประเทศไทยไม่ได้ คือท่าทีที่กันตัวเองออกจากประชากรโลก ความชัดเจนในเหตุผลคำอธิบายที่ต้องมีการปฏิวัติ เป็นหน้าที่ของทูตสหรัฐที่จะต้องพบ เพื่อทราบท่าทีของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ความชัดเจนของการปฏิรูปต้องให้ประชากรโลกทราบ วันนี้คนไทยต้องแสดงเจตนาให้ชัดเจนว่า เรายังต้องการประชาธิปไตยหรือไม่
'เต่านา'ร้องสนช.สอบครูหยุย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือหม่อมเต่านา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเผยแพร่เอกสารของวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ทีมทนายเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนเกี่ยวกับจริยธรรมของนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. กรณีมีคลิปวิดีโอบันทึกภาพในสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นภาพนายวัลลภยืนชี้ไปด้านหลังที่เป็นกระดานนับคะแนนลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา แล้วทำท่าใช้นิ้วปาดคอตัวเอง ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เหมาะสม
โดยยื่นหนังสือร้องเรียนตามรัฐธรรมนูญ ปี 2557 ข้อบังคับการประชุม สนช. 2557 บทเฉพาะกาลข้อที่ 219 และข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของส.ว.และกรรมาธิการข้อ 5, 9,14,17, 18, 20, 21, 22, 23, 33 และ 35 ต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ตามที่นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสนช. ฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสนช. แถลงเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ว่า หากบุคคลใดเห็นว่าการกระทำของนายวัลลภ ภายหลังสมาชิกสนช.มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เหมาะสม ประสงค์ที่ยื่นสอบจริยธรรมนายวัลลภก็ทำได้
ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน-นายกฯด้วย
ในวันเดียวกันทีมทนายยังเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนเดียวกันต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ได้รับคำฟ้องไว้แล้วตามเลขที่อ้างอิง 00316/2558 จากนั้นจึงทำสำเนาคำร้องดังกล่าวเป็นจดหมายร้องเรียนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.อีกด้วย
สำหรับ เนื้อหาร้องเรียนเกี่ยวกับจริยธรรมของนายวัลลภ ว่า การกระทำตามภาพที่ปรากฏ ถือเป็นการกระทำที่ไม่วางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ประพฤติตนให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของประชาชน ถือเป็นความผิดว่าด้วยประมวลจริยธรรมตามที่อ้างถึง ในฐานะประชาชนที่เฝ้าติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของสนช. จึงถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องเรียนต่อสนช. และคณะกรรมการจริยธรรม เพื่อให้พิจารณาการทำผิดประมวลจริยธรรมของนายวัลลภ และผลการพิจารณาเป็นประการใด โปรดแจ้งให้ทราบตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ และจะทำการติดตามผลความคืบหน้าของการสืบสวนต่อไป
เลขาฯสนช.เล็งส่ง'พรเพชร'ชี้ขาด
นางนรรัตน์ พิมพ์เสน เลขาาธิการวุฒิสภา ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสนช. เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือแล้ว ซึ่งข้อร้องเรียนระบุถึงพฤติกรรมของนายวัลลภว่าไม่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติ มีพฤติกรรมไม่เป็นกลางและผิดจริยธรรม ตามขั้นตอนทางสำนักงานต้องตรวจสอบข้อร้องเรียนดังกล่าวว่าเข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรมหรือไม่ โดยวันที่ 9 ก.พ.นี้จะประชุมกัน จากนั้นจะนำเสนอต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ให้พิจารณา หากประธานเห็นว่าเข้าข่ายผิดตามประมวลจริยธรรม ต้องส่งให้คณะกรรมการประมวลจริยธรรมของสนช.พิจารณาต่อไป แต่ขณะนี้ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสนช.ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คงต้องใช้ประมวลจริยธรรมวุฒิสภาไปก่อน ซึ่งเทียบเคียงได้เช่นกัน
สำหรับ ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมนั้น กำหนดให้คณะกรรมการจริยธรรมพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับจริยธรรมของสมาชิกให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่รับคำร้องจากเลขาธิการสนช. หากเห็นว่า มีหลักฐานและข้อเท็จจริงได้ว่าสมาชิกฝ่าฝืน กระทำผิดจริยธรรม ให้สภามีมติว่ากล่าวตักเตือน หรือตำหนิ หรือประณามให้เป็นที่ประจักษ์
วิชาฟุ้งกม.กันพยานช่วยคดีข้าว
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่มหาวิทยาลัยรังสิต สถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ วิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดเสวนาเรื่อง "การ กำจัดคอร์รัปชั่น ก้าวแรกของการปฏิรูป" โดยมีนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน นายนิพนธ์ พัวพงศกร ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ ไทย และนพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ประธานมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด ร่วมเสวนา
นายวิชา กล่าวตอนหนึ่งว่า การถอดถอนที่ผ่านมา ถือเป็นโจทย์ที่ยากมาก ยากที่สุดตั้งแต่รับตำแหน่ง แม้จะผ่านกระบวนการต่างๆ มา และ สามารถถอดถอนอดีตนายกฯได้คนหนึ่ง แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ซึ่งจะเป็นจุดที่ดีต่อไปหรือไม่ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน เราต้องมาสร้างทัศนคติที่ดีเพื่อลบล้างทัศนคติเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ของคนในสังคม ทุกคนต้องร่วมมือร่วมแรงกัน และต้องแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นแบบถอนราก ถอนโคน ไม่ใช่แก้แบบขอไปที
นายวิชา กล่าวว่า การที่ป.ป.ช.มีกฎหมายคุ้มครองพยาน กักตัวไว้เป็นพยาน ทำให้การสอบสวนง่ายขึ้น อย่างกรณีไต่สวนเรื่องจำนำข้าว ซึ่งบริษัทที่ประมูลข้าวที่ทำสัญญา กับรัฐแต่ถูกบีบให้จ่ายใต้โต๊ะให้ใครต่อใครนั้น เขามาให้ถ้อยคำต่อป.ป.ช. ทั้งหมดเพราะเรามีกฎหมายกันเป็นพยาน เขาเดินมาหาเราบอกว่ายินดีให้ถ้อยคำ ซึ่งตอนแรกบริษัทเหล่านั้นไม่คิดว่าป.ป.ช.จะดำเนินคดีกับนายกฯได้ เขาบอกเลยว่าเขาเสี่ยงมากที่มาให้ถ้อยคำเพราะระบบมันจะกลับมาเหมือนเดิมเวลาเลือกตั้งใหม่ เขาจะถูกขึ้นบัญชีดำ แต่เมื่อป.ป.ช.ยืนยันว่าเราทำงานเอาจริง เด็ดขาด เขาจึงเดินมาหาเราและให้ถ้อยคำ ป.ป.ช.จึงได้ข้อมูลทุกรูปแบบ จนประกาศได้ว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการรับจำนำข้าวมีจุดไหนบ้าง เพราะเราได้ข้อมูลจริงจากบริษัทค้าข้าว จึงอยากให้ภาครัฐให้ความสำคัญต่อแนว ทางนี้
สตง.ชงฟ้องค่าเสียหายแทนปชช.
ด้านนายพิศิษฐ์ กล่าวว่า บทบาทหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน คือการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลคุ้มค่า และต้องการให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เป็นหน่วยงานที่สามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายแทนประชาชน ในกรณีที่พบว่ามีการคอร์รัปชั่น ทำให้สูญเสียงบประมาณของชาติ
"การกระทำทุจริตคอร์รัปชั่นที่ทำกับเงินของแผ่นดิน เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เพราะเป็นเงินของคนทั้งประเทศ คนในประเทศบางกลุ่มยังต้องเผชิญกับความยากจน แต่กลับถูกคนรวยบางคนโกงไป จึงเป็นหน้าที่ของผู้ตรวจเงินแผ่นดิน ต้องดำเนินการเอาผิดกับคนที่โกงเงินแผ่นดิน" นายพิศิษฐ์กล่าว
แนะออกกม.จัดซื้อจัดจ้าง
ขณะที่นายนิพนธ์ กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศเพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นจะสำเร็จไม่ได้ หากไม่ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานที่ต้องจัดซื้อจัดจ้าง ที่ผ่านมา ไม่เคยเอาผิดถึงตัวการ ที่อยู่เบื้องหลังได้ ยกเว้นเอาผิดระดับข้าราชการเท่านั้น จึงจำเป็นจะต้องสร้างกฎหมายในการจัดซื้อจัดจ้าง แทนระเบียบสำนักนายกฯ ที่ครอบคลุมเฉพาะหน่วยงานราชการ และควรกำหนดให้พรรคที่ชนะเลือกตั้ง กำหนดงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและบังคับให้จัดทำบัญชีในทุกหน่วยงานด้วย
"ผมขอเสนอให้ คสช. นำเรื่องการแก้ปัญหาทุจริต เป็นวาระแห่งชาติ โดยทำให้เป็นรูปธรรมและขอให้ใช้กฎหมายที่เด็ดขาด นอกจากนี้ต้องเปลี่ยนความคิดของสังคมส่วนใหญ่ให้ไม่โกง แต่จะทำได้อย่างไรนั้น ขณะนี้ยังเหมือนกับการเข็นครกขึ้นภูเขาอยู่" นายนิพนธ์ กล่าว
คสช.ห้าม'ปู'ไปฮ่องกง
รายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำหนังสือขออนุญาต ไปยังคสช. เพื่อเดินทางไปต่างประเทศในวันที่ 9 ก.พ. โดยระบุว่าจะเดินทางไปฮ่องกง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะหัวหน้าคสช.ไม่อนุมัติในคำขอดังกล่าว โดยอ้างเหตุผลว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมีคดี รับจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสอบถามนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความส่วนตัวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นว่ายังไม่ทราบข้อมูล ถือเป็นเรื่องส่วนตัวและการเดินทางแต่ละครั้งไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ตนทราบ
รายงานข่าวแจ้งว่า มีการขอเดินทางไปฮ่องกงครั้งนี้ เพื่อไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่ได้รับการปฏิเสธจากคสช.
อ้างยังติดคดีจำนำข้าว
แหล่งข่าวระดับสูงคสช. กล่าวยอมรับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำหนังสือขออนุญาต คสช. ผ่านทนายความมาเพื่อขอเดินทางไปภารกิจต่างประเทศจริง โดยจะไปฮ่องกงในวันที่ 9 ก.พ.นี้แต่คสช.ยังไม่อนุญาตและขอให้ชะลอการเดินทางไปต่างประเทศไว้ก่อนเพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังมีคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) ในการสั่งฟ้องคดีรับจำนำข้าว