WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ตร.ชี้แถลงการณ์ปลอม มิบังควร 'บิ๊กตู่'สั่งควานหาต้นตอแฉปล่อยจากต่างประเทศ สำนักพระราชวังจี้จัดการ เผยทำคนไทยตื่นตระหนก แม่น้ำ5สายถกเร่ง'รธน.'บวรศักดิ์ รับลูกป๋าตั้งศาล

     สำนักพระราชวังประสาน'ผบ.ตร.'เร่งจัดการมือปล่อยแถลงการณ์ปลอม โฆษก ตร.ชี้ทำประชาชนตื่นตระหนก ส่งจากต่างประเทศ 'บิ๊กตู่'ซัดพวกจิตใจแย่ นายกฯถกแม่น้ำ 5 สาย

@ "บิ๊กตู่"อารมณ์ดีประชุมครม.

      พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนเข้าประชุม นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ พร้อม นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ นำศิลปินแกรมมี่ ได้แก่ ซีดี-กันต์ธีร์ ปิติธัญ และเชอรีน-ณัฐจารี หรเวชกุล เข้าติดเข็มสัญลักษณ์วันมะเร็งโลก 2015 ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรณรงค์ให้คนไทยตระหนักและเห็นความสำคัญในการตรวจคัดกรองมะเร็ง และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จัดโครงการรณรงค์ป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องในวันมะเร็งโลกเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ ภายใต้แนวคิด "มะเร็งไม่ได้เหนือกว่าเรา"

       ขณะที่มูลนิธิรักษ์ไทย นำโดย น.ส.ยุวลักษณ์ เหมะวิบูลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและพัฒนาแหล่งทุน พร้อมด้วยแจ็ค-จารุพงศ์ กล้วยไม้งาม ศิลปินอาร์เอส ในฐานะทูตมูลนิธิรักษ์ไทย เข้าพบนายกรัฐมนตรีเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการกล้าทำดี ยุติการรังแกในโรงเรียน และชวนเยาวชนไทยมอบความรักให้แก่กัน เนื่องในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ โดยนายกฯสวมหมวกของโครงการเพื่อร่วมรณรงค์โครงการด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดคุยทักทายกับคณะอย่างอารมณ์ดี

@ ถกแม่น้ำ 5 สายถามปมร่างรธน. 

      พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กรณีจะประชุมร่วมระหว่าง คสช. ครม. สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ว่า เป็นการหารือเพื่อการขับเคลื่อนของแม่น้ำ 5 สาย จะมาคุยว่าแต่ละส่วนมีความคืบหน้าไปถึงไหน อีกทั้งจะมาจัดระเบียบกันว่ากำหนดการตามโรดแมปที่วางไว้ยังมีปัญหาอะไรบ้างหรือไม่ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีปัญหาอะไร และจะคุยถึงรายละเอียดของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญว่ามีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง เพราะถึงเวลาที่ต้องเสนอเข้า ครม.และ คสช. ตอนใกล้เวลาอาจจะติดปัญหากันหมด 

     เมื่อถามว่ายังเป็นไปตามโรดแมปที่กำหนดไว้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระยะเวลาและแผนงานที่วางไว้ ถ้าไม่เป็นตามแผนและกรอบระยะเวลาทุกอย่างก็เดินต่อไม่ได้ เพราะกฎหมายมีการบัญญัติไว้อย่างชัดเจน เดือนเมษายน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจะต้องเสนอร่างฯแรกเข้ามาให้ได้ และภายในเดือนสิงหาคมก็จะมีการดำเนินการต่อไป ทุกอย่างต้องเป็นไปตามโรดแมป

     "อยากยืนยันว่าผมพยายามเดินตามโรดแมปให้ได้ ถ้าพวกเราหรือสถานการณ์ไม่เป็นไปตามปกติ ยังมีความขัดแย้งกันอยู่มาก แล้วจะเดินต่อกันไปอย่างไร ก็ต้องไปหาคำตอบกันเอง อย่ามาหาคำตอบจากผม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

@ ลั่นไม่เคยมุ่งหวังกีดกันใคร

      ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำประชามติจะได้ข้อยุติหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่ได้ข้อยุติก็ต้องไปรอดูตอนนั้นอีกครั้ง เพราะในรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญที่กำลังจะร่างขึ้นเป็นรัฐธรรมนูญที่ต้องคิดเผื่อการปฏิรูปไว้ด้วยว่าจะทำอย่างไร เพราะในวันข้างหน้าเมื่อมีรัฐบาลเข้ามาเขาก็สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป ดังนั้น ต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่ทำมาทั้งหมดปีกว่าๆ จะเดินหน้าต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นการเสียเวลาเปล่า 

      "ผมไม่ได้มุ่งหวังว่าจะไปกีดกันใครหรือสร้างอำนาจต่อ หวังแต่เพียงว่าพวกเราจะอยู่กันอย่างไร สิ่งที่คิดอยู่ทุกวันนี้ไม่เคยคิดเพื่อตัวเองและไม่ได้คิดเพื่อใครทั้งสิ้น สิ่งที่ทุ่มเทและคิดมีแต่เพียงว่าวันข้างหน้าจะไปกันอย่างไร บางคนอาจจะเห็นว่าทำดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ก็เป็นเรื่องธรรมดา ความคิดแตกต่างกันได้ แต่อย่าลืมว่าการที่เข้ามารับภาระวันนี้ไม่ต้องมาชม เพียงแต่ขอความเข้าใจว่าเข้ามาเพื่อทำอะไร และไม่ว่าทำอย่างไรก็พร้อมฟังจากทุกคน ซึ่งความจริงไม่ฟังก็ได้แต่ผมต้องฟัง เพราะเป็นคนไทยด้วยกัน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

@ สปช.แจงโรดแมประยะที่ 2 

      นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือวิป สปช. กล่าวถึงการประชุมแม่น้ำ 5 สายในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ว่า จะรายงานความคืบหน้าการทำงานของ สปช.ตามโรดแมประยะที่ 2 ต่อแม่น้ำ 5 สายที่จะครอบคลุมกระบวนการปฏิรูปประเทศ การร่างรัฐธรรมนูญ ทาง สปช.ได้จัดทำแผนแม่บทการจัดทำการปฏิรูปประเทศ 3 ระยะ ดังนี้ 1.การดำเนินการตามกรอบโครงสร้างการปฏิรูป ซึ่งต้องแล้วเสร็จในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2.แผนแม่บทการปฏิรูปโครงสร้างและระบบ ต้องแล้วเสร็จในวันที่ 10 เมษายน และ 3.แผนแม่บทการปฏิรูปด้านกฎหมาย ต้องแล้วเสร็จในวันที่ 31 กรกฎาคม 

      "โดยแม่บททั้ง 3 ระยะจะต้องเสร็จก่อนวันลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่ กมธ.ยกร่างฯต้องเสนอในวันที่ 6 สิงหาคม ทั้งนี้ การปฏิรูปกฎหมายของ สปช.ที่ต้องเสร็จภายในวันที่ 31 กรกฎาคมจะไม่ครอบคลุมในส่วนของการร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ กมธ.ยกร่างฯที่จะต้องชี้แจงต่อแม่น้ำ 5 สายว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่จะต้องร่างภายหลังจากมีการเห็นชอบรัฐธรรมนูญแล้วมีทั้งสิ้นกี่ฉบับ และต้องใช้เวลาเท่าไหร่" นายอลงกรณ์กล่าว และว่า สปช.จะมีการหารือเพิ่มเติมกับแม่น้ำ 5 สายในประเด็นการรณรงค์การมีส่วนร่วมของประชาชนในการปฏิรูปประเทศ แม้ว่า สปช.จะมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างกว้างขวางทั้งประเทศแล้ว แต่ในแง่คุณภาพการมีส่วนร่วมของประชาชนในระยะต่อไปของประชาชนยังมีความสำคัญ 

@ สนช.ไม่เสนอเลิกอัยการศึก 

     นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือวิป สนช. กล่าวว่า ในที่ประชุมวิป สนช.ยังไม่ได้พูดกันว่าจะหยิบยกเรื่องใดเข้ารายงานต่อที่ประชุมแม่น้ำ 5 สายในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ แต่คาดว่าน่าจะนำเสนอปัญหาของร่างพระราชบัญญัติที่เข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ที่มีปัญหา ซึ่งจะต้องหารือกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่จะไม่มีการเสนอให้มีการยกเลิกกฎอัยการศึก เพราะไม่ใช่หน้าที่ของ สนช. 

      "มองว่ากฎอัยการศึกที่ประกาศใช้เพื่อมีไว้สำหรับการสร้างความปรองดอง ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์จะสอบถาม สนช.เกี่ยวกับความคืบหน้าในการทำงาน" นพ.เจตน์กล่าว

@ "บิ๊กป้อม"ลั่นจัดการมือปล่อยข่าว

     พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่แถลงการณ์ปลอมโดยอ้างว่าเป็นของสำนักพระราชวังว่า ต้องไปถามคนทำว่ามีเจตนาทำเพื่ออะไร ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่พยายามป้องกันการเผยแพร่สิ่งที่ไม่ถูกต้อง ว่าจะทำอย่างไรให้สามารถป้องกันคนที่ไม่ดีและคนที่จ้องกระทำผิด 

       "ทางเจ้าหน้าที่พยายามป้องกัน อีกทั้งจะนำบทลงโทษมาบังคับใช้อย่างจริงจัง เพราะไม่มีใครอยากให้มีคนทำเรื่องนี้ให้เกิดขึ้น สิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายทางเจ้าหน้าที่ก็อยากจับกุมทั้งนั้น" พล.อ.ประวิตรกล่าว 

@ "บิ๊กตู่"ซัดคนปล่อยข่าวจิตใจแย่ 

      พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องหาผู้ทำเอกสารปลอม ซึ่งการปลอมแปลงเอกสารมาทางโซเชียลมีเดียต้องใช้เวลาในการติดตาม แต่คิดว่าผู้ที่ปล่อยบ่อยครั้งมีจิตใจที่แย่ ใช้ไม่ได้ คิดว่าคนไทยทั้งประเทศรับไม่ได้อยู่แล้ว ฉะนั้นอย่าไปเชื่ออะไรที่ผลีผลาม เมื่อคืนพอทราบก็สั่งการ โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนได้รับการยืนยัน ก็ให้รีบแถลงไปเพราะเดี๋ยวจะเป็นปัญหา

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น ขณะที่เดินออกจากโพเดียมเพื่อขึ้นไปยังห้องทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้าได้แสดงอาการคล้ายเจ็บขา ผู้สื่อข่าวถามว่าไม่สบายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้เป็นอะไร แต่เจ็บขาเล็กน้อยเนื่องจากยืนนานช่วงลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และไม่ค่อยได้พูดกับสื่อมวลชนเนื่องจากเจ็บคอ แต่วันนี้อารมณ์ดี

@ "ไก่อู"เตือนสื่ออย่าให้เกิดขึ้นอีก

      พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบกันโดยทั่วกันว่าแถลงการณ์ที่ถูกแชร์ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นข้อมูลเท็จที่ทำขึ้นจากผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมือง ซึ่งรัฐบาลได้มอบให้ฝ่ายความมั่นคงรับผิดชอบติดตามผู้ไม่หวังดีเหล่านั้นมาดำเนินคดีโดยด่วนแล้ว

       "ในส่วนของสื่อมวลชนบางส่วนที่นำมาเผยแพร่โดยปราศจากการตรวจสอบที่ถี่ถ้วนก่อน ขอให้เพิ่มความระมัดระวัง เพราะหลายเรื่องเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน สร้างผลกระทบอย่างมากในหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจิตใจของประชาชน รัฐบาลเข้าใจว่าสื่อต้องทำงานแข่งกับเวลา แต่ความชัดเจนและความถูกต้องของข้อมูลก็เป็นหลักปฏิบัติพื้นฐานที่ทุกสื่อพึงรักษาไว้" พล.ต.สรรเสริญกล่าว

@ ตร.ชี้แถลงการณ์ส่งจากตปท. 

      พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีเผยแพร่แถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับที่ 13 ฉบับปลอมว่า มีผู้ทำขึ้นด้วยความไม่บังควร ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก เกิดความเสื่อมเสีย ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งตรวจหาที่มา คาดว่าจะถูกส่งมาจากต่างประเทศ ส่วนจะเป็นใครยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ตำรวจและฝ่ายความมั่นคงได้วิเคราะห์ถึงเอกสารปลอมดังกล่าวแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงกับกลุ่มเครือข่ายบรรพตที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้ รวมถึงยังไม่พบความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่หน้าห้างสยามพารากอน 

      "ทางสำนักพระราชวังได้ประสานมายัง พล.ต.อ.สมยศ กำชับให้ตำรวจเร่งดำเนินการกับผู้ที่เผยแพร่เอกสารอย่างเร่งด่วน" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว

      ผู้สื่อข่าวถามว่า จะดำเนินการกับสื่อบางสำนักที่นำเอกสารปลอมไปเผยแพร่หรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า จะตรวจสอบถึงเจตนาของสื่อสำนักดังกล่าวว่าเผยแพร่ไปเพราะเหตุใด

@ สั่งปอท.ล่ามือปลอมแถลงการณ์ 

      พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม ที่ปรึกษา (สบ 10) สั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สั่งการกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ให้เร่งรัดสืบสวน สอบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำผิด กรณีมีการปลอมแปลงแถลงการณ์สำนักพระราชวัง ซึ่งปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ และให้ประสานงานกับสำนักงานกฎหมายและคดีอย่างใกล้ชิด 

       พล.ต.อ.อำนาจ ยังสั่งการใน ศปก.ตร. ให้ทุกหน่วยประชาสัมพันธ์ให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดระมัดระวังการโพสต์ หรือแชร์ภาพในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ที่เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หากมีความจำเป็นต้องรายงานผู้บังคับบัญชาให้ใช้ช่องทางโทรศัพท์หรือช่องทางส่วนตัว

vจี้รบ.-คสช.จัดการเด็ดขาด 

ม.จ.จุลเจิม ยุคล แสดงความคิดเห็นลงเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีแถลงการณ์ปลอมเมื่อกลางดึกวันที่ 2 กุมภาพันธ์ว่า ขอความกรุณา พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะ คสช. ตรวจสอบที่มาที่ไปของเอกสารปลอมที่กำลังเผยแพร่ ณ ตอนนี้ ขอให้สืบสวนให้ได้ว่าใคร หมู่คณะใดเป็นคนผลิตจนทำให้คนไทยทั่วประเทศสับสน ตื่นตระหนก 

"เมื่อจับคนที่ผลิตและเอาเอกสารมาเผยแพร่ กรุณานำตัวมาออกมาทางสื่อให้ประชาชนได้รับทราบ มิใช่ทำกันอย่างมุบมิบแล้วเงียบหาย ขอความกรุณาอย่าให้ประชาชนที่จงรักภักดีทั่วประเทศหมดความเชื่อถือในตัวพวกท่าน และขอให้สื่อบางสำนักกรุณารับผิดชอบในข่าวเท็จที่ท่านได้ลงไป" ม.จ.จุลเจิมระบุ

@ ปลดเว็บมาสเตอร์"เอเอสทีวี"

วันเดียวกัน ที่ สน.ชนะสงคราม นายนิรันดร์ เยาวภาว์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 440/157 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. ผู้ดูแลเว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการ เข้าพบ ร.ต.ท.อภิชาติ กอนจันดา พนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวัน จากกรณีมีผู้ไม่หวังดีนำแถลงการณ์สำนักพระราชวังฉบับปลอมแปลงมาเผยแพร่และทางเว็บไซต์ผู้จัดการได้นำมาเสนอข่าวต่อจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ จนล่าสุดทางเว็บไซต์ได้มีการลบข่าวแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวและออกมาขอโทษแล้วนั้น 

เบื้องต้นนายนิรันด์ให้การว่า เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ได้เข้าเวรดูแลเว็บไซต์ และได้รับข่าวแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง ฉบับที่ 13 จากไลน์ของกลุ่มผู้สื่อข่าว จึงนำมาลงเผยแพร่ทางเว็บไซต์ จากนั้นพบว่าแถลงการณ์ดังกล่าวมีพิรุธใช้คำไม่ถูกต้อง จึงประสานไปยังสำนักพระราชวังตรวจสอบและได้รับแจ้งกลับมาว่าแถลงการณ์เป็นของปลอม จึงทำการลบข่าวออกจากเว็บไซต์ และขออภัยที่ลงข่าวไป ซึ่งไม่มีเจตนาดำเนินการอันเป็นเท็จให้เกิดความเสื่อมเสีย จึงเดินทางมาลงบันทึกประจำวันเพื่อเป็นหลักฐานและแสดงความบริสุทธิ์ใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีดังกล่าวทำให้นายนิรันดร์ถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ดูแลเว็บไซต์ พร้อมหักเงินเดือนร้อยละ 50 

@ เปิดเซฟส.ส.เด็กปชป.รวยสุด 

เวลา 08.30 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี มีการเปิดบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรณีพ้นจากตำแหน่งครบหนึ่งปี เมื่อวันที่ 7-8 ธันวาคม 2557 จำนวน 479 คน โดยผู้ที่มีทรัพย์สินมากที่สุดคือ นายประกอบ จิรกิติ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ มีทรัพย์สิน 2,139,949,433 บาท มีหนี้สิน 1,306,641 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 2,138,642,791 บาท รองลงมาคือ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 1,781,689,226 บาท มีหนีสิ้น 102,482 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,781,586,744 บาท และนางโสภา กาญจนะ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ โดยแจ้งว่ามีทรัพย์สิน 1,184,222,307 บาท มีหนี้สิน 117,496,707 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,066,725,600 บาท ส่วนนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ อดีต ส.ส.ยะลา พรรคประชาธิปัตย์ มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 131,239,799 บาท มีทรัพย์สินเพียง 196,763 บาท 

@ เฉลิมเงินลด-กรณ์ฮวบ13ล้าน

ส่วนนายกรณ์ จาติกวณิช และคู่สมรสพร้อมบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 894,801,911 บาท มีหนี้สิน 858,756 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 893,943,154 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีพ้นตำแหน่งเมื่อครั้งก่อน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 907,460,896 เท่ากับว่านายกรณ์มีทรัพย์สินลดลง 13,517,742 บาท ทางด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯ พรรคเพื่อไทย พร้อมคู่สมรสแจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งหมด 170,529,156 บาท ไม่มีหนี้สิน รวมมีทรัพย์สินมากกว่า

หนี้สิน 170,529,156 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีพ้นตำแหน่งเมื่อครั้งก่อน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 178,209,858 บาท เท่ากับว่า ร.ต.อ.เฉลิมมีทรัพย์สินลดลง 7,680,702 บาท 

ในส่วนของแกนนำคนเสื้อแดง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และคู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 32,435,662 บาท มีหนี้สิน 15,027,970 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 17,407,691 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีพ้นตำแหน่งเมื่อครั้งก่อน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 19,241,616 บาท เท่ากับว่านายณัฐวุฒิมีทรัพย์สินลดลง 1,833,925 บาท

@ "บุญทรง"ลดลง4.5แสน

นอกจากนั้นยังมีที่น่าสนใจคือ อดีตรัฐมนตรีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) คือนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 17,828,911 บาท มีหนี้สิน 242,582 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 17,586,329 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีพ้นตำแหน่งเมื่อครั้งก่อน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 18,039,209 บาท เท่ากับว่านายบุญทรงมีทรัพย์สินลดลง 452,880 บาท ส่วนนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 39,377,047 บาท ไม่มีหนี้สิน รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 39,377,047 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีพ้นตำแหน่งเมื่อครั้งก่อน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 41,503,864 บาท เท่ากับว่านายภูมิมีทรัพย์สินลดลง 2,126,817 บาท

@ เรืองไกรแจงมะกันปมถอดปู 

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีส่งหนังสือถึงนายแพทริค เมอร์ฟีย์ อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยกรณี สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าเพื่อให้ความชัดเจนแก่สหรัฐว่าการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเรื่องการเมือง เพราะ สนช.เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่มีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. แต่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจึงไม่ใช่ตัวแทนปวงชนชาวไทย 

"การถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงเป็นการถอดถอนนักการเมืองซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยการกระทำของนักการเมืองที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อีกทั้งคำร้องขอถอดถอนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับพวก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะมีเพียงลายมือชื่อและหมายเลขลำดับ ส.ส. ที่ใช้กันอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ไม่เป็นไปตามมาตรา 61 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ที่ต้องระบุชื่อ ที่อยู่ หมายเลขประจำตัวประชาชนด้วย" นายเรืองไกรกล่าว

@ ชี้สนช.อ้างเทียบ2ปธน.ไม่ได้

นายเรืองไกรกล่าวว่า เพื่อไม่ให้ สนช.กล้ากล่าวอ้างได้ว่ากระบวนการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็เหมือนกับกรณีที่สหรัฐอเมริกาเคยถอดถอนประธานาธิบดี 2 คนก่อนหน้านี้ เพราะกระบวนการถอดถอนแตกต่างกัน กระบวนการถอดถอนของสหรัฐอเมริกาที่มีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง 

"การบอกความจริงในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าสหรัฐอเมริกาควรได้รับทราบความจริงอย่างครบถ้วน และไม่ได้เห็นว่าที่สหรัฐอเมริกาอยากรู้ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับกระบวนการถอดถอนของ สนช.จะเป็นการแทรกแซง การดาหน้าออกมาโต้ตอบว่าผู้แทนของสหรัฐอเมริกาเข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงกระบวนการภายในของประเทศไทยนั้น ผมไม่เห็นด้วย เพราะความจริงชัดเจนมาก่อนหน้านี้แล้วว่ากระบวนการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นเพียงกระบวนการทางการเมืองที่เลือกข้างเลือกปฏิบัติ" นายเรืองไกรกล่าว

@ ติงสนช.ไร้อำนาจเรียกมะกันแจง

นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย (พท.) และอดีตประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวถึงกรณีที่ สนช.จะเชิญอุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มาสอบถามและให้ความเห็นในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ กรณีที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ แสดงความเห็นทางการเมืองที่กระทบกับประเทศไทยว่า สนช.ไม่มีอำนาจหน้าที่เรียกสหรัฐเข้ามาชี้แจง ไม่เหมาะสม เพราะ สนช.มีหน้าที่เสนอกฎหมายภายในประเทศเท่านั้น หากเป็นกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาพูดคุยกับสหรัฐน่าจะเหมาะสมกว่า การทำเช่นนี้จะทำให้ภาพลักษณ์ของไทยเสียหาย 

นายอำนวยกล่าวว่า ที่มีคนมองว่ามีขบวนการจ้างล็อบบี้ยิสต์ต่างชาติบิดเบือนภาพลักษณ์ไทยนั้น มองว่าการที่นายแดเนียลมาเยี่ยมประเทศไทยถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้มาแทรกแซงประเทศไทย เพราะเป็นหน้าที่ของผู้ช่วยรัฐมนตรีสหรัฐ ที่จะมองดูประเทศไทยในด้านการค้าการลงทุน ซึ่งการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจในขณะนี้ ยังไม่เกิดผลเท่าที่ควร อยากให้คณะทำงานเศรษฐกิจทบทวนและทำความเข้าใจปมปัญหาว่าคืออะไร ทั้งระดับจุลภาคและมหภาค เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ

@ "บวรศักดิ์"คุยมีศาลตรงใจป๋า

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เสนอแนะให้ตั้งศาลฉ้อราษฎร์บังหลวง เพื่อลดขั้นตอน และเวลาการพิจารณาคดีทุจริตคอร์รัปชั่นให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้นว่า สิ่งที่ กมธ.ทำสอดคล้องกับที่ พล.อ.เปรมเสนอมา คือ การเพิ่มขึ้นศาลในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น นั่นคือ ศาลวินัยการคลังและงบประมาณ ที่จากเดิมที่มีเพียงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ต้องใช้หลักฐานที่แน่นหนาและชัดเจน อัยการจึงสามารถดำเนินการสั่งฟ้องได้ 

"แต่ศาลวินัยการคลังและงบประมาณที่ กมธ.ยกร่างฯเสนอตั้งขึ้นใหม่ หาก ป.ป.ช.และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พบว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือข้าราชการระดับสูงมีการทุจริตต่อทรัพย์สินที่เป็นเงินแผ่นดิน สามารถฟ้องศาลโดยตรงได้ โดยไม่ต้องรอหลักฐานจนถึงที่สุด เป็นการอุดช่องว่าง" นายบวรศักดิ์กล่าว และว่า หากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีผลบังคับใช้ จะมีการถอดถอนทางเมืองรวมถึงการดำเนินคดีการคลังและงบประมาณเป็นการเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ ไม่ต้องพิสูจน์จนปราศจากข้อสงสัย เพียงแค่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าเพียงพอที่จะฟ้อง ส่วนฝ่ายที่ดำเนินการหรือทำนโยบายต้องพิสูจน์ว่าตัวเองสุจริต และศาลต้องพิจารณาตามสมควร ถือว่าไม่ใช่คดีอาญา ดังนั้น หลักฐานก็ไม่ต้องแน่นหนา

@ สปช.ก็ชงตั้งหน่วยเร่งคดีโกง

นายประมนต์ สุธีวงศ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะประธานกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สปช. ว่า ส่วนตัวเห็นว่าสามารถทำได้ การตั้งศาลเฉพาะในคดีที่มีการทุจริต ได้มีข้อเสนอในชั้น กมธ.ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพราะต้องการให้กระบวนการในการตัดสินคดีทุจริตเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทุกวันนี้ศาลมีคดีเยอะพิจารณาไม่ทัน 

"ซึ่งใน กมธ.มีการพิจารณากันว่าอาจจะต้องตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นมาดูแลเรื่องการทุจริต อาจเป็นหนึ่งในหน่วยงานศาลที่มีหน้าที่รับเรื่องไว้พิจารณาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะ อาจจะเสนอให้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย" นายประมนต์กล่าว 

@ 30องค์กรค้านยุบรวมผู้ตรวจฯ-กสม. 

ที่รัฐสภา นายจตุรงค์ บุญยรัตนสุนทร ประธานสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน พร้อมด้วยตัวแทนสมาคม มูลนิธิและเครือข่ายด้านสิทธิเสรีภาพของประชาชนจำนวน 30 องค์กร ยื่นหนังสือต่อนายบวรศักดิ์ เพื่อขอให้ทบทวนกรณีที่ กมธ.ยกร่างฯควบรวมผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เป็น "ผู้ตรวจการแผ่นดินพิทักษ์สิทธิของประชาชน" เนื่องจากทั้ง 30 องค์กร เห็นว่าเจตนารมณ์และการก่อตั้งรวมถึงวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบร้องเรียนแตกต่างกัน โดย กสม.มุ่งตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือตามสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่ปฏิบัติตาม ขณะที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่ตรวจสอบการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐตามกฎหมาย ซึ่งไม่จำเป็นต้องละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ได้ จึงอยากให้ กมธ.ยกร่างฯมีการทบทวน โดยให้คำนึงถึงมาตรฐานสิทธิมนุษยชนที่ประชาชนจะได้รับเป็นหลัก

@ บวรศักดิ์ยันพร้อมฟังความเห็น

นายบวรศักดิ์กล่าวหลังรับหนังสือว่า กมธ.ยกร่างฯพร้อมรับฟังความคิดเห็น ยังเปิดรับฟังจนถึง 23 กรกฎาคม ซึ่งต้องพิจารณาข้อดีข้อเสีย อยากให้ทุกคนคิดถึงประชาชนมากกว่า ว่าทำแล้วประชาชนได้อะไร มิเช่นนั้นจะไม่สามารถขจัดปัญหาของสังคมได้เสียที เหตุที่ควบรวมสององค์กรเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับให้มีกรรมการ 11 คน ดูแล 11 ด้าน แทนที่ประชาชนจะไปร้องเรียน 3 แห่ง จะสามารถร้องเรียนได้ในแห่งเดียว ทำให้กระบวนการมีความรวดเร็วมากขึ้น เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเริ่มออกมาคัดค้านสิ่งที่ กมธ.ยกร่างฯได้พิจารณารายมาตราออกมา จะทบทวนหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ทบทวนอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา ต้องทบทวนหากมีความเห็นของประชาชนเข้ามา พร้อมจะรับฟังแต่ไม่ใช่เชื่อฟัง

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอแนะของ สปช.ให้ กมธ.ยกร่างฯประชุมร่วมกับ กมธ.ปฏิรูปการเมือง เนื่องจากเกรงว่ารัฐธรรมนูญจะถูกคว่ำเมื่อเข้าสู่ที่ประชุม สปช. จะดำเนินการอย่างไร นายบวรศักดิ์กล่าวว่า จะรับเรื่องไว้พิจารณา แต่เรื่องต่างๆ ที่ กมธ.ปฏิรูปการเมืองเสนอมา ส่วนใหญ่เราเอาด้วยเกือบทุกเรื่อง อาทิ มีคณะกรรมการประเมินผลแห่งชาติ ปลัดกระทรวงรักษาการรัฐมนตรีช่วงเลือกตั้ง เป็นต้น 

@ ผู้ตรวจฯไม่ติดใจยุบรวมกสม. 

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีราชา วงศารยางกูร พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วย นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกันแถลงข่าวกรณี กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีมติให้ผู้ตรวจการแผ่นดินและ กสม.ยุบรวม เป็น "ผู้ตรวจการแผ่นดินและพิทักษ์สิทธิของประชาชน" 

นายศรีราชากล่าวว่า การที่ กมธ.ยกร่างฯมีมติยกสถานะ 2 หน่วยงานเป็นองค์กรเดียวกัน ทางผู้ตรวจการฯพิจารณาแล้วเห็นว่าพอรับได้ เนื่องจากอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการไม่ได้สูญหายไป ยกเว้นการตรวจสอบจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ ที่อาจนำไปให้สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติดำเนินการแทน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ผู้ตรวจการฯไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับฝ่ายการเมืองหรือผู้มีอำนาจอีกต่อไป 

"แต่อยากขอให้ กมธ.ยกร่างฯคงอำนาจการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมไว้ที่ผู้ตรวจการฯเช่นเดิม เพราะกรณีนี้จะช่วยทำให้ภาคราชการดีและใสสะอาด รวมทั้งทำให้การร้องทุกข์เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการลดลงและจะเป็นผลดีต่อประเทศชาติและบ้านเมือง" นายศรีราชากล่าว

@ ชี้11คนมากความแนะเหลือ5

นายศรีราชากล่าวว่า ขณะเดียวกันมองว่าหากจะควบรวมทั้ง 2 หน่วยงานก็ควรมีความชัดเจนเพื่อลดปัญหาการทำงานซ้ำซ้อนระหว่างองค์กรหรือข้อครหาสองมาตรฐาน การออกแบบโครงสร้างองค์กร โดยเฉพาะการกำหนดให้มีคณะกรรมการถึง 11 คนนั้นมองว่าจำนวนมากเกินไป อาจมีปัญหาในทางปฏิบัติเพราะมองว่ามากคนก็มากความ จึงคิดว่าจำนวน 5 คน น่าจะเหมาะสมกว่า

"ส่วนกระบวนการสรรหาและการได้มาซึ่งองค์อำนาจต้องเป็นระบบเดียวกัน โดยคนที่จะมาทำหน้าที่ควรเป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ มีศักยภาพ มีความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ประจักษ์ นอกจากนี้เห็นว่าการควบรวมอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าหน้าที่ เนื่องจากทั้ง 2 หน่วยงานระบบการบริหารงานแตกต่างกัน ผู้ตรวจการใช้ระบบแบบองค์กรอิสระ ขณะที่กรรมการสิทธิฯใช้ระบบแบบข้าราชการ ทำใหสิทธิประโยชน์แตกต่างกัน ดังนั้น ควรกำหนดให้ชัดเจนด้วยว่าหากควบรวมทั้ง 2 หน่วยงานไว้ด้วยกันแล้วจะใช้ระบบใด" นายศรีราชากล่าว 

@ อัดทำดีเพื่อชาติไม่ใช่ยูเอ็น

เมื่อถามว่า กสม.ต้องรายงานการทำงานต่อสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ทุกปี หากมีการควบรวมกับผู้ตรวจการฯจะได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติหรือไม่ นายศรีราชากล่าวว่า ข้อเท็จจริงไม่สามารถตอบคำถามแทนได้ แต่หากสหประชาชาติมีความเข้าใจว่าแม้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อองค์กรแต่อำนาจในการทำหน้าที่ยังเหมือนเดิมก็ไม่น่ามีปัญหา หากสหประชาชาติทำหน้าที่เพียงคนที่คอยควบคุมและกระตุ้น แต่สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ชัดเจน สิ่งที่ทำเป็นผลดีต่อประเทศไทยไม่ใช่สหประชาชาติ เพราะไม่ได้ยืมจมูกคนอื่นหายใจ 

พล.อ.วิทวัสกล่าวว่า มาตรฐานเกี่ยวกับเรื่องสิทธิในประเทศไทย แม้สหประชาชาติจะเป็นผู้ประเมิน แต่หน้าที่สำคัญของคนไทย ที่จะต้องไม่ทำให้อันดับเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของประเทศไทยตกลง เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจะมีผลกระทบต่อทั้งระบบเศรษฐกิจและสังคม

@ นักโทษคดีการเมืองส่อได้ประกัน

นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด ผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมที่วัดปทุมฯเมื่อปี 2553 เปิดเผยว่า การทำงานของคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง ที่มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นประธาน ได้แบ่งเป็นกลุ่มย่อยทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย โดยคณะกรรมการที่เป็น สปช.รับผิดชอบเดินสายพบปะหน่วยงานด้านยุติธรรมเพื่อหารือมาตรการช่วยเหลือนักโทษการเมือง ส่วนกลุ่มญาติของเหยื่อผู้เสียชีวิตทางการเมือง 3 คน ได้แก่ ตน นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชนพฤษภา 35 นางนิชา ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า รับผิดชอบด้านการหาแนวทางเยียวยาผู้ต้องหา โดยเฉพาะทางด้านจิตใจที่หลายคนสูญเสียไปมากจากการต้องติดอยู่ในเรือนจำหลายปีโดยไม่ได้รับสิทธิ

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!