- Details
- Category: การเมือง
- Published: Wednesday, 04 February 2015 12:46
- Hits: 3520
วันที่ 04 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8834 ข่าวสดรายวัน
มุ่งอดีตทหาร-ตร. บิ๊กตู่แย้ม หมายจับ 2 มือบึ้ม หนุ่มเสื้อขาวในวงจรปิด เร่งนำรูปเทียบ 3 คดีเก่า แกะรอยจากไปป์บอมบ์ 'มะกัน-ผู้ดี'เตือนมาไทย บัวแก้วสั่งทูตแจงทั่วโลก
เป็นปกติ - บรรดาร้านค้าต่างๆ ฝั่งตรงข้ามสยามพารากอน กลับมาเปิดค้าขายตามปกติ หลังเกิดระเบิดไปเมื่อ 2 วันก่อน ขณะที่ทางการสหรัฐประกาศเตือนพลเมืองของตัวเองให้ระมัดระวังการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยในช่วงนี้ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 ก.พ. |
'บิ๊กตู่'แย้มอดีตทหาร-ตร.นอกแถว เอี่ยวคดีบึ้มสยามพารากอน สั่งตรวจสอบทั้งหมด-พบใครเกี่ยวข้องจับหมด เผยแจงเหตุระเบิดกับต่างชาติแล้ว วอนอย่าขยายความรุนแรง-ความขัดแย้ง 'ประวิตร'มุ่งปมโยงการเมือง 'บิ๊กโด่ง'ส่งทหารช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัย ออกหมายจับแล้ว 2 มือบึ้มพารากอนตามภาพในวงจรปิด ผบช.น.ยันไม่ใช่ฝีมือทหารแน่นอน-มั่นใจจับตัวคนร้ายได้แน่ แฉโยงคดีที่มีนบุรี-สมานเมตตาแมนชั่น-บึ้มหน้าอสส.
จากกรณีเกิดเหตุระเบิดบริเวณทางเชื่อมห้างสยามพารากอนกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ทำให้ประตูของบริษัท บีเอ็มเอเอ็กซ์เพรส ซึ่งเป็นร้านรับส่งเอกสารได้รับความเสียหาย ตรวจสอบพบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ชนิดไปป์บอมบ์ 2 ลูก โดยกล้องวงจรปิดจับภาพ 2 ชายต้องสงสัยใส่เสื้อสีขาว ถือกระเป๋าและถุงสีส้มมาวางไว้ก่อนเกิดระเบิดขึ้น เหตุเกิดวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยผบ.ตร.สั่งเร่งติดตามตัวและจ่อออกหมายจับ พร้อมให้คุมเข้มห้าง-ขนส่ง-ชุมชน ขณะที่ทหารออกมาโต้เหตุระเบิดไม่เกี่ยวกับกฎอัยการศึก เช่นเดียวกับกลุ่มนปช.ที่ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องและแฉเป็นฝีมือของ 2 กลุ่ม ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
นายกฯกำชับเร่งล่าตัว
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตร. กล่าวถึงการติดตามตัวคนร้ายลอบวางระเบิดว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคลและภาพจากกล้องวงจรปิด เพื่อขอศาลออกหมายจับผู้ต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิด บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสยาม และห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน โดยกล้องวงจรปิดจับภาพได้ 2 คน ลักษณะเป็นชายชาวเอเชีย รูปร่างสันทัด ใส่หมวกแก๊ปสีดำและสีขาว ซึ่งอยู่ใกล้จุดระเบิดและถือถุงต้องสงสัย ในความผิดฐานครอบครองวัตถุระเบิด และทำให้เกิดการระเบิด ส่วนสาเหตุยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งและยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดบุคคลต้องสงสัยที่ก่อเหตุได้
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำชับให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก พร้อมกำชับให้ตำรวจท้องที่เฝ้าระวังสถานที่มีประชาชนรวมตัวจำนวนมาก อาทิ สถานีรถไฟฟ้า สถานีขนส่ง ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ตลาดกลางคืน โดยเพิ่มกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบ และความถี่ในการตรวจตรา ส่วนการข่าวขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งเตือนว่าจะเกิดเหตุเพิ่ม แต่ตำรวจเฝ้าระวังอยู่ตลอด พร้อมติดตามการข่าวความไม่สงบต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศอย่างใกล้ชิด
ถกคดีบอมบ์'พารากอน'
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมรองผบช.น. และตำรวจบก.ป. ร่วมประชุมสรุปความคืบหน้าคดีระเบิดหน้าห้างสยามพารากอน
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า คดีคืบหน้าค่อนข้างมาก โดยพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ความสนใจอย่างมาก โดยสั่งการกำชับให้เร่งรัดดำเนินการ บช.น.จึงร่วมกันทำงานกับบก.ป. ศูนย์สืบสวนนครบาล ก็เร่งดำเนินการตามคำสั่ง ซึ่งการออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุนั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวน คาดว่าต้องรอในวันที่ 4 ก.พ. อีกครั้ง ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติหมายจับยังอยู่ระหว่างดำเนินการ
เมื่อถามว่าทราบตัวคนร้ายแล้วหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจากพยานหลักฐาน ได้แก่ เอกสาร วัตถุ บุคคล ซึ่งต้องตรวจสอบจากตรงนั้นไป ส่วนเป็นกลุ่มเดิมที่เคยก่อเหตุหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้และอยู่ระหว่างสืบสวน เป็นมืออาชีพหรือไม่ ดูจากหลักฐานวัตถุพยานประกอบก็ห้าสิบๆ
เมื่อถามอีกว่า การก่อเหตุหวังผลทางการเมืองหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ยืนยันไม่ได้ ตราบใดที่ยังจับคนร้ายไม่ได้ ยังไม่มีคำชี้แจงหรือสอบปากคำคนร้ายว่ามาจากไหนก็คงลำบาก พูดไปจะเสียหาย ส่วนประเด็นก็ตั้งไว้หลายเรื่อง แต่ไม่ยึดถือตามประเด็นที่ตั้งไว้ โดยไล่จากพยาน
ผบช.น.ยันไม่ใช่ฝีมือทหาร
เมื่อถามถึงกรณีที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับที่เคยก่อเหตุที่ สน.มีนบุรี พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า วัตถุพยานคล้ายกันประมาณร้อยละ 80-90 เปอร์เซ็นต์ คือไปป์บอมบ์ การประกอบระเบิดและสายชนวน แต่ยังสรุปแบบนั้นไม่ได้ ยืนยันว่าการสืบสวนสอบสวนมีความคืบหน้าโดยตลอด จะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวังอย่างแน่นอน ส่วนจะเป็นกลุ่มเดิมที่เคยก่อเหตุหรือไม่ ยังตอบไม่ได้
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีผู้ต้องสงสัยกี่คน พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้ต้องสงสัย แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนจากพยานเอกสาร วัตถุ บุคคล ส่วนมีพยานเอกสารบ้างแล้วหรือไม่นั้น ก็ต้องมี แต่อยู่ในสำนวน ถ้าไม่มีคงไปขออนุมัติศาลไม่ได้ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นภาพคนร้ายชัดเจนแค่ไหนนั้น เป็นเรื่องที่อยู่ในสำนวน แต่ที่สุดแล้วเชื่อว่าต้องนำตัวผู้ต้องหาไปฟ้องร้องต่อศาล
เมื่อถามว่าท่าทางผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิดเป็นไปได้เกี่ยวโยงกับหน่วยงานราชการหรือไม่ หลังทหารออกมาปฏิเสธ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คาดว่าคงไม่ใช่ เพราะดูจากการประกอบก็ไม่ใช่ทหารโดยสิ้นเชิง และยิ่งวัดกันจากวัตถุพยานก็ไม่ใช่ทหาร เพราะการประกอบระเบิดมีชุดที่เป็นผู้ต้องหาที่ถูกจับและฟ้องอยู่แล้ว แต่ตำรวจไม่ได้นำข้อมูลแค่นั้นมาวัด ได้สั่งการให้หาพยานเอกสารและพยานบุคคลด้วย
ออกหมายจับ 2 มือบึ้ม
เมื่อถามว่า ผู้ต้องสงสัย 2 คน เกี่ยวกับชาวต่างชาติหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า คงพูดยาก ซึ่งอาจเป็นไปได้ แต่เปอร์เซ็นต์ไม่เยอะ เหตุที่พูดอย่างนี้ เพราะพยานบุคคลยืนยันไม่ใช่ต่างชาติ
เมื่อถามว่าจะจับกุมคนร้ายได้อย่างแน่นอนหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัวมั่นใจ 70 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหลังจากอนุมัติหมายจับจะสามารถประกบตัวได้ทันทีหรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ แต่อยากจะจับให้ได้เร็วๆ จะได้ไม่ทำความเดือดร้อนที่อื่นอีก
เมื่อถามว่าจะมีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า คงตอบไม่ได้ แต่ขณะนี้รัฐบาลสั่งการให้ป้องกันและเพิ่มความเข้มในการป้องกัน
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ได้รวบรวมพยานหลักฐานและเดินทางไปขออนุมัติหมายจับต่อศาล ล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับชาย 2 คน ใส่เสื้อสีขาวตามที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าห้างสยามพารากอน ส่วนรายละเอียดของหมายจับ พล.ต.ท.ประวุฒิจะแถลงอีกครั้งในวันที่ 4 ก.พ.
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า เหตุระเบิดบริเวณหน้าห้างสยามพารากอน ใช้ระเบิดไปป์บอมบ์เหมือนเหตุระเบิดในพื้นที่ สน.มีนบุรี เหตุเกิดวันที่ 29 มี.ค.2557 โดยยังเชื่อมโยงไปถึงคดีระเบิดสมานเมตตา แมนชั่น อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2553 และคดีระเบิดหน้าสถาบันพัฒนาข้าราชการตุลาการ และที่หน้าสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เมื่อช่วงเดือนม.ค.2557 ด้วย โดยเจ้าหน้าที่เร่งนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพชายต้องสงสัย 2 คน ไปเปรียบเทียบกับผู้ต้องหาในคดีที่คล้ายคลึงกันและยังหลบหนีการจับกุม
สหรัฐ-อังกฤษเตือนนักท่องเที่ยว
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์สถานทูตสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ได้ปรับคำแนะนำนักท่องเที่ยวของตนที่จะเดินทางมาประเทศไทย ให้เพิ่มความระมัดระวัง หลังเกิดเหตุระเบิดหน้าห้างสยามพารากอน
โดยสถานทูตสหรัฐอเมริกา ประกาศเตือนเรื่องความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ว่าถึงแม้สถานการณ์ในไทยจะสงบมาตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา แต่เหตุระเบิดที่หน้าห้างสยามพารากอน ทำให้เห็นว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันในไทยได้ตลอดเวลา จึงขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง และสังเกตสิ่งรอบตัว โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานที่มีคนหนาแน่น รวมถึงหากพบเห็นสิ่งของต้องสงสัยที่วางไว้โดยไม่มีผู้ดูแล ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นโดยทันที และติดตามประกาศเตือนจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่สถานทูตอังกฤษระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการก่อการร้าย ด้วยการวางระเบิด หรือการปาระเบิดมือในสถานที่ท่องเที่ยว หรือแหล่งชุมชนในไทย เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุวางระเบิดในเมืองใหญ่ๆ ในไทย เช่น ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2553 จึงขอให้นักท่องเที่ยวสังเกตสถานการณ์รอบตัว และทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด
บัวแก้วสั่งทูต-กงสุลแจงทั่วโลก
ด้านนายรัศม์ ชาลีจันทร์ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทย มีข้อความแนะนำประชาชนให้เพิ่มความระมัด ระวัง ขณะอยู่ในประเทศไทยนั้น เป็นแนวทางปฏิบัติตามปกติของสถานทูต หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลความปลอดภัยให้กับพลเมืองในประเทศตนเอง
นายรัศม์กล่าวอีกว่า ในส่วนการสร้างความเชื่อมั่นกับต่างชาติ กระทรวงการต่างประเทศส่งข้อมูลและมีคำสั่งไปยังสถานเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก เพื่อมีข้อมูลสำหรับการชี้แจงเกี่ยวกับสถาน การณ์ดังกล่าว โดยเราทำงานอย่างเชิงรุก หากมีการสอบถามเข้ามาก็สามารถอธิบายได้ทันที อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อย ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เชื่อว่าจะไม่มีผลต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังไทย รวมทั้งจะไม่สร้างความวิตกกังวลให้กับนักธุรกิจที่ลงทุนในประเทศไทย
บิ๊กตู่สั่งคุมเข้มพื้นที่เสี่ยง
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงว่ายังมีคนบางประเภทที่ไม่เข้าใจว่า บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์อะไร และมุ่งหวังให้เกิดความขัดแย้ง เกิดความรุนแรงขึ้นและสร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ซึ่งไม่ใช่ วันนี้เรื่องของบ้านเมือง เขาต้องคิดว่าเป็นคนไทยหรือเปล่าที่ทำแบบนี้ วันนี้ฝ่ายความมั่นคงได้รายงานมาแล้ว ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งกำลังสืบความเชื่อมโยงให้ได้และคงต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
นายกฯ กล่าวว่า ขอเตือนไว้ก่อนแล้วกัน ได้สั่งการป้องกันอาชญากรรม การกระทำการทุจริตผิดกฎหมายต้องเข้มงวด วันนี้ให้คสช.ดำเนินการอย่างเต็มที่ในการเพิ่ม วางกำลังในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง แต่ต้องระมัดระวังเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ในกรณีใช้ทหารออกทำงานในพื้นที่ สถานการณ์กำลังไปดีๆ อยู่แล้ว ถ้าไม่จัดคนดูแลเพิ่มเติมคงไม่ได้ สิ่งหนึ่งต้องเรียนทำความเข้าใจว่า ไม่ใช่ว่ามีกฎหมายความมั่นคงแล้ว หรือมีกฎอัยการศึกแล้วทุกคนจะกลัว นี่แสดงว่ายังมีอยู่ และเข้าใจว่าเราไม่ได้ทำอะไรเข้มงวดขนาดนั้น เขาเลยใช้วิธีการเหล่านี้และเคยเกิดมาหลายครั้ง ลองไปดูว่าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นในสถานการณ์ไหน เช่น ปี"53 ก็มีเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงตอบโต้รัฐบาล พอปี"56-57 ก็ใช้ความรุนแรงมาตอบโต้กลุ่มต่อต้าน เหตุการณ์แบบนี้มาจากใครคิดกันเอาเอง จากใครไม่รู้ ถ้าไม่ใช่พวกไหนก็ต้องหาตัวพวกที่ว่านี้มา อย่าไปให้ความสำคัญมากนัก โชคดีที่ไม่มีคนบาดเจ็บสูญเสีย ก็ถือเป็นบทเรียน และเป็นบทเรียนทุกเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงต้องไปเข้มงวดหามาตรการ เพราะจะอันตรายมากขึ้นในช่วงที่เป็นเออีซี
แย้มอดีตทหาร-ตร.เอี่ยวบึ้ม
ผู้สื่อข่าวถามว่าฝ่ายความมั่นคงประเมินหรือไม่ว่าผู้ก่อเหตุต้องการสร้างสถานการณ์เพื่ออะไร นายกฯ กล่าวว่า ก็เห็นหนังสือพิมพ์ทุกฉบับประเมินกันมาแล้วโน่นนี่ ท่านก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว จะมาจากใคร ตนไปทำเองหรือ ก็มีคนวิจารณ์ว่า 1.มาจากรัฐบาลทำเอง คสช.ทำเอง เพื่อต่อกฎอัยการศึก พวกนี้สมองเสีย มันเขียนอย่างนี้ได้อย่างไร ไม่มีใครเขาลงทุนขนาดนั้นหรอก 2.การแย่งชิงจ่าฝูงในกองทัพบก การโยกย้ายในกองทัพบกจะมีเดือนต.ค.โน่น ยังไม่มีปรับย้าย หรือจะเป็นตำรวจนอกแถวก็กำลังตรวจสอบทั้งหมด จะเกี่ยวข้องทหารเก่า ตำรวจเก่าก็ต้องลงโทษอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัว อย่าไปให้ความสำคัญมากนัก ไปหามาตรการเฝ้าระวัง จะช่วยดูแล และแจ้งเจ้าหน้าที่กันอย่างไร นั่นคือสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกัน เป็นหน้าที่ของทุกคนในชาติ เจ้าหน้าที่มีจำนวนจำกัด เขาก็ทำอย่างเต็มที่ เว้นแต่ว่าปล่อยปละละเลย แต่อันนี้คงไม่ใช่ เพราะเป็นพื้นที่สัญจรไปมา ซึ่งไม่คาดคิดว่าใครจะต้องมาทำแบบนี้ แสดงว่าไม่เห็นใจประเทศไทยกันเลย คนไทยทั้งหมด
แจงเหตุระเบิดกับต่างชาติแล้ว
เมื่อถามว่าเหตุที่เกิดขึ้นต้องทำความเข้าใจต่างชาติอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เขาเข้าใจในเหตุการณ์ และสิ่งที่ทำมาไม่เกิดประโยชน์กับใครเลย 1.ไม่เกิดประโยชน์กับตน 2.ยิ่งทำให้ต่างชาติมองไทยยังมีเหตุการณ์อย่างนี้ เขาก็ต้องเข้าใจเรา ยิ่งหนักไปกว่าเดิมคนที่คิดทำแบบนี้ มันแย่
ส่วนที่สหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์เตือนนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐที่มาเที่ยวไทยให้ระวัง จะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่าไปยุ่งกับเขามากนักเลย ปล่อยเขาไปเถอะ ก็ชี้แจงไปแล้วก็จบแล้ว มันอะไรนักหนา วันหน้าต้องคบค้าสมาคมกันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวก็สร้างความมั่นใจ จะดูแลให้มากที่สุด ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ก็พูดว่าโอเคไม่มีผลกระทบเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะขยายความแค่ไหน จะขยายข่าวให้ครึก โครมแค่ไหน นั่นแหละมีผลกระทบ วันนี้ตนคิดว่ายังน้อย เราต้องยืนยันกลับไปว่าจะดูแลให้ดีที่สุด ก็เหมือนทุกประเทศ โอกาสจะเกิดขึ้นก็มีทุกประเทศ ซึ่งก็เห็นอยู่ว่ามีเหตุการณ์ลักษณะเหล่านี้ เรามีแต่น้อยนิดเดียว ไม่มีใครบาดเจ็บแต่เราต้องป้องกันต่อไปให้ได้ในคราวหน้า อย่าไปขยายความให้เขาเลย
เมื่อถามว่าจะติดตามจับคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ นายกฯ กล่าวว่า บอกแล้วใครเกี่ยวข้องจับหมด จะเลือกจับได้ไหมเล่า ก็จับหมดแหละ คนวางก็ต้องจับ อยู่ดีๆ จะมาบ้าวางเล่นหรือไง ก็ต้องจับ ใครสั่งมันก็ไป สอบมา ถึงใครก็จับมา ใครไม่อยู่ก็ออกหมายจับไปก็ได้อยู่แล้ว
"วันนี้ให้โอกาสผ่อนผันอะไรเยอะแยะ ยังสร้างความรุนแรงเกิดขึ้น ผมถามว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ท่านยืนยันกับผมไหมว่าถ้าไม่ใช้กฎหมายพิเศษแล้วจะไม่มีเรื่อง แต่วันนี้ยังมีเรื่อง ผมถามว่าคนเหล่านี้เป็นใคร ไปหามา ไม่ได้โมโหเลยนะเนี่ย" นายกฯ กล่าว
วอนอย่าขยายความรุนแรง
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีก นายกฯ กล่าวว่า อย่าใช้คำว่ากังวล ตนเป็นห่วงคนไทย คนบริสุทธิ์ที่ต้องมีปัญหาเดือดร้อน ต้องเขียนให้ตนว่าวันนี้รัฐบาลกำลังสร้างความเข้มแข็ง ถ้าเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว สังคม แต่มีคนเหล่านี้มา แทนที่จะมาว่าตนดูแลไม่ดี ต้องไปตำหนิฝ่ายโน้น ตนทำแบบนี้ต้องไปช่วยตน เขียนสอนเขาแบบนี้สิ ใช่ไหม การเสนอข่าวความรุนแรงบางครั้งโอเค เป็นข้อเท็จจริง แต่ถ้าเสนอความรุนแรง มากๆ ก็กลายเป็นว่าประเทศไทยเคยชินกับความรุนแรง ทีวีบางช่องถามแล้วถามอีก เช้าเย็นเอาไปออกอยู่นั่น เรื่องความรุนแรงไม่เห็นสรุปเลยว่าอย่างนี้ไม่ถูกต้อง เอาปืนมายิงกัน คนฟังกันทุกวันก็ชิน มันยิงกันธรรมดา ปกติ ยามยิงคน คนยิงยาม วันนี้กำชับไปแล้ว ก็ต้องไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นในสังคมของคนไทย ไปแก้ที่มิติของสังคม นี่ไงค่านิยมคนไทย เรื่องนี้สำคัญ ถ้าทุกคนมีความคิดที่ดีก็จะไม่สร้างผลกระทบความเดือดร้อนคนอื่น และเราก็ไม่ต้องไปขยายความรุนแรงให้กับเขา นี่คือหน้าที่ของสื่อที่ตนอยากขอร้อง
"เหตุการณ์นี้ผมไม่กังวล แต่เป็นห่วงการบังคับใช้กฎหมายก็ต้องใช้อย่างสร้างสรรค์ ท่านลองดูกฎหมายก่อนหน้าผมเข้ามามันใช้ได้บ้างไหม ตอบสิ ได้ไหม เขียนให้ตายมันไม่ทำ วันนี้มีกฎหมายอย่างนี้ยังไม่ทันมีกฎหมายใหม่อะไรที่เกี่ยวกับความมั่นคง ก็ยังมีอยู่เลย ผมถามว่า แล้วกฎหมายจะไปกันอะไรได้ ถ้าจิตสำนึกคนมันไม่ได้ ยังไงมันก็ไม่ได้ กฎหมายเป็นเครื่องมือของเจ้าหน้าที่ อย่าเอากฎหมายมาเป็นพันธกรณีให้เจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้ จะใช้สิทธิเสรีภาพแบบไร้ขอบเขตไม่ได้ สิทธิเสรีภาพมีทุกคน หน้าที่ตามกฎหมายก็ต้องมี ทำให้บ้านเมืองปลอดภัยมีความสงบสุข ประชาชน เอกชน สื่อสิ่งพิมพ์ โฆษณา โทรทัศน์ โซเชี่ยลมีเดีย ทุกคนต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจ ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง อะไรเป็นข้อเท็จจริงเสนอได้ ผมไม่ห้าม แต่ถ้าเป็นความขัดแย้งอย่าไปขยาย นั่นคือสิ่งที่จะช่วยชาติบ้านเมืองในเวลานี้ วันหน้าก็ลองดูแล้วกัน มีรัฐบาลเลือกตั้งมา แล้วท่านก็ทำแบบที่ถามผม โอเคไหม โอเคจ้า ขอบคุณนะ วันนี้อารมณ์ดี ลมเย็น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
"บิ๊กโด่ง"ส่งทหารช่วยสอดส่อง
ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. กล่าวว่า ตำรวจอยู่ระหว่างติด ตามตัวคนร้าย โดยประสานข้อมูลข่าวสารกับข่าวกรองของกองทัพบก ซึ่งการดำเนินการเป็นหน้าที่ของตำรวจเป็นหลัก
เมื่อถามว่าเหตุดังกล่าวเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดย่านมีนบุรีหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ตรงนี้ยังบอกชัดเจนไม่ได้ เพราะต้องดูรายละเอียดในเรื่องภาพจากกล้องวงจรปิด และยังไม่ทิ้งประเด็นอื่นๆ ในการหามูลเหตุ ขอให้รอตำรวจติดตามคนร้ายก่อน ส่วนมูลเหตุด้านการเมือง อย่าเพิ่งมองว่าเป็นประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เพราะจะทำให้รูปคดีเสียไป ต้องดูให้รอบด้านก่อน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
พล.อ.อุดมเดชกล่าวอีกว่า เรื่องนี้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม กำชับและสั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคงดูแลอย่างเต็มที่ พร้อมปรับแผนการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างตำรวจกับทหาร ซึ่งฝ่ายตำรวจเป็นผู้ดูแลภาพรวมและติดตามตัวผู้กระทำผิด ขณะที่ทหารเป็นผู้สนับสนุนและส่งเสริมงานของตำรวจ โดยเฉพาะการเข้าไปดูแลในช่วงเวลาที่ล่อแหลมหรือยามวิกาล เพื่อให้ประชา ชนมีความมั่นใจว่ารัฐบาลสั่งการฝ่ายความมั่นคงให้ดูแลสิ่งเหล่านี้ จึงขอให้ประชาชนใช้ชีวิตตามปกติ อย่าตื่นตระหนกตกใจมากเกินไป และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ หากพบสิ่งผิดสังเกตในบางพื้นที่ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อประโยชน์ในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการดูแลความสงบ และความปลอดภัยได้ดีและครอบคลุมยิ่งขึ้น
"ประวิตร"มุ่งโยงการเมือง
ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตาม ขอเวลาให้ตำรวจทำงานก่อน ส่วนจะเกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือไม่ ตนคิดว่าก็ใกล้เคียง
ด้านนายอนุสิษฐ คุณากร เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ กำชับในที่ประชุมครม.ว่าให้ทุกหน่วยงานดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ทุกจุด เมื่อถามว่าที่ประชุมประเมินสถานการณ์ด้วยหรือไม่ว่าจากนี้ไปอาจมีการก่อเหตุในรูปแบบอื่น เพื่อสร้างความปั่นป่วนเพิ่มเติม นายอนุสิษฐกล่าวว่า ไม่มีการประเมินส่วนนี้