- Details
- Category: การเมือง
- Published: Sunday, 25 January 2015 20:44
- Hits: 4619
สนช.เต้น-ปัดกลั่นแกล้งปู ท้าให้ฟ้อง เตือน'38 สว.'อย่าพูดมากอาจมีผลคดีถอดถอน หึ่งบีบสส.พท.ทิ้งพรรค อ้างเงื่อนไขพ้นถูกสอย นปช.นิ่ง-ยันไม่เคลื่อนสู้
'พีระศักดิ์'ชี้หน้าที่ สนช.จบแล้ว ท้า'ปู'ฟ้องถ้าคิดว่าถูกกลั่นแกล้ง ทนายอดีตนายกฯพร้อมสู้คดีอาญา หวั่นอัยการส่งฟ้องเร็ว ชี้'ยิ่งลักษณ์'ไม่มีเจตนา 'เต้น'ยันเสื้อแดงไม่เคลื่อน
@ สนช.ท้า'ปู'ฟ้องถ้าไม่พอใจ
เมื่อวันที่ 24 มกราคม นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 กล่าวถึงการประชุม สนช. เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา ที่มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และไม่ถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กับนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ว่าการทำหน้าที่ของ สนช.สิ้นสุดแล้ว และยืนยันว่าสมาชิกทุกคนใช้ดุลพินิจในการลงมติโดยไม่มีการล็อบบี้กัน
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า กระบวนการถอดถอนเป็นการดำเนินการตามข้อบังคับการประชุมทุกประการ ที่สำคัญปัญหาโครงการรับจำนำข้าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะมี สนช. เมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องมา สนช.ก็ต้องทำ เพราะทุกเรื่องต้องมีจุดจบ แต่หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์รู้สึกว่าผลที่ออกมาไม่เป็นธรรมหรือถูกกลั่นแกล้ง ก็สามารถไปดำเนินการฟ้องร้องได้ว่า สนช.ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบตรงส่วนไหน
@ ชี้ถอดถอนเปิดประตูปรองดอง
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตั้งข้อสังเกตว่า เป็นความบังเอิญหรือไม่ที่อัยการสูงสุดมีมติสั่งฟ้องคดีอาญา ก่อนที่ สนช.จะลงมติถอดถอนไม่กี่ชั่วโมงนั้น มองว่าถ้าเป็นในแง่ของกฎหมายเป็นคนละส่วนกัน ในส่วนของ สนช.ได้กำหนดวันลงมติไว้แล้ว ส่วนการลงมติอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น เชื่อว่า สนช.มีการตัดสินใจไว้ล่วงหน้า ตั้งแต่ได้รับฟังคำแถลงเปิดปิดคดี รวมถึงการตอบข้อซักถามแล้ว เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า การถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะทำให้การสร้างความปรองดองทำได้ยากขึ้นหรือไม่ นายพีระศักดิ์กล่าวว่า มองว่าถ้าทุกเรื่องยุติได้ในช่วงต้นจะเข้าสู่กระบวนการปรองดอง การนิรโทษกรรมอาจจะตามมาก็ได้ เพราะต้องรู้ว่าใครผิดใครถูกก่อน จึงจะนิรโทษกรรมได้สมเหตุสมผล กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะเป็นประตูที่เปิดสู่การปรองดอง
@ รบ.พอใจเรียบร้อย-ไม่ป่วน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลพอใจสถานการณ์ภาพรวมในวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย หลัง สนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ แสดงให้เห็นว่าประชาชนเข้าใจการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รัฐบาล และ สนช. ที่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ไม่ต้องการไล่ล่าใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องจับตาการเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า คสช.ดูแลเรื่องความมั่นคงอยู่แล้ว และในการประชุมร่วม คสช.กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ระบุว่าสถานการณ์ทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ไม่จำเป็นต้องจับตากลุ่มไหนเป็นพิเศษ
@ คสช.ไม่มีคำสั่งห้ามออกนอก
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.กล่าวว่า คสช.ยังไม่ได้มีคำสั่งระงับให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศ แต่ไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือนักการเมืองที่จะไปทำภารกิจที่ต่างประเทศ จะต้องทำเรื่องมายัง คสช.เพื่อขออนุญาตเป็นรายๆ ไปตามขั้นตอนที่เคยปฏิบัติเหมือนในช่วงที่ผ่านๆ มา ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์จะขออนุญาตในช่วงนี้สามารถทำได้หรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่มีการขอ หากทำเรื่องขอมาก็ต้องพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามย้ำว่า คสช.จะมีคำสั่งห้ามไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศ เพราะเกรงว่าจะหลบหนี พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้มีคำสั่งใดๆ ทั้งสิ้น
@ 'บิ๊กจิน'ให้ทุกฝ่ายยอมรับกติกา
เมื่อถามถึงสาเหตุที่ คสช.ประสานไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงข่าวหลัง สนช.มีมติถอดถอน พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึก และอะไรที่เป็นเรื่องเปราะบาง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะการชุมนุม หรือการให้ข้อคิดทางการเมืองที่สุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดความแตกแยกขึ้นมาอีก ไม่ควรกระทำ หากจะดำเนินการอะไรก็ต้องขออนุญาต คสช.ก่อน
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า เคยทำงานร่วมกับทุกฝ่าย แต่ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการดำเนินการตามกฎหมาย จึงอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับกติกาและกฎหมายด้วย ส่วนจะเป็นสาเหตุทำให้การเมืองกลับมารุนแรงกลายเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่นั้น มองว่าถ้าทุกฝ่ายยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมาย สถานการณ์ก็ไม่มีอะไร
@ 'ทนายยิ่งลักษณ์'เตรียมสู้คดี
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมต่อสู้ในคดีอาญาหลังอัยการสูงสุด (อสส.) มีมติสั่งฟ้องคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการในโครงการรับจำนำข้าว ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการรอให้อัยการดำเนินการพิจารณาไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และกำหนดวันยื่นฟ้อง ทีมทนาย
ยังคงทำหน้าที่เตรียมข้อมูล พยานหลักฐานต่างๆ ที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจและหักล้างข้อกล่าวหาต่างๆ ให้พร้อมต่อไป เพราะไม่รู้ว่าอัยการจะยื่นฟ้องเมื่อไร ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการในเร็วๆ นี้ หรืออาจเป็นเดือนหน้า ปีหน้าก็เป็นได้
"ที่ผ่านมาทีมทนายได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของอดีตนายกฯ ที่ไม่มีเจตนาจะกระทำการตามที่ถูกกล่าวหา ดังนั้นการฟ้องคดีอาญาว่า ละเว้นนั้นคงต้องดูที่เจตนาของผู้ถูกกล่าวหาด้วย และต้องยอมรับและชื่นชม น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นคนที่เข้มแข็งมาก แม้จะเป็นผู้หญิงและโดนถึงขั้นนี้แต่ยังสู้ต่อได้" นายนรวิชญ์กล่าว
@ พท.ปัดข่าวแถลงราชประสงค์
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ยืนยันว่า พท.ให้ความร่วมมือตามกรอบโรดแมปและแผนปรองดองของรัฐบาลอย่างเต็มที่ แม้ว่าการลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์จะทำให้มีความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ตาม เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่พรรคจะเอามาเป็นเครื่องมือหรือเป็นประเด็นในการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ พท.ยืนยันที่จะมุ่งหน้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมเท่าที่มีอยู่ และไม่มีความพยายามทำในสิ่งที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น
"กระแสข่าวที่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไปแถลงข่าวที่สี่แยกราชประสงค์เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์นั้น ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เราไม่ทำเพื่อให้เป็นประเด็นหรือถูกผู้ไม่หวังดีนำไปเชื่อมโยง แลเรื่องการถอดถอน ไม่ว่าประชาชนหรือพรรคไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือคนในตระกูลชินวัตร เพราะได้ก้าวข้ามตัวบุคคลไปแล้ว แต่เป็นปัญหาที่ระบบมากกว่า และทั่วโลกกำลังจับตามองระบอบประชาธิปไตยของไทยว่าได้ตายไปแล้วอย่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุหรือเปล่า" นายอนุสรณ์กล่าว
@ 'ธิดา'ให้เลิกพูด'ปรองดอง'
นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษาแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือการตัดสินที่ไม่ชอบธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะในทางกฎหมายนั้น สิ่งที่ สนช.ทำไม่ได้ปรากฏในรัฐธรรมนูญปี 2550 และรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ดังนั้นการพูดถึงเรื่องการปรองดองเป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่สามารถที่จะปรองดองบนพื้นฐานของความไม่ถูกต้องได้
"สิ่งที่เป็นห่วงคือ ฝ่ายที่ขัดขวางระบอบประชาธิปไตย ได้ถูกครอบงำด้วยแนวความคิดอนุรักษนิยมสุดโต่ง และไม่ได้คำนึงถึงกระบวนการที่เหมาะสม แต่กลับนำความคิดสุดโต่งมาตั้งธง จนเกิดความเสียหายแก่ประเทศ และสร้างความโกรธแค้นแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก ตอนนี้ฝ่ายอนุรักษนิยมจะต้องพิจารณาว่าถูกครอบงำโดยกลุ่มสุดโต่งจริงหรือไม่ แม่น้ำทั้ง 5 สายของ คสช. ได้ถูกครอบงำโดยกลุ่มสุดโต่งอนุรักษนิยมหรือไม่" นางธิดากล่าว
@ 'เต้น'ชี้คสช.ไม่สลายขัดแย้ง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และแกนนำ นปช.โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า การถอดถอนที่เกิดขึ้นไม่ใช่ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ของใคร เพราะผลแพ้ชนะต้องเกิดขึ้นภายใต้กติกาที่เป็นธรรมและกระบวนการที่ชอบธรรมเป็นที่ยอมรับ ดังนั้น สิ่งนี้จึงเรียกว่าการไล่ล่าทำลายล้างทางการเมืองต่อฝ่ายตรงข้าม หลายเดือนที่ผ่านมาท่านผู้มีอำนาจทั้งหลายคงมากด้วยภารกิจ ไม่แน่ใจว่าจะมีเวลามองเห็นทุกภาพที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือไม่ ผมจึงขอเสนอบางภาพที่มองเห็นจากการถอดถอนเผื่อท่านจะรับไว้พิจารณา
"ผมเห็นการเอาคนไปปรับทัศนคตินับพัน แต่ไม่มีการปรับทัศนคติคนที่ท่านเลือกไปทำงานในเรือแป๊ะเลย ทุกคนทุกอย่างยังเหมือนก่อนรัฐประหาร ผมเห็นการประกาศสลายทุกสีเสื้อไม่ให้มีความขัดแย้ง แต่ไม่เห็นการสลายนกหวีดจากใจคนจำนวนมากในแม่น้ำ 5 สาย ผมเห็นคำสั่งห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมแม้แต่การประชุม ห้ามกลุ่มการเมืองต่างๆ เคลื่อนไหว แต่มีคนใช้สภาเป็นที่สมคบคิด ล็อบบี้ และกระทำต่อฝ่ายตรงข้ามอย่างเปิดเผย หลายคนคงอึดอัดอยากแสดงออก แต่ผมยืนยันว่าจะนิ่งไม่เคลื่อนไหว เพราะบางทีการอยู่ในอาการสงบเพื่อดูคนกลุ่มหนึ่งทำลายตัวเขาเองก็ถือเป็นการตอบโต้ที่เจ็บปวด ส่วนสมาชิก ปชป.บางคนที่ออกอาการดีใจหรือลงมือซ้ำเติมอยู่เวลานี้ขอให้ตระหนักว่า การถอดถอนตัดสิทธิ น.ส.ยิ่งลักษณ์จากการเมือง 5 ปี แต่ได้ตัด ปชป.ออกจากหัวใจคนหลายล้านคนไปตลอดกาล เข้าใจตรงกันนะ
@ นปช.เชียงใหม่ให้กำลังใจ'ปู'
ด.ต.พิชิต ตามูล แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงเชียงใหม่ ในฐานะผู้ประสานงาน นปช.ภาคเหนือ 17 จังหวัด กล่าวว่า นปช.ภาคเหนือไม่เคลื่อนไหวชุมนุมต่อต้านรัฐบาล และ สนช. หลังตัดสิทธิการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะมองว่า ตั้งธงถอดถอนตั้งแต่แรก เป็นเหตุผลทางการเมือง ไม่ใช่ข้อกฎหมาย เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณเท่านั้น ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ยังให้กำลังใจ และสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ยังเป็นนายกฯในดวงใจ
นายองอาจ ตันธนสิน แกนนำ นปช.แดงเชียงใหม่ กล่าวว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคงเฝ้าติดตามแกนนำเสื้อแดงภาคเหนืออย่างใกล้ชิด ทำให้แกนนำเสื้อแดงต้องระวังตัว จึงพยายามอยู่นิ่งมากที่สุด
@ เชียงรายลั่นแดงไม่มีวันตาย
น.ส.จีระนันท์ จันทวงศ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงราย กล่าวว่า คนเสื้อแดงส่วนใหญ่ทำใจไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ยืนยันว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับ คนเสื้อแดงจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อย่างแน่นอน และจริงๆ แล้วคนเสื้อแดงไม่ได้มีการเคลื่อนไหวมานานแล้ว นับตั้งแต่ คสช.เข้ามายึดอำนาจรัฐบาลและทำให้การเมืองต่างๆ เงียบสงบลงไป ทั้งนี้ ลึกๆ แล้วคนเสื้อแดงเองไม่อยากให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายแค่ต้องการเห็นประชาธิปไตยเท่านั้น
"การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง ไม่มีผลอะไรกับคนเสื้อแดง เนื่องจากคนเสื้อแดงนั้นแดงทั้งแผ่นดินอยู่แล้ว เป็นเสื้อแดงที่อยู่ในหัวใจ แม้ไม่มีนายกฯ หรือไม่มี พท. คนเสื้อแดงก็ไม่มีวันตายไปจากสังคมไทย เพียงแต่ว่าจะมีการแสดงออกหรือไม่เท่านั้น แต่ตอนนี้เพื่อความสงบของบ้านเมืองทุกฝ่ายต่างหยุดเคลื่อนไหว" น.ส.จีระนันท์กล่าว
@ โคราชเสียใจ-ไม่เคลื่อนไหว
นายอนุวัตน์ ทินราช อดีตแกนนำ นปช.อีสาน กล่าวว่า อดีต นปช.ทุกคนคิดอยู่ก่อนแล้วว่า สนช.จะต้องถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลังจากนี้ต้องปล่อยให้เป็นไปในตากระบวนการที่จะมีการต่อสู้ในทางกฎหมายต่อไป
นายสมโภชน์ ประสาทไทย อดีตประธาน นปช.คนเสื้อแดง อ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกถอดถอน เนื่องจากคนที่ต้องการที่จะเข้ามาในการพัฒนาประเทศชาติกลับต้องถูกตัดสิทธิ เหมือนกับการถูกตัดมือตัดเท้า จะทำให้บ้านเมืองไม่ได้รับการพัฒนาที่เพียงพอ ขอยืนยันว่าในพื้นที่ อ.เมืองนครราชสีมา ไม่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ อย่างแน่นอน
@ ชี้สมัยหน้าพท.ชนะเลือกตั้ง
นายอดิศร เนาวนนท์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กล่าวว่า การถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์แล้ว จะส่งผลให้พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่รอวันเลือกตั้งครั้งใหม่ จะได้รับความเห็นใจจากประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่ไม่ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารในเชิงลึก เพราะข้อมูลที่รับรู้ได้ในขณะนี้ คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ต่อสู้ในเรื่องของนโยบาย โดยเฉพาะเรื่องการจำนำข้าวที่จะเป็นการช่วยเหลือชาวนา ทำให้เห็นว่าชาวนาได้รับผลประโยชน์จริง แต่ชาวนาไม่สามารถที่จะรับรู้ได้ว่าประเทศชาติจะเสียหายอย่างไร
"การเลือกตั้งสมัยหน้า ถ้า พท.ชู 2 ประเด็นคือ การรับจำนำข้าวเป็นโครงการที่ช่วยเหลือเกษตรกร และการถอดถอนไม่ได้รับความเป็นธรรม จะทำให้ พท.มีคะแนนเหนือพรรคการเมืองที่จะลงแข่งในการเลือกตั้ง" นายอดิศรกล่าว
@ นักวิชาการชี้โดนเหมือน'แม้ว'
นายชำนาญ จันทร์เรือง นักวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ในฐานะอาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ประสบชะตากรรมคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชาย ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ทั้งที่ไม่มีรัฐธรรมนูญและกฎหมายเอาผิดย้อนหลัง
"อนาคตเชื่อว่า ตระกูลชินวัตรคงลำบาก เพราะการตัดสินคดีทุจริตจำนำข้าวอาจเป็นไปทิศทางเดียวกับการตัดสิทธิทางการเมือง อาจนำไปสู่ความรุนแรงเปรียบเหมือนไฟสุมขอนที่รอวันปะทุ เนื่องจากประชาชนที่สนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ถูกกล่าวหา" นายชำนาญกล่าว
@ 'มาร์ค'ชี้เชือดเพราะเบี้ยวตอบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท กรณี สนช.มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ไม่ถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภาว่า ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการ ตามข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริง
นายอภิสิทธิ์กล่าว่า ผลคะแนนถอดถอนที่ไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันนั้นแสดงว่า สนช.มีการแยกแยะและมีดุลพินิจในการลงคะแนนที่แตกต่างกัน ในส่วนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ตัดสินต้องออกมาอธิบายต่อสังคมถึงเหตุผลของการถอดถอน ทั้งนี้ เชื่อว่าปัญหาเกิดจากการไม่ไปตอบข้อซักถามต่อ สนช.ด้วยตนเอง แต่กรณีของนายนิคมและนายสมศักดิ์ อาจเป็นเพราะรัฐธรรมนูญ 2550 ได้สิ้นสุดลงแล้ว จึงไม่มีกฎหมายมารองรับ
@ อัดพูดไม่ได้รับความเป็นธรรม
"คำแถลงการณ์ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นสำนวนเดิมๆ ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย (พท.) มักใช้เป็นประจำ" นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า ผลการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ของ สนช.ในครั้งนี้คงไม่สามารถบ่งบอกอะไรได้ เพราะขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่มีสถานการณ์พิเศษ อยากขอให้ความสำคัญไปที่การวางระบบในวันข้างหน้าจะดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นความสำเร็จของ ปชป.ที่จุดประเด็นเรื่องการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ปชป.แค่ทำหน้าที่ผู้ตรวจสอบและผู้ร้อง อย่างไรก็ตาม เห็นว่าการถอดถอนที่เกิดขึ้นไม่ควรจะเป็นอุปสรรคต่อ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สปช.ทุกคนควรจะทำให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ รวมทั้งต้องอยู่ในกรอบที่ไม่ทำให้เกิดความวุ่นวาย
@ 'เจษฎ์'หวั่นวิกฤตครั้งใหม่
นายเจษฎ์ โทณะวณิก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงหลัง สนช.มีมติถอดถอนคือ จุดยืนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ประกาศสู้ทุกทาง โดยในช่วงนี้การเคลื่อนไหวมวลชนทำไม่ได้ อาจไปใช้ช่องทางให้สื่อต่างชาตินำเสนอเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือกระบวนการศาล เหมือนที่เคยทำมาต่อเนื่อง พร้อมกับดูการร่างรัฐธรรมนูญว่าไปตามไล่ล่าแค่ไหน และใช้วิธีการมาโจมตีรัฐธรรมนูญ สุดท้ายทำอย่างไรให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว และกลับมาได้เป็นรัฐบาลเพื่อมาแก้รัฐธรรมนูญปี 2558 อีกครั้ง
"ช่วง 1-2 ปีนี้ คนไทยอาจจะยังไม่เปลี่ยน จะเลือกคนที่เคยเลือก และมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ พท.จะได้กลับเข้ามา เพราะ ปชป.เคยเป็นรัฐบาลมาแล้ว บ้านเมืองไม่ได้ดีขึ้น ซึ่งผมมองว่าทิศทางการเมืองจะเริ่มเข้าสู่วิกฤตครั้งใหม่" นายเจษฎ์กล่าว
ด้านนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ในประเด็นที่ สนช.มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ และมีมติไม่ถอดถอนนายนิคมกับนายสมศักดิ์ โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เป็นประเด็นการเมือง เมื่อถามว่า กมธ.ยกร่างฯมีการพิจารณาการตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตหรือไม่ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ขณะนี้ที่ประชุม กมธ.ยกร่างฯยังไม่มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว
@ อดีต 38 ส.ว.รอด-เงื่อนไขห้ามจ้อ
แหล่งข่าวจากอดีต ส.ว.รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา หลัง สนช.มีมติไม่ถอดถอนนายนิคม ได้มีการจัดเลี้ยงแสดงความยินดีกับนายนิคม โดยอดีต 38 ส.ว.ที่จะถูกถอดถอนในคดีเดียวกันเป็นเจ้าภาพ ภายในงานมีการพูดคุยถึงคดีการถอดถอนอดีต 38 ส.ว. โดยระบุว่ามีใบสั่งออกมาแล้วว่าจะไม่ถอดถอน
"สัญญาณส่งผ่านอดีต ส.ว.ที่อยู่ใน สนช.และ สปช. แต่มีเงื่อนไขออกมาว่า ทั้ง 38 คนต้องไม่พูดหรือโต้แย้งใดๆ ในระหว่างการเปิดสำนวนคดีในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ นอกจากนี้ในกลุ่มอดีต ส.ส. 268 คน ที่กระทำในลักษณะเดียวกัน แต่คดียังอยู่ที่ ป.ป.ช.นั้นก็มีธงออกมาว่า หากต้องการรอดพ้นการถูกถอดถอน ต้องออกจาก พท.หรือเดินหน้าตั้งพรรคใหม่ เพราะมีใบสั่งจะกำจัดเฉพาะตระกูลชินวัตรให้ออกจากการเล่นการเมืองเท่านั้น"
@ ผวา'ทัวร์นกขมิ้น'ถูกยุบพรรค
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า กรณีมีการกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะที่เดินทางไปตรวจราชการ หรือทัวร์นกขมิ้น ในพื้นที่ภาคกลาง, ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภา ว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการ ทรัพยากรของรัฐไปหาเสียง ในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้แก่พรรคและผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ให้ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 นั้น มีกระแสข่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะพิจารณาคดีดังกล่าวประมาณปลายเดือนมกราคมนี้
"มีความเป็นไปได้สูงที่ กกต.จะแจ้งข้อหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ และพวก ว่ามีความผิดฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 181(4) ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค เนื่องจากมีกรรมการบริหารพรรคร่วมคณะทัวร์นกขมิ้นด้วย" แหล่งข่าวกล่าว
@ ป.ป.ช.สอบอาญา'ขุนค้อน'ไม่ได้
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีการไต่สวนสำนวนคดีอาญากรณีอดีต ส.ส.เสียบบัตรแทนกันในการประชุมรัฐสภา ในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.โดยมิชอบว่า ได้สอบพยานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันบุคคลที่ปรากฏในคลิปการเสียบบัตรแทนกันครบหมดแล้ว ต่อไปจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนในสัปดาห์หน้า เพื่อให้เชิญบุคคลที่เชื่อว่ามีพฤติกรรมการเสียบบัตรแทนกันที่ปรากฏในคลิปวิดีโอเข้ามาให้ปากคำ อย่างไรก็ดี อาจเอาผิดได้ไม่มาก เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัด จึงเอาผิดได้แค่บุคคลที่เชื่อว่ามีพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกันที่ปรากฏในคลิปวิดีโอเท่านั้น แต่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่านำบัตรของใครไปเสียบบ้าง เพราะระบบของรัฐสภายังไม่เอื้ออำนวยเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า การไต่สวนคดีอาญานายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กรณีเปลี่ยนร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. นายสรรเสริญกล่าวว่า เป็นเรื่องเดียวกันกับคดีถอดถอน โดย สนช.มีมติแล้วว่าไม่ถอดถอน เนื่องจากมีพฤติการณ์แค่ส่อว่าเท่านั้น แม้ว่าฝ่าย ป.ป.ช.จะมีพยานหลักฐาน แต่ สนช.เชื่อว่าทำไปโดยปกติ ดังนั้นคงไม่สามารถดำเนินคดีนี้ในส่วนของอาญาได้
@ กกต.หนุนจัดเวทีฟังปชช.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อเวลา 09.30 น. ได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสนับสนุนการจัดทำเวทีสาธารณะ รับฟังความคิดเห็นของประชาชนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยมีผู้บริหาร ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง (ผอ.กต.) ประจำ กทม.และจังหวัดต่างๆ รวมทั้งผู้อำนวยการศูนย์การเรียนรู้การเมืองในระบอบประชาธิปไตย รุ่นที่ 1-5 และสมาชิก สปช.เข้าร่วม
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า กกต.พร้อมสนับสนุนการทำงานของ สปช.ในการปฏิรูป สร้างความปรองดอง และร่างรัฐธรรมนูญในทุกรูปแบบอย่างเต็มที่ จึงอยากให้ กกต.จังหวัดช่วยเสนอแนะปัญหาและสอบถามความชัดเจน เพื่อแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องสำหรับการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
@ เชื่อถอดถอน'ปู'ไม่กระทบ
นายประชา เตรัตน์ สปช.ชลบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กล่าวว่า การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นทั้ง 77 จังหวัด จะเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกันยายนนี้ โดยแต่ละจังหวัดจัดเวที 11 ครั้ง แบ่งเป็นระดับจังหวัด 1 ครั้ง และระดับอำเภอ 10 ครั้ง ที่จะนำความเห็นเสนอที่ประชุม สปช.รับทราบ
นายประชา กล่าวว่า การจัดเวทีระดับอำเภอจะกำหนดกรอบรับฟังความเห็น 5 ประเด็น แต่จะมีประเด็นหลัก 3 เรื่อง คือ 1.แนวทางการแก้ไขทุจริตและคอร์รัปชั่น 2.วิธีการเลือกนักการเมืองที่ดีเข้ามาทำหน้าที่การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม 3.การแก้ไขความเหลื่อมล้ำ
"เชื่อว่ากรณี สนช.มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่กระทบต่อการจัดเวทีของ สปช.ที่เป็นเรื่องของการปฏิรูปประเทศอีก 20 ปีข้างหน้า อีกทั้งการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาร่วมเวทีเน้นย้ำที่ความหลากหลาย ไม่เน้นเฉพาะการเมืองเท่านั้น" นายประชากล่าว