- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 30 January 2015 10:51
- Hits: 3594
วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8829 ข่าวสดรายวัน
'ณัฐวุฒิ-พิชัย'ด้วย โดนเรียก บิ๊กตู่โต้บ้าอำนาจ ด่านักข่าว'จิตต่ำ-ไอ้ห่า'ปึ้ง-อ๋อย-พท.ขอนแก่น'วรชัย'เข้าค่ายกราวรูด สหรัฐแถลงย้ำจุดยืน ลดขนาดคอบร้าโกลด์
เชิญตัว - นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ เข้ารายงานตัวตาม คำสั่งทหาร กรณีแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กองทัพภาคที่ 1 เมื่อวันที่ 29 ม.ค. |
สหรัฐแถลงย้ำจุดยืน ให้รัฐบาลไทยนำประเทศคืนสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว ยันไม่ได้เลือกข้าง ส่วนการลดขนาดฝึกคอบร้าโกลด์ แค่เป็นไปตามแผนเดิม ประธานสนช.อัด "รัสเซล" สร้างความเจ็บช้ำให้คนไทย ผิดวิธีการทูต "ปึ้ง-อ๋อย"เข้าค่ายทหารปรับทัศนคติ ถึงคิว "เต้น-พิชัย" วันนี้ ส่วน"วรชัย"นัด 2 ก.พ. "บิ๊กตู่"ลั่นไม่ได้บ้าอำนาจ โวยแหลกคนถ่ายรูปท่าชี้นิ้ว "บิ๊กโด่ง"ปราม"โอ๊ค"ให้อยู่ในกรอบ "ประวิช"อัดกมธ.ยกร่างฯ หลงทาง จี้ทบทวนผุดกจต.
ทหารรับตัว"ปึ้ง"ปรับทัศนคติ
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนักการเมืองหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ปรากฏว่า ทางคสช.ได้ทยอยเรียกตัวมาปรับทัศนคติ โดยเมื่อเวลา 09.45 น. ตัวแทนนายทหารจากกองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) ได้เชิญตัวนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ที่กำลังนั่งรับประทานข้าวขาหมู ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี ซึ่งอยู่ใกล้บ้านพัก เพื่อพูดคุยและทำความเข้าใจกับทีมทหารจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ที่ทภ.1 ตามคำเชิญของพล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผบ.กกล.รส. โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนให้เดินทางกลับ
ขณะที่มีรายงานข่าวจากทภ.1 ยืนยันว่า ทหารไม่ได้เข้ารวบตัวหรือหิ้วตัวนายสุรพงษ์ที่ร้านอาหารย่านเมืองทองธานี ตามกระเเสข่าวที่ออกมา แต่เป็นการนัดหมายเวลาล่วงหน้าเเล้ว
ตามด้วย"อ๋อย"-เผยไม่มีข่มขู่
เวลา 14.45 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ นั่งรถยนต์แวน ยี่ห้อวอลโว่ รุ่นวี 50 สีบรอนซ์เทา ทะเบียน 2 กข 232 มาจอดไว้ จากนั้น พ.ท.สมหมาย บุญชู เจ้าหน้าที่ กกล.รส. นำรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน ตท 1759 มารับตัวนายจาตุรนต์ เข้าไปใน ทภ.1 หลังพูดคุยเกือบ 1 ชั่วโมง ก็นำตัวมาส่งที่พล.ม.2 สนามเป้า
ต่อมาเวลา 17.40 น. นายจาตุรนต์ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ได้พูดคุยกับคณะนายทหารระดับสูงของทภ.1ซึ่งขอความร่วมมือที่จะไม่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองทั้งในสื่อออนไลน์และการให้สัมภาษณ์ ตนได้แลกเปลี่ยนความเห็นไปว่าช่วงนี้มีการร่างรัฐธรรมนูญและปฏิรูปต่างๆ รวมทั้งการแก้ปัญหาของรัฐบาล ตนยินดีให้ความร่วมมือที่จะไม่แสดงความความเห็นที่สร้างความเป็นปฏิปักษ์หรือการเผชิญหน้า แต่เห็นว่าการเสนอความคิดเห็นในทางสร้างสรรค์ย่อมเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ตนจะไม่แสดงความเห็นใดๆ เลยจะกลายเป็นไม่ช่วยบ้านเมือง
นายจาตุรนต์ ระบุว่า เมื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกันพอสมควรแล้ว ผู้แทนกองทัพสรุปว่าที่คุยกันเป็นการขอความร่วมมือ ไม่ใช่การบังคับหรือข่มขู่และไม่ต้องการควบคุมตัว ส่วนการติดตามว่าผู้ที่ถูกเรียกมาพบนั้น เป็นหน้าที่ของคณะอื่นที่จะดูแลต่อไป ตนก็ขอบคุณที่การพูดคุยเป็นไปด้วยท่าทีที่ดี พูดกันอย่างสุภาพ ตรงไป ตรงมา
"เชิดชัย"ก็โดน-ยอมอยู่นิ่งๆ
เวลา 10.30 น. ที่จ.ขอนแก่น นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ขอนแก่น พร้อมนางพรรณวดี ตันติศิรินทร์ ภรรยา เดินทางไปที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น เข้าพบกับพ.อ.ประกิจ ทับทอง รองผบ.มณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง
นพ.เชิดชัย เปิดเผยว่า ที่มาวันนี้เพื่อสร้างความเข้าใจ กับกกล.รส.จว.ขอนแก่น ซึ่งขอความร่วมมือให้ตนระงับการให้สัมภาษณ์ และโพสต์ข้อความที่อาจส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของรัฐบาล และการทำงานของ คสช.ตามโรดแม็ป ซึ่งตนพร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อให้บรรยากาศในขอนแก่นดีขึ้นและไม่ปั่นป่วน ตอนนี้คุยกันเรียบร้อยแล้ว อยากให้ทุกอย่างสงบ ประชาชนในขอนแก่นมีความสามัคคีปรองดองกัน ตนขอทำงานโดยไม่ยุ่งการเมืองในช่วงนี้
"เต้น-พิชัย-วรชัย"คิวถัดไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนวันที่ 30 ม.ค. เวลา 08.00 น. ได้เชิญตัวนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. เข้าทภ.1 เพื่อปรับทัศนคติ เวลา 10.00 น. ทหารนัดรับตัวนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ซึ่งวิจารณ์นโยบายพลังงานของรัฐบาล ที่บ้านย่านสยามพารากอน ส่วนวันที่ 2 ก.พ. เชิญนายวรชัย เหมะ อดีตส.ส. สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนพร้อมไปรายงานตัวที่ทภ.1 ยืนยันพร้อมให้ความร่วมมือและไม่เห็นว่ามีประโยชน์อะไรที่จะไปขัดขืน ที่ผ่านมาได้แสดงความเห็นที่บริสุทธิ์ใจตรงไปตรงมา อยากเห็นประเทศไทยเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยโดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นที่คนคิดต่างจะได้แสดงความเห็น เพื่อให้ผู้มีอำนาจทราบว่าคนเห็นต่างเขาคิดอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลขับเคลื่อนตามโรดแม็ป ที่ผ่านมาตนไม่ได้ปลุกระดมหรือเชิญชวนให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวายใดๆ ส่วนจะโดนกักตัวหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ให้ข้อมูลในเรื่องนี้ และยังไม่ทราบว่าฝ่ายความมั่นคงจะคุยเรื่องอะไร ต้องไปพูดคุยกับเขาก่อน
นายพิชัย กล่าวว่า ยินดีที่จะไปพูดคุย ที่ผ่านมาทุกสิ่งที่ตนได้พูดไปนั้นเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ได้พูดเพื่อสร้างความขัดแย้งแตกแยก และเรื่องที่พูดส่วนใหญ่เป็นเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องพลังงานที่มีความเป็นห่วง และบางเรื่องก็เห็นด้วยกับรัฐบาลไม่ใช่ค้านตลอด จึงคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร
บุกบ้านจันทร์ส่องหล้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารจากทภ.1 พร้อมรถฮัมวี่ 1 คันไปยังบ้านพักจันทร์ส่องหล้า ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 โดยเจ้าหน้าที่ทหารได้สอบถามความเคลื่อน ไหวของนายพานทองแท้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและถ่ายรูปบริเวณรอบบ้าน ขณะนั้นนายพานทองแท้ ไม่อยู่ในบ้านพัก
ด้านเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟรีดริค เอแบร์ท เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ทางมูลนิธิถูก เจ้าหน้าที่ทหารสั่งให้ยกเลิกการจัดงานแถลงข่าวเรื่อง "ดัชนีชี้วัดสถานภาพสื่อเอเชีย : ประเทศไทย 2557" ที่กำหนดไว้วันที่ 30 ม.ค. เวลา 09.00-12.00 น. ที่โรงแรมวีกรุงเทพ ราชเทวี ทีแรกมีเจ้าหน้าที่ทหารโทร.มาสั่งห้าม ระบุว่าหัวข้อล่อแหลมและไม่เหมาะกับบรรยากาศการเมืองไทยในตอนนี้ จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ทหารไปที่โรงแรมและบอกกับทางโรงแรมว่า มูลนิธิถูกสั่งห้ามจัดงานดังกล่าวแล้ว ซึ่งเราเคยจัดงานนี้ทุกปีและจัดมาหลายปีแล้วไม่มีปัญหาจนกระทั่งตอนนี้
ขณะที่เอเอฟพีรายงานเพิ่มเติมว่า การที่มูลนิธิเอ็นจีโอของเยอรมันถูกสั่งแบนในครั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากการเรียกอดีตรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย 2 คนในสมัยน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ไปพบเพื่อปรับทัศนคติ
"บิ๊กตู่"ถกบิ๊กส่วนราชการ
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 1/2558 โดยมีนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรฯและผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมครั้งนี้มี เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั้งภายในกระทรวงและบริเวณโดยรอบ นอกจากนี้ยังมีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ขอให้ข้าราชการอยู่ในพื้นที่ประจำของตนเอง หากไม่จำเป็นไม่ให้ออกมาเดินพื้นที่ข้างนอก ส่วนสื่อมวลชนประจำกระทรวงที่มีห้องปฏิบัติการที่ชั้น 1 ของอาคารที่จัดประชุม ได้ขอความร่วมมือให้ลงมาปฏิบัติหน้าที่ในเต็นท์ทำการชั่วคราวบริเวณทางเข้าอาคาร พร้อมให้งดการจำหน่ายสินค้าในตลาดนัดสินค้าเกษตรกรที่จัดเป็นประจำทุกวันพฤหัสบดี
ซัดตร.ไปไหว้นักการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ขบวนรถของพล.อ.ประยุทธ์เลี้ยวเข้ากระทรวงเกษตรฯ มีหญิงสูงวัยอายุประมาณ 50 ปี ถือไม้เท้าข้างหนึ่งประคองตัวเอง ทราบชื่อภายหลังคือ นางภินันท์ ภูมิวรรณรินทร เกษตรกรชาวไร่มะขาม จ.เพชรบูรณ์ พยายามวิ่งไปประชิดขบวนรถ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนให้ช่วยเหลือกรณีมีทรัพย์สินแต่ถูกคนในธนาคารเอาทรัพย์ไปขายทอดตลาด หลอกให้เซ็นเอกสาร แล้วยึดทรัพย์กว่า 42 ล้านบาทแต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบขอร้องไม่ให้เข้าถึงขบวนรถนายกฯ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้นโยบายในที่ประชุมว่า ทุกกระทรวงต้องปรองดอง ร่วมกันทำงาน เพื่อให้การทำงานเกิดขึ้นสมบูรณ์และรวดเร็ว ดังนั้น การทำงานขณะนี้ต้องอาศัยข้าราชการในการขับเคลื่อน การแต่งตั้งโยกย้ายมีอำนาจเต็มที่ อย่าทำเหมือนตำรวจที่มีหนังสือให้ไปสวัสดีนักการเมือง ตนไม่เข้าใจว่าจะไปสวัสดีทำไม มันไม่ใช่เวลาที่จะไปสวัสดี
ปรับทัศนคติ - นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ ถูกทหารเชิญตัวไปปรับทัศนคติระหว่างรับประทานอาหารที่เมืองทองธานี กรณีพูดถึงการร่วมคณะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเข้าพบตัวแทนรัฐบาลสหรัฐ เมื่อวันที่ 29 ม.ค. |
ยืนยันไม่มีอะไรกับ"เติ้ง"
"นายกฯพูดในที่ประชุมว่า เป็นข้าราชการต้องทำหนังสือให้ไปสวัสดีนักการเมือง มันไม่ใช่เรื่อง ผมกับท่านบรรหาร ศิลปอาชา ไม่มีอะไรกัน แต่เรื่องไปสวัสดี เป็นข้าราชการไม่ควรทำ จำไว้กันด้วย ส่วนข้าราชการในกระทรวงเกษตรฯกับการโยกย้าย อย่าให้ใครใช้ชื่อนักการเมืองหรือผมอ้าง เพื่อโยกย้ายตำแหน่ง มันไม่ดีและไม่ควรทำ หรือหากมีคนแอบอ้างว่าคุยกับนายกฯแล้วเรื่องโยกย้าย ก็ไม่ควรเชื่อ ไม่มีใครมาวิ่งเต้นเอาเก้าอี้จากผม" แหล่งข่าวอ้างคำพูดของนายกฯ
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า ที่ประชุมรับฟังข้อเสนอแนะ ปัญหาการปฏิบัติงานและติดตามงานตามนโยบายที่ตนสั่ง ซึ่งเราจะไล่ดูในทุกระดับ ทั้ง 3 แท่งน่าจะไปด้วยกันได้ ทั้งงบประมาณ แผนงาน โครงการ การตรวจสอบความโปร่งใส และสร้างความร่วมมือกับประชาชน จึงขอความร่วมมือกับประชาชนทุกภาคส่วนให้ยุติเรื่องที่มีปัญหาและเดินหน้าประเทศให้ได้ ส่วนงบประมาณที่ล่าช้านั้นตนได้เร่งรัดไปแล้ว ซึ่งน่าจะเร็วขึ้นเพราะเริ่มทำไปแล้ว
สั่งเข้มล็อกตัวคนพูดป่วน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คสช.เรียกนักการเมืองเข้ามารายงานตัว นายกฯกล่าวว่าเรียกมาทำความเข้าใจ เราจะไปกดดันเขาทำไม ส่วนจะค้างคืนหรือไม่ ก็ให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาดูแต่ละคนที่เชิญมา แต่ถ้าให้นอนค้างคืนก็เปลืองข้าว ไม่ได้อยากให้อยู่ ต่อข้อถามว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารไปล็อกตัวนายสุรพงษ์ที่ร้านอาหารย่านเมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าสั่งไปแล้วว่าใครไม่เข้าใจ ออกมาพูดจาให้เกิดความเสียหายให้เรียกมาคุยเพื่อทำความเข้าใจ ซึ่งไม่ต้องทำหนังสืออย่างเป็นทางการ ให้คสช.ติดต่อแล้วเชิญมาเอง ไม่อยากทำให้เป็นข่าวใหญ่โต ใช้โทรศัพท์หากัน เรียกมาพบพูดคุย ถึงเวลาก็ปล่อย
ต่อข้อถามว่าการไปรับตัวถึงบ้านหรือร้านอาหารดูเหมือนเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่าแล้วจะให้ไปเชิญที่ไหน เชิญที่ร้านค้าหรืออย่างไร หรือเชิญตามส้วมตามห้องน้ำ ก็ต้องไปเชิญที่บ้าน หรือไปเชิญที่ร้านค้า เจอตรงไหนก็เชิญตรงนั้น เมื่อถามว่าต่อไปใครแสดงความเห็นทางการเมืองจะถูกเชิญมาปรับทัศนคติใช่หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่าแล้วถูกหรือไม่ที่ออกมาพูดกันอย่างนี้ มันสมควรพูดตอนนี้หรือ จะมาถามให้เป็นเรื่องกันอยู่ได้
ด่า"ไอ้ห่า-ใจต่ำ"-ลั่นไม่บ้าอำนาจ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลายฝ่ายมองว่าเหมือนทหารเป็นฝ่ายกดดัน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "ใครมอง มีคนตรงไหนมองเช่นนั้น ใครอึดอัดบ้าง พลเรือนที่ไหนอึดอัด ไปถามคนจนดูบ้าง วันนี้พวกเราประชุมเรื่องคนจน เรื่องของคนทั้งประเทศ ไม่ได้พูดถึงเรื่องอำนาจ ผมไม่ได้เป็นพวกบ้าอำนาจ ไม่เข้าใจกันเสียที หาเรื่องอยู่นั่น เมื่อวาน (28 ม.ค.) ก็ครั้งหนึ่งแล้วถ่ายรูปได้อย่างไร ผมก็ชี้นิ้วไปเรื่อย ไอ้ห่า ถ่ายออกมาดีๆ ดันไปถ่ายผมชี้นิ้วอย่างนั้นอย่างนี้ นี่แหละที่เขาบอกว่าจิตใจมันต่ำ ด่าอีกก็ไม่กลัว จะด่าแบบนี้ จะทำไม"
เมื่อถามย้ำว่าไม่ว่าใครออกมาแสดงความเห็นจะถูกเชิญตัวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องไปชี้แจง คราวหลังนักข่าวก็ต้องโดนด้วย ถ้าถามมากๆ ถามไม่สร้างสรรค์ อยากถามว่ามันทำได้หรือไม่ ออกมาพูดขัดแย้งทัดทานอำนาจที่มีอยู่เต็มๆ ขนาดมีอำนาจอย่างนี้ ยังมาท้าทายแบบนี้ ถ้าไม่มีกฎอัยการศึก มันจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็รู้ อยากให้เป็นเช่นนั้นหรือไม่ ตนรู้ว่าพวกสื่ออยากให้เกิด จะได้ขายข่าวกัน ไม่เหนื่อย เขียนข่าวให้มันดี เขียนให้คนรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ไม่เช่นนั้นมันก็ตีกันอยู่อย่างนี้
ฉุนถูกท้าทาย-รู้สึกรำคาญ
"ถามว่าสิ่งที่พวกเขาพูด มันกดดันผมหรือไม่ รัฐบาลมีอำนาจเต็มแล้วมาท้าทายอยู่แบบนี้ได้หรือไม่ ที่ปล่อยมาทุกวันนี้ก็เยอะแล้ว เดี๋ยวจะเรียกมาอีก สำหรับนายพิชัย ตอนเป็นรัฐมนตรีไม่เห็นจะทำ ไม่เห็นด้วยอย่างนั้นอย่างนี้ พูดว่ารัฐบาลต้องทำแบบนี้แบบนั้น แล้วเรื่องพลังงานวันนี้มีปัญหาแค่ไหน ทำไมตอนเป็นรัฐมนตรีถึงไม่ทำ พวกนี้จะต้องมาชี้แจงว่าทำไมไม่ทำ ทำอะไรกันอยู่" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าคสช.เรียกบุคคลไปปรับทัศนคติครั้งที่สอง ถ้าครั้งต่อไปยังฝ่าฝืนอีกจะมีโทษแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มันมีขั้นตอนอยู่ ทั้งห้ามออกต่างประเทศ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ระงับธุรกรรมทางการเงิน การลงโทษมีหลายขั้นตอน อยากทำผิดก็ทำผิดกันไปเรื่อยๆ ที่ผ่านมาผ่อนผันมาตลอด
ต่อข้อถามว่าดูเหมือนคสช.จะดุและเอาจริงเอาจังมากขึ้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็บอกว่าไม่ได้เรื่อง พอเข้มขึ้นก็โมโห ทุกอย่างมันเป็นไปตามสถานการณ์ ส่วนที่นักการเมืองแสดงความเห็นเช่นนี้ รบกวนการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่กวนแต่รำคาญ
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ อารมณ์ร้อนเพราะสถานการณ์การเมืองรุมเร้าใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ไม่สนใจการเมือง ทำไมใครจะมีปัญหาการเมือง วันนี้เราเป็นรัฐบาลทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
ฟิวส์ขาดทั้งทุบโต๊ะ-เสียงดัง
ส่วนที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด รณรงค์ให้ทุกวันอาทิตย์ใส่เสื้อสีแดงนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มันควรทำหรือไม่ อยากถามว่ามีจุดมุ่งหมายอะไร สร้างสรรค์ประโยชน์หรือไม่ ทำไมไม่รณรงค์ใส่เสื้อสีเหลือง สีแดง สีฟ้าบ้าง ทำไมต้องมีแต่สีแดง รู้กันอยู่ จะมาถามอะไรกันส่งเดช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การให้สัมภาษณ์ ของพล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้เป็นไปอย่างดุเดือด โดยทุบโต๊ะและเสียงดัง แต่พยายามบอกว่าที่เสียงดังไม่ใช่โมโห แต่ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของพล.อ.ประยุทธ์ แสดงถึงความไม่พอใจอย่างยิ่ง
จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงการติดตามงานของกระทรวงเกษตรฯ ว่ามีการประเมินงานตามนโยบายที่มอบไว้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า "ไม่ได้ทำอะไรเลย ที่สั่งเพราะปากหลุดๆ ไปเท่านั้น ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถามแต่ไอ้แบบนี้ ที่ไหนเขาทำงานแบบนั้น ต้องไปถามกระทรวงเกษตรฯทำงานอยู่ทุกวันนี้ ตั้งคณะทำงานตามงานทุกวัน เดี๋ยวมีคณะไปเดินตรวจ เดี๋ยวคสช.ไปไล่ นี่เราทำงานแบบนี้ ไม่ได้แบบไอ้ที่ไปรณรงค์ใส่เสื้อสีตามอีนี่" พร้อมชี้ไปทางผู้สื่อข่าวที่ถามในประเด็นการเมืองเรื่องกระแสข่าวกลุ่มนปช.รณรงค์ให้ใส่เสื้อสีแดงทุกวันอาทิตย์
ว้ากใส่นักข่าวอีก"ไอ้บ้า"
ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯตอบไม่ตรงคำถาม ซึ่งการประเมินนั้นมีอะไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่าอะไร ประเมินนี่ไง เขาตามว่าการจ่ายเงินล่าช้าวันนี้ เขาเร่งรัดไป จ่ายได้ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่ยังไม่ได้ครบคือมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน 1 พันบาท ต่อไปคือมาตรการระยะสั้น กองทุนมูลภัณฑ์กันชนที่ยังติดขัด เขาเรียกการติดตามประเมินผล ถ้าได้ผลก็ทำต่อ ไม่ได้ผลก็ยกเลิกทำใหม่ หาอย่างอื่นเข้ามาแทนในช่วงที่มีปัญหา หากจะคิดอะไรก็ทำแล้วไม่ติดตาม จ่ายเงินโครมๆ ต้องไปถามรัฐบาลที่ผ่านมา
เมื่อถามถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร นายกฯกล่าวว่าให้ไปฟังปลัดกระทรวงเกษตรฯพูด ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายดำเนินการเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า "ไอ้บ้า ผมสั่งนี่คือนโยบายทั้งหมด แล้วมาถามนโยบายผม นโยบายกระทรวง ไอ้ที่เขาทำทุกวันนี่คือผมสั่ง เข้าใจหรือยัง แล้วไม่ต้องมาบอกผมเสียงดัง ไม่ได้โมโหเสียงดัง โมโหที่ไหน นโยบายนายกฯ นโยบายรัฐบาล นโยบายปลัดกระทรวง ถึงนโยบายโน่นเลย ลูกจ้าง พนักงานโน่น นโยบายเขาออกโดย นายกฯ ครม. และกระทรวงไปขับเคลื่อน ออกมา"
ถามกลับ"ผมเป็นขี้ข้ารึไงวะ"
ส่วนข้อถามว่าปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้ผลงานไม่ออกคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเสียงดังว่า ปัญหามันเกิดมากี่ปีแล้ว วันนี้แก้ไปเท่าไรแล้ว และกำลังแก้อยู่ในระยะหนึ่ง สอง สาม ต้องเข้าใจ การปฏิรูปตามโรดแม็ป ทำไมวันนี้ไม่มาถามโรดแม็ป ทำไมไม่ถามว่าเหลือเท่าไร กี่วัน เดือน ปี เมื่อไรต้องไป เมื่อใดเลือกตั้ง วันนี้ไม่เร่งตรงนั้น แล้วมาเร่งตรงนี้ "ผมเป็นขี้ข้ารึไงวะ เข้าใจหรือยัง นี่ไม่ได้โมโหเลย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่พล.อ.ประยุทธ์แถลงเสร็จสิ้น และเคลื่อนขบวนรถออกไป ปรากฏว่าที่เต็นท์ที่พักสื่อมวลชนภายในกระทรวงเกษตรฯ นายสิงห์สยาม มุกดา เกษตรกรชาวสวนยางพารา จ.ตรัง นำป้ายมาขึง พร้อมกล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมฟังเกษตรกร ฟังแต่นักธุรกิจ ขอให้ นายกฯช่วยเหลือคนใต้ด้วย เปิดเวทีคุยกับเกษตรกรโดยตรง ในส่วนราคาไม่จำเป็นต้องถึงกิโลกรัมละ 80 บาท เพียงแค่ 60-70 บาทก็พอรับได้ แต่ขอให้เงินถึงเกษตรกรตัวจริง ถ้ารัฐบาลยังแก้ไขไม่ได้ คนใต้พร้อมรวมตัวยกระดับออกมาขับไล่คสช.
จากนั้นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามปลดป้าย และเชิญให้นายสิงห์สยามไปพูดต่อด้านนอกกระทรวง ขณะที่นาย สิงห์สยามพยายามขัดขืน ตะโกนโวยวายว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ามาทำร้ายและทำลายของ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ใช้เวลาพูดคุยอยู่ 10 นาทีเหตุการณ์จึงสงบ
ร้องทุกข์ - นายสิงห์สยาม มุกดา ชาวสวนยางจ.ตรัง ก้มกราบระหว่างเดินทางมากระทรวงเกษตรฯ เพื่อร้องเรียนนายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ โดยเรียกร้องรัฐบาลลงไปรับฟังปัญหาจากเกษตรกรโดยตรง เมื่อวันที่ 29 ม.ค. |
2 ก.พ.พบเกษตรกรพิมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 2 ก.พ.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่ อ.พิมาย จ.นคร ราชสีมา เพื่อพบปะเกษตรกร และประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) โดยจะเดินทางด้วยเครื่องบินแอมแบร์จากกองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก ในเวลา 07.30 น. และถึงท่าอากาศยานนครราชสีมาเวลา 08.00 น. ก่อนเดินทางไปประชุม นบข.ครั้งที่ 1/2558 ที่สหกรณ์การเกษตรพิมาย ในช่วงบ่ายจะพบปะและฟังการบรรยายสรุปจากตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด และชมนิทรรศการเกษตรและสินค้าโอท็อป
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์จะปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายและมาตรการของรัฐในการช่วยเหลือเกษตรกรด้วย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ช่วงเย็นวันเดียวกัน
ฮึ่ม!"โอ๊ค"นอกกรอบโดน
ที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช.กล่าวว่า การเชิญแกนนำพรรคเพื่อไทยเข้ารายงานเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจร่วมกันเฉยๆ ถ้าทุกคนเข้าใจตรงกันก็ไม่น่ามีอะไร ส่วนกรณีนายพานทองแท้ขอให้ดูกันต่อไป ก่อนหน้านี้ได้ขอร้องว่าให้แสดงความคิดเห็นอยู่ในกรอบ ถ้าอยู่ในกรอบก็ไม่มีปัญหา ตนเคยแจ้งให้ทราบต้องตามนั้น
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่อยากให้แต่ละฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็นที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย เศรษฐกิจเดินต่อไปไม่ได้ วุ่นวายไม่จบสิ้น ส่งผลต่อการปฏิรูปประเทศ จึงอยากให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ หากแสดงความคิดเห็นอยู่ในกรอบสามารถทำได้ แต่เมื่อแสดงความคิดเห็นแล้วเกิดความวุ่นวายก็ไม่ควร อยากให้ทุกคนอยู่นิ่งๆ เมื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการเดินหน้าปรองดองหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ถ้าอยากให้ปรองดองขอให้อยู่กันอย่างสงบ อย่าออกมาก่อกวนจนกลายเป็นปัญหา
อุปทูตสหรัฐย้ำจุดยืน
วันเดียวกัน นายแพทริก เมอร์ฟี อุปทูตสหรัฐประจำประเทศไทย เขียนข้อความในทวิตเตอร์ถึงกรณีกระทรวงต่างประเทศของไทยเชิญเข้าพบเพื่อแจ้งถึงข้อวิตกกังวลกรณีที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ประจำภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก พูดถึงประเด็นการเมืองของไทยและเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก ระหว่างเยือนไทยว่า ได้พูดคุยกันถึงการเยือนไทยของนายรัสเซล ซึ่งวิตกต่อเรื่องเสรีภาพพลเรือนและความยุติธรรม ในฐานะพันธมิตร สหรัฐหวังให้ไทยบรรลุในเรื่องนี้ ขณะที่สหรัฐจะทำงานร่วมกับไทยในประเด็นสำคัญต่อไปและยังคงยึดมั่นกับคนไทย นอกจากนี้สหรัฐจะยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยจำเป็นต้องนำประเทศคืนสู่ประชาธิปไตย เราเชื่อว่านี่เป็นเรื่องที่มีความหมายกับคนไทย ที่จะทำงานด้วยกันเพื่อสร้างอนาคตในวิถีประชาธิปไตย เราไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด
ที่กระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐ น.ส.เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐ กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันว่า ระหว่างการเจรจากับนายเมอร์ฟี่ รมช.ต่างประเทศของไทยกล่าวถึงมุมมองของรัฐบาลไทยต่อการแสดงความเห็นของนายรัสเซล ในเรื่องความสำคัญของการมีเสรีภาพแสดงความคิดเห็น การยกเลิกกฎอัยการศึกและการตระหนักถึงความยุติธรรมทางการเมือง ซึ่งอุปทูตสหรัฐยืนยันในความเห็นของรัฐบาลสหรัฐเช่นนี้และความหวังที่เราจะได้เจรจากันต่อไป
ลดขนาดฝึกคอบร้าโกลด์
ผู้สื่อข่าวถามว่าไทยมีท่าทีเช่นนี้ แผนที่จะสานต่อความร่วมมือเรื่องการฝึกคอบร้าโกลด์เป็นอย่างไร น.ส.ซากีกล่าวว่า เคยบอกไปแล้วว่านับจากเกิดเหตุรัฐประหาร การฝึกคอบร้าโกลด์จะต้องลดขนาดลงไป เน้นที่เรื่องความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาทุกข์ในเหตุภัยพิบัติที่เป็นการขยายความร่วมมือในภูมิภาครวม ซึ่งเป็นเรื่องที่ตัดสินใจไว้นานแล้วและยังไม่มีอะไรเปลี่ยน แปลง ผู้สื่อข่าวถามว่าสหรัฐยังคาดหวังว่าไทยจะเข้าร่วมคอบร้าโกลด์ในเดือนก.พ.ใช่หรือไม่ น.ส.ซากีกล่าวว่า ใช่ ไทยเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนที่มีคุณค่า เรายังคงเจรจาด้วยและแสดงจุดยืนของเรา
รายงานข่าวระดับสูงจากกองบัญชาการกองทัพไทย(บก.ทท.) เปิดเผยว่า การฝึก คอบร้าโกลด์ยังมีตามปกติ ที่ผ่านมาไทยและสหรัฐได้ประชุมเตรียมสถานที่ฝึก เน้นฝึกในพื้นที่ภาคกลาง เป็นการช่วยเหลือภัยพิบัติ ปีนี้ฝึกในรูปแบบไลต์เยียร์ เน้นบรรเทาภัยพิบัติและการวางแผน ไม่ใช่การเน้นฝึกหนักด้านอาวุธ แต่ละปีจะหมุนเวียนการฝึกแบบไลต์เยียร์และเฮฟวี่เยียร์ ซึ่งวันที่ 2 ก.พ.นี้ พล.ท.วัลลภ รักเสนาะ เจ้ากรมยุทธการทหาร บก.ทท. และนายเมอร์ฟี่จะแถลงการฝึกร่วมดังกล่าวที่บก.ทท. ซึ่งจะมีพิธีเปิดการฝึก ที่โรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก วันที่ 9 ก.พ. และปิดการฝึกในวันที่ 20 ก.พ. ที่ศูนย์ฝึกทางยุทธวิธีกองทัพบก อ.ม่วงค่อม จ.ลพบุรี กำลังทหารที่เข้าร่วมทั้งหมดจาก 26 ประเทศ
"พรเพชร"อัดกลับ"รัสเซล"
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงถึงกรณีนายรัสเซล บรรยายพิเศษที่จุฬาฯ จนสร้างความเจ็บช้ำให้คนไทยว่า ไม่แปลกใจ ซึ่งการพบปะหารือดังกล่าวไม่ถูกต้องด้วยระเบียบการและวิธีการทางการทูต ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐทำเป็นประจำ แต่ดีกว่าส่งสปายสายลับซีไอเอเข้ามาแทรกแซงกิจการของประเทศต่างๆ ที่เขาใช้นโยบายนี้เพราะถือว่าเป็นประเทศมหาอำนาจ และการที่สหรัฐเข้าไปแทรกแซงหลายประเทศ ทำได้เพียงจัดเลือกตั้งให้ประเทศเหล่านั้น โดยมองว่าแค่การเลือกตั้งก็เป็น ประชาธิปไตยเเล้ว และไม่สนใจบริบทอื่นๆ ว่าจะมีความขัดแย้งใดๆ
นายพรเพชรกล่าวว่า คสช.มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง จึงเข้ามาปัดกวาดบ้านเมืองเพื่อปูพรมไปสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนตามขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย และตนเข้ามาทำงานกับคสช.เพราะมีอุดมการณ์และจุดหมายเดียวกัน คือมีการเลือกตั้งสู่ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนที่มีพระมหากษัติย์ทรงเป็นประมุข
โต้ข้อหา-ไม่ไล่ล่าใคร
นายพรเพชรกล่าวว่า ส่วนการถอดถอน ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของสนช.นั้น ถ้าจะพูดว่าเป็นเรื่องการเมืองคงใช่ แต่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ยึดหลักนิติธรรม ซึ่งสหรัฐเคยมีการถอดถอนมาแล้ว เช่น ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ถูกถอดถอนกรณีส่งเจ้าหน้าที่สอดแนมพรรคฝ่ายตรงข้าม และประธานา ธิบดีบิล คลินตัน กรณียุ่งเกี่ยวกับเลขานุการส่วนตัว แต่ความสัมพันธ์ไทยกับสหรัฐ ยังยืนอยู่บนความร่วมมือในทุกมิติ ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจ สังคม แต่สิ่งที่นายรัสเซล สรุปนั้นเป็นการเอาเรื่องถอดถอนปนกับกฎอัยการศึก ซึ่งต่างกันโดยสิ้นเชิง
ผู้สื่อข่าวถามว่านายแดเนียลมองว่าการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการไล่ล่านักการเมืองฝ่ายตรงข้าม นายพรเพชรกล่าวว่า ข้อกล่าวหาว่าไล่ล่า ไม่ใช่คำพูดที่อยู่ในบริบทของตน เป็นบริบทของสื่อ ซึ่งสนช.ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพื่อไล่ล่าใคร
ฉะมะกันอย่า"เสือก"
ด้านนางพิไลพรรณ สมบัติศิริ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.)การต่างประเทศ สนช. แถลงว่า กมธ.การต่างประเทศ รู้สึกผิดหวังและกังวลต่อท่าทีของนายรัสเซล ที่ไม่เข้าใจกระบวนการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ของสนช. ตามรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ส่วนข้อวิจารณ์เรื่องกฎอัยการศึกและกระบวนการยุติธรรมนั้น ขอย้ำว่าไทยมีเหตุจำเป็นเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในประเทศ ซึ่งกมธ.การต่างประเทศได้ส่งหนังสือเชิญอุปทูตสหรัฐ มาทำความเข้าใจแล้วแต่ยังไม่มีการตอบรับมา
นายกิตติศักดิ์ รัตนะวราหะ สนช. กล่าวว่า การที่นายรัสเซล พูดแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทยแถวบ้านตนประสาชาวบ้านเรียกว่า "เสือก" ด้วยการละเมิดกิจการนิติบัญญัติของไทยที่ดำเนินการอยู่ ดังนั้นขอฝากไปยังสหรัฐทีหลังอย่า "เสือก"
"วิษณุ"ยันต้องคงอัยการศึก
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าต่างประเทศเขามองคำว่ากฎอัยการศึกเป็นเรื่องใหญ่ แต่เราอยู่กับกฎอัยการศึกมานาน ซึ่งรัฐบาลและทหารคิดว่าไม่มีผล กระทบต่อวิถีชีวิต อาจทำให้เดือดร้อนรำคาญใจ แต่ยืนยันว่าจำเป็นต้องประกาศใช้อยู่ เพราะมีการประเมินอยู่ตลอดเวลา ส่วนการ กระทำของสหรัฐเป็นการคุกคามทาง การทูตหรือไม่นั้น คนที่เกี่ยวข้องได้แสดงความเห็นแล้ว และการชี้แจงของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ ก็พูดได้ดี
"ผมเคยพบกับอุปทูตสหรัฐมาแล้ว เขาแสดงความเห็นว่าถ้ารัฐธรรมนูญออกเดือนก.ย. 2558 แล้วไปเลือกตั้งเดือนก.พ. 2559 ไม่ค่อยฉลาด ซึ่งตอบเขาไปว่า ถ้าเดือนก.ย. รัฐธรรมนูญออกแล้ว เดือนต.ค. 2558 จัดเลือกตั้งเลย อย่างนั้นถึงขั้นโง่ เพราะกฎหมายลูกยังไม่มี พรรคการเมืองยังไม่ได้ตั้ง ฉะนั้น ระหว่างไม่ฉลาดกับโง่ เราต้องเลือกเอา ซึ่งเราพูดตามโรดแม็ปของเรา เขาพูดตามอุดมการณ์ของเขา เราไม่ต้องไปเขวออกนอกทาง ส่วนความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ยึดอำนาจ" นายวิษณุกล่าว
เลือกตั้งได้อย่างเร็วก.พ.59
นายวิษณุกล่าวถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญและการออกกฎหมายเพื่อเตรียมเลือกตั้งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะเลือกตั้งแบบเยอรมัน ซึ่งเราไม่เคยเลือกมาก่อน จึงต้องรอกฎหมายลูกระบุข้อกำหนด เพราะรัฐธรรมนูญจะไม่เขียนไว้ ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องจะร่างไว้รอตอนนี้เลยก็ได้ แต่ยังเอาเข้าสภาไม่ได้จนกว่ารัฐธรรมนูญจะประกาศใช้ ขณะที่กฎหมายพรรคการเมืองก็เช่นกัน แม้กฎหมายยังอยู่แต่ไม่เอื้อกับรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะมีการเพิ่มว่า บุคคลมีเสรีภาพในการตั้งพรรคและกลุ่มการเมือง ต้องมีกฎหมายลูกออกมารองรับก่อน มิเช่นนั้นจะมีแค่ 2 พรรคใหญ่แข่งกัน จึงต้องให้เวลาและความเป็นธรรมกับทุกคน
"คิดว่าเดือนก.ย. 2558 รัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น เดือนต.ค.หรือพ.ย.นำร่างกฎหมายลูกที่ร่างไว้แล้วเข้าสภา จากนั้นเดือนธ.ค. 2558 จะอยู่ระหว่างนำขึ้นกราบบังคมทูลประกาศใช้ และเดือนม.ค.-ก.พ. 2559 ก็หาเสียงเลือกตั้งกัน ในแง่ดีที่สุดคือเดือนก.พ.สามารถเลือกตั้งได้ แต่หากจะทำประชามติก็บวกเพิ่มเข้าไป 3 เดือน หรือขึ้นอยู่กับเวลาที่เราต้องเผื่อพิมพ์รัฐธรรมนูญแจกทุกคนในประเทศ ออกโทรทัศน์ทำความเข้าใจ ไม่เช่นนั้นจะเป็นแบบปี 2550 อีก ที่โหวตกันโดยไม่รู้เรื่อง สุดท้ายแล้วก็เปลืองงบประมาณ" นายวิษณุกล่าว
ชี้มีกจต.แก้จุดอ่อนเลือกตั้ง
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ระบุว่าข้อเสนอของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กมธ.ยกร่างฯ) ให้ตั้งคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง(กจต.) เป็นการลิดรอนอำนาจกกต.ว่า ที่ผ่านมามีจุดอ่อนคือเอาอำนาจมาอยู่ในองค์กรเดียว และทำให้สังคมไม่วางใจ กมธ.ยกร่างฯจึงแยกอำนาจออกมา โดยกกต.ยังคงอยู่และให้เป็นผู้ควบคุม โดยมีกจต.เป็นผู้ปฏิบัติ แต่ตนก็อยากฟังให้ชัดเจนถึงที่มาของกจต.ทั้ง 7 คน จึงฝากให้ไปคิดและออกแบบใหม่ให้เป็นที่ไว้วางใจกว่านี้
"เมื่อเราจะปฏิรูปมันต้องหยิกเล็บแล้วเจ็บเนื้อ จะปฏิรูปเรื่องวิธีเลือกตั้ง คนที่ทำอยู่เดิมก็ต้องได้รับผลกระทบ แต่อย่าตำหนิกันว่าเพราะใครเลวใครแย่ถึงต้องปฏิรูป ซึ่งการปฏิรูปหมายถึงทำให้ดีขึ้น ไม่จำเป็นว่าของเดิมจะแย่" นายวิษณุกล่าว
"ประวิช"จวกกมธ.หลงทาง
นายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วมกล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับแนวคิดของกมธ.ยกร่างฯมาก ทุกคนล้วนแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ แต่ทำไมถึงมองโจทย์ประเทศไม่ออก ปัญหาของการจัดการเลือกตั้งในประเทศไทยไม่ได้อยู่ที่กกต.ดำเนินการจัดการเลือกตั้งไม่เรียบร้อย แต่ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่การซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ที่มีอยู่ทั่วไปทุกหย่อมหญ้า จึงขอเรียกร้องให้ทบทวนใหม่ อย่าคิดว่าเป็นการเสียหน้า แต่ควรช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด หากกกต.มีจุดอ่อนบกพร่องตรงใดก็พร้อมแก้ไข ในช่วงการปฏิรูป อย่ามัวถือทิฐิแล้วปล่อยให้ความคิดติดอยู่ในวังวนเป็นกระทงหลงทางอีกเลย
"ทุกคนต้องระดมสมองมาหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้เงินซื้อสิทธิ์ขายเสียงร่วมกัน ไม่ใช่ไปมัวแต่หลงทางสร้างองค์กรขึ้นมาใหม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณเข้าไปอีก อยากถามกมธ.ยกร่างฯว่า ท่านมองไม่ออกจริงๆ เหรอว่า ปัญหาของบ้านเมืองอยู่ที่การทุจริต ซื้อสิทธิ์ ขายเสียง ซึ่งเป็นต้นเหตุของความสกปรกของการเมือง เพราะคนเมื่อใช้เงินเข้ามาในวงการเมือง ก็เข้ามาทุจริต มาคอร์รัปชั่น มาถอนทุน เป็นวงจรอุบาทว์ในทุกวันนี้ ท่านสร้างองค์กรกจต.มาจัดการเลือกตั้งแทน กกต.มันจะช่วยแก้ปัญหาซื้อสิทธิ์ขายเสียงได้อย่างไร เหมือนคนเป็นไข้ เป็นโรคร้ายโรคหนึ่งมาหาหมอ คนเป็นหมอกลับวินิจฉัยผิด ให้ยาผิด รักษาผิด นอกจากโรคไม่หายแล้วคนไข้ยังอาจเสียชีวิต เสียเงินเสียทอง" นายประวิชกล่าว
ปธ.กสม.ตกใจยุบรวมผู้ตรวจ
ที่รัฐสภา ในการประชุมสนช. มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 เป็นประธาน ได้พิจารณารายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2555 และ 2556 ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน(ตามมาตรา 15(6) และ (7) แห่งพ.ร.บ. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542) สมาชิกสนช.ได้อภิปรายแสดงความเห็นอย่างกว้างถึงการทำงานของคณะกรรมการ สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) โดยเฉพาะสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย การชุมนุมทางการเมืองที่ผ่านมา รวมถึงกรณีที่กมธ.ยกร่างฯมีมติให้รวมกสม.กับผู้ตรวจการแผ่นดินเข้าด้วยกัน
นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกสม.ชี้แจงว่า กสม.มีความกังวลใจต่อการยุบรวมองค์กร เพราะเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใหญ่ของโลก และหนึ่งในสามเสาหลักของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ ซึ่งไทยเป็นภาคีสมาชิก กสม.มีนโยบายที่จะปรับปรุงองค์กรให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยตั้งเป้าหมายไว้ใน 1-2 ปีข้างหน้า การควบรวม 2 องค์กรจึงมีผลต่อการปรับโครงสร้าง เป็นการลดฐานะองค์กร จะต้องเสียเวลาในการพัฒนาองค์กรใหม่อีก ยอมรับว่าทุกคนตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้นานาประเทศเห็นว่ารัฐบาลและคสช.ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่อง สิทธิมนุษยชนเหมือนที่ผ่านมา และการที่รัฐบาลใช้กฎอัยการศึกก็เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
"บวรศักดิ์"นิมนต์พระให้พร
ส่วนการประชุมกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่รัฐสภา มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่ประธาน ก่อนเข้าสู่วาระได้แจ้งให้สมาชิกทราบว่า ขณะนี้กมธ.ยกร่างฯพิจารณาร่างบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราเสร็จไป 133 มาตรา โดยตั้งใจว่าจะไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญเกินไปกว่า 299 มาตรา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงก่อนพักรับประทานอาหารกลางวัน นายบวรศักดิ์ได้นิมนต์พระสงฆ์ 5 รูป มาให้ศีลให้พรแก่กมธ.ยกร่างฯทุกคนด้วย
นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกกมธ.ยกร่างฯ แถลงว่าที่ประชุมพิจารณา หมวด 2 การคลังและการงบประมาณ ซึ่งการจัดเงินงบประมาณครั้งนี้ ถือว่าแตกต่างจากรัฐ ธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา 4 ประเด็นคือ 1.วางหลักการใหม่ของการเงิน การคลัง และงบประมาณทั้งหมด 2.นิยามคำว่า"เงินแผ่นดิน" 3.เป็นการจัดทำระบบงบประมาณ 2 ขา และ 4.จัดการงบประมาณตามหน่วยงาน ภารกิจ และเพิ่มคำว่า "พื้นที่" เข้าไป
นายคำนูณกล่าวว่า การวางหลักการใหม่โดยให้เงินกู้ต้องใช้จ่ายตามพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี ถือเป็นการนำบทเรียนในอดีตมาประกอบการพิจารณา เพราะที่ผ่านมาทั้ง 2 รัฐบาลได้ออกกฎหมายพิเศษเพื่อกู้เงินและใช้จ่ายโดยไม่ผ่านงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งการกู้เงินแต่ละครั้งใช้วงเงินเทียบเท่ากับวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีทั้งปี
ฟรีดอมเฮาส์ชี้เสรีภาพในไทยวูบ
สำนักข่าวเอพีรายงานวันที่ 29 ม.ค. ว่าองค์กรเพื่อสิทธิเสรีภาพทั้งด้านการเมืองและสิทธิมนุษยชน "ฟรีดอมเฮาส์" เปิดรายงานการประเมินสถานการณ์ประจำปี 2557 จากการสำรวจสถานะทางเสรีภาพของ 195 ประเทศ และอีก 15 เขตแดน ว่าร้อยละ 60 ของประชากร ทั่วโลก หรือนับเป็นจำนวนราว 2,600 ล้านคน จาก 61 ประเทศ ต้องถูกบดบังเสรีภาพ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิมนุษยชนโดยพื้นฐาน หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงความคิดเห็นและเจตนารมณ์ทางการเมือง
ในส่วนของไทย ผลการประเมินของฟรีดอมเฮาส์ให้คะแนนลดลงในทุกด้าน จากระดับ 1 หมายถึงดีที่สุดไปจนถึง 7 แย่ที่สุด เริ่มจากสิทธิการเมืองไทยลดลงจากระดับ 4 ตกลงไประดับ 6 ส่วนเสรีภาพพลเรือนร่วงจากระดับ 4 ไปที่ระดับ 5 และสถานะเสรีบางส่วน ตกไปอยู่ระดับไม่เสรี นับตั้งแต่ถูกรัฐประหารในเดือนพ.ค. 2557 รายงานยังตำหนิประเทศผู้นำด้านประชาธิปไตยในทวีปเอเชีย อย่างอินเดียและอินโดนีเซีย ว่าล้มเหลวในการกระตุ้นให้ไทยฟื้นฟูการปกครองโดยพลเรือน
รายงานฉบับดังกล่าวระบุถึงสถานการณ์ทางการเมืองไทยในปี 2557 ที่เป็นผลต่อเนื่องมาจากปลายปี 2556 โดยในหัวข้อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นนั้น พบการควบคุมการออกอากาศของวิทยุโทรทัศน์ นอกจากนี้ยังพบความเคลื่อนไหวในการดำเนินคดีอาญากับนักสิทธิมนุษยชน ผู้เรียกร้องให้กองทัพตรวจสอบข้อกล่าวหาเรื่องการทรมานผู้ถูกควบคุมตัว แต่กลับถูกมองว่าการร้องเรียนนี้ทำลายชื่อเสียงของหน่วยงานของรัฐในพื้นที่ชายแดนใต้ และมีกรณีสื่อท้องถิ่นถูกฟ้องร้องโทษฐานหมิ่นประมาทจากกรณีลงรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์กรณีค้ามนุษย์โรฮิงยา ส่วนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกถูกห้ามเช่นกัน ไม่ว่าจะห้ามสถานศึกษาจัดบรรยายและสัมมนาเรื่องการเมือง รวมถึงห้ามแสดงการต่อต้านรัฐประหาร ทำให้มีอาจารย์และนักศึกษาจำนวนมากถูกควบคุมตัว จนสุดท้ายแล้วต้องหนีออกนอกประเทศไป