- Details
- Category: การเมือง
- Published: Saturday, 31 January 2015 23:19
- Hits: 3738
กุนซือคสช.ถกอัยการศึก ดันยกเลิก ชง'บิ๊กตู่'ใช้ม. 44 กฎคุมแทน แก้เกม-ออกกฎใหม่ ฝ่าฝืนส่งศาลยุติธรรม 'บิ๊กโด่ง'เกาะติดมะกัน เดินสายพบแดงอีสาน เต้น-พิชัยเคลียร์ทหาร
"บิ๊กตู่"ฮึ่มนักการเมืองขู่ปลุกม็อบเข้าข่ายก่อการร้าย ซัดพวกที่ไปฟ้องต่างประเทศน่าอาย 'บิ๊กโด่ง'จับตา จนท.ทูตสหรัฐพบเสื้อแดงอีสาน เผยยกเลิกภารกิจแล้วหลังทหารขับรถตามประกบ
2กพ."บิ๊กตู่"พบเกษตรกรโคราช
เมื่อวันที่ 30 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะลงพื้นที่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เพื่อพบปะเกษตรกร และประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) โดยจะเดินทางด้วยเครื่องบินแอมแบร์ออกจากกองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก เวลา 07.30 น. ถึงท่าอากาศยานนครราชสีมาเวลา 08.00 น. จากนั้นเป็นประธานการประชุม นบข.ที่สหกรณ์การเกษตรพิมาย ส่วนช่วงบ่ายจะพบปะและฟังการบรรยายสรุปจากตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพด โดย พล.อ.ประยุทธ์จะชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพฯช่วงเย็นวันเดียวกัน
"บิ๊กตู่"เร่งจัดการคดีร้ายแรง
เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการ "คืนความสุขให้คนในชาติ" ว่า เรื่องการกระทำทุจริตผิดกฎหมาย ยาเสพติด อาชญากรรมร้ายแรงทุกเรื่อง รัฐบาลจะพยายามเร่งรัดคดีที่มีผลเสียหายร้ายแรงต่อประเทศชาติ ให้เกิดความสงบสุขของประชาชน มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน คดีความอื่นๆ คงจะเข้าสู่กระบวนการมากขึ้น แต่ไม่ได้ไปใช้อำนาจเข้าไปก้าวก่ายกระบวนการพิจารณาคดี
"ทุกคนสามารถต่อสู้คดีได้ตามกฎหมายขอให้เป็นไปตามหลักฐานที่พิสูจน์ได้ ไม่มีการบิดเบือน ต้องยอมรับในกติกา จะบอกว่าเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าเชื่อมั่น เป็นไปไม่ได้ กรุณาอย่ามาพูดอะไรที่กระทบต่อกระบวนการยุติธรรมและประเทศชาติ ผมคงไม่คิดว่าจะมีใครที่อยากจะให้ใช้อำนาจของนอกประเทศ หรือคนอื่นๆ มาดำเนินการกับคนไทยในประเทศของเรา ถ้าอย่างนั้นผมว่าไม่ใช่คนไทย" นายกฯกล่าว
ชี้ขู่ปลุกม็อบส่อ"ก่อการร้าย"
"การพูดของอดีตนักการเมืองที่มีคดีบ้างหรือว่าอยู่ในพรรคการเมืองบ้าง ก็ขู่ว่าจะชุมนุมขู่รัฐบาล ข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐว่าจะใช้ความรุนแรง ว่าจะปรองดองไม่ได้ หรือว่าจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเหมือนภาคใต้ อันนี้อันตราย ถือว่าเป็นการพูดในเชิงลักษณะการก่อการร้าย เพราะฉะนั้นพวกนี้ถูกบันทึกไว้หมดแล้วจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายทันที แต่ไม่ใช่การปิดกั้นเสรีภาพ เพราะเป็นการพูดที่ทำให้เกิดผลกระทบที่ทำให้เกิดความมั่นคง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มาพูดข่มขู่เจ้าหน้าที่ประเทศไหนเขาก็รับไม่ได้ แล้วก็อ้างเป็นเรื่องการเมือง ไม่ใช่เลยเพราะไปพูดผิด ทำผิดกฎหมายแล้วมาบอกการเมืองได้อย่างไร เพราะตนไม่ใช่นักการเมืองที่แก้ปัญหาของประเทศชาติอยู่ในขณะนี้ สั่งการไปแล้วสำหรับบุคคลเหล่านั้น ทุกคนทราบดีว่าใครพูดอะไรอย่างไร ก็จะให้ คสช.ประเมินแล้วก็ดำเนินการอย่างระมัดระวังโดยทันทีกับผู้ที่มีการกระทำดังกล่าว
ซัดน่าอายพวกฟ้องต่างประเทศ
"สำหรับความคิดเห็นของผู้แทนมิตรประเทศต่างๆ ผมก็ฟังได้หมดทุกคน แต่จะให้ความสำคัญแค่ไหนอย่างไรเป็นเรื่องที่จะต้องใคร่ครวญของผม ผมไม่เคยไปขัดแย้งกับใคร รัฐบาลนี้เข้ามาอย่างไร ผมไม่เคยไปปฏิเสธที่ไปที่มา เพียงแต่ว่าต้องเข้าใจว่าเราทำเพื่อจะต้องการดูแลประเทศของเรา หากวันนี้ดูแลกันแก้ปัญหาไม่ได้ ให้ชาติอื่นเขามาดูแลเราหรือ ทำไมจะต้องเที่ยวไปฟ้องร้องคนโน้นคนนี้ให้เขาช่วยมาแก้ปัญหาให้เรา ผมว่าน่าอาย ทำไมถึงต้องดึงประเทศเราให้ไปเป็นเหมือนกับหลายๆ ประเทศที่เขามีปัญหาอยู่เวลานี้ วันนี้ก็ยังไม่หยุดยังจะต่อสู้กัน อะไรนักหนา" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯกล่าวว่า ทุกเรื่องมีปัญหาไปหมดจะปฏิรูป จะออกกฎหมายอะไรก็ไม่ได้ ทั้งที่มันก็ยังไม่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจว่าจะเดือดร้อนอะไร วันหน้าจะเข้ามาใช้อำนาจไม่ได้ ใช้ไม่สะดวกโกงกินไม่ได้หรือป่าว ไม่อยากจะเปิดศึก แต่ต้องพูด ไม่อย่างนั้นตนถูกพูดอยู่ข้างเดียว เป็นสุภาพบุรุษไม่อยากไปกล่าวว่าใคร ไม่อยากไปพูดว่าประเทศไทยเสียหายอย่างไร ไปโทษคนนั้นคนนี้
ชงใช้ม.44ออกกฎแทนอัยการศึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน กลุ่มที่ปรึกษา คสช. อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายวิษณุ เครืองาม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พล.อ.นพดล อินทรปัญญา ได้ประชุมหารือช่องทางเพื่อยกเลิกกฎอัยการศึก โดยจะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ออกกฎหรือระเบียบที่เหมือนกับกฎอัยการศึกมาใช้แทน ให้อำนาจทหาร และตำรวจ ในการปฏิบัติหน้าที่จับกุม ยับยั้งเหตุต่างๆโดยไม่ต้องขอหมายศาล โดยผู้กระทำผิดหรือฝ่าฝืนไม่ต้องขึ้นศาลทหาร ให้ขึ้นศาลยุติธรรม ทั้งนี้ เพื่อลดแรงกดดันที่มีต่อรัฐบาล หลังจากที่สหรัฐได้แสดงท่าทีเรียกร้องจนกลายเป็นการกระทบกระทั่งระหว่าง 2 ประเทศ
แหล่งข่าวจาก คสช.กล่าวว่า การใช้กฎอัยการศึกมีผลดี เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการต่างๆ ได้รวดเร็วเด็ดขาด อาทิ การจับกุมยาบ้ารายใหญ่นับล้านเม็ดเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นผลจากการใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก ทำให้สามารถจับกุมได้ทันที
"สุวพันธุ์"ผิดหวังท่าทีมะกัน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐที่ออกมาแสดงท่าทีต่อรัฐบาลไทยว่า ประเทศไทยมีสิทธิที่จะดำเนินนโยบายทั้งในประเทศและต่างประเทศ สหรัฐก็มีความสัมพันธ์กับไทยมาอย่างยาวนานเกือบ 200 ปี สหรัฐก็ต้องตระหนักถึงความสัมพันธ์ตรงนี้ด้วย สหรัฐควรจะรู้ว่าอะไรควรพูดมากน้อยเท่าไร "เขาก็มีกรอบของเขา เราก็มีกรอบ
ของเรา ผมเองทำงานกับเขามาเป็น 10 ปีแล้ว ส่วนตัวผมรู้สึกผิดหวังนะ เพราะว่าเราช่วยเขาเยอะ ในเรื่องความมั่นคงที่เป็นผลประโยชน์ของเขา วันนี้ก็ทราบว่าช่วยทำอยู่ เขาก็ต้องมองเราด้วยความเข้าใจเหมือนกัน" นายสุวพันธุ์กล่าว
"ดอน"ถามหามารยาทสหรัฐ
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่เลขานุการทูตและเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเมืองของสหรัฐลงพื้นที่พบแกนนำคนเสื้อแดงในภาคอีสานว่า ไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ ในแง่การทำงานต้องก้าวข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะวันที่ 31 มกราคม ต้องเตรียมการเรื่องการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายกฯ ทุกวันมีเรื่องใหม่เข้ามาตลอดไม่สามารถอยู่กับเรื่องเก่าได้ทุกวัน
เมื่อถามว่า "จะอยู่นิ่งโดยให้สหรัฐเคลื่อนไหวต่อไปใช่หรือไม่ นายดอนกล่าวว่า
"เรื่องนี้เป็นเรื่องในบ้านเรา ผู้ที่มีมารยาทโดยทั่วไปก็คงอยากจะเห็นเพื่อนของเราเหมือนกับเรา เวลาที่เราไปประเทศอื่นก็จะไม่ไปยุ่งกับเรื่องราวบ้านเมืองเขา เพราะเรามีงานอื่นให้ทำอีกมาก แม้สหรัฐยังไม่เข้าใจเรา แต่จะไม่ส่งผลให้การทำงานสะดุด เพราะเราทำงานแยกส่วนกัน ความร่วมมือที่ทำกันอยู่ยังเดินต่อไป อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของไทยและสหรัฐมีมายาวนานถึง 182 ปี ดังนั้น เขาน่าจะเข้าใจเราได้ลึก"
ให้มะกันคิดทำคนไทยโกรธ
"หลังจากที่ผมแถลงข่าว มีเพื่อนมาบอกผมว่า ทำไมไม่ถามเขาว่ามีอะไรที่ทำให้คนไทยซึ่งเป็นมิตรที่ซื่อของสหรัฐและเป็นมิตรที่ดี เปลี่ยนทัศนคติในทางที่ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของสหรัฐได้มากมายขนาดนี้ และให้เขาชี้แจงกลับมา ทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะบอกกล่าวให้คนอื่นได้รับทราบเหมือนกัน และถือเป็นโจทย์หนึ่งที่เพื่อนของเราต้องนำกลับไปคิดว่าคนไทยที่เป็นชนชาติที่เข้าใจคนได้ง่าย ไม่เอาเรื่องกับคนอื่นเท่าไรนัก แต่ตอนนี้กลับมีความเห็นระบาดไปทั่วทั้งเฟซบุ๊กและอื่นๆ อะไรที่ทำให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้น ต้องมีอะไรสักอย่างที่ทางสหรัฐต้องนำไปคิด" นายดอนกล่าว
เมื่อถามกรณีที่นายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ทวีตข้อความเรียกร้องให้รัฐบาลคืนประชาธิปไตยโดยเร็ว นายดอนกล่าวว่า อย่าไปคิดว่าเขาจะเปลี่ยนความคิดและท่าทีทันควัน เรื่องที่เป็นปัญหามานาน ไม่ใช่ว่าไทยไปพูดแล้วเขาต้องเปลี่ยน เขาเพียงแต่รับเรื่องแล้วนำกลับไปพิจารณา ส่วนที่เขามองว่าไม่อยากให้ไทยสะดุดอยู่อย่างนี้นานๆ ต้องบอกว่าทุกคนใน ครม.ต่างทำงานเพื่อชาติ
"ผมเห็นใจนายกฯมาก เพราะนั่งอยู่ตรงนี้เครียดและงานมหาศาล นายกฯเอาจริงเอาจังกับทุกเรื่อง ผมรู้สึกว่าเป็นเรื่องหนักอกของคนที่ดูแลทั้งประเทศ ผมดูไม่กี่เรื่องยังรู้สึกว่าเต็มมือ เวลาไปประชุมกับหัวหน้ารัฐบาลหรือผู้นำอื่นไม่เคยเห็นการเอาจริงเอาจังเหมือนรัฐบาลยุคนี้" นายดอนกล่าว
"บิ๊กโด่ง"จับตามะกันคุยเสื้อแดง
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐเดินสายพบแกนนำเสื้อแดงที่ภาคอีสานว่า เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ให้นโยบายว่าให้คอยติดตามสถานการณ์ดู ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไทยให้เกียรติเขาแต่ก็ต้องติดตาม หวังว่าจากการพูดคุยกันวันก่อนในระดับรองนายกฯ และการแสดงออกของส่วนต่างๆ น่าจะมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น หวังว่าสิ่งต่างๆ คงไม่มีผลกระทบใดๆ สหรัฐเองก็ต้องเข้าใจประเทศไทยด้วยว่าการดำเนินการต่างๆ มีความจำเป็นที่ต้องทำ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.และโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐไปทำภารกิจใด แต่เชื่อว่าผู้แทนมิตรประเทศหรือนักการทูตทุกคนจะให้เกียรติประเทศที่ตนเองพำนักอยู่ คงไม่ทำอะไรที่จะทำให้กระทบกับความสัมพันธ์ของประเทศนั้น โดยเฉพาะเรื่องการเมืองหรือการแทรกแซงนโยบาย เพราะอาจจะส่งผลต่อความรู้สึกต่อคนของประเทศที่พำนักได้ โดยปกตินักการทูตจะมีธรรมเนียมและมารยาททางการทูตที่เป็นมาตรฐานสากลอยู่แล้ว คิดว่าหลายๆ ประเทศให้เกียรติประเทศไทยเสมอมา โดยเฉพาะสหรัฐก็มีความสัมพันธ์กันมานาน
จนท.ทูตสหรัฐแจงพบทุกฝ่าย
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐคนหนึ่งกล่าวถึงกระแสข่าวที่นายดับเบิลยู แพทริค เมอร์ฟี อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ลงพื้นที่หาข่าวในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเป็นของกลุ่มมวลชนเสื้อแดงว่า สถานทูตสหรัฐมีนโยบายในการพบปะกับทุกฝ่ายไม่เฉพาะเจาะจงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เห็นได้จากเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา นายเมอร์ฟีก็เดินทางพร้อมกับนาย
แดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐด้านกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกของสหรัฐ เข้าพบกับทั้ง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย
"จากกระแสข่าวดังกล่าวคาดว่า เป็นไปได้ว่าบางฝ่ายอาจไม่ได้ประชาสัมพันธ์ ขณะที่มีบางฝ่ายที่เห็นว่าการประชาสัมพันธ์เรื่องนี้อาจเป็นประโยชน์กับฝ่ายตนก็เป็นได้" เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐกล่าว
จนท.มะกันยกเลิกพบเสื้อแดง
รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐเดินทางไปพบปะหารือกับแกนนำเสื้อแดงในบางจังหวัดทางภาคอีสาน แต่พบปะเพียงบางคนเท่านั้น เนื่องจากอยู่ในสายตาของทหารอย่างใกล้ชิด โดยทหารขับรถติดตามรถคณะเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐที่เดินทางไปตามเส้นทางที่นัดหมายกับแกนนำเสื้อแดง ทำให้ล่าสุด เจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐเกิดความไม่สะดวกและต้องแจ้งยกเลิกนัดหมายทั้งหมดแล้ว เพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง และขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับกรุงเทพฯ
วันเดียวกัน ที่สโมสรนายทหาร ค่ายพิชัยดาบหัก จังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ พ.อ.สัณธวัฒน์ วงศ์วัฒนะ รองเสนาธิการ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ เป็นประธานเปิดโครงการสร้างความเข้มแข็งต่อการปฏิรูปสังคม เพื่อระดมความคิดเห็นจากประชาชนในการปฏิรูปประเทศ มีนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีต ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย (พท.) นายพนัส พรมทอง ประธานกลุ่มรักษ์อุตรดิตถ์ 52 แกนนำกลุ่มต่างๆ ทั้งเสื้อเหลืองและเสื้อแดงเข้าร่วม
พท.จี้รบ.เปิดกว้างฟังอเมริกา
นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) และอดีตรองประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ และกรรมการบริหารหน่วยประจำชาติไทยในองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ กล่าวถึงท่าทีของรัฐบาลและนายกฯต่อสหรัฐว่า รู้สึกเป็นห่วงท่าทีของสหรัฐต่อไทย เพราะมีการลดระดับทางการทูตแล้วด้วยความนุ่มนวล เพราะหลังเอกอัครราชทูตคริสตี้ เคนนีย์ ออกจากประเทศไทย ก็ยังไม่มีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตคนใหม่มา มีเพียงอุปทูต รวมทั้งลดความร่วมมือการซ้อมรบ อยากให้นายกฯและรัฐบาลเปิดใจให้กว้างกว่านี้ ไม่อยากให้ไทยกับสหรัฐเป็นเช่นไทยกับซาอุดีอาระเบีย เพราะประชาชนจะเดือดร้อน
ผบ.ทบ.ย้ำใครจ้อส่อวุ่นเรียกคุยอีก
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่ คสช.เรียกตัวนักการเมืองมาปรับทัศนคติว่า อยากให้ใช้คำว่าเป็นการเชิญบุคคลต่างๆ มาพูดคุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ไม่ได้มีความรุนแรงใดๆ สถานการณ์ปัจจุบันเป็นเรื่องที่ต้องพยายามทำให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน ขอความร่วมมือเรื่องการแสดงออกและการแสดงความคิดเห็น ถ้าอยู่ในกรอบก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าเกิดความไม่เข้าใจก็จำเป็นต้องเชิญมาพูดคุย แต่ละคนที่มาพูดคุยและปรับทัศนคติก็ได้รับรายงานว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทุกคนเข้าใจ
เมื่อถามว่าจะมีการเชิญตัวเพิ่มเติมและจะยุติความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ขณะนี้เป็นเพียงเรื่องการแสดงความคิดเห็น ก็มาปรับความเข้าใจกัน เคยพูดและขอร้องแล้วว่าให้อยู่ในกรอบ แต่ถ้ายังมีการแสดงออกถึงความไม่เข้าใจก็คงต้องพูดคุยกันต่อไป เมื่อถามว่าแสดงว่ายังมีการเคลื่อนไหวอยู่ใช่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยก็ไม่ต้องเรียกมาเพิ่มเติมอีก แต่บางคนที่ไม่เรียบร้อยและไม่เข้าใจเราก็ต้องคุยให้เกิดความเข้าใจ
"เต้น"แจงทหารพูดเพราะหวังดี
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เดินทางมาเพื่อรอทหารนำไปพูดคุยกับทีมทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ตามคำเชิญของ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผบ.กกล.รส. ต่อมา ทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5 (ปตอ.5) โทรศัพท์มาให้นายณัฐวุฒิเดินทางไปที่สโมสรทหารบก เทเวศร์ เพื่อพูดคุยกับ พ.อ.นวกร สงวนศักดิ์โยธิน ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1
จากนั้นเวลา 10.20 น. นายณัฐวุฒิให้สัมภาษณ์หลังการพูดคุยนานกว่า 1 ชั่วโมง ว่า เป็นการขอความร่วมมือการให้สัมภาษณ์เรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาเป็นการแสดงออก
ความคิดเห็นด้วยความความบริสุทธิ์ใจและหวังดีต่อบ้านเมือง บรรยากาศการพูดคุยเจ้าหน้าที่ทหารมีมิตรไมตรีจิตที่ดี ไม่มีการบังคับ และไม่มีท่าทีแข็งกร้าวแต่อย่างใด โดยมีข้อยุติร่วมกันคือการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองตนก็มีความยินดี เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าและความวุ่นวาย แต่ว่าการแสดงออกที่ปรารถนาดีต่อบ้านเมือง เชื่อว่าสังคมทั่วไปรับได้ ไม่มีเจตนาขัดขวางหรือต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น
ยันมีสิทธิให้ความเห็น-ปัดเล่นแง่
ต่อมาเวลา 12.00 น. นายณัฐวุฒิโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "เพื่อนมิตรมากมายห่วงใยถามไถ่ เล่าสู่กันฟังครับ เจ้าหน้าที่นัดผมไปคุยที่สโมสร ทบ. การสนทนาเป็นไปด้วยอัธยาศัยไมตรี ไม่มีข่มขู่บีบบังคับ สาระโดยสรุปคืออธิบายเหตุผลการยึดอำนาจ ความมุ่งหมายของ คสช.และขอให้งดแสดงความเห็นทางการเมือง พร้อมแจ้งมาตรการต่อไปหากเห็นว่าไม่ให้ความร่วมมือ ผมบอกไปว่ายินดีให้ความร่วมมือ ไม่มีเคลื่อนไหวเผชิญหน้า แต่เรื่องการแสดงความเห็นผมคิดว่าเป็นสิทธิและพร้อมรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น ขอให้เข้าใจว่าทุกอย่างที่พูดเพราะผมคิดและเชื่อเช่นนั้น ด้วยความหวังดีต่อบ้านเมืองไม่มีเป้าหมายอื่น"
"สุดท้ายก็จบตรงที่ ก็แล้วแต่น้อง ถือว่าเราได้พูดคุยกันแล้ว" ผมก็ตอบว่าหากวันข้างหน้ามีเหตุต้องเรียกผมมาหรือดำเนินการอย่างไรกับผมอีก ขอให้เข้าใจว่าไม่ใช่ผมเล่นแง่หรือไม่ไว้หน้าคณะที่พูดคุยกัน แต่ผมเป็นผมแบบนี้จริงๆ" นายณัฐวุฒิระบุ
ทหารท้าพนัน"พิชัย"3เดือนศก.ดี
เมื่อเวลา 10.15 น. วันเดียวกัน นายทหารกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.)เชิญตัวนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จากพรรคเพื่อไทย จากบ้านพักไปกองทัพภาคที่ 1 เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตามคำเชิญของ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1
ในฐานะ ผบ.กกล.รส.
ต่อมาเวลา 13.00 น. นายพิชัยโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า "ผมได้รับเชิญไปที่กองทัพภาคที่ 1 โดยมีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างสุภาพกับผู้แทนกองทัพ ผู้แทนกองทัพขอความร่วมมือไม่ให้แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อที่จะไปกระทบการบริหารงานของรัฐบาล ไม่ใช่การบังคับหรือข่มขู่ โดยผมชี้แจงว่าอยากให้ผู้แทนทหารได้กลับไปอ่านที่ผมคอมเมนต์ทั้งหมดที่ผ่านมาว่าผมอยากเห็นประเทศก้าวไปได้ สิ่งที่ผมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะแย่ก็แย่จริงๆ ผมจะไปพูดให้เศรษฐกิจแย่ก็คงไม่ได้ และอยากให้เปลี่ยนวิธีคิด มิเช่นนั้นเศรษฐกิจอาจจะแย่กว่านี้ อย่างไรก็ตาม ผมจะไม่ออกความเห็นให้กระทบกับรัฐบาลอีก"
"การสนทนาเป็นไปด้วยดี สุภาพ และตรงประเด็น โดยผู้แทนกองทัพยังพนันกับผมว่าเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้จะดีแน่นอน ผมเองอยากจะเสียพนันครับ เพราะประชาชนจะได้มีความสุข" นายพิชัยระบุ
คิว"วรชัย"รายงานตัว2ก.พ.
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ได้รับการประสานนัดหมายจาก คสช.ให้ไปรายงานตัวในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เวลา 13.00 น. ที่กองทัพภาคที่ 1 ส่วนตัวพร้อมยินดีที่จะไป "อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ฟังความรอบด้าน หากฟังแต่คนใกล้ชิดก็จะมีแต่คำชม คำสรรเสริญ ฉะนั้นต้องฟังพวกเราที่ติติง เสนอแนะบ้าง ประชาชนเขาฝากบอกอดีต ส.ส.มา เราก็สะท้อนออกไป พวกเราไม่ได้ต่อต้านรัฐบาลและ คสช. แต่พูดอีกมุมหนึ่งด้วยความหวังดี เพราะเราอยากเห็นประเทศเป็นประชาธิปไตย อยากเห็นประเทศก้าวหน้าเหมือนกัน" นายวรชัยกล่าว
ปชป.ชี้เส้นทาง"บิ๊กตู่"ยิ่งโดดเดี่ยว
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า "ผมอยากให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะฝ่าด่านการค่อนแคะของหลายคนไปก็ตามว่า "แนวทาง" ของ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ผิดพลาด แต่นับวันทางเดินของ พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งยากและโดดเดี่ยวมากขึ้นทุกวัน รัฐมนตรีทุกคนต่างก็ถนอมเนื้อถนอมตัวเหมือนไข่ในหิน ไม่ออกมาชี้แจงแทนบ้างเลย อย่างไรก็ตาม เส้นทางของนายกฯมีทางเดียวคือตรงไปข้างหน้า ไม่มีทางแยก ไม่มีทางเบี่ยง ไม่มีศาลาริมทางให้ได้พักเหนื่อย ยิ่งสังคมไทยเป็นสังคมที่ลืมง่าย ไม่มีผิดไม่มีถูก ไม่จดจำบทเรียนในอดีต ทางเดินของ พล.อ.ประยุทธ์จึงหนักขึ้นเป็นทวีคูณ ผมขอให้กำลังใจ"
กมธ.ปิดช่องส.ส.แปรญัตติงบ
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ เป็นประธานการประชุม ต่อมา นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ที่ประชุมพิจารณาหมวด 5 การคลังและการงบประมาณ มาตรา (2-5/-) 4 ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติม และร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณ ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว สภาผู้แทนราษฎรจะแปรญัตติเพิ่มเติมรายการหรือจำนวนในรายการมิได้ แต่อาจแปรญัตติให้ลดหรือตัดทอนรายจ่าย ซึ่งมิใช่รายจ่ายตามข้อผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) เงินส่งใช้ต้นเงินกู้ (2) ดอกเบี้ยเงินกู้ (3) เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย
นายคำนูณกล่าวว่า กมธ.เพิ่มข้อความใหม่ โดยกำหนดให้กรณีที่มีการแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนรายการหรือจำนวนในรายการใด จำนวนรายจ่ายที่ลดหรือตัดทอนนั้นจะนำไปจัดสรรสำหรับรายการกิจกรรม แผนงาน หรือโครงการที่ตั้งขึ้นใหม่มิได้ และกำหนดให้รัฐต้องจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับการบริหารงานโดยอิสระของรัฐสภา ศาล และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งกรณีที่ 3 หน่วยงานดังกล่าวเห็นว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไม่เพียงพอ ให้เสนอคำขอแปรญัตติต่อคณะ กมธ.พิจารณางบประมาณได้โดยตรง โดยต้องแสดงสถานะเงินนอกงบประมาณและเงินอื่นที่หน่วยงานนั้นมีอยู่ไปพร้อมกับคำแปรญัตติด้วย
ใช้งบเสียหายให้ป.ป.ช.ฟันทันที
นายคำนูญกล่าวว่า ในมาตรา (2/5/-) 6 กมธ.ยังระบุอีกว่า เงินรายได้ของหน่วยงานของรัฐใดที่กฎหมายกำหนดให้ ไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน เงินนอกงบประมาณและเงินอื่นใดที่หน่วยงานของรัฐนั้นมีอยู่ ให้หน่วยงานของรัฐนั้นทำรายงานการรับและการใช้จ่ายเงินดังกล่าวเสนอ ครม.เมื่อสิ้นงบประมาณทุกปี และให้ ครม.รายงานให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบ
นายคำนูณกล่าวว่า ส่วนมาตรา (2/5/-) 7 กรณีที่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดก่อให้เกิดการใช้จ่ายเงินแผ่นดิน อันวิญญูชนพึงเห็นได้ว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ผู้ตรวจการแผ่นดินหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อาจไต่สวนข้อเท็จจริงและสรุปสำนวนยื่นฟ้องศาลปกครองแผนกคดีวินัยการคลังและการงบประมาณ และให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยโดยไม่ชักช้า
ชงมีกก.แต่งตั้ง-โยกย้ายปลัด
นายคำนูณกล่าวว่า สำหรับการพิจารณาหมวด 6 ความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการ นักการเมือง และประชาชน มีประเด็นที่สำคัญอยู่ในมาตรา (2/6/-) 2 การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนต้องใช้ระบบคุณธรรม ให้มีคณะกรรมการดำเนินการแต่งตั้งข้าราชการโดยระบบคุณธรรม ประกอบด้วยกรรมการ 7 คน ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภา จากบุคคลที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและเป็นกลางทางการเมือง ดังต่อไปนี้ (1) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ซึ่งได้รับเลือกตั้งจากคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) 2 คน (2) ผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าปลัดกระทรวงและได้พ้นจากราชการแล้ว 3 คน ซึ่งได้รับเลือกจากผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่าปลัดกระทรวง (3) ประธานกรรมการจริยธรรมของทุกกระทรวงที่เลือกกันเอง 2 คน จากนั้นให้วุฒิสภาพิจารณาประวัติความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคล
นายคำนูณกล่าวว่า กรณีที่วุฒิสภาเห็นว่าบุคคลดังกล่าวไม่เหมาะสม ให้ประธานวุฒิสภาส่งรายชื่อนั้นกลับไปให้เลือกใหม่ โดยคณะกรรมการดังกล่าวจะมีอำนาจหน้าที่พิจารณารายชื่อบุคคลที่เห็นสมควรต่อนายกฯ เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการที่เทียบเท่า หรือย้ายหรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง
ป้องขรก.ถูกรมต.สั่งปากเปล่า
นายคำนูณกล่าวว่า ในมาตรา (2/6-) 3 ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและนโยบายที่ ครม.แถลงต่อรัฐสภา มาตรา (2/6/-) 4 การสั่งการในการบริหารราชการแผ่นดินให้กระทำการเป็นลายลักษณ์อักษร เว้นแต่กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเร่งด่วน อาจสั่งราชการด้วยวาจาอื่นได้ แต่ให้ผู้รับคำสั่งต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรและเสนอให้ผู้สั่งลงนามในภายหลัง ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐใดดำเนินการไปโดยปราศจากคำสั่งดังกล่าว ย่อมต้องรับผิดชอบตามกฎหมายด้วยตนเอง
นายคำนูณกล่าวว่า หากข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ดำเนินการใดที่เป็นการสั่งการที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ย่อมได้รับความคุ้มครองตามที่กฎหมายบัญญัติ เพราะ กมธ.เห็นว่าที่ผ่านมามีอดีตรัฐมนตรีสั่งการด้วยวาจาให้ข้าราชการดำเนินการ แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมักจะเป็นข้าราชการที่ต้องรับผิดแต่เพียงผู้เดียว
"บวรศักดิ์"ย้ำรวมกสม.-ผู้ตรวจ
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า กมธ.ยกร่างฯและคณะทำงานศึกษาแนวทางการควบรวมกสม. และผู้ตรวจการแผ่นดิน ตลอดจนศึกษาแถลงการณ์ขององค์กรสิทธิมนุษยชนอย่างละเอียดรอบคอบแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นต้องควบรวมยกสถานะทั้ง 2 องค์กร ขึ้นเป็นองค์กร เดียวคือ "ผู้ตรวจการแผ่นดินและพิทักษ์สิทธิของประชาชน" เพื่อประโยชน์ของประชาชน ที่จะได้ขอรับความคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จากองค์กรนี้ที่เดียว ไม่จำเป็นต้องไปร้องทั้ง 2 องค์กร
นายบวรศักดิ์กล่าวว่า การยกระดับนี้จะไม่กระทบต่อบุคลากรของทั้ง 2 องค์กรที่มีรวมกันกว่า 400 คน ทั้งจะต้องไม่กระทบต่ออำนาจหน้าที่เดิมที่มี ส่วนการกำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานนั้นให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินและพิทักษ์สิทธิของประชาชน โดยเบื้องต้นกำหนดให้มีกรรมการ 11 คน ทำหน้าที่ในทุกด้าน อาทิ ด้านสิทธิเด็กสตรี ด้านคุ้มครองผู้บริโภค มีช่องทางการฟ้องศาล 3 ช่องทาง คือ ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญและศาลยุติธรรม ส่วนการมีมติร่วมก็ขึ้นอยู่กับเรื่องร้องเรียนในแต่ละกรณี หากมีการล่วงละเมิดสิทธิมาก ก็อาจจะต้องใช้มติร่วมกัน ทั้งนี้ขึ้น อยู่กับการหารือร่วมกันระหว่างคณะกรรมการที่มีอำนาจตามกฎหมายลูก
"กสม."ออกแถลงการณ์คัดค้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์กรณี กมธ.ยกร่างฯเสนอควบรวม กสม.กับผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากเห็นว่าอำนาจหน้าที่ของทั้งสององค์กรมีความซ้ำซ้อนกันอยู่ กสม.จึงมีความเห็นดังนี้ 1.อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของ กสม.มีลักษณะชัดเจนและแตกต่างจากองค์กรอื่น คือ กสม.มีหน้าที่ส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคของบุคคลที่ได้รับการรับรองหรือคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ หรือดำเนินงานให้เป็นไปตามสนธิสัญญาที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตาม จะเห็นได้ว่าขอบเขตงานของ กสม.มุ่งไปที่การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชน และมีหน้าที่ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกกรณี ไม่ว่าผู้กระทำการละเมิดจะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานใดก็ตาม โดยเฉพาะการตรวจสอบการกระทำหรือละเลยการกระทำ ซึ่งไม่เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
2.ที่กล่าวถึงความซ้ำซ้อนระหว่าง กสม.และผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นเรื่องขั้นตอน วิธีการในการตรวจสอบข้อร้องเรียน ถึงแม้ว่าจะดูเสมือนหนึ่งว่ามีความคล้ายคลึงกันในทางสอบสวนหาข้อเท็จจริง แต่การทำหน้าที่ดังกล่าวมิได้ซ้ำซ้อนกันในเรื่องของอำนาจหน้าที่ตามภารกิจแต่อย่างใด อีกทั้งการทำหน้าที่ขององค์กรทั้งสองในการตรวจสอบนั้นจะก่อให้เกิดผลดีที่ทุกคำร้องเรียนจะได้รับการตรวจสอบในบริบทและมิติที่แตกต่างกัน เป้าหมายการตรวจสอบหรือการวินิจฉัยของแต่ละองค์กรแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
"ธีรภัทร์"ชี้รธน.ใหม่แค่กระดาษ
ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "การมีส่วนร่วมของประชาชนในการปฏิรูปประเทศไทย" ว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนจะเกิดขึ้นได้ 1.ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพในการพูด ด้วยความบริสุทธิ์ใจ คาดว่าปีนี้ประชาชนไทยจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่อาจจะได้เพียงกระดาษเท่านั้น เพราะไม่ได้ผ่านขั้นตอนการหล่อหลอมความเห็นของประชาชนเข้าไปด้วย ประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้ต้องให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเป็นกระบอกเสียงของประชาธิปไตย การเปิดเวทีให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นจะเป็นทางออกของการปฏิรูป ไม่อย่างนั้นจะเกิดเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลทำแบบขอไปที ผู้นำประเทศไม่ควรละเลยหรือจัดฉากการแสดงความเห็น
"2.การปฏิรูปจะเกิดขึ้นไม่ได้หากผู้นำประเทศไม่เข้าใจเรื่องสิทธิเสรีภาพ และการปฏิรูป