- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 08 January 2015 13:58
- Hits: 4971
วันที่ 08 มกราคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8807 ข่าวสดรายวัน
'ปู'โชว์ข้อมูล สมัย'ป๋า'ก็รับจำนำข้าว หอบเอกสาร 139 หน้าสู้ ทหารสนช.ชี้ถอดได้ยาก สมชัยโวยมท.คุมกาบัตร
เซลฟี่ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ถ่ายรูปเซลฟี่ร่วมกับเด็กและเยาวชนดีเด่น ซึ่งนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ จำนวน 779 คน ที่เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาท ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 7 ม.ค. |
'ยิ่งลักษณ์'หอบเอกสาร 139 หน้า สู้ปมถอดถอนชี้ 'จำนำข้าว' มีมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล'ป๋าเปรม' ยันทำตามคำแนะนำ ป.ป.ช. ไม่มีทุจริต ด้านรัฐบาลไม่ห้ามผู้สนับสนุนให้กำลังใจ รวมตัวได้ แต่ห้ามปราศรัย 'จตุพร'สั่งเสื้อแดงรอฟังข่าวในที่ตั้ง 'นิคม' ไม่กังวล มั่นใจหลักฐาน 'น้องบิ๊กป้อม'เชื่อมติถอดถอนเป็นไปได้ยาก กลุ่ม 40 ส.ว.เดินหน้าล็อบบี้สนช.สายทหาร'สมชัย'แถลงค้านมหาดไทยจัดเลือกตั้ง ไม่ต่าง ยื่นดาบให้โจร แนวร่วมกู้ชีพสวนยางฯ ฮึ่มนำเกษตรกรทั่วประเทศเคลื่อนไหว
นายกฯขอเด็กยึดค่านิยม 12 ข้อ
เวลา 09.00 น. วันที่ 7 ม.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ นำเด็กและเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ 779 คน เข้ารับโอวาทจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อนายกฯ เดินเข้าตึกสันติไมตรี ผู้ปกครองและเด็กๆ รอต้อนรับพร้อมตะโกนสวัสดีปีใหม่ และ "พวกเราอยากเจอนายกฯ เราทุกคนรักนายกฯ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสวัสดีปีใหม่ทุกคน พร้อมขอบคุณ จากนั้น ตัวแทนเด็กและเยาวชนมอบของให้นายกฯ อาทิ ภาพวาดสีน้ำมันรูปพล.อ.ประยุทธ์ พวงมาลัยจากฝีมือนักเรียน สิงห์มงคลแกะสลักด้วยไม้ ช้างคู่ ผลิตภัณฑ์ของดีจากจังหวัดต่างๆ มะขามหวาน ข้าวไรซ์เบอร์รี่
นายกฯ กล่าวว่า มีความสุขที่ได้ต้อนรับเด็กทุกคนซึ่งคืออนาคตของชาติ ขอให้ยึดค่านิยม 12 ประการ ซึ่งจะทำให้สังคมประเทศชาติดีขึ้น ครอบครัวมีความสุข รัฐบาลจะทำทุกอย่างเพื่อขับเคลื่อนประเทศ ไม่ให้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในอนาคต แต่รัฐบาลมีเวลาจำกัด จึงฝากความหวังไว้กับเยาวชน อย่าท้อแท้ ท้อถอย ต้องมีคุณธรรม และขอฝากถึงการใช้โซเชี่ยลมีเดีย อย่าให้เทคโนโลยีมาครอบงำและชี้นำการใช้ชีวิต ทุกคนต้องมีสติ ทำตามค่านิยม 12 ประการ อย่าท่องอย่างเดียว
นายกฯ กล่าวว่า อนาคตเป็นหน้าที่ของคนรุ่นต่อไป ซึ่งตนก็ไม่อยู่แล้ว จึงขอฝากเด็กและเยาวชนว่าอย่าให้ใครมาปลุกปั่นให้เกิดการแตกแยกทะเลาะกันอีกเด็ดขาด เราไม่มีเวลาอีกแล้วที่จะแก้ไข วันนี้จะนำประเทศเข้าสู่กระบวนการปฏิรูป มีเพียงช่วงนี้เท่านั้น ช่วยไปบอกพ่อแม่ว่าเราต้องช่วยกัน เราต้องแก้ไขไปเรื่อยๆ แม้ตนไม่อยู่ ทุกคนก็ต้องทำต่อและระหว่างการปฏิรูปทุกคนต้องไม่ทะเลาะกัน
แห่ถ่ายรูปคู่ประยุทธ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ เสร็จสิ้นภารกิจจากการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ครั้งที่ 1/2558 บรรดาเด็กๆ เยาวชนดีเด่นและผู้ปกครองที่ยังอยู่รอรับรางวัลเยาวชนดีเด่น ทยอยขอถ่ายรูปกับนายกฯบริเวณทางเชื่อมระหว่างตึกสันติไมตรีและ ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ร่วมถ่ายรูปกับเด็กๆ และแจกลายเซ็น
ระหว่างนั้น ด.ญ.กัญญาณัฐ ยอดทอง หรือน้องใบเฟิร์น นักเรียนดีเด่นจากจังหวัดยะลาที่รอถ่ายรูปกับนายกฯ ไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปด้วยได้เนื่องจากยังมีอาการบาดเจ็บที่แขนซ้าย หลังจากที่นายกฯเข้าห้องทำงานในตึกไทยคู่ฟ้าแล้ว พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค คณะทำงานนายกฯจึงให้พาด.ญ.กัญญาณัฐ พร้อมผู้ปกครองและอาจารย์ขึ้นไปยังห้องทำงานนายกฯ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อร่วมถ่ายภาพเป็นการส่วนตัว
ด.ญ.กัญญาณัฐ เผยว่า ดีใจมากที่ได้ร่วมถ่ายภาพกับนายกฯ และนายกฯอวยพรขอให้แขนของตนที่ได้รับบาดเจ็บหายเร็วๆ และเป็นเด็กดี พร้อมมอบตุ๊กตาหมีและพระพุทธเมตตาเสนานาถให้เป็นของขวัญวันเด็กด้วย รู้สึกดีใจมากที่ได้รับโอกาสดังกล่าว
บิ๊กตู่ สั่งเตรียมรูปเหมือนเท่าจริง
รายงานข่าวจากทำเนียบ เผยว่า นายกฯ สั่งให้คณะทำงานจัดเตรียมรูปเหมือนขนาดเท่าตัวจริง สวมชุดทหาร มาตั้งไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันเสาร์ที่ 10 ม.ค. ซึ่งทำเนียบ จัดงานวันเด็กแห่งชาติไว้เพื่อให้เด็กๆ และเยาวชนได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก หากไม่สามารถได้ถ่ายรูปกับตัวจริงได้นอกเหนือจากที่จะได้เยี่ยมชมห้องทำงานและนั่งเก้าอี้นายกฯ
สำหรับ บรรยากาศที่ทำเนียบ เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมซุ้มและเต็นท์ต่างๆ ไว้เพื่อให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน มาจัดงานวันเด็กแห่งชาติ เพื่อมอบของขวัญให้กับเด็ก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังได้ติดตั้งกล้องสำหรับส่องใต้ ท้องรถ บริเวณประตูทางเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาลทุกประตูด้วย โดยในวันเสาร์ที่ 10 ม.ค. เด็ก เยาวชน และผู้ปกครองที่จะมาร่วมงานวันเด็กแห่งชาติ จะต้องผ่านเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและวัตถุต้องสงสัย
ส.ค.ส.ถึงลุงประยุทธ์
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าวันเด็กแห่งชาติ 10 ม.ค.นี้ มีเด็กและเยาวชนจากทั่วประเทศเขียนส.ค.ส.ส่งถึงพล.อ.ประยุทธ์กว่า 1,000 ฉบับ โดยสำนักโฆษกสำนักนายกฯ นำบางส่วนมาติดบอร์ดเพื่อเผยแพร่ และทุกส.ค.ส.ที่ส่งมา นายกฯจะได้ส่งส.ค.ส.ตอบกลับไปให้ทุกคน มีข้อความที่น่าสนใจ อาทิ "ผมเป็นเด็กก็จริงอยู่ แต่ผมชอบดูรายการคืนความสุขให้ประชาชน ในเย็นวันศุกร์ และให้กำลังใจลุงประยุทธ์" "ขอให้พล.อ.ประยุทธ์มีสุขภาพแข็งแรง อยู่ในตำแหน่งนานๆ ดูแลบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุข และประเทศไทยจะสงบ มีคนต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ดูแลเมืองไทยไปนานๆ"
น้องบิ๊กป้อม ชี้มติถอดทำได้ยาก
ที่รัฐสภา พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) น้องชายพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวกรณี สนช.นัดประชุม แถลงเปิดคดีถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติ สุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัช พานิช อดีตประธานวุฒิสภา กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาส.ว. ในวันที่ 8 ม.ค. และแถลงเปิดคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ยับยั้งความเสียหายจากโครงการจำนำข้าว ในวันที่ 9 ม.ค.ว่า ส่วนตัวคิดว่า การถอดถอนนายสมศักดิ์ และนายนิคม และน.ส.ยิ่งลักษณ์ คงเป็นไปได้ยากที่จะได้มติ 3 ใน 5 หรือ 132 เสียงในการถอดถอน เนื่องจาก สนช.หลายคนเห็นว่า รัฐธรรมนูญปี 50 ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว ส่วนคดีความผิดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว จึงเห็นว่าไม่น่าจะเข้าข่ายถอดถอนได้
เมื่อถามว่า นายกฯระบุการสร้างความปรองดอง ไม่ได้หมายความว่าจะต้องยกโทษความผิดให้กับทุกคน ต้องแยกแยะให้ชัดเจนถือเป็นการส่งสัญญาณให้ สนช.เดินหน้าถอด ถอนหรือไม่ พล.ร.อ.ศิษฐวัชรกล่าวว่า ไม่ใช่การส่งสัญญาณ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสนช.ว่าจะเห็นอย่างไร
กลุ่ม 40 ส.ว.เดินหน้าล็อบบี้
รายงานข่าวจากรัฐสภา เผยว่า การลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายสมศักดิ์ และนายนิคม ประเมินจากเสียงที่สมาชิกสนช. เคยลงมติรับสำนวนถอดถอนไว้พิจารณา ด้วยคะแนน 87 เสียง จึงเชื่อว่าเสียงจากสมาชิก สนช. ไม่น่า จะเพียงพอสำหรับการถอดถอน สมาชิก สนช.ส่วนใหญ่ที่อยู่ในสายทหารและข้าราชการ ต่างมองว่าเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 ถูกยกเลิกไปแล้ว ก็ไม่สามารถลงมติถอดถอนนายสมศักดิ์และนายนิคมได้ ขณะที่สำนวนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สนช.ส่วนใหญ่ มองว่าข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ยังไม่มีความชัดเจน เพราะ ป.ป.ช.เองยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าบุคคลใด ที่ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวบ้าง อีกทั้งอัยการยังไม่ส่งสำนวนฟ้องต่อศาลอาญาและยังไม่ชัดเจนว่าที่สุดแล้วจะมีการส่งฟ้องหรือไม่
อย่างไรก็ตาม จากการให้สัมภาษ์ของพล.อ. ประยุทธ์ ต่อกรณีถอดถอนว่า ให้เป็นเรื่องตามกฎหมาย ทำให้ สนช. กลุ่มอดีต 40 ส.ว. และนักวิชาการบางส่วนมองว่า คสช.ไม่ได้ส่งสัญญาณมาว่าต้องถอดถอนหรือไม่ จึงยังมีความพยายามเดินสายล็อบบี้ให้สนช.สายทหารส่วนใหญ่กลับมาเห็นด้วยกับพวกตน เพื่อลงมติถอดถอนในทุกสำนวนหลังเคยทำสำเร็จมาแล้ว ต้องลงมติรับสำนวนถอดถอนไว้พิจารณาก่อนหน้านี้
พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง สนช. กล่าวว่า สนช.ได้ขอความร่วมมือสมาชิกหากไม่ติดภารกิจ ที่จำเป็นจริงๆ ขอให้เข้าร่วมประชุมสนช. เพื่อพิจารณาถอดถอนทุกครั้ง เพื่อให้สมาชิกได้รับฟังข้อมูลทั้ง 3 ฝ่าย ได้แก่ ผู้กล่าวหา คือ ป.ป.ช. ผู้ถูกกล่าวหา และกรรมาธิการ(กมธ.) ซักถาม โดยเฉพาะในวันลงมติถอดถอนที่เบื้องต้นกำหนดไว้ในห้วงวันที่ 21-23 ม.ค. ถือว่ามีความสำคัญ ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เรื่องการถอดถอนให้เดินไปตามกระบวนการยุติธรรมนั้นไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณ หรือไฟเขียวให้ สนช.ดำเนินการ แต่อย่างใด เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ห้าม 4 รมต.ร่วมชี้แจง
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. กล่าวถึงทนายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้ 4 อดีตรัฐมนตรีเข้าร่วมชี้แจงในวันที่ 9 ม.ค.ว่า ต้องดูว่าทั้ง 8 คน (ทนายและอดีตรัฐมนตรี) เข้ามาทำหน้าที่อะไร ถ้ามาให้กำลังใจก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าจะมาร่วมแถลง ขึ้นอยู่กับประธาน ในที่ประชุมจะพิจารณาว่าทั้ง 8 คนมาในฐานะ อะไร ถ้ามาในฐานะพยานก็คงไม่ได้ เพราะสนช.ได้มีมติว่าไม่อนุญาตให้ผู้ถูกร้องเพิ่มพยาน หลักฐานไปแล้ว การร่วมชี้แจงต้องอยู่ในประเด็นที่เกี่ยวกับสำนวนป.ป.ช.เท่านั้น ซึ่งในวันประชุม ตนจะควบคุมให้ผู้ร่วมแถลงพูดเฉพาะประเด็นในสำนวนเท่านั้น ห้ามนอกประเด็น มิเช่นนั้นจะเท่ากับเพิ่มพยานหลักฐานใหม่
ส่วนข้อร้องขอให้ถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือช่อง 11 นั้น นายพรเพชรกล่าวว่า ที่ผ่านมาการพิจารณาวาระถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ไม่ได้ถ่ายทอดทางช่อง 11 กระบวนการพิจารณาของ สนช.ทำอย่างเปิดเผย โดยถ่ายทอดภาพและเสียงผ่านสถานีวิทยุกระจายและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาอยู่แล้ว
'นิคม'ยันเข้าแจงสนช.เอง
นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา เผยว่า วันที่ 8 ม.ค. จะเดินทางมาชี้แจงต่อที่ประชุม สนช.ด้วยตนเอง จะนำเสนอข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พร้อมทั้งพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นสำนวนเดียวกับที่ป.ป.ช.เคยพิจารณาแล้ว ในส่วนของตน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดฐานส่อว่าจงใจใช้อำนาจขัดต่อบท บัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 291 จะนำหลักฐานที่มี อาทิ บันทึกการประชุม และรายงานของกรรมาธิการ (กมธ.) ในการแปรญัตติว่ามีเจตนาอย่างไร ชี้แจงให้ สนช.ประกอบการพิจารณา
วาดเหมือน - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชมภาพตัวเองที่เด็กวาดมาให้ เนื่องในโอกาสที่เด็กและเยาวชนดีเด่น และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ 779 คน เข้าเยี่ยมคารวะและรับโอวาทที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 7 ม.ค. |
นายนิคม กล่าวว่า เหตุผลสำคัญอีกประการที่เดินทางไปชี้แจงสนช.ด้วยตัวเอง เพื่อรักษาบรรทัดฐานของสถาบันนิติบัญญัติ ว่าการพิจารณาของสมาชิกทุกคนมีเอกสิทธิ์คุ้มครอง เป็นการกระทำที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ หากองค์กร อื่นก้าวล่วงต่อไปสมาชิกจะทำอะไรไม่ได้เลย
เมื่อถามว่า มีความมั่นใจในข้อกฎหมายและพยานหลักฐานมากน้อยอย่างไร นายนิคมกล่าวว่า มั่นใจ ไม่มีความกังวล เพราะสิ่งที่เตรียมนำไปชี้แจงต่อสนช.ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย หวังว่าสมาชิกสนช.จะใช้ พิจารณาประกอบการตัดสินใจ โดยใช้ดุลพินิจ ที่ถูกต้อง ทางสนช.อนุญาตให้เพิ่มผู้เข้าร่วมชี้แจงได้อีก 2 คนคือนายเจริญ ภักดีวานิช อดีตส.ว.พัทลุง และนายกฤช อาทิตย์แก้ว อดีตส.ว.กำแพงเพชร
'ปู'เตรียมแจง-เอกสาร 139 แผ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงเปิดคคี วันที่ 9 ม.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ จัดเตรียมเอกสารประกอบคำแถลง 139 หน้า ชี้แจงถึงความเป็นมาของนโยบายที่มีมาตั้งแต่รัฐบาลสมัยพล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ยกเว้นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ใช้นโยบายการประกันราคาข้าว พร้อมชี้แจงถึงเหตุผลที่กำหนดราคารับจำนำข้าว ตันละ 1.5 หมื่นบาท เพื่อให้ชาวนามีรายได้เหมาะสม คุ้มค่าต่อการลงทุน แก้ปัญหาความยากจน โดยวางระดับให้ชาวนามีรายได้ประมาณ 240 บาทต่อคนต่อวัน ใกล้เคียงกับรายได้แรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และที่รับจำนำทุกเม็ดเพื่อให้ราคาข้าวเปลือกในตลาดอยู่ในระดับสูง และในความเป็นจริงข้าวทั้งปีการผลิต 38 ล้านตัน ในฤดูการผลิต 2555/56 มีข้าวเข้าร่วมเพียง 22 ล้านตันหรือร้อยละ 58 เหลือข้าวนอกโครงการ 16 ล้านตัน
เอกสารยืนยันว่า โครงการรับจำนำข้าวไม่ได้ บิดเบือนกลไกตลาด ตรงกันข้ามลดการบิด เบือนกลไกตลาด เดิมเป็นตลาดที่เสรีแต่ไม่เป็น ธรรมต่อชาวนา การทำโครงการนี้เพื่อทำให้รายได้และกำไรในธุรกิจข้าวตกอยู่ในมือชาวนา เพิ่มขึ้น ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริต รัฐบาล มีมาตรการป้องกันทุกขั้นตอน พร้อมตั้งคณะกรรมการชุดต่างๆ ขึ้นมาตรวจสอบข้อร้องเรียน และมีบทลงโทษอย่างเข้มงวด ส่วนกรณีข้าวหาย ข้าวเน่า ข้าวเสื่อมคุณภาพ ได้ทำสัญญาเก็บและรักษาข้าว ดังนั้น หากมีความเสียหายเกิดขึ้นผู้ทำสัญญาเก็บรักษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ ส่วนที่กล่าวหาว่าตั้งแต่ปี 2555 ข้าวหายไปจากโกดัง 2 ล้านตัน ไม่เป็นความจริง เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบยืนยันว่าข้าวมีจริง และคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ได้โต้แย้งขอให้คณะอนุกรรมการปิดบัญชีบันทึกบัญชีข้าว ดังกล่าว ซึ่งสรุปว่าข้าวไม่ได้สูญหาย
โต้ทุจริต-ยันทำตามปปช.แนะ
สำหรับ ข้อกล่าวหาเรื่องการระบายข้าว รัฐต่อรัฐ(จีทูจี)มีปัญหาส่อทุจริต เป็นคดีความที่ป.ป.ช.กล่าวหานายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ขณะนั้นกับพวก นายกฯ สั่งการให้พิจารณาสัญญาที่จะลงนาม หรือลงนามแล้วแต่ยังไม่มีการส่งมอบ ให้ปฏิบัติตามความเห็นของป.ป.ช.ไว้ก่อน เป็นผลให้กระทรวงพาณิชย์ยกเลิกสัญญาซื้อข้าวจีทูจีของรัฐวิสาหกิจ ของมณฑลเฮยหลงเจียง ประเทศจีน 1.2 ล้านตัว มูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านบาทเมื่อเดือนพ.ย. 2556 และในหลักของการบริหาร หากมีการ กระทำทุจริตประพฤติมิชอบในระดับปฏิบัติ แล้วจะให้นายกฯร่วมรับผิดชอบย่อมไม่ใช่วิสัย ที่สำคัญนโยบายรับจำนำข้าวเป็นนโยบายที่ดี ไม่มีการทุจริตเชิงนโยบายแต่อย่างใด
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่ขาดทุนและไม่ทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งเงินที่ใช้ในโครงการที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามนโยบาย รัฐบาล เรียกว่าขาดทุน ณ วันที่ 31 พ.ค. 2556 ควรจะเป็นประมาณ 219,432 ล้านบาท ไม่ใช่ 332,372 ล้านบาท ขณะที่ประโยชน์ที่ได้จากการมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มในฤดูการผลิต 2555/56 มีถึง 41,001 ล้านบาท ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) เติบโตสูงขึ้นร้อยละ 8.87 และร้อยละ 5.63 ในปี 2555 และปี 2556 ตามลำดับ และเมื่อชาวนามีรายได้ดีขึ้นย่อมทำให้ความเหลื่อมล้ำในสังคมลดน้อยลง โดยจำนวนคนจนลดลงจากร้อยละ 11 ในปี 2553 เป็นร้อยละ 8.3 ในปี 2555 หรือลดลง 1.8 ล้านคน
ไม่มีปัญหาการจ่ายเงิน
โครงการปัญหาการจำนำข้าวตั้งแต่รอบข้าวนาปี 2554/55 จนถึงรอบข้าวนาปรังปี 2556 รวม 4 ฤดูกาล เป็นเวลา 2 ปี ไม่มีปัญหาเรื่องการจ่ายเงินค่าจำนำข้าวให้กับชาวนา รัฐบาล ใช้เงินกู้เป็นเงินหมุนเวียนสำหรับการจ่ายเงิน แล้วจึงใช้เงินที่ได้จากการระบายข้าวและเงินงบประมาณสนับสนุนที่ตั้งไว้จ่ายคืนเงินกู้ ดังกล่าว แต่ในช่วงเดือนต.ค. 2556 เป็นต้นมาได้เกิดวิกฤตทางการเมืองจนรัฐบาลต้องยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2556 เมื่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และธนาคารรัฐอื่นต้องการกู้เงินสำหรับใช้จ่ายในโครงการ โดยมีกระทรวงการคลังค้ำประกัน กลุ่มต่อต้านรัฐบาลภายใต้การนำของ กปปส. ได้ใช้ประเด็นนี้เป็นประเด็นการเมืองขัดขวางการระดมเงินเพื่อจ่ายชาวนา ต่อมารัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้ามาจัดโครงการบรรเทาความเดือดร้อนของชาวนาอย่างต่อเนื่อง
กรณีระบุข้าวไทยเสียแชมป์ส่งออกช่วงก่อนปี 2554/55 ไทยเป็นแชมป์การส่งออก แต่หลังปี 2554/55 อินเดียเปลี่ยนนโยบายส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นทำให้มีการแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรง นำโดยอินเดียและเวียดนาม ไทยจึงไม่ใช่ผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลกเช่นเดิมแต่สถานการณ์การขายข้าวดีขึ้นตามลำดับ ก.ย.2557 แม้การส่งออกไทยยังเป็นอันดับ 3 แต่มูลค่าการส่งออกเป็นอันดับ 2 มากกว่าเวียดนาม และมีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนคือไทย กลับมาเป็นแชมป์ส่งออกข้าวได้อีกคือประมาณ 10.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวจากโครงการรับจำนำแทบทั้งสิ้น
ป.ป.ช.ไม่เป็นกลาง
เอกสารระบุว่า คดีถอดถอนและคดีอาญากลับถูกคณะกรรมการป.ป.ช.นำมารวมกันโดยมิชอบ ป.ป.ช.จึงมิใช่ผู้ที่เป็นกลางในการชี้มูลความผิดในคดีถอดถอน เพราะหากไม่รวมคดี พรรคประชาธิปัตย์ต้องหาหลักฐานมาเสนอให้ป.ป.ช. แต่เมื่อรวมคดี ป.ป.ช.กลายเป็นผู้หาหลักฐานให้พรรคประชาธิปัตย์ผู้ร้องคดีถอดถอน โดยนำพยานหลักฐานคดีอาญามารวมให้กับคดีถอดถอนในลักษณะเติมพยาน ให้กับคดีถอดถอน และเร่งชี้มูลความผิดในคราวเดียวกัน ขณะเดียวกันคดีนี้มีกระบวนการ ไต่สวนที่เร่งรีบ รวดรัดเป็นกรณีพิเศษ การ กล่าวหามีอคติ เข้าข่ายยัดเยียดข้อหาในลักษณะ การรวมคดี จึงเป็นการยากที่จะคาดหวังว่าอดีตนายกฯ จะได้รับความเป็นธรรมจากคณะกรรมการที่ตัดสินคดีนี้
ภายหลังการชี้มูลความผิด 8 พ.ค. 2557 อัยการสูงสุดชี้ว่าคดีอาญามีข้อตำหนิ ข้อไม่สมบูรณ์ และข้อสังเกตที่ต้องไต่สวนพยานหลักฐานในหลายประเด็น ย่อมทำให้คดีถอดถอนมีข้อตำหนิ ข้อไม่สมบูรณ์เช่นกัน ประกอบกับรายงานและสำนวนการไต่สวนไม่มีพยานหลักฐานเรื่องการทุจริตหรือสมยอม ให้ทุจริต จึงยืนยันที่จะปฏิเสธข้อกล่าวหา ขณะเป็นนายกฯ และประธาน กขช.ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และกฎหมายทุกประการ มั่นใจในความบริสุทธิ์ในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่มีข้อบกพร่อง ไม่ละเลยและไม่เคยใช้อำนาจในทาง ที่ผิดจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชนทั้งในอดีตและปัจจุบัน
นปช.ยันไม่นำมวลชนไปสภา
นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวกรณี สนช.นัดประชุมแถลงเปิดคดีถอดถอนว่า ยืนยัน นปช.ไม่จัดตั้งมวลชนคนเสื้อแดงหรือรวมกลุ่ม เคลื่อนไหวไปให้กำลังใจทั้ง 3 คนที่รัฐสภา แต่หากจะมีใครไปก็เป็นเรื่องส่วนตัว เป็นสิทธิ ส่วนบุคคล ขณะนี้ คสช.ยังใช้กฎอัยการศึก พวกเราเป็นมนุษย์ฟังรู้เรื่อง จึงไม่จำเป็นที่ นปช.จะกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย หากมีใครใส่เสื้อแดงไปรวมตัวที่รัฐสภาเพื่อสร้างสถานการณ์จนเกิดความวุ่นวาย ขอยืนยันว่าไม่ใช่นปช. แต่เป็นพวกแดงปลอม แดงป่วน หวังใส่ร้ายป้ายสีพวกเรา
นายวรชัย กล่าวว่า ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ ระบุคนทำผิดต้องถูกลงโทษนั้น เชื่อว่าพล.อ. ประยุทธ์ พูดโดยรวม ไม่ได้พูดเจาะจงมาที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียงคนเดียว ส่วนที่มีข่าวว่าพล.อ.ประยุทธ์ เปิดทาง สนช.ให้ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น คิดว่าข่าวนี้ไม่ยุติธรรม กับพล.อ.ประยุทธ์และพยายามโยงให้มาลงที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ให้อิสระกับสนช. คดีจำนำข้าวที่ป.ป.ช.ยื่นถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ขณะนี้ความเสียหายยังไม่เกิดขึ้น ยังไม่มีใครถูกตัดสินว่าผิด มีแต่ป.ป.ช. เท่านั้นที่พูดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์โกง
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เมื่อรัฐธรรมนูญ ปี 50 ถูกยกเลิกไปแล้ว จะถอดถอนได้อย่างไร กฎหมายลูกจะเหนือกว่ากฎหมายแม่ได้อย่างไร ดังนั้นอย่าทำเรื่องถอดถอนให้เป็นเรื่องการเมือง ถ้าจะปรองดองก็ต้องทำตามกฎหมาย และ ขอฝากถึง สนช.กรุณาทำเป็นตัวอย่าง อย่าไปเล่นตามบท จะถือเป็นการกลั่นแกล้ง แก้แค้น กลัวว่าถ้าความอยุติธรรมเกิดขึ้นจะมีคนลุกขึ้นมาล่มเรือแป๊ะ เหมือนตุลาฯ 2516 ดังนั้นอย่าดูถูกประชาชน ถ้าไม่มีความยุติธรรมบ้านเมือง ก็อยู่ไม่ได้
'จตุพร'ขอเสื้อแดงอยู่ในที่ตั้ง
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวถึงการเชิญชวนผ่านสื่อเดินทางไปให้ กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่รัฐสภา ในวันที่ 9 ม.ค. นี้ว่า นปช.ไม่มีการนัดรวมตัวใดๆ ข่าวที่ออกมาเชื่อว่าเป็นปฏิบัติการทางข้อมูลข่าวสารที่ กุข่าวสร้างเรื่องหวังผลดึงให้คนเสื้อแดงและแนวร่วมเข้าไปอยู่ในเกมที่เขาต้องการ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นก็จะผลักมาที่คนเสื้อแดงว่าเป็นต้นเหตุความวุ่นวายทำให้รัฐบาลแก้ปัญหา ไม่ได้ และผูกโยงส่งผลเสียถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอให้ทุกคนอดทน ติดตามรับฟังข่าวสารในที่ตั้ง ไม่เคลื่อนไหวให้เกิดการเบี่ยงเบนประเด็น และตกเป็นเครื่องมือของใครอีก เชื่อว่าคนเสื้อแดงเข้าใจตรงกัน
ยื่นปธ.สนช. - นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.รับหนังสือจากนายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง ร้องเรียนขอให้พิจารณาทบทวนถอนรายชื่อ "ไม้ยางพารา" ออกจากบัญชีต้นไม้ท้ายพ.ร.บ.สวนป่าฯ ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ม.ค. |
นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนที่กล่าวหาน.ส. ยิ่งลักษณ์ ปล่อยปละละเลยให้ทุจริต เชื่อว่าชี้แจงรายละเอียดและตอบข้อซักถามได้ทุกประเด็น เพราะมั่นใจว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ บริหารงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ส่วนผลจะเป็นอย่างไร เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขอให้รอฟังอย่างอดทนและติดตามการทำงานของรัฐบาลต่อไป เพราะปลาย ทางสุดท้ายแล้วสังคมไทยจะเป็นเห็นได้เอง
คสช.จับตาม็อบให้กำลังใจ'ปู'
กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเข้าชี้แจงประเด็นที่ป.ป.ช. เสนอถอดถอนในวันที่ 9 ม.ค.นี้ โดยสนช.จะเปิดโอกาสให้คู่ความทั้งสองฝ่ายได้แถลงเปิดคดีโดยไม่กำหนดเวลา ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าน่าจะมีมวลชนมาให้กำลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวนหนึ่งนั้น
รายงานข่าวจากหน่วยข่าว คสช. เผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ติดตามสถานการณ์ความเคลื่อน ไหวอยู่แล้ว หากมาชุมนุมโดยมีลักษณะการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน ตามข้อห้ามที่กฎอัยการศึกกำหนดไว้ เบื้องต้นผู้ที่ควบคุมดูแลสถานการณ์ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะ มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งเป็นคนละ กรณีกับวันที่ 11 ม.ค. ที่หน่วยข่าวได้รายงานมาว่าจะมีมวลชนรวมตัวกันเพื่อทำบุญครบ 100 วัน การเสียชีวิตของพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ที่วัดบางไผ่ จ.นนทบุรี
ไม่ห้ามรวมตัวแต่ห้ามปราศรัย
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกลุ่ม นปช. จะรวมตัวให้กำลังใจน.ส.ยิ่งลักษณ์ วันที่ 9 ม.ค.ว่า ทำได้เพราะการให้กำลังใจเป็นเรื่องส่วนบุคคล รัฐบาลไม่ได้ห้ามและคงห้าม ไม่ได้ ตอนงานศพของพ.อ.อภิวันท์ ก็ไม่ได้ห้าม แต่อย่าทำอะไรที่ขัดต่อกฎหมาย ในลักษณะการเคลื่อนไหวคงทำไม่ได้ ที่ผ่านมากฎอัยการศึกไม่ได้บังคับใช้ในทุกกรณีแต่ดูเจตนาเป็นที่ตั้งมากกว่า และแทบไม่ได้ทำอะไรเลย มีไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเรื่องต่างๆ ได้หากมีข้อมูลเบื้องต้นว่าจะเกิดเหตุร้าย กรณีนี้เทียบเคียงได้กับงานศพพ.อ.อภิวันท์ จะไปก็ไป แต่เปิดเวทีไฮด์ปาร์กคงไม่ถูกต้อง เชื่อว่าทุกฝ่ายเข้าใจดี ไม่ว่าฝ่ายไหนน่าจะรู้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นอย่างไร ไปให้เห็นหน้าและให้กำลังใจ ให้ดอกไม้ก็พอแล้ว
เมื่อถามว่า เกรงจะมีการข่มขู่ สนช.ในช่วงนี้ หรือไม่ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า สนช.คงไม่ยอม เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ ซึ่งกลุ่มการเมืองและทุกฝ่ายคงทราบและคงไม่ทำ ทั้งนี้ คาดว่าเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจจะวิเคราะห์สถานการณ์ได้ว่าควรมีมาตรการอย่างไรเพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย ส่วนจะต้องปิดพื้นที่หน้ารัฐสภาหรือไม่นั้น ต้องให้ คสช.เป็นผู้วิเคราะห์ว่าควรทำแค่ไหน อย่างไรเพื่อให้สังคมไม่ตื่นตระหนก
สมชัย แถลงจวก 3 กลุ่มหนุน
เวลา 14.00 น. ที่สำนักงานกกต. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงข้อเสนอให้กระทรวงมหาด ไทย และกระทรวงศึกษาธิการจัดการเลือกตั้งว่า กกต.มีอำนาจหน้าที่จัดการเลือกตั้งโดยตรง แต่กระทรวงมหาดไทยและศึกษาธิการไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ถ้าอยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนได้แต่จะเหมาะสมหรือไม่ การจัดการเลือกตั้งไม่ใช่แค่ทำให้สำเร็จ ต้องทำให้ดี คัดกรองคนดี มีคุณภาพเข้าสู่ระบบการเมือง กกต.มีประสบ การณ์มา 16 ปี รู้ถึงเล่ห์กลฝ่ายการเมือง ทำให้เชื่อว่าจะคัดกรองคนดีเข้ามาได้ แต่ถ้าจะให้มหาดไทยกับศึกษาฯ จัดเลือกตั้ง คงทำแค่ให้ การเลือกตั้งสำเร็จและรับรองความชอบธรรมให้ ฝ่ายการเมืองหรือได้คนทุจริตเข้าสู่การเมืองได้
นายสมชัย กล่าวว่า แนวคิดที่จะให้เกิดความ เปลี่ยนแปลงมาจากคน 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มร้อนวิชา เป็นพวกอยากลองของใหม่เห็นว่าสิ่งที่เป็นอยู่มีปัญหา การแแก้ปัญหาต้องมองถึงทางออกคิดถึงอนาคต ไม่ใช่ทำอะไรที่ถอยหลังเข้าคลอง 2.กลุ่มบ้าอำนาจ เป็นพวกนัก การเมืองที่มองการณ์ไกลว่าหลังเลือกตั้ง ครั้งนี้ ถ้าเข้าไปกำกับดูแลมหาดไทยและศึกษาฯ ก็จะควบคุมการเลือกตั้งได้ และ 3.กลุ่มที่มีอำนาจในปัจจุบัน ซึ่งไม่รู้ว่าจะใช้คำว่าอะไร แต่กลุ่มนี้คิดจะใช้อำนาจควบคุมกลไกต่างๆ ไม่ได้มองระยะยาว
เปรียบโมรายื่นดาบให้โจร
"เรื่องนี้ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนนิทาน จันทโครพ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) จะเหมือนนางโมราที่ยื่นดาบให้กับโจร แม้เรา คิดว่าสร้างกลไกขึ้นมาเพื่อจัดการโจร แต่ฝ่ายโจรกลับได้ดาบนั้นแล้วมาทิ่มแทงเราเอง ดังนั้น จะร่างอะไรประสบการณ์ในอดีตต้องเป็นตัวชี้ ไม่ใช่แค่มองปัญหาในปัจจุบัน" นายสมชัยกล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า อยากให้ผู้เกี่ยวข้องคิดอย่างมีสติ ที่พูดไม่ได้หวงอำนาจ แต่คิดตามหลักสากล เพราะหน่วยงานที่จัดเลือกตั้งจะเป็นหน่วยใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นกกต. แต่ขอให้อิสระ ไม่อยู่ภายใต้กำกับนักการเมือง เพราะประวัติศาสตร์ชี้แล้วว่าข้าราชการประจำ ไม่อยู่ในฐานะจะไว้ใจว่าเป็นกลาง แม้แต่ตัวกกต.จังหวัด ต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการสรรหาที่มองว่าต้องได้หัวหน้าส่วนราชการมาเป็นกกต.เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งได้รับการช่วยเหลือ ไม่ว่าผู้ว่าฯ หรือผู้กำกับ ตรงนี้ทำให้ตนไม่ไว้ใจกกต.จังหวัดร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าจะสร้าง กลไกที่ไว้ใจได้ต้องมีภาคประชาสังคมเป็นกกต.จังหวัดในสัดส่วนที่เป็นเสียงข้างมาก
กกต.ยก-ไม่รับคำร้อง'ปู'
เวลา 15.30 น. ที่สำนักงาน กกต. นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการ กกต.แถลงความคืบหน้าการพิจารณาสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 ว่า ปีที่ผ่านมามีคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส. รวม 9 สำนวน แบ่งเป็นคัดค้านพรรคเพื่อไทย 7 สำนวน และคัดค้านพรรคประชาธิปัตย์ 2 สำนวน ที่ กกต.พิจารณาแล้วเสร็จ 4 สำนวน ได้แก่ กรณีร้องคัดค้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับพวก ขาดสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. เนื่องจากร่วมกันเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว. โดย กกต.มีมติยกคำร้อง เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยกรณีดังกล่าวแล้วว่าไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ และตอนนี้ผู้ถูกร้องพ้นสมาชิกสภาพไปแล้วจึงไม่มีประเด็นให้พิจารณาอีก
นายดุษฎี กล่าวว่า ส่วนกรณีร้องคัดค้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาศัยอำนาจทางการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกประกาศการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง (ปลายปี 48-พ.ค.53) เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มฐานเสียงของตัวเอง โดย กกต.มีมติสั่งไม่รับเป็นเรื่องร้องคัดค้าน กรณีร้องคัดค้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและระเบียบ กกต.โดย กกต.มีมติยกคำร้อง และกรณีร้องคัดค้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวหาว่าออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว กกต.มีมติสั่งไม่รับเป็นเรื่องร้องคัดค้าน เนื่อง จากกลุ่มกรีนซึ่งเป็นผู้ร้องไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ยกคำร้องค้านหญิงเป็ด
นายดุษฎี กล่าวว่า สำนวนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต. 2 สำนวน 1.สมาคมองค์ การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยร้องคัดค้าน น.ส. ยิ่งลักษณ์กล่าวหาว่าออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ เกี่ยวกับโครง การรับจำนำข้าว และ 2.คำร้องคัดค้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต แถลงข่าวใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร สำนวนที่อยู่ระหว่าง การสืบสวนสอบสวนของคณะอนุกรรมการ 3 สำนวน 1.คำร้องคัดค้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีต ผบ.ตร.กรณีใช้ทรัพยากรและบุคลากรของรัฐในการหาเสียง ให้เงินช่วยเหลือครอบครัวของ ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ 2.คำร้องคัดค้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ หาเสียงทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นคุณต่อผู้สมัครพรรคเพื่อไทย และ 3.คำร้องคัดค้านนายสมัย เจริญช่าง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวหานายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ทางช่องบลูสกาย ทีนิวส์และขึ้นป้ายโฆษณาโดยใช้สัญลักษณ์พรรคประชา ธิปัตย์ใส่ร้ายพรรคเพื่อไทยและ น.ส.ยิ่งลักษณ์
นายดุษฎี กล่าวว่า กกต.ยังยกคำร้องกรณีคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ว.ในคำร้องคัดค้านคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีต ส.ว.กทม. จากการที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีต ส.ว.สรรหา ขึ้นเวทีปราศรัยกลุ่มกปปส. ช่วยหาเสียงให้คุณหญิงจารุวรรณ เนื่องจากการปราศรัยของนายไพบูลย์ ยังไม่เข้าข่ายที่กฎหมายจะเอาความผิดได้ และกกต.ยังมีมติ ให้ใบแดง ผู้บริหารท้องถิ่น 1 สำนวน กรณีคำร้องคัดค้าน การเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบต.ไชยมนตรี อ.เมืองนครศรีธรรมราช ประเด็นสัญญาว่าจะให้ประโยชน์ซึ่งเป็นทรัพย์สิน
วิษณุ ชี้นายกฯคนนอกยังไม่ยุติ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงข้อเสนอให้พิจารณารัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา รัฐบาลมีข้อเสนอไปยังกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ อย่างไรบ้างว่า ต้องมีอยู่แล้ว เมื่อกมธ.ยกร่างฯ ได้ร่างเสร็จในเดือน เม.ย.ต้องส่งให้แม่น้ำแต่ละสายทั้ง สนช. ครม. สปช. รวมทั้งประชาชน เพื่อให้ความเห็น จากนั้นใครอยากแก้อะไรก็บอกกลับไปที่ กมธ.ยกร่างฯ แต่จะเอาตามหรือไม่แก้ไขก็ได้ ซึ่งกมธ.ยกร่างฯอาจเอาใจทุกคนไม่ได้ ส่วนรัฐบาลต้องมีข้อเสนออยู่แล้วแต่ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีธง
ส่วนความชัดเจนการเลือกตั้งนายกฯคนนอก นายวิษณุกล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วคำตอบ คืออะไร ขอให้ดูและฟังคำชี้แจงต่อไป ขณะนี้ เขาชี้แจงแล้วแต่บางคนเห็นว่ายังฟังไม่ขึ้น หากจะยืนยันความคิดเดิมต้องชี้แจงให้คนเข้าใจเหตุผลและความจำเป็นให้มากขึ้นกว่านี้ เว้นแต่จะเปลี่ยนความคิดก็แล้วไป เมื่อถามว่ามองอย่างไรการเลือกตั้งที่ผ่านๆ มา มีระบบพรรคการเมือง แต่บางฝ่ายที่แพ้เลือกตั้งยังไม่พอใจ นายวิษณุกล่าวว่า ปล่อยไปสักพักแล้วมาดูกันว่าคำตอบคืออะไร
เตรียมคุยสปช.-กมธ.ปฏิรูป
นายวิษณุ กล่าวถึงนายกฯ มอบให้ติดตามการทำงานของสปช. ร่วมกับนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจําสํานักนายกฯว่า ที่ผ่านมาสปช.รายงานผลการดำเนินงานให้ครม.ทราบทุกสัปดาห์ เพราะนายกฯต้องการเห็นความคืบหน้า ไม่ได้หมายความว่าสปช.ทำงานไม่คืบหน้า ที่ผ่านมาสปช.ต้องแบ่งเวลาเพื่อจัดทำข้อเสนอส่งให้กมธ.ยกร่างฯ แต่ วันนี้สปช.ไม่ต้องเสนอแล้ว จึงต้องเดินหน้างานปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ซึ่งนายกฯต้องการให้เกิดเป็นรูปธรรม อย่างน้อยใน 3 เดือนแรกตั้งแต่ ม.ค.-มี.ค. ควรมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น จึงให้ไปประสานกัน คาดว่าในสัปดาห์ หน้าจะประสานเพื่อพูดคุยกับสปช.และจากนั้นจะขอพบกับกมธ.ทุกคณะ เพื่อพูดคุยถึงความต้องการของรัฐบาลและข้อเสนอของสปช. ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เข้าไปแทรกแซงในเนื้อหาการปฏิรูป
"สิ่งที่เกรงที่สุด กลัวว่าจะเสนอมาเป็นหัวข้อหรือปัญหาต่างๆ แต่ไม่บอกว่าจะปฏิรูปอย่างไร ใครเป็นคนทำ ทำโดยวิธีไหน ถ้ามีหลายวีธี แล้ววิธีใดดีที่สุด ที่ผ่านมามีการเสนอว่าเรื่องนั้น เรื่องนี้ มีปัญหา ขอให้แก้ไขสักทีแต่ไม่บอกวิธีแก้ ถ้าปัญหาแก้ได้ง่ายๆ รัฐบาลคงแก้ไปนานแล้ว" นายวิษณุกล่าว
เวทีสุพรรณ-ห้าม"เติ้ง"โชว์กึ๋น
ที่รัฐสภา นางถวิลวดี บุรีกุล ประธานคณะอนุกมธ.การมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็น ของประชาชน ใน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยผลการประชุมเพื่อเตรียมงานจัดโครงการสัมมนาเวทีประชาเสวนาหาทางออก เรื่องสานพลังประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย 10 เวทีใน 10 จังหวัด ว่า เวทีแรกจะจัดวันที่ 17-18 ม.ค. ที่สุพรรณบุรี สุ่มเลือกประชาชนเข้าร่วม 200 คน จากจังหวัดในพื้นที่ภาคกลางซึ่งอยู่ใกล้เคียง อาทิ ชัยนาท อ่างทอง ลพบุรี เพชรบุรี สมุทรสงคราม กำหนดประเด็นที่จะรับฟังในหัวข้อหลัก คือ 1.คุณลักษณะของนักการเมืองที่ดี 2.การต่อต้านการทุจริต 3.พลเมืองที่ดี 4.การเลือกตั้งที่ดี และ 5.การมีส่วนร่วมทางการเมือง สำหรับสาระสำคัญที่จะพูดคุยคือ วิธีที่ทำให้สิ่งที่อยากเห็นเป็นจริงได้ และใครควรเข้าร่วมรับผิดชอบในประเด็นที่นำเสนอบ้าง
พล.ท.นคร สุขประเสริฐ อนุ กมธ. กล่าวว่า กรณีนายบรรหาร ศิลปอาชา อาจเข้าร่วมการรับฟังความเห็นในเวทีสุพรรณบุรี สามารถเข้าร่วมฐานะผู้สังเกตการณ์เพราะเป็นผู้ใหญ่ในพื้นที่ได้ แต่ขอสงวนสิทธิ์การอภิปรายหรือ พูดคุยกับประชาชนที่เข้าร่วมเวที เนื่องจากที่ผ่านมา กมธ.ยกร่างฯเคยรับฟังความเห็นของพรรคชาติไทยพัฒนาไปบ้างแล้ว เวทีดังกล่าวเบื้องต้นคาดว่านายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯจะไปกล่าวปาฐกถาและเปิดเวทีด้วย
ผุด 2 รายการปฏิรูป
เวลา 09.00 น. ที่กระทรวงมหาดไทย มีการ ประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานของกมธ.วิสามัญการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน สปช. ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าฯทั่วประเทศ มีนายประชา เตรัตน์ ประธานกมธ.วิสามัญการมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในภาคส่วนจังหวัด เป็นประธาน นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สปช. กล่าวว่า การเปิดเวทีประชาเสวนา เบื้องต้นกำหนดพื้นที่เป็นกลุ่มจังหวัด ใน 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พิษณุโลก นครสวรรค์ พระนคร ศรีอยุธยา ราชบุรี ระยอง ขอนแก่น สกลนคร บุรีรัมย์ อุบลราชธานี นครศรีธรรมราช สตูล และกรุงเทพฯ ทั้งนี้ จะมีการรวบรวมความคิดเห็นทั้งหมดเสนอต่อที่ประชุม สปช.ต่อไป
นายอภินันท์ จันทรังษี อธิบดีกรมประชา สัมพันธ์ กล่าวว่า ในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์ มีการปรับผังรายการเพื่อตอบโจทย์การปฏิรูปประเทศหลัก 2 รายการ ทางสถานีเอ็นบีที จันทร์ถึงศุกร์ เวลา 20.30-21.00 น. ออกอากาศรายการเวทีปฏิรูปประเทศ โดยเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมารายงานความคืบหน้าต่างๆ ของ สปช.ให้ประชาชนรับทราบ รวมทั้งเตรียมออกอากาศรายการ สปช.เสียงประชาชนทุกวันอาทิตย์ เวลา 20.30-22.00 น. พร้อมให้สถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุทุกแห่งสามารถเชื่อมสัญญาณออกอากาศได้
สวนยางยื่นสนช.แก้กม.สวนป่า
ที่รัฐสภา นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง เข้ายื่นหนังสือต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ขอให้ สนช. ทบทวนถอนรายชื่อไม้ยางพาราออกจากบัญชีต้นไม้ท้าย พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ. 2535 ฉบับแก้ไข เพราะถือเป็นการกระทำโดยพลการ ไม่เคยขอความคิดเห็นจากประชาชน และหากเป็นไปตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ จะเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์จากเกษตรกร ชาวสวนยาง ซ้ำเติมวิกฤตความเดือดร้อนจากราคายางตกต่ำ ทั้งยังไม่เกิดการส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจการปลูกป่าและปลูกต้นไม้ของประชาชน ซึ่งเคยมีบทเรียนความล้มเหลวในการประกาศใช้มาแล้ว เมื่อปี 2535
ลั่นนำสวนยางทั่วปท.เคลื่อนไหว
นายสุนทร กล่าวถึงการเคลื่อนไหวเรียกร้อง การแก้ราคายางตกต่ำของเครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ ในวันที่ 10 ม.ค.นี้ ว่า แนวร่วมกู้ชีพ ชาวสวนยางจะยังไม่ร่วมเคลื่อนไหวด้วย แต่เย็นวันที่ 7 ม.ค. แนวร่วมกู้ชีพฯ ซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายชาวสวนยางจากทุกภาคทั่วประเทศ จะประชุมนอกรอบกำหนดวันประชุมใหญ่ เพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวเรียกร้องการแก้ปัญหาราคายางตกต่ำต่อไป ที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวเรื่องราคายางล้มเหลว เกิดจากการกำหนดของแกนนำแต่พี่น้องชาวสวนยางไม่มีส่วนร่วม การเคลื่อนไหวจึงยังไม่เป็นเอกภาพ มีเพียงฐานเสียงส่วนใหญ่จากภาคใต้ ทั้งยังถูกสลายโดยทุนจากนักการเมือง และข้าราชการในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่อยู่เบื้องหลัง
"แต่นับจากนี้การเคลื่อนไหวจะมาจากชาว สวนยางทั่วประเทศ ไม่มียางเหลืองยางแดง ไม่มีประชาธิปัตย์ไม่มีเพื่อไทย แต่จะเป็นม็อบยางปากท้อง การเคลื่อนไหวของเครือข่ายชาวสวนยางภาคใต้ในวันที่ 10 ม.ค.นี้ จึงเป็น การเคลื่อนไหวโดยอิสระที่จะทำให้กระทะร้อน ส่วนแนวร่วมกู้ชีพฯจะเป็นตะหลิวคอยคั่ว เมื่อเราได้ข้อสรุปแนวทางการเคลื่อนไหวหลังการประชุมใหญ่แล้ว" นายสุนทรกล่าว
จี้ชดเชยรายย่อย 6 แสนราย
นายสุนทร กล่าวว่า วันที่ 8 ม.ค. แนวร่วมกู้ชีพฯ จะเข้าหารือกับนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรฯ เพื่อขอตั้งคณะอนุกรรมการยาง ติดตามการทำงานของคณะกรรมการแก้ไขราคายางในทุกจังหวัด เพื่อดูว่าแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบบาลโดยเฉพาะโครงการแทรกแซงราคายาง เกิดประโยชน์ต่อชาวสวนยางหรือไม่ ขณะเดียวกันจะเสนอให้ทำบัญชีรายชื่อเกษตรกรสวนยางรายย่อยที่ไม่มีกรรม สิทธิ์ที่ดิน กว่า 600,000 ราย ที่ไม่เคยได้รับประโยชน์จากการช่วยเหลือของรัฐบาล และจะเสนอของบจากรัฐบาลก้อนหนึ่งเพื่อช่วยเกษตรกรรายย่อยเหล่านี้เป็นการฉุกเฉินต่อไป
อำนวยสั่งเคลียร์ม็อบก่อนเข้ากรุง
ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ เผยภายหลังประชุมผ่านระบบประชุมทางไกลไปยังศาลากลางจังหวัด 69 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหายางพาราตกต่ำว่า แม้ราคายางแผ่นดินรมควันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 61 บาทต่อก.ก. แต่ราคายางพาราที่เกษตรกรขายได้ยังต่ำกว่าราคาที่กองทุนมูลภัณฑ์กันชนที่ขณะนี้รับซื้อยางพาราไปแล้ว 1,870.75 ล้านบาท ได้ยางพารา 33,911.68 ตัน ดังนั้นระดับจังหวัดควรร่วมมือกับส่วนกลางขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ และเพิ่มประสิทธิภาพการปรับโครงสร้างการผลิตยางพารา ทั้งในต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ เพื่อขจัดปัญหาความเดือดร้อนของชาวสวนยาง
นายอำนวย กล่าวว่า จังหวัดต้องแก้ปัญหาให้เสร็จในพื้นที่ หากทำได้ อาทิ หากมีม็อบต้องการเข้าไปเจรจากับกระทรวง ในระดับจังหวัดต้องรับมือเจรจาเพื่อสลายม็อบก่อนเข้ามาในกระทรวง หรือเข้ามาหารัฐบาลในกทม. หรือหากเกินความสามารถก็ให้ประสานส่วนกลางเพื่อจะส่งกำลังออกไปร่วมเจรจา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแก้ปัญหายางพารา
เสนอเก็บภาษี 'รวยผิดปกติ'
นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรม การตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เผยว่า ได้มอบให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง และนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ใช้อำนาจตามมาตรา 49 แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อประเมินภาษีนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงที่พบว่าร่ำรวยผิดปกติ นอกเหนือจากรายได้ที่แสดงเสียภาษี ซึ่งสตง.นำรายงานบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช. มาตรวจสอบยืนยันกับแบบแสดงรายการของผู้เสียภาษี ทั้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90-91 หากตรวจพบรายการใดยังไม่ได้เสียภาษี ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 49 ประเมินและจัดเก็บภาษีเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน
"ยืนยันว่า กรมสรรพากรใช้อำนาจตามมาตรา 49 แห่งประมวลรัษฎากร เรียกเก็บจากทรัพย์สิน ที่เพิ่มขึ้น สมมตินักการเมืองมีรายได้เพิ่ม 100 ล้านบาท คิดเป็นเงินเดือน 2 ล้านบาท ส่วนที่เพิ่มอีก 98 ล้านบาท นักการเมืองจะไม่ยื่นแต่จะแปลงเงินเป็นทรัพย์สิน เช่น รถยนต์ ที่ดิน เงินทอง เพชร พลอย แต่หากสรรพากรจัดเก็บในส่วนดังกล่าวได้ นอกจากจะเพิ่มรายได้และยังปราบปรามคอร์รัปชั่นอีกด้วย" นายชัยสิทธิ์กล่าว
ทำให้สำเร็จก่อนมีรบ.ใหม่
ประธานคตง. กล่าวว่า สตง. จะให้เวลากรมสรรพากร 1 ปี จัดเก็บภาษีให้ถูกต้อง หากรมว.คลังและอธิบดีกรมสรรพากรไม่ปฏิบัติ ตามนโยบาย คตง. ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 ถือว่ามีความผิดทางวินัย รวมทั้ง สตง.จะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนิน คดีอาญาตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นหน้าที่โดยมิชอบด้วย ที่ให้ รมว.คลัง และอธิบดีกรมสรรพากรใช้อำนาจตามมาตรา 49 เพราะต้องการเร่งให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในยุคคสช.เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง เพราะเมื่อมาตรการชุดนี้บังคับใช้หลังเลือกตั้งได้รัฐมนตรี หรือส.ส.แล้ว คงไม่มีอธิบดีกรมสรรพากรคนไหนกล้าเก็บภาษีนักการเมือง
นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า การใช้อำนาจตามมาตรา 49 แห่งประมวลรัษฎากร เกิดขึ้นสมัยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ยึดอำนาจการปกครองจาก พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้ยึดทรัพย์นักการเมืองหลายคน แม้ศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นการยึดอายัดทรัพย์สินไม่ถูกต้อง แต่รัฐบาลขณะนั้นให้กรมสรรพากรจัดเก็บภาษี ปรากฏว่ามีนักการเมืองหลายคนยอมจ่ายภาษีให้แต่ไม่เป็นข่าว เช่น ที่สุพรรณเสียภาษีให้กรมสรรพากรเกือบ 1,000 ล้านบาท