- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 30 January 2015 11:02
- Hits: 3912
คิวเต้น-พิชัยเข้าค่ายวันนี้ คสช.เรียก อ๋อย-ปึ้ง-เชิดชัยโดนก่อน เบรกพูด-โพสต์การเมือง'พรเพชร'แถลงอัดมะกัน กมธ.เล็งเรียกอุปทูตแจง สหรัฐย้ำลดฝึก'คอบร้า' |
'พรเพชร'แถลงอัด'มะกัน'กมธ.ตปท.เล็งเรียกอุปทูตแจง 'บิ๊กตู่'ฉุนใครออกมาพูดถูกเชิญปรับทัศนคติหมด ยันไม่กดดัน 'ปึ้ง-อ๋อย'เข้าพบแล้ว เรียก'เต้น-พิชัย'30 ม.ค. อดีต ส.ส.ขอนแก่น
@ 'บิ๊กตู่'ถกหัวหน้าส่วนราชการ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 มกราคม ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2558 โดยมีนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับ ซึ่งมีคณะหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ เข้าร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ วาระในการประชุมนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับทราบนโยบายและความคืบหน้าด้านต่างๆ
แหล่งข่าวจากจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า นายกฯกล่าวตอนหนึ่งว่า ให้นโยบายทุกกระทรวงต้องปรองดอง ร่วมกันทำงาน เพื่อให้การทำงานเกิดขึ้นสมบูรณ์และรวดเร็ว ในการแต่งตั้งโยกย้ายก็มีอำนาจเต็มที่ อย่าทำเหมือนตำรวจ ที่มีหนังสือให้ไปสวัสดีนักการเมือง ไม่เข้าใจว่าจะไปสวัสดีทำไม ไม่ใช่เวลาที่จะไปสวัสดี อย่าให้ใครใช้ชื่อนักการเมืองหรืออ้างชื่อนายกฯ เพื่อโยกย้ายตำแหน่ง นอกจากนี้สั่งการให้ข้าราชการประสานระดับจังหวัด เพื่อให้จับตาเรื่องของการลงพื้นที่พบปะหารือมวลชนเสื้อแดงด้วย
@ คุมเข้มขรก.-สื่อห้ามวุ่นวาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในกระทรวง เกษตรและสหกรณ์และบริเวณโดยรอบ ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจำนวนมากดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ขอให้ข้าราชการเมื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ประจำแล้ว ขอให้อยู่ในพื้นที่ประจำของตนเอง หากไม่จำเป็นไม่ให้ออกมาเดินพื้นที่ข้างนอก รวมทั้งสื่อมวลชนประจำกระทรวงที่มีห้องปฏิบัติการที่บริเวณชั้น 1 ของอาคารที่จัดการประชุม ได้ขอความร่วมมือให้ลงมาปฏิบัติหน้าที่ในเต็นท์ทำการชั่วคราว ซึ่งตั้งบริเวณทางเข้าร่วมกับผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ยังได้ของดการจำหน่ายสินค้าในตลาดนัดสินค้าเกษตรกรที่จะมีการจัดจำหน่ายเป็นประจำในวันพฤหัสบดี
@ สาวใหญ่วิ่งใส่ขบวนนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ขบวนรถของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเลี้ยวขวาเข้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปรากฏว่ามีหญิงสูงวัยอายุประมาณ 50 ปี ถือไม้เท้าข้างหนึ่งประคองตัวเอง ทราบชื่อภายหลังว่านางภินันท์ ภูมิวรรณรินทร เกษตรกรชาวไร่มะขาม จ.เพชรบูรณ์ พยายามวิ่งใส่เข้าหาขบวนรถของนายกฯ เพื่อที่จะยื่นหนังสือร้องเรียน พร้อมนำกระเช้ามะขามหวานมอบให้ด้วย แต่เจ้าหน้าที่ได้ขวางและขอร้องไม่ให้เข้าถึงขบวนรถนายกฯ ทั้งนี้ขบวนรถไม่ได้หยุด โดยนายกฯมองผ่านกระจกรถออกมาเท่านั้น จากนั้นเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจาให้ระงับสติอารมณ์และให้ชี้แจงถึงปัญหา แต่นางภินันท์กลับส่งเสียงโวยวายเพราะคิดว่าถูกขัดขวาง
@ อ้างถูกธนาคารโกง 42 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางภินันท์ระบุว่าตัวเองเป็นหนี้สินและถูกธนาคารแห่งหนึ่งยึดทรัพย์ขายทอดตลาด มาขอความช่วยเหลือจากนายกฯ และยืนยันว่าไม่มีนักการเมืองคนไหนสั่งมา และได้ร้องเรียนปัญหาหนี้สินมาหลายรัฐบาล เคยไปร้องเรียนที่ทำเนียบรัฐบาลจนเจ้าหน้าที่รู้จักหมดแล้ว หรือต้องการให้จุดไฟเผาตัวเหมือนป้าสังเวียน (นางสังเวียน รักษาเพ็ชร์) ถึงจะมีการช่วยเหลือกัน ตนเองถูกโกงเอาทรัพย์ไปขายทอดตลาด หลอกให้เซ็นเอกสารแล้วยึดทรัพย์กว่า 42 ล้านบาท
@ 'บิ๊กโด่ง'จับตา'โอ๊ค'วิจารณ์
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ไม่อยากให้แต่ละฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย เศรษฐกิจเดินต่อไปไม่ได้ วุ่นวายไม่จบสิ้น ส่งผลต่อการปฏิรูปประเทศ ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปไม่ได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ ทั้งนี้ หากแสดงความคิดเห็นอยู่ในกรอบสามารถทำได้ แต่เมื่อแสดงความคิดเห็นแล้วเกิดความวุ่นวาย ก็ไม่ควร อยากให้ทุกคนอยู่นิ่งๆ
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เป็นการเชิญมาพูดคุยทำความเข้าใจร่วมกันเฉยๆ ถ้าทุกคนเข้าใจตรงกันคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร ถ้าทุกคนมีความเข้าใจดีแล้ว จะไม่การเรียกมารายงานตัวแต่อย่างใด ส่วนกรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นนั้นขอให้ดูกันต่อไปเพราะก่อนหน้านี้ได้ขอร้องไปแล้วว่าต้องแสดงความคิดเห็นให้อยู่ในกรอบ ถ้าอยู่ในกรอบไม่มีปัญหาอะไร
@ 'พรเพชร'แถลงอัด'มะกัน'
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงถึงกรณีที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐแสดงท่าทีของสหรัฐที่มีต่อไทยว่า ไม่รู้สึกแปลกใจที่ผู้แทนสหรัฐเข้ามาพบกับประเทศไทยในเชิงไม่ถูกต้อง ด้วยระเบียบวิธีทางการทูต กระทรวงต่างประเทศสหรัฐใช้วิธีนี้ทำเป็นประจำ แต่ก็ดีกว่าการส่งสปายหรือสายลับซีไอเอเข้ามาแทรกแซงกิจการของประเทศ ที่ใช้นโยบายนี้เพราะถือว่าเป็นประเทศมหาอำนาจ ทั้งนี้ แม้ว่ากระบวนการแต่งตั้ง สนช.จะเกิดขึ้นจากการรัฐประหาร แต่สนช.ถือเป็นโรดแมปในการเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืน
@ กมธ.ตปท.ข้องใจ'แดเนียล'
นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ แถลงว่า กมธ.รู้สึกผิดหวังและห่วงกังวลกับท่าทีของนายแดเนียลที่ได้แสดงออกในหลายประเด็น การวิจารณ์เกี่ยวกับมาตรการต่างๆ นั้น นายแดเนียลน่าจะมีความรู้เพียงพอว่าไทยมีเหตุความจำเป็นเพื่อธำรงไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อย ถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกิจการภายใน ประเทศอื่นไม่อาจแทรกแซงได้ ทั้งนี้ กมธ.จะเชิญอุปทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เข้ามาพูดคุยและชี้แจงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
@ 'วิษณุ'ยันอัยการศึกไม่กระทบ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต่างประเทศมองคำว่ากฎอัยการศึกเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในประเทศไทยอยู่กับกฎอัยการศึกมานาน เมื่อถามว่า การเรียกบุคคลเข้าไปพูดคุยปรับทัศนคติจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคนที่เกี่ยวข้องจะไปจัดการน่าจะมาจากการแสดงความคิดเห็นหรือทัศนคติ ถ้ารู้สึกว่าทัศนคติยังมีอยู่อย่างนั้น คงต้องทำความเข้าใจ แต่หากไปพบแล้วไม่เป็นข่าว ไม่แสดงทัศนคติก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะกรรมเป็นเครื่องแสดงเจตนาว่าพูดอย่างนี้ แสดงว่าคิดอย่างนี้ ฉะนั้นต้องมาคุยกันว่าทำไมถึงคิดอย่างนี้ เป็นต้น
@ ชม'ดอน'พูดดีประสาทูต
เมื่อถามว่า การกระทำของสหรัฐเป็นการคุกคามทางการทูตอยู่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า คนที่เกี่ยวข้องได้แสดงความเห็นแล้ว จึงไม่ควรไปพูดต่อ และการชี้แจงของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พูดได้ดีตามประสาของทูตไปแล้ว ส่วนตนเคยพบกับอุปทูตสหรัฐมาแล้ว ไม่เห็นมีอะไร แสดงความเห็นว่าถ้ารัฐธรรมนูญออกเดือนกันยายน 2558 แล้วไปเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ไม่ค่อยฉลาด ก็ตอบไปว่าถ้าเดือนกันยายนรัฐธรรมนูญออกแล้วเดือนตุลาคม 2558 จัดเลือกตั้งเลย อย่างนั้นถึงขั้นโง่ เพราะกฎหมายลูกยังไม่มี พรรคการเมืองยังไม่ได้ตั้ง ฉะนั้นระหว่างไม่ฉลาดกับโง่ต้องเลือกเอา เมื่อถามว่า ขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหรัฐเป็นอย่างไรบ้าง นายวิษณุกล่าวว่า เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ยึดอำนาจ
@ ปัดไล่ล่าตระกูล'ชินวัตร'
เมื่อถามถึง กระแสวิพากษ์วิจารณ์แผนการกวาดล้างตระกูลชินวัตร นายวิษณุกล่าวว่า "ไม่มี คำนี้เหมือนกับคำว่าไล่ล่า ทั้งที่ไม่ใช่ คนที่ไม่สมหวังและได้รับผลกระทบย่อมเกิดความรู้สึกอนิษฐารมย์ คือ มีอารมณ์ที่ไม่สนุกสนานเป็นธรรมดา คนที่ไม่พอใจก็จะบอกว่าการเข้าสู่กระบวนการคือการไล่ล่า เหมือนตำรวจจับโจรหรือฆาตกรจะเรียกว่าไล่ล่าก็ใช่ แต่ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องทำจะเรียกว่าตำรวจไล่ล่าก็ไม่เชิง เขาตั้งข้อกล่าวหาได้สารพัดให้กลัวไว้ก่อน สุดท้ายก็เหลืออยู่บางเรื่องเท่านั้น ส่วนข้อกล่าวหาที่ตั้งขึ้นนั้นจะฟังขึ้นไม่ขึ้นอยู่ที่ศาล ผมเคยเป็นผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่ตั้งข้อกล่าวหาน่ากลัวมากในครั้งแรกสุดท้ายก็ลดลงมาเหลือนิดเดียว ยกตัวอย่าง ขับรถชนเขาตั้งข้อหาไว้ก่อนเลยทั้งเมาสุรา ขับรถทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บโดยประมาท ผิดกฎจราจร พอถึงเวลาเหลือข้อกล่าวหาเดียว"
@ 'ปึ้ง'เข้าพบ-เรียกเต้น30มค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1 ในเวลา 09.45 น. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จากพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางมาเพื่อพูดคุยและทำความเข้าใจกับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ตามคำเชิญของ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผบ.กกล.รส. โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 3 ชั่วโมง นายสุรพงษ์จึงได้เดินทางกลับ
แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพภาคที่ 1 ระบุว่า ทหารไม่ได้เข้ารวบตัวหรือหิ้วตัวนายสุรพงษ์เข้าพูดคุยแต่อย่างใด แต่เป็นการนัดหมายเวลาล่วงหน้าเเล้ว นอกจากนี้ พล.ท.กัมปนาทยังได้เชิญนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เข้าหารือกับผู้บังคับบัญชาของ กกล.รส.ในเวลา 09.00 น. วันที่ 30 มกราคม เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจด้วยเช่นกัน
@ บุกหิ้ว'ปึ้ง'หน้าร้านข้าวขาหมู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ระหว่างที่นายสุรพงษ์นัดผู้สื่อข่าวการเมืองหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งสัมภาษณ์ ที่ร้านข้าวขาหมูเมืองทองธานี อยู่เยื้องหน้าปากซอยบ้าน เมื่อคนขับรถจอดเทียบหน้าร้าน ปรากฏว่ามีทหารหนึ่งในสามคนที่นั่งอยู่ในรถอีซูซุมิวเซเว่น สีเทา หมายเลขทะเบียน ชพ 3604 กรุงเทพมหานคร จอดรออยู่ใกล้ร้านข้าวขาหมู เรียกให้นายสุรพงษ์ขึ้นรถ นายสุรพงษ์ไม่ได้แสดงอาการขัดขืนก็ก้าวขึ้นรถตามปกติ เพราะเป็นนายทหารที่คุ้นเคยกันที่ได้โทรศัพท์นัดหมายล่วงหน้าว่าจะมาเจอกันที่ร้านนี้อยู่แล้ว จากนั้นรถได้วิ่งไปฝั่งถนนแจ้งวัฒนะเข้าไปในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ย่านแจ้งวัฒนะ หลังจากนั้นรถคันดังกล่าวได้กลับมาส่งที่ห้างสรรพสินค้าตรงข้ามมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชในเวลา 12.50 น. โดยนายสุรพงษ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ดักรออยู่เพียงสั้นๆ ว่า "คุยกันรู้เรื่องหมด เข้าใจกัน จบหมดแล้ว"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) และแกนนำกลุ่ม นปช.ถูกเชิญเข้ารายงานตัวที่กองทัพภาคที่ 1 ในวันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 10.00 น.
@ 'อ๋อย'ถูกเรียกเข้าอีกราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น. ที่บริเวณลานหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จากพรรค พท. กล่าวว่า เพิ่งได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ทหารเมื่อช่วงสายว่า ผู้บังคับบัญชาต้องการพูดคุยด้วย แต่เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าจะคุยเรื่องอะไร อย่างไรก็ตาม คาดว่าคงไม่มีการกักตัวเพราะเป็นการแจ้งว่าเชิญมาพูดคุยเท่านั้น เมื่อเจ้าหน้าที่เชิญมาคุยก็เป็นเรื่องดี หากมีคำถามอะไรจะได้ชี้แจงไป อยากได้ข้อเสนออะไรก็จะให้ความเห็นอย่างที่ให้ความเห็นเป็นระยะๆ อยู่แล้วในโซเชียลมีเดีย และการให้ความเห็นที่ผ่านมาก็เป็นการให้ความเห็นในเชิงสร้างสรรค์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์มีเจ้าหน้าที่ทหารนำรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน ตม 1759 มารับตัวเข้าไปยังกองทัพภาคที่ 1 ในทันที
@ 'อ๋อย'แจงร่วมมือเปล่าบังคับ
นายจาตุรนต์โพสต์ข้อความหลังจากที่ถูกปล่อยตัวว่า "มีเพื่อนฝูงหลายคนถามมาด้วยความห่วงใยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ขอเล่าย่อๆ เพื่อความสบายใจว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่มารับผมได้พาไปที่กองพล ม.2 ใกล้ช่อง 5 จากนั้นได้พบพูดคุยกับคณะของนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 1 ผู้ทำหน้าที่ในการพูดคุยได้ขอความร่วมมือที่จะไม่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองทั้งในสื่อออนไลน์และการให้สัมภาษณ์ ผมได้แลกเปลี่ยนความเห็นไปว่าช่วงนี้มีการร่างรัฐธรรมนูญและปฏิรูปต่างๆ รวมทั้งการแก้ปัญหาของรัฐบาล การเปิดให้มีการแสดงความเห็นย่อมเป็นประโยชน์ ผมยินดีให้ความร่วมมือในอันที่จะไม่แสดงความเห็นในทางที่สร้างความเป็นปฏิปักษ์หรือการเผชิญหน้า แต่ยังเห็นว่าการเสนอความคิดเห็นในทางสร้างสรรค์ย่อมเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ผมจะไม่แสดงความเห็นใดๆ เลยก็จะกลายเป็นไม่ช่วยบ้านเมือง เมื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกันพอสมควรแล้ว ผู้แทนกองทัพสรุปว่าที่คุยกันวันนี้เป็นการขอความร่วมมือ ไม่ใช่การบังคับหรือข่มขู่และไม่ต้องการควบคุมตัว การพูดคุยใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ผมออกจากพล ม.2 เมื่อประมาณบ่ายสี่โมงและกลับถึงบ้านโดยปลอดภัยทุกประการ ขอบคุณที่การพูดคุยเป็นไปด้วยท่าทีที่ดี พูดกันอย่างสุภาพ ตรงไป ตรงมา ขอบคุณทุกท่านที่ห่วงใย"
@ 'เต้น'พร้อมเข้าปรับทัศนคติ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า ตนพร้อมไปรายงานตัวตามที่มีคำสั่งเรียกและจะไปรายงานตัวในเวลา 08.00 น. ของวันที่ 30 มกราคม ที่กองทัพภาคที่ 1 ยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือและไม่เห็นว่ามีประโยชน์อะไรที่จะไปขัดขืน ประกอบกับที่ผ่านมาได้แสดงความเห็นที่บริสุทธิ์ใจตรงไปตรงมา ที่ผ่านมาตนไม่ได้ปลุกระดมหรือเชิญชวนให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวายใดๆ มองว่าการเข้าใจความคิดที่แตกต่างน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับการขับเคลื่อนบ้านเมืองไปข้างหน้า
@ 'พิชัย'ถูกเรียกเช่นเดียวกัน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ได้รับการติดต่อให้เข้าพบในเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มกราคม โดยทหารจะมารับที่บ้าน ตนยินดีที่จะไปพูดคุย เพราะที่ผ่านมาทุกสิ่งที่ได้พูดไปนั้นก็เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ได้พูดเพื่อสร้างความขัดแย้งแตกแยก และเรื่องที่พูดส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องพลังงานที่มีความเป็นห่วง
@ 'โอ๊ค'หยุดโพสต์เฟซบุ๊กแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กภายหลังจากที่ สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยข้อความว่า "พร้อมไหมพร้อม พร้อมไหมคนไทย" ทำให้ พล.อ.อุดมเดชได้ว่ากล่าวตักเตือนผ่านสื่อไปแล้วนั้น ล่าสุดมีรายงานว่ามีทหารเดินทางไปพบนายพานทองแท้ที่บ้านพักเพื่อปรับทัศนคติ ต่อมานายพานทองแท้ได้ลบข้อความดังกล่าว โดยล่าสุดในเฟซบุ๊กไม่มีการอัพเดตข้อมูล
@ 'วรชัย'วอนนายกฯอย่าโกรธ
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ไม่อยากให้นายกฯโกรธหรือไม่พอใจ หากนายกฯระบุว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยยังไม่ตาย
นายกฯต้องพิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นว่ารดน้ำ ใส่ปุ๋ยประชาธิปไตย โดยการเร่งให้การจัดทำรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น นำไปสู่การเลือกตั้งตามโรดแมปที่กำหนดไว้
@ 'นพ.เชิดชัย'ถูกปรับทัศนคติ
เมื่อเวลา 10.30 น. นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.ขอนแก่น พร้อมนางพรรณวดี ตันติศิรินทร์ ภรรยา ได้เดินทางไปที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น เข้าพบกับ พ.อ.ประกิจ ทับทอง รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น พ.อ.จตุรพงศ์ บกบน รอง ผอ.รมน.จว.ขอนแก่น
นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี รองหัวหน้าการข่าว มทบ.23 สืบเนื่องจาก นพ.เชิดชัยกล่าวว่า เรียกมาทำความเข้าใจ เพื่อทำให้บรรยากาศในขอนแก่นดีขึ้นและไม่เกิดการปั่นป่วน ตนขอทำงานโดยไม่ยุ่งการเมืองในช่วงนี้
@ กมธ.ยกร่างฯเข้าหมวดคลัง
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา โดยเป็นการพิจารณาในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด 5 การคลังและการงบประมาณ ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ที่ประชุมได้แจ้งให้สมาชิกรับทราบว่า กมธ.ยกร่างฯได้พิจารณาร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราแล้วเสร็จไปประมาณ 133 มาตรา ยังเหลือที่ต้องพิจารณาในภาค 2 ผู้นำการมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวดรัฐสภาและหมวดคณะรัฐมนตรี และภาคที่ 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง หมวดการปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรม และหมวด 2 การสร้างความปรองดอง ประมาณ 147 มาตรา รวม 280 มาตรา อย่างไรก็ตาม ทาง กมธ.ยกร่างฯตั้งใจว่าจะไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญเกินไปกว่า 299 มาตรา
@ นิยาม'เงินแผ่นดิน'ใหม่
ต่อมานายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า ที่ประชุมได้พิจารณา หมวด 2 การคลังและการงบประมาณ กมธ.ได้วางหลักการใหม่ ในมาตรา 1 ว่าด้วย "การดำเนินนโยบายการคลังและงบประมาณของรัฐ ต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล หลักประสิทธิภาพและความคุ้มค่า หลักการรักษาวินัยทางการคลัง และหลักความเป็นธรรมในสังคม" มาตรา 2 ยังได้เพิ่มความหมายนิยามความหมายคำว่า "เงินแผ่นดิน" ให้รวมถึง (1) เงินรายได้แผ่นดิน เงินกู้ เงินคงคลัง และเงินรายได้จากทรัพย์สินและสิทธิประโยชน์อื่นที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐถือกรรมสิทธิ์หรือครอบครองเพื่อประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินโดยรวม (2) เงินรายได้จากการดำเนินงานหรือทรัพย์สิน หรือสิทธิประโยชน์อื่นที่หน่วยงานของรัฐถือกรรมสิทธิ์หรือครอบครองและใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ โดยไม่จำเป็นต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
@ ต้องตราเป็นพ.ร.บ.เท่านั้น
นายคำนูณกล่าวว่า ในมาตรา 2 วรรคสอง ระบุว่า "การใช้จ่ายเงินแผ่นดินตาม (1) โดยไม่ได้ตราเป็น พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี หรือ พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมจะกระทำมิได้" ส่วนวรรคสามระบุว่า "การกำหนดให้เงินรายได้ใดไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน จะกระทำได้ก็แต่โดยบทบัญญัติแห่งกฎหมายและการตรากฎหมายให้หน่วยงานของรัฐไม่ต้องนำเงินรายได้ส่งเป็นรายได้แผ่นดินตาม (2) ต้องมีขอบเขตและกรอบวงเงินเท่าที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการรักษาวินัยการเงินการคลัง และต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของการใช้จ่ายเงินแผ่นดินและความจำเป็นในการใช้จ่ายเงินของหน่วยงาน"
@ เพิ่มทำงบประมาณแบบ2ขา
นายคำนูณกล่าวต่อว่า กมธ.ยกร่างได้เพิ่มสาระสำคัญในวรรคสองคือ "ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติม ต้องแสดงงบประมาณรายรับและงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตลอดจนถึงการจัดสรรงบประมาณตามหน่วยงาน ภารกิจ และพื้นที่ ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ" โดยการเขียนแบบนี้เป็นการจัดทำงบประมาณแบบสองขา ที่ต้องมีการแสดงทั้งรายได้และรายจ่ายประจำปี โดยต้องมีความละเอียดมากขึ้น เช่นเดียวกับการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับความต้องการของ "พื้นที่" ซึ่งตรงนี้ต้องไปดูด้านภูมิศาสตร์ ประชาชนกลุ่มต่างๆ ด้วย จึงถือเป็นเรื่องใหม่ ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
"ในการจัดเงินประมาณถือว่าแตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา 4 ประเด็นคือ 1.วางหลักการใหม่ของการเงิน การคลังและงบประมาณทั้งหมด 2.นิยามคำว่า 'เงินแผ่นดิน' 3.เป็นการจัดทำระบบงบประมาณสองขา และ 4.จัดการงบประมาณตามหน่วยงาน ภารกิจ และเพิ่มคำว่า 'พื้นที่' เข้าไป" โฆษก กมธ.ยกร่างฯ กล่าว
@ รับยกบทเรียนในอดีตมาใช้
เมื่อถามว่า การวางหลักการใหม่ในการจัดทำงบประมาณแผ่นดินโดยให้เงินกู้ต้องใช้จ่ายตาม พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี ถือว่านำบทเรียนในอดีตมาประกอบการพิจารณา นายคำนูณกล่าวยอมรับว่า ใช่ เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลในอดีตทั้ง 2 รัฐบาลได้ออกกฎหมายพิเศษเพื่อกู้เงินและใช้จ่ายโดยไม่ผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี การกู้เงินแต่ละครั้งใช้วงเงินเทียบเท่ากับวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีทั้งปี
@ 'วิษณุ'ยันเลือกตั้งก.พ.59
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขั้นตอนการร่างรัฐธรรมนูญคิดว่าเดือนกันยายนน่าเสร็จสิ้น และเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน นำร่างกฎหมายลูกที่ร่างไว้แล้วนำเข้าสภา ภายในเดือนธันวาคมอยู่ระหว่างนำขึ้นกราบบังคมทูล ประกาศใช้ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2559 ก็หาเสียงเลือกตั้งกัน ในแง่ดีที่สุดคือ กุมภาพันธ์สามารถเลือกตั้งได้ หากจะทำประชามติก็เพิ่มเข้าไป 3 เดือน เมื่อถามว่า กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญมีมติเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) โดยทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาตอบโต้ว่าถูกลิดรอนอำนาจ นายวิษณุกล่าวว่า ข้อสรุปคงไปเป็นไปตามที่ กมธ.ยกร่างฯสรุปเพราะ กกต.มี 2 แบบในโลก แบบแรกคือ ใช้อำนาจทั้งระบบ เป็นคนออกระเบียบปฏิบัติ เป็นคนปฏิบัติเอง และเป็นผู้ควบคุมกติกา ในเวลาที่ผ่านมา กกต.ไทยเป็นระบบนี้ มีคนพอใจบ้างไม่พอใจบ้าง แต่ระบบนี้มีจุดอ่อนคือ เอาอำนาจมาอยู่ในองค์กรเดียว ไม่มีการถ่วงดุลกันเอง จึงมีรูปแบบ กกต.อีกแบบหนึ่งคือ ให้ กกต.ทำเพียงบางอย่าง คือออกระเบียบปฏิบัติและคอยดูว่าทำถูกหรือผิด เพราะถ้าตนเองออกกติกา ควบคุมกติกาแล้วปฏิบัติเองนั้นหนีไม่พ้นการถูกครหา และเป็นการรวมอำนาจไว้ที่เดียว ควรจะมีการถ่วงดุลตรวจสอบกันเองระหว่างส่วนกลางกับเจ้าหน้าที่
@ หนุนรวม'กสม.-ผู้ตรวจการ'
นายวิษณุกล่าวกรณีที่ กมธ.ยกร่างฯมีมติจะให้ควบรวมหน่วยงานผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ว่า เห็นด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินนั้นมีประโยชน์ เป็นช่องทางให้คนร้องเรียน จึงคิดเอามารวมกันรับเรื่องราวร้องทุกข์ ไปจนถึงการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน บางประเทศก็รวม บางประเทศก็แยกกัน สุดแล้วแต่ คงเอาปริมาณงานมาดูกัน คงต้องพิจารณากันอีกหลายวาระ ส่วนที่มีกระแสว่าเป็นองค์กรอิสระที่ไม่มีประโยชน์นั้นเห็นว่าก็มีประโยชน์ จะบอกว่าแย่ไปหมดก็ไม่ได้ เช่น กรณีสื่อเลือกข้างที่ทำให้สื่อมวลชนอื่นเสียหาย รัฐบาลได้รับทราบที่ทางนั้นเสนอมาและรัฐบาลก็มีความเห็นกลับไปเสมอ เมื่อถามว่า การรวม กสม.กับผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีอำนาจอะไรบ้าง นายวิษณุกล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินฟ้องศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญได้ อยากให้ต่อไปฟ้องศาลยุติธรรมได้ด้วย เพราะหากมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐนั้นต้องฟ้องที่ศาลยุติธรรม
@ 'ประวิช'วอนกมธ.ทบทวน
นายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับแนวคิดของ กมธ.ยกร่างฯมาก ทุกคนล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ แต่ทำไมถึงมองโจทย์ประเทศไม่ออก ปัญหาของการจัดการเลือกตั้งไม่ได้อยู่ที่ กกต. ดำเนินการจัดการเลือกตั้งไม่เรียบร้อย แต่ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่การซื้อสิทธิ ขายเสียง จึงขอเรียกร้องให้ กมธ.ยกร่างฯทบทวนใหม่ อย่าคิดว่าเป็นการเสียหน้า แต่ควรช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด อย่ามัวถือทิฐิแล้วปล่อยให้ความคิดติดอยู่ในวังวนเป็นกระทงหลงทางอีกเลย