- Details
- Category: การเมือง
- Published: Saturday, 03 January 2015 21:48
- Hits: 4183
วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8799 ข่าวสดรายวัน
5 แสนขรก.เกษียณเฮ เพิ่มเงิน! บิ๊กตู่ยันไม่เหลิง คำชม'ป๋าเปรม'ศาลยกคดีเทือก รอดถูกตัดสิทธิ์
ร้องเพลง - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ร่วมร้องเพลง "วันพรุ่งนี้" กับเด็กนักเรียนเยาวชนจากสถาบันสอนดนตรีเคพีเอ็น ที่มาร่วมรณรงค์เชิญชวนปลูกฝังค่านิยม 12 ประการ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. |
ครม.บิ๊กตู่ไฟเขียวเพิ่มเงินค่าครองชีพข้าราชการบำนาญ 5.3 แสนคนทั่วประเทศ ตั้งแต่ซี 7 ลงมาได้เฮรับอีก 4% มีผลย้อนหลังถึงวันที่ 1 ธ.ค.57 เด้ง'นริศ ชัยสูตร' พ้นอธิบดีกรมธนารักษ์ 'ประยุทธ์' ปลื้ม'ป๋า'ให้กำลังใจแต่ไม่เหลิงแน่นอน ด้าน'เทพเทือก' พร้อมอดีตส.ส.สุราษฎร์ฯ รอดถูกตัดสิทธิ์ เลือกตั้ง 10 ปี ศาลจังหวัดสมุยยกฟ้องคดีแจกผ้าขนหนูในการเลือกตั้งอบจ.สุราษฎร์ธานี
กล้วยไม้ตกแต่งหรู-ถกครม.
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) นัดส่งท้ายปี 2557 ว่า บริเวณหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ที่ใช้ประชุมครม. มีการตกแต่งบันไดทางขึ้นด้วยการประดับดอกกล้วยไม้หลากหลายสีและสายพันธุ์ จากสวนกล้วยไม้แอร์ออร์คิดส์ จ.นครปฐม ซึ่งกล้วยไม้ส่วนหนึ่งที่นำมาตกแต่งนั้นเป็นพันธุ์กล้วยไม้พระราชทาน อาทิ ม่วงราชกุมารี ชมพูนครินทร์ โสมสวลี รักตสิริน เป็นต้น
นายพันธพัฒน์ คุ้มวิเชียร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดซูเปอร์มาร์เก็ตกล้วยไม้แอร์ออร์คิดส์ เปิดเผยว่า กล้วยไม้ที่มอบให้นายกฯ คือกล้วยไม้แคระสกุล ฟาแลนนอปซิส พันธุ์ที่ดูทั้งดอกและใบ โดยมอบให้นายกฯ เพื่อต้องการสื่อถึงการมอบสีสันและความสดใส ให้ความสุขกับนายกฯ และนายกฯ ได้กล่าวกับพวกเราว่าเป็นห่วงกล้วยไม้มาตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมและต้องการให้มีตลาดกลางกล้วยไม้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีระบบสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือ นายกฯ ยังอยากให้มีตลาดกล้วยไม้เสาร์-อาทิตย์ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล และว่าจะช่วยเหลือดูแลเรื่องราคากลาง
พล.อ.ประยุทธ์ยังได้ร่วมร้องเพลง'วันพรุ่งนี้'กับเด็กนักเรียน เยาวชน จากสถาบันสอนดนตรีเคพีเอ็น ที่มาร่วมเชิญชวนปลูกฝังค่านิยม 12 ประการ และกล่าวกับเด็กๆ ว่า "พวกลุงทำแบบนี้เพื่ออนาคตของพวกหนู พวกหนูทำดีแล้ว ขอให้ขยันเรียน ตั้งใจเรียน และนำบทเพลงนี้ไปประพฤติปฏิบัติตาม ทั้งเรื่องความรัก ความสามัคคี ปฏิบัติตนเป็น คนดี ตามแนวทางค่านิยม 12 ประการ"
'ประวิตร'นำทีมอวยพร'บิ๊กตู่'
พร้อมหันมากล่าวกับสื่อมวลชนและบรรดาข้าราชการที่ยืนอยู่บริเวณนั้นว่า "ในโอกาสขึ้นปีใหม่ หากมีเวลาก็ขอให้สวดมนต์บ้าง มีความสุขนะ มีความสุข โชคดีปีหน้าตลอดไป ช่วยกัน"
นอกจากนี้ ก่อนการประชุม นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม นำคณะจัดกิจกรรมส่งความสุขเป็นของขวัญปีใหม่ 2558 มารณรงค์กิจกรรมช่วงปีใหม่ เช่น สวดมนต์ข้ามปี เปิดอุทยานประวัติศาสตร์ 9 แห่ง และโบราณสถานต่างๆ ทั่วประเทศให้ประชาชนเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มาให้นายกฯ และ ครม.ได้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ และครม.สวมเสื้อผ้าไหมสีเหลือง และมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายครม.ที่เดินทางเข้าร่วมประชุมครม. และในการประชุม พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ได้นำรัฐมนตรีอวยพรนายกฯ เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ด้วย
วรชัยเย้ยบิ๊กตู่สร้างภาพเข้มแข็ง
วันเดียวกัน นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะรัฐมนตรี ผบ.เหล่าทัพ เข้าอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ว่า ตนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังถอยหลังหนึ่งก้าว หลังจากโดนรุกมาตลอด เพราะจากการข่าวก่อนหน้านี้ว่าฝ่ายคุมกำลังในบ้านเมืองเกิดความขัดแย้ง ทะเลาะกันเอง จนมีข่าวลือว่าจะเกิดการปฏิวัติซ้อน ประกอบกับสถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญที่หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์จนส่อเค้าว่าจะเป็นปัญหา รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องที่ยังมีปัญหา เศรษฐกิจโตขึ้นไม่ถึง 1% ในสถาน การณ์ที่เริ่มวิกฤต ทำให้ฝ่ายคุมกำลังต้องจับมือกันให้แน่นเพื่อรักษาเสถียรภาพให้อยู่รอด สร้างภาพว่ายังเข้มแข็ง ไม่ได้แตกแยกอย่าง ที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพอย่างมั่นคงที่สุด คือการร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแม็ป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนและนานาประเทศ อย่าร่างรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
นายวรชัย กล่าวว่า ส่วนที่ พล.อ.เปรมกล่าวชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกมาปฏิวัติว่าเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ ตอบแทนบ้านเมืองนั้น "ป๋าเปรมก็ชมทุกคนที่อยู่ในเครือข่าย อยู่ในโอวาทป๋านั่นแหละ เหมือนตอนที่ป๋าชื่นชมว่าคนไทยโชคดีตอนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นนายกฯ ส่วนใครออกนอกลู่นอกทาง ป๋าก็จะบอกว่าพอเถอะลูก หยุดเถอะลูก"
มาร์คปากเท่-อย่าให้วุ่นวายสูญเปล่า
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่าเป็นปีแห่งความแน่นอน ให้เรามีความมั่นใจได้ว่า ประเทศจะเดินไปอย่างไร เพราะคนทั้งประเทศคงหวังว่า ความยุ่งวุ่นวายทั้งหมดนี้อย่าให้มันสูญเปล่า ขอให้มันนำไปสู่การปฏิรูปเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น จึงอยากอวยพรให้ทุกคนสมหวังในแง่ของการได้อยู่ในสังคม อยู่ในประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งก็จะเอื้ออำนวยให้ทุกคนประสบความสุข ความสำเร็จ ความเจริญก้าวหน้า อยู่กันด้วยความรักใคร่สามัคคี ถ้าเราอยู่ในภาวะแวดล้อมอย่างนี้สังคมไทยทั้งสังคม ประเทศไทยทั้งประเทศก็จะได้มีความสุขไปด้วย
ช่วงเย็นวันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กเป็นภาพ ส.ค.ส.อวยพรปีใหม่ 2558 และมีภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ประกอบข้อความว่า "ขอใช้โอกาสนี้ส่งความสุขให้พี่น้องคนไทยทุกท่านโชคดี มีความสุขสมหวัง สุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงตลอดไปค่ะ"
ศาลสมุยตัดสินคดีอบจ.สุราษฎร์ฯ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 1 ศาลจังหวัดเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี พระสุเทพ ปภากโร หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายประพนธ์ นิลวัชรมณี อดีตส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมผู้ติดตาม ฟังศาลพิพากษาตัดสินที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 3 ประกอบด้วย นายสุเทพจำเลยที่ 1 นายชุมพล กาญจนะ จำเลยที่ 2 นายประพนธ์ นิลวัชรมณี จำเลยที่ 3 ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 4,5,57,118 ริบผ้าขนหนูของกลาง และสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งจำเลยทั้ง 3 เป็นระยะเวลา 10 ปี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2551 ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกาศให้มีการเลือกตั้งนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี และสมาชิก อบจ.สุราษฎร์ธานี รวม 30 เขตเลือกตั้ง ซึ่งอำเภอเกาะสมุยเป็นเขตเลือกตั้ง 1 ใน 30 เขตเลือกตั้ง โดยกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 20 เมษายน 2551 มีนายมนตรี เพชรขุ้ม ลงสมัครนายก อบจ. หมายเลข 1 นายธานี เทือกสุบรรณ ลงสมัครนายก อบจ.หมายเลข 2 และนายสุวพัฒน์ สมหวัง ลงสมัครสมาชิก อบจ.หมายเลข 1 นายสุริญญา ยืนนาน ลงสมัครสมาชิก อบจ.หมายเลข 2 ในเขตอำเภอเกาะสมุย
ต่อมาเมือวันที่ 13 เมษายน 2551 ทางเทศบาลตำบลเกาะสมุยจัดงานประเพณีสงกรานต์ขึ้น ในงานดังกล่าวทางจำเลยทั้ง 3 ที่ในขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เขตเลือกตั้งที่ 1 พรรคประชาธิปัตย์ ได้มาร่วมงาน และเฉพาะจำเลยที่ 1 ยังดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์และพี่ชายของนายธานี โดยมีนายสุริญญา ยืนนาน มาร่วมงาน
แจกผ้าขนหนูสงกรานต์ผู้สูงอายุ
โดยจำเลยทั้ง 3 นำผ้าขนหนูที่ปักอักษาว่า พรรคประชาธิปัตย์ ส.ส.ชุมพล กาญจนะ ส.ส.ประพนธ์ นิลวัชรมณี ส.ส.สุเทพ เทือกสุบรรณ มามอบให้แก่ผู้สูงอายุที่มาร่วมงานประเพณีรดน้ำดำหัว
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2551 นายมนตรี เพชรขุ้ม ผู้สมัครนายก อบจ. และนาย สุวพัฒน์ สมหวัง ผู้สมัครสมาชิกอบจ.เขตเกาะสมุย ยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งในวันที่ 20 เมษายน 2551 ว่าการที่จำเลยทั้ง 3 และนายสุริญญา ยืนนาน มาร่วมงานประเพณีสงกรานต์และมอบผ้าขนหนูให้แก่ผู้สูงอายุนั้น ถือว่าเป็นการให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน อันอาจคำนวณเป็นเงินให้กับผู้สูงอายุ เพื่อจูงใจให้ ผู้สูงอายุที่มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ลงคะแนนเลือกตั้งให้กับนายธานี และนายสุริญญา ผู้สมัครในนามพรรคประชาธิ ปัตย์ อีกทั้งจำเลยที่ 1 ยังเป็นพี่ชายของนายธานีอีกด้วย
ต่อมาทางกกต.จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีความเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้ง 3 เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนตามพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น พ.ศ.2545 ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์การเลือกตั้งนายสุริญญา ยืนนาน เป็นเวลา 5 ปี และให้มีการเลือกตั้งนายกอบจ. และสมาชิก อบจ.เขตเกาะสมุยใหม่ ซึ่งคดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยประการเดียวว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 3 มีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เฉพาะส่วนที่จำเลยทั้ง 3 มาร่วมงานประเพณีสงกรานต์ซึ่งอยู่ในช่วงที่มีการเลือกตั้งนั้น
ศาลยกประโยชน์ให้'เทือก'รอด
จากข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงน่าเชื่อว่าการที่จำเลยทั้ง 3 มอบของที่ระลึกให้แก่ผู้สูงอายุนั้นน่าจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับนายสุริญญา ส่วนการที่จำเลยทั้ง 3 มอบผ้าขนหนูให้แก่ผู้สูงอายุที่มีการปักข้อความว่าพรรคประชาธิปัตย์และจำเลยที่ 1 สวมเสื้อที่มีตราสัญลักษณ์พรรคประชาธิปัตย์ ที่อาจจะสื่อความหมายในทำนองว่าให้สนับสนุนนายสุริญญาผู้สมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์นั้น ทางอนุกรรม การสืบสวนสอบสวน กกต.สุราษฎร์ธานี เบิกความตอบโจทก์ว่าการที่นายสุริญญา ยืนนาน ลงสมัครสมาชิกอบจ.สุราษฎร์ธานี เขตอำเภอเกาะสมุยนั้น นายสุริญญาไม่มีหนังสือรับ รองจากพรรคประชาธิปัตย์ และทางปลัดอบจ.สุราษฎร์ธานี ก็ได้รับแจ้งว่านายสุริญญาก็ ไม่ได้ลงสมัครในนามพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบกับจำเลยที่ 1 ลงสมัครรับเลือกตั้งทางการเมืองเป็นเวลา 30 ปี จำเลยที่ 1 ก็สวมเสื้อที่มีข้อความ หรือสัญลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว
พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงมีความสงสัยว่าการที่จำเลยมอบผ้าขนหนูให้แก่ผู้สูงอายุ จะเป็นการกระทำเพื่อจูงใจให้ผู้สูงอายุซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไปลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่นายสุริญญา ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิก อบจ.สุราษฎร์ธานี เขต 1 เกาะสมุย ในช่วงที่มีประกาศให้มีการเลือกตั้งแล้วหรือไม่ จึงได้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้กับจำเลยทั้ง 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227/2 ส่วนผ้าขนหนูของกลางไม่ใช่ทรัพย์สินของกลางที่จำเลยได้ใช้กระทำความผิด จึงให้คืนของกลางแก่เจ้าของ ศาลจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง
หลังจากฟังคำพิพากษาเสร็จ พระสุเทพพร้อมพระสงฆ์ 2 รูป และผู้ติดตาม ได้เดินทางออกจากศาลจังหวัดเกาะสมุยในทันที
'บิ๊กตู่'โต้คสช.สร้างอำนาจใหม่
เวลา 13.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์แถลงผลประชุมครม. ว่ามีการหารือหลายเรื่อง เรื่องสำคัญคือการบริหารจัดการน้ำ พิจารณาในหลักการเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ ปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้งซ้ำซาก มีการวางแผนบริหารจัดการน้ำเป็น 2 ส่วน คือ ระยะยาวตั้งแต่ปี"58-69 ภายใต้การดำเนินโครงการกว่า 1 หมื่นโครงการ ภายใต้การใช้จ่ายงบประมาณประจำปี หารือกันว่าจะใช้งบฯ ส่วนใดบ้าง จะเร่งรัดงบฯ ผูกพันอย่างไร ลงไปภาคเหนือ อีสาน กลาง โดยผ่านคณะกรรมการกลางของรัฐบาล ที่จะมีการชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง
นายกฯ กล่าวว่า งบฯ ที่ได้พิจารณาจัดสรรเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไปแล้ว อาทิ ชาวสวนยาง ชาวนา สั่งการไปว่าช่วงหลังปีใหม่นี้ต้องจัดระเบียบให้มีความเรียบร้อย ตรวจสอบให้ชัดเจน ดูแลกันเป็นพิเศษไม่ว่าจะเป็นฐานข้อมูล การเสียภาษีบุคคล หรือแม้แต่การจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา หรือชาวสวนยาง ดูแลไม่ให้มีการทุจริต
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีข่าวรัฐบาลเข้ามาแล้วมีการสร้างกลุ่มอำนาจใหม่ ตนยังไม่เห็นว่าจะมีกลุ่มไหนได้ประโยชน์ เพราะเป็นกลุ่มไหนก็ยังกลุ่มนั้นเหมือนเดิม เพียงแต่ปรับให้ประโยชน์รัฐมีมากขึ้น หากมีรายอื่นจะเข้ามาสู้ เขาก็เปิดเสรีอยู่แล้ว ส่วนนี้เป็นการพัฒนาเรื่องดิจิตอล เนื่องจากตอนนี้ช่องทางการสื่อสารเต็มหมดแล้ว ปีหน้าต้องเปิด 3 จี พัฒนาไป 4 จี ต้องดูว่าจะเปิดอย่างไรให้ประชาชนได้ประโยชน์ รัฐต้องมีส่วนร่วมมากขึ้นต้องไม่ให้รั่วไหล ทั้งแคท ทีโอที ก็เป็นของรัฐบาล เป็นรัฐวิสาหกิจที่ต้องปรับให้ประกอบการได้ ไม่ใช่มีหน่วยงานภาคเอกชนได้ประโยชน์
ยันไม่เหลิงกับคำชมของ'ป๋าเปรม'
เมื่อถามกรณีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ให้กำลังนายกฯ ทำงาน และเตือนอย่าหวั่นไหวและถอยไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอขอบคุณประธานองคมนตรี ถือเป็นความกรุณา แต่ตนคิดเสมอว่าจะอยู่เท่าที่อยู่ได้ พล.อ.เปรมหวังดีต่อบ้านเมือง เป็นความปรารถนาดี ตนก็ต้องดูว่าจะทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองก็จะอยู่ทำเท่าที่จะทำได้ หากมีใครทำได้ดีกว่า ประชาชนก็หามาโดยอำนาจการเลือกตั้ง
เมื่อถามย้ำว่าพล.อ.เปรมให้กำลังใจแล้ว นายกฯ ให้กำลังใจตัวเองอย่างไร พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็รู้สบายใจอย่างน้อยท่านก็เข้าใจผม เป็นเกียรติ เพราะท่านเป็นประธานองคมนตรี เป็นใหญ่ในบ้านเมือง เป็นนายกฯก็หลายปี หลายสมัย ทำงานให้ชาติบ้านเมืองมานาน เมื่อมาชื่นชมผมก็ภูมิใจแต่ต้องไม่เหลิง ที่ยืนอยู่ทุกวันนี้ได้เพราะเมื่อคนชมก็ต้องดึงตัวเองไม่ให้ลอยละล่องไปเรื่อย มองวันนี้ก็ดี แต่สำหรับผมมองไปถึงวันหน้าต้องเผชิญกับอะไร จะเกิดอะไรขึ้น การบริหารราชการแผ่นดินต้องมีเรื่องเข้ามาอีกหรือไม่"
ตุ๊กตาแพะ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับมอบตุ๊กตาแพะจากกลุ่มเยาวชนตัวแทนคณะจัดกิจกรรมส่งความสุขเป็นของขวัญปีใหม่ 2558 กระทรวงวัฒนธรรม ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 ส.ค. |
เมื่อถามว่าถ้าจำเป็นต้องอยู่ต่อ จะทำหน้าที่ต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่อยู่ ไม่มีถ้า จะมาพูดว่าถ้าทำไม เรื่องมันยังไม่เกิด กติกาว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ถ้ามันจะเกิดขึ้นต้องดูว่าด้วยอะไรตนไม่ทราบ แต่ตอนนี้มองเพียงว่าบ้านเมืองต้องสงบเรียบร้อย ประชาชนต้องพึงพอใจ วันนี้วางอนาคตไว้ให้ทุกคน แล้วถ้าจะไปเปิดศึกกันใหม่ก็ว่ากันไป ตนไม่เอาด้วย
ปัดนายกฯคนนอก-เตรียมการให้
เมื่อถามกรณีกมธ.ยกร่างฯ เปิดช่องให้มี นายกฯ คนนอก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีการเขียนระบุไว้อย่างนั้นหรือว่าให้มีเข้ามาตอนไหน แต่เท่าที่ฟังเขาคงไม่โง่ที่จะให้นายกฯ เป็นใครก็ได้เข้ามา ถ้าจะให้วิเคราะห์เขาคงเห็นว่าที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์และมีคดี ไม่มีนายกฯ ไม่มีอำนาจเต็ม ทำอะไรไม่ได้ เลยต้องเตรียมไว้ เป็นการเอาปัญหามาแก้แต่ไม่ทราบว่าจะได้หรือไม่
"อย่าไปมองว่าเขาเตรียมเอาไว้ให้ผมเข้ามา หรือคนนั้นคนนี้เข้ามา เพราะการให้เข้ามาแบบนี้ใครเขาจะมา แม้แต่ผมก็ไม่ใช่คนที่เลือกตัวเอง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่าคิดว่า นักการเมืองและคนที่จับตาเรื่องการยกร่างรัฐธรรมนูญตกใจเร็วเกินไปหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ไปถามพวกเขาดู สื่อก็ไปถาม แล้วขอให้เขียนในคอลัมน์หน่อยว่าอย่าเพิ่งตกใจมากเกินไปเลยนักการเมืองทั้งหลาย
เมื่อถามว่าการปฏิรูปทุกเรื่องจะทำให้ประชาชนเลิกแบ่งสีได้หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องแยกว่าถูกแบ่งแยกด้วยอะไร เข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องคะแนนเสียง ต้องมีมวลชน มีกลุ่มคน บางประเทศมีแค่ 2 พรรค แต่บ้านเรามีหลายพรรค ที่สำคัญคือการเมืองของไทยต้องนึกถึงเสียงส่วนน้อยด้วย อย่าหาวิธีว่าจะทำอย่างไรจะบีบเสียงส่วนน้อยให้เลิก ให้ยอม หรือแพ้ เป็นไปไม่ได้ จำเป็นต้องดู 3 อย่างคือ 1.พื้นที่ฐานประชาชน 2.ระเบียบ กฎหมาย รัฐธรรมนูญ ต้องเขียนให้มีทางออก และ 3.พรรคการเมืองที่จะเข้ามาตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าจะหาวิธีการป้องกันคนนั้นคนนี้ไม่ให้เข้ามาคงยาก ถ้าไม่ใช้กฎหมาย หรือถ้าไม่มีความผิดคงยาก เพราะถ้าเขากลับมาใหม่จะทำหรือไม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็ต้องทำไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านั้น
ปัดพูดถึงการนิรโทษ-อภัยโทษ
เมื่อถามถึงการนิรโทษกรรม นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูก่อนเขียนมีคำว่าอะไรบ้าง ปรองดอง นิรโทษกรรม หรืออภัยโทษ แต่ละตัวที่เป็นคนละอย่างกัน ปรองดองคือใจปรองดอง คนที่ทะเลาะเลิกทะเลาะ ส่วนอภัยโทษต้องติดคุกรับโทษก่อน ส่วนนิรโทษไม่ใช่เรื่องคดีอาญา เป็นคดีการเมืองต้องไปดูว่าอยู่ที่คนกลุ่มไหน ตอนนี้พวกกลุ่มการเมืองที่เป็นผู้ชุมนุมได้รับการปล่อยตัวแล้ว แต่ตอนนี้เหลือเพียงเฉพาะ ผู้ติดโทษอาญา เช่น คดีเผาศาลากลาง หรือพวกใช้อาวุธ พวกคดีประท้วงออกมาหมดแล้ว
เมื่อถามว่า รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับคนบางกลุ่มที่ดูเหมือนยังไม่เข้าใจรัฐบาลอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ให้กระทรวงยุติธรรมชี้แจงอีกทีเพื่ออธิบายว่าใครอยู่ในฝ่ายนิรโทษอย่างไร เพราะนิรโทษต้องมีคนเริ่มต้น แต่ละฝ่ายที่มีส่วนได้เสียเป็นคนเสนอเรื่องให้รัฐบาลพิจารณา ต้องผ่านคณะกรรมการ ก่อนเสนอรัฐบาลพิจาณาอีกครั้ง อย่าเอาไปพันกัน เมื่อตนไม่ได้ทำโทษใครแล้วจะให้ไปนิรโทษใคร
เมื่อถามว่าช่วงเคานต์ดาวน์ไปที่ไหน นายกฯ กล่าวว่า เคานต์ดาวน์อยู่บนเตียง เที่ยงคืนก็นอนอยู่ที่บ้าน และต้องเคานต์ดาวน์ทุกอย่าง เพราะทุกคนต้องถอยหลังทุกวัน ชีวิตสั้นลง เวลาทำความดีน้อยลง อย่าพยายามโกรธ รักคนให้มาก เพราะเมื่อโมโหความโมโหอยู่ที่ตัวเอง ถ้าเราโกรธหรือเกลียดใครคนนั้นไม่รู้ แต่เผาไหม้ใจตัวเองทุกวัน ฉะนั้นอย่าโมโหใคร ตนใจเย็นขึ้นมากแล้ว
สั่งขรก.สแตนด์บายช่วงปีใหม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ช่วงปีใหม่ไม่ไปไหน เพราะอยากให้คนรอบข้างได้พักผ่อน แต่บอกครม.ทุกคนแล้วว่าให้ไปพักผ่อนแต่หากมีอะไรให้พร้อมจะพูดคุยและมาพบกัน เพื่อช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ว่าจะข้าราชการฝ่ายไหน ทุกกระทรวง ต้องช่วยดูแลประชาชนให้มีความสุข ปลอดภัย ตนต้องแสตนด์บาย มีอะไรจะได้ออกมาดูแลประชาชน เมื่อถามว่าห่วงเหตุร้ายช่วงส่งท้ายปีหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ห่วง เพราะบอกแล้วเจ้าหน้าที่ต้องทำงงานเต็มที่ ประชาชนก็ต้องร่วมมือ และใครที่ทำอยากให้คนทั้งประเทศประณาม และลงโทษสถานหนัก
นายกฯ กล่าวถึงความต้องการในปีใหม่นี้ว่า ปีใหม่แล้วใจเย็นๆ ปีหน้าอยากให้อะไรๆ เสร็จเร็ว อะไรที่เป็นปัญหาให้ช่วยกันแก้ ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น เรื่องยางพารา ให้ดูกันหน่อยว่าสมาคมยางพารา ที่มีกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ให้รวมกันได้หรือไม่เพราะตอนนี้มีอยู่หลายสิบกลุ่ม ถ้าเป็นกลุ่มเดียวรัฐบาลจะได้ช่วยเหลือได้ง่ายขึ้น รวมถึงการจับกลุ่มเกษตรกรในพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ด้วย เพื่อดูแลกันได้ทั่วถึง หรือแม้แต่กลุ่มคนที่มีรายได้น้อย ต้องช่วยปรับปรุงเรื่องความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น อะไรที่ดีอยู่แล้วก็ช่วยกันสร้างให้เข้มแข็ง เพราะถ้าให้จ่ายเป็นเงินใช้งบฯ เท่าไหร่ก็ไม่พอ รวมทั้งการขึ้นภาษีค่าทางด่วน ไม่ใช่เพราะรัฐบาลนี้แต่เป็นเพราะสัญญาข้อตกลงตั้งแต่สร้างมาว่าต้องขึ้นราคาเป็นระยะ ทั้งที่รัฐบาลพยายามชะลอแล้ว ค่าทางด่วน หรือ รฟม. ถูกดึงมาหลายปีแล้ว รวมทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม
นายกฯ กล่าวอวยพรปีใหม่ว่า ขอให้มีความสุขช่วงปีใหม่ สุขสดชื่น ให้ปี"58 เป็นปีที่คนไทยรักกัน รักกันอยู่แล้วให้รักกันมากขึ้น คนไทยต้องเผื่อแผ่ แบ่งปันความรักกัน เพื่อให้ประเทศมีอนาคต เป็นประเทศที่มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ตามพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เด้ง'นริศ'พ้นอธิบดีธนารักษ์
วันที่ 30 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลครม. ว่า เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกฯ เสนอแต่งตั้งนางสุณี มากวิสัย ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ
อนุมัติตามที่ รมว.คลัง เสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพรวม 3 คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่ง ดังนี้ 1.รศ.วรากรณ์ สามโกเศศ เป็นประธานกรรมการ 2.รศ.ปาริชาติ วลัยเสถียร เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล 3.รศ.นภาภรณ์ หะวานนท์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ตั้งแต่ 30 ธ.ค.
อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง 2 ราย 1.นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นรองปลัด และ 2.นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล รองปลัด เป็นอธิบดีกรมธนารักษ์ แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 1.นายโอภาส กลั่นบุศย์ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรรมการ แทนนายจุมพล สงวนสิน 2.นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ กรรมการ แทนนายธนรัชต์ วิเชียรรัตน์ ที่ขอลาออก
แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัด สธ. ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ 2 ราย 1.นางเฟื่องรักษ์ ร่วมเจริญ นายแพทย์เชี่ยวชาญ กลุ่มงานอายุรกรรม รพ.นครพนม เป็นนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กลุ่มงานอายุรกรรม รพ.นครพนม 2.นายสมอาจ ตั้งเจริญ ผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา เป็นนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กลุ่มงานศัลยกรรม รพ.มหาราชนครราชสีมา
อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอแต่งตั้งนายอนุสรณ์ ฟูเจริญ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นรองเลขาธิการ กพฐ. แต่งตั้งนายสุภัทร จำปาทอง ผู้ตรวจฯ เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ขรก.เกษียณเฮ-ได้เพิ่มเงินเดือน
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ว่าที่ประชุมเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... มีสาระสำคัญที่จะปรับเพิ่มเงินค่าครองชีพให้กับข้าราชการบำนาญที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ในระดับซี 7 ลงมา หรือชั้นยศพันโท รวม 533,328 ราย ในอัตรา 4% เพื่อให้มีรายได้ที่เหมาะสมสอดคล้องการปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย โดยรัฐบาลจะใช้เงินจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นวงเงิน 5,139 ล้านบาทมาใช้ดำเนินการ เริ่มมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 2557 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มเงินดังกล่าวกำหนดให้ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ผู้ได้รับหรือมีสิทธิได้รับบำนาญปกติ บำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพ บำนาญพิเศษหรือบำนาญตกทอดในฐานะทายาทหรือผู้อุปการะหรือผู้อยู่ในอุปการะ ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ซึ่งได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญอยู่แล้วในวันที่ 1 ธ.ค. 2557 ให้ได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ(ช.ค.บ.) ในอัตราต่อไปนี้ 1.ผู้ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเบี้ยหวัดหรือบำนาญและช.ค.บ.อยู่แล้วให้ได้รับ ช.ค.บ.เพิ่มขึ้นอีกในอัตราเดือนละ 4%ของจำนวนเบี้ยหวัดหรือบำนาญและช.ค.บ.ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับ 2.ผู้ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเฉพาะเบี้ยหวัดหรือบำนาญ ให้ได้รับช.ค.บ.ในอัตราเดือนละ 4% ของจำนวนเบี้ยหวัดหรือบำนาญที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับ
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการคลังรายงานที่ประชุมครม.ว่าข้อเสนอดังกล่าวเป็นไปตามที่ครม.ได้แถลงนโยบายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ว่าจะจัดระบบอัตรากำลังและปรับปรุงค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐให้เหมาะสมและเป็นธรรม อีกทั้งครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2557 ให้ปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชั้น ผู้น้อย โดยปรับบัญชีเงินเดือนระดับตำแหน่งไม่เกินระดับชำนาญการ หรือระดับ 7 หรือชั้นยศพันโทจะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้น 1 ขั้น หรือ 4% รวมทั้งปรับเพดานเงินเดือนขั้นสูงทุกระดับ และโดยที่ในการปรับปรุงค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ กระทรวงการคลังจะพิจารณาในการปรับปรุงเงินเพิ่มค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ(ช.ค.บ.) ควบคู่ในทางเดียวกันเสมอ เพื่อให้มีความสอดคล้องกันในด้านค่าครองชีพ ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อมีการปรับเงินเดือนข้าราชการและ เจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะมีการปรับเพิ่มช.ค.บ. ให้แก่ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญตามแนวทางเดียวกันด้วยเสมอ เช่น ในการปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทต่างๆ เพิ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2550 และเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2554 ในอัตรา 4% และ 5% โดยมีการปรับเงินช.ค.บ.ให้แก่ผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญเพิ่มขึ้นในอัตรา 4% และ 5% เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ล่าสุดได้ให้ความช่วยเหลือผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญด้วยการประกันรายได้ขั้นต่ำให้ได้รับบำนาญรวมกับช.ค.บ. แล้วไม่ต่ำกว่าเดือนละ 9,000 บาท ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 81/2557 ลงวันที่ 10 ก.ค. 2557 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญพ.ศ. 2521
ครม.ไฟเขียวแจกชุมชนละ1ล้าน
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ครม.ได้เห็นชอบโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง(เดือนพฤศจิกายน-เมษายน) วงเงิน 3,566.37 ล้านบาท จากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นปี 2558 โดยมีเป้าหมายและพื้นที่ดำเนินการ คือชุมชนเกษตรที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบแล้งปี 2557/2558 ในพื้นที่ 3,456 ตำบล 68 จังหวัด ตามบัญชีรายชื่อพื้นที่คาดการณ์ความแห้งแล้งในพื้นที่เกษตรปี 2558
หลักการสำคัญของโครงการคือ ทางชุมชนจะต้องเสนอโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร และเป็นโครงการที่เน้นการจ้างงานในชุมชนเป็นหลัก โดยจะได้รับเงินสนับสนุนโครงการงบประมาณไม่เกินตำบลละ 1 ล้านบาท และต้องมีสัดส่วนค่าจ้างแรงงานไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของวงเงินที่ขอรับการสนับสนุน เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประสบภัยแล้งให้มีรายได้และสร้างโอกาสให้ชุมชน เกษตรสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของชุมชน
ทั้งนี้ ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล(ศกบต.)จะเป็นแกนหลักในการจัดเวที ให้คำแนะนำทางวิชาการกับชุมชนที่จะนำเสนอโครงการ ก่อนนำเสนอกับคณะกรรมการบริหารโครงการระดับอำเภอและจังหวัดเพื่อเห็นชอบโครงการและเบิกจ่ายเงินจากสำนักงบประมาณให้ชุมชนอีกครั้ง