WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ขอบคุณบิ๊กตู่ยึดอํานาจ ป๋าเปรมชม ทำเพื่อชาติ-ภาคภูมิใจ ขอเรียก'นายกฯลุงตู่' เผยไม่มีเวลา'เกษียณ' สปช.ปฏิรูปตร.ใน 3 ด. 'วิชา'จี้ชดใช้จำนำข้าว ยันสอบทีดีอาร์ไอแล้ว

มติชนออนไลน์ :  


รับพร - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. นำคณะรัฐมนตรีพร้อมผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าขอพรปีใหม่จาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม

 

 

      'ประยุทธ์'นำ ผบ.เหล่าทัพ-ครม.เข้าบ้านสี่เสาฯ 'ป๋า'ปลื้ม'นายกฯลุงตู่'ยึดอำนาจ 22 พ.ค.ทำให้ชาติบ้านเมืองสงบ ชี้เดินหน้ามาแล้ว ถอยไม่ได้ และไม่มีเวลาเกษียณ 'วิษณุ'ปัดให้ความเห็นร่าง รธน. เผยแค่ กมธ.โยนหินถามทาง

@ "บิ๊กตู่"นำทีมเข้าสี่เสารับพร"เปรม"

     เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 29 ธันวาคม ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ม.ร.ว.ปรีดิยาธร 

เทวกุล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการ คสช. ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมถึง พล.อ.ต.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เข้าขอรับพรปีใหม่จาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เนื่องในโอกาสปีใหม่ 2558 ผมและคณะรัฐมนตรีถือโอกาสอำนวยพรแก่ท่าน และแสดงมุทิตาจิต ด้วยความเคารพยิ่ง พวกผมตระหนักดีว่า พล.อ.เปรมเป็นผู้มีคุณูปการต่อประเทศชาติในความเป็นผู้นำ มากด้วยความรู้ความสามารถและประสบการณ์ รวมทั้งถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอดถึงทุกวันนี้ เกียรติประวัติอันดีงามและผลงานของท่านถือเป็นแบบอย่าง และเป็นแนวทางที่พวกตนจะยึดถือในการบริหารงานราชการด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีความรักสามัคคี เพื่อนำพาประเทศชาติให้มีความก้าวหน้า และมั่นคงอย่างยั่งยืน" 

@ ภูมิใจนายกฯ"ลุงตู่"ยึดอำนาจ

จากนั้น พล.อ.เปรมกล่าวอวยพรนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีว่า "นายกฯลุงตู่ พูดตามที่คนชอบเรียกนายกฯว่านายกฯลุงตู่ ดูเป็นกันเองดี ขอฝากขอบคุณไปยังผู้ที่ไม่ได้มา ดีใจที่พวกเรามาอวยพร แสดงให้เห็นถึงความรักความสามัคคี ถ้าพวกเราจำเหตุการณ์ในวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมาได้ คงจะภูมิใจ และคนในชาติก็จะภูมิใจมากที่นายกฯลุงตู่เข้ายึดอำนาจการปกครองมาจากรัฐบาล ถือเป็นการกระทำให้ชาติบ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไม่ต้องหันหน้าอย่างไม่เป็นเพื่อนกัน วันนั้นเป็นที่แสดงให้เห็นว่าทหารและกองทัพ รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เมื่อถึงคราวที่จำเป็น เราก็ต้องออกไปทำ และออกไปดูแลชาติบ้านเมือง พวกเราคงจะภูมิใจที่ได้กระทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นในวันที่ 22 พฤษภาคม ถือเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ เป็นการตอบแทนบุญคุณชาติบ้านเมือง แสดงความจงรักภักดีที่ยิ่งใหญ่มาก คิดว่าคนไทยส่วนใหญ่เขาจะเห็นด้วยและพอใจ ภูมิใจในการกระทำของนายกฯลุงตู่"

@ ย้ำทุกฝ่ายเป็นพวกเดียวกัน 

"มีคนหนึ่ง คนหนึ่งเท่านั้นนะ ในคนไทยหกสิบกว่าล้านคน ที่เขาพูดว่าทหารทำอะไรไม่เป็น ได้แต่ยิงปืน คนหนึ่งเท่านั้นนะ แล้วก็นายกฯลุงตู่แสดงให้เห็นว่า เมื่อถึงเวลาที่เราจะต้องทำ เราก็ทำอะไรเป็น ทำเป็นทำดีได้ด้วย เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ควรจะเป็นเครื่องแสดงแห่งความเป็นทหารของพวกเรา แม้ว่านายยงยุทธ ยุทธวงศ์ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯไม่ได้เป็นทหาร แต่ก็เป็นพวกเดียวกัน สิ่งที่ผมคิดว่าคนคงจะรู้จะได้เห็นพระสยามเทวาธิราช คงจะมองเห็นว่า นายกฯลุงตู่ได้ช่วยชาติ นำความสงบมาให้แก่คนไทยทั้งปวง เราได้กระทำไปแล้ว และเราก็จะทำต่อไป ผมอยากจะบอกให้พวกเราทราบว่า โอกาสนี้เป็นโอกาสสำคัญ เป็นโอกาสที่พวกเราจะแสดงให้เห็นว่า เมื่อถึงคราวที่ชาติมีความคับขัน ไม่ปรองดองกัน พวกเราจะเข้ามาช่วยดูแล นั่นคือหน้าที่ของเรา ที่เข้ามาดูแลชาติบ้านเมือง ตามที่เราได้ปฏิญาณตนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ว่าเราจะทำอะไรให้แก่ชาติบ้านเมืองบ้าง" พล.อ.เปรมกล่าว

@ ชี้สำคัญที่สุด"บิ๊กตู่"ถอยไม่ได้ 

พล.อ.เปรมกล่าวต่อว่า "อีกอย่างหนึ่งที่อยากจะกล่าวกับนายกฯลุงตู่ว่า โอกาสนี้เป็นโอกาสที่เสี่ยงที่สุด และสำคัญที่สุด ที่พวกเราแสดงให้เห็นว่า เมื่อใดบ้านเมืองเกิดวิกฤต เมื่อนั้นทหารจะเข้าไปดูแลชาติบ้านเมือง และเราจะดูแลให้ดีที่สุด เท่าที่จะดีได้ เพื่อความสงบของชาติบ้านเมือง ตอนนี้นายกฯลุงตู่ ที่เป็นทั้งรัฐบาลและ คสช.กำลังทำอยู่ อยากให้คนไทยมองเรื่องนี้ว่าเป็นหน้าที่ของเรา และให้ความร่วมมือกับนายกฯ" 

"ผมได้พูดกับนายกฯลุงตู่เป็นการส่วนตัวว่า เราออกมาแล้ว เราคงจะถอยไม่ได้ จะต้องเดินหน้าไปอย่างองอาจและกล้าหาญ เดินหน้าไปอย่างสุภาพบุรุษ และเดินไปข้างหน้า อย่างที่เป็นคนไทยโดยสายเลือด และต้องเดินหน้าไปเพื่อลูกหลานของเรา อีกทั้งเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะแสดงให้เห็นว่า พวกเราจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องของเราให้ทุกข์ยากลำบากได้ ผมรู้ว่าทุกคนเหนื่อย และเหนื่อยด้วยกันทั้งนั้น แต่ทุกคนเหนื่อยเพื่อชาติ เพื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และคนไทยทุกคน สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เราหายเหนื่อย และมีกำลังใจจะต่อสู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ผมใคร่ขอให้พี่น้องทหารเหล่าทัพต่างๆ ช่วยเป็นกำลังใจให้กับท่านนายกฯและคณะรัฐบาล ที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ฉะนั้น เราจึงเป็นมิตรกัน และเป็นเพื่อนร่วมตายกัน ก็ต้องช่วยดูแลซึ่งกันและกัน" พล.อ.เปรมกล่าว

@ อวยพรให้"รบ.-คสช."ทำสำเร็จ

พล.อ.เปรมกล่าวว่า โดยในวาระปีใหม่ขออวยพรให้นายกฯ และคณะรัฐมนตรีประสบความสำเร็จ ในสิ่งที่ต้องการจะทำ เพื่อตอบแทนบุญคุณของชาติ และถวายความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และขอให้สิ่งต่างๆ ที่ได้เสียสละ แม้แต่ชีวิต เพื่อชาติบ้านเมือง ก็ขอให้ทำสำเร็จ มีความปลอดภัย และได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ดังนั้น ขอให้กำลังใจ และหวังว่าทุกคนคงพร้อมเพรียงกัน เพื่อทำงานให้ชาตินี้ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการนำของนายกฯ ก็หวังว่าทุกคนจะดูแลชาติบ้านเมือง และขอให้ความมุ่งมั่นต่างๆ จงสำเร็จแก่คณะรัฐบาลและ คสช. พร้อมกันนี้ขอให้พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้คุ้มครองให้มีแต่ความสุขความเจริญ มีความก้าวหน้า จนประสบความสำเร็จ ต่อความเสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองในครั้งนี้ด้วย

@ ชี้นายกฯไม่เกษียณไม่ใช่ขรก.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเข้าอวยพรครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้นำแจกันและกระเช้าดอกไม้มอบให้ พล.อ.เปรม โดยที่ พล.อ.เปรมได้ให้หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รุ่นบ้านเกิด 2557 เป็นของที่ระลึกให้คณะที่เข้าร่วมอวยพรด้วย หลังจากนั้น พล.อ.เปรมได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสายทหารเข้ารับพรปีใหม่ และร่วมถ่ายภาพ โดย พล.อ.เปรมอวยพรว่า "ขอให้ทำหน้าที่ เพื่อชาติบ้านเมือง" เมื่อถามว่า ที่ให้เดินหน้าเพื่อชาติ คือให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาต่อไป พล.อ.เปรมกล่าวว่า "ใช่" เมื่อถามย้ำว่าแต่รัฐบาลและ คสช.มีกรอบเวลา 1 ปี ทำงานตามโรดแมป พล.อ.เปรมกล่าวว่า "นายกฯไม่มีเกษียณ เพราะไม่ใช่ข้าราชการ"

@ บิ๊กตู่สัญญาแก้ปมไม่เท่าเทียม

ต่อมาเวลา 10.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติด้านฮาลาล "Thailand Halal Assembly" พร้อมเปิดตัวภาพลักษณ์ฮาลาลระดับเพชรจากประเทศไทย หรือไทยแลนด์ไดอะมอนฮาลาล (Thailand Diamond Halal) ว่า วันนี้เป็นโอกาสแรกที่ได้พบกับพี่น้องชาวมุสลิม ปกติเป็นการพบในการทำงานในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และวันนี้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ต้องรับผิดชอบหลายเรื่อง แม้การขับเคลื่อนประเทศยังติดขัดแต่ก็ยังเดินหน้า นอกจากนี้ ยังต้องรักษาความมั่นคงในประเทศและมีการปฏิรูปประเทศ ได้รับความเข้าใจจากมิตรประเทศ นั่นเป็นผลจากความร่วมมือของทุกคน 

ในการทำความเข้าใจกับต่างชาติ และวันนี้ตัวแทนโอไอซีมาด้วย ยืนยันว่าจะดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสเสมอว่าทุกคนทุกศาสนามีสิทธิเสรีภาพมีความเท่าเทียมกัน จะดูแลทุกคนให้ดีที่สุด และหวังว่าเหตุการณ์ทุกอย่างจะยุติลงด้วยความร่วมมือของคนไทย โดยรัฐบาลจะเร่งรัดแก้ปัญหาตามกฎหมาย ปัญหาต่างๆ ล้วนเกิดจากความแตกต่างทางอาชีพ และความไม่เท่าเทียมกันจนนำไปสู่ความขัดแย้ง ยืนยันว่าจะทำอย่างเต็มที่ในการคืนความสุขให้ทุกคนอย่างเท่าเทียม และจะทำหน้าที่รัฐบาลอย่างดีที่สุด อะไรที่ติดใจ ติดค้าง ไม่สบายใจ ก็ขอรับไว้เพียงผู้เดียวเพื่อแก้ไข วันเวลาที่เหลือจะเดินหน้าเพื่ออนาคตของลูกหลานในดินแดนประเทศไทยที่เป็นดินแดนแห่งความสุขแห่งนี้ 

@ "วิษณุ"ชี้นายกฯคนนอกแค่โยนหิน 

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่าง รัฐธรรมนูญเสนอให้คนนอกสามารถเป็นนายกฯได้ว่า มองว่าเป็นการโยนหินถามทาง หากไปแหย่ เขาจะย้อนกลับมา ไม่อยากไปยุ่งกับเขาในตอนนี้ ได้คุยกับ กมธ.ยกร่างฯ 2-3 คน ก็บอกว่ายังไม่ใช่ข้อสรุปอะไร และมีอีกหลายอย่างยังไม่ได้พูด อย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พูดถึงเรื่องนายกฯคนนอก และถามว่าวิกฤตแปลว่าอะไร แบบนี้แสดงว่ายังต้องการคำถามและคำตอบกันอยู่ แต่สุดท้ายเรื่องจะจบลงที่ กมธ. ขณะนี้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ไม่เกี่ยวแล้ว เพราะเสนอทุกอย่างเสร็จตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา ระหว่างนี้เป็นการโยนหินถามทาง เป็นการสร้างกระแสเพื่อให้มีปฏิกิริยา

"เวลาร่างรัฐธรรมนูญต้องเอาทุกข้อเสนอมาผูกกัน จะพบว่าบางข้อไปด้วยกันไม่ได้ ต้องเลือกเอาอย่างหนึ่ง เพราะบางอย่างขัดกัน อย่าง ส.ว.หากไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อำนาจ ส.ว.ต้องเป็นอีกอย่างหนึ่ง หากมาจากเลือกตั้งก็มีอำนาจอีกแบบหนึ่ง ในเมื่อไม่ได้มาจากระบบเลือกตั้ง แต่ใช้อำนาจมาก จะอธิบายสังคมอย่างไร เพราะที่มากับอำนาจต้องไปด้วยกัน จะไปถึงขั้นถอดถอนพวกมาจากการเลือกตั้งโดยคุณไม่ได้มาจากการเลือกตั้งได้หรือไม่ สิ่งเหล่านี้วันหนึ่งต้องกลับไปนั่งคิดใหม่ วันนี้เขาโยนหินมาทีละก้อน ทีละก้อน เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นความแตกแยก เป็นการทำโดย กมธ.ยกร่างฯมีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ พอใจจะฟังเขาเสนอมากกว่าให้เขาปิดประชุมตีหมี" นายวิษณุกล่าว 

@ หนุนมท.ต้องรับจัดเลือกตั้ง 

นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนองค์กรอิสระต้องดู 3 อย่าง 1.ที่มา ต้องสมเหตุสมผลเพื่อรองรับการมีอำนาจ 2.จำนวน หากน้อยไปแต่มีอำนาจเด็ดขาดก็จะลำบาก 3.อำนาจ บางครั้งให้อำนาจองค์กรอิสระไปทั้งหมด เหมือนเคยให้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้เป็นผู้กำหนดวางระเบียบ คุมหีบเลือกตั้ง คุมหน่วยเลือกตั้ง เป็นผู้แจกใบเหลืองใบแดงได้เบ็ดเสร็จ วันนี้เขาถอยมาคิดใหม่ เพื่อแบ่งอำนาจให้ส่วนต่างๆ จะช่วยถ่วงดุลอำนาจได้ บางคนบอกว่าไปริบอำนาจ กกต. ถามว่าจะให้เอาทุกอย่างกลับไปอยู่ที่ กกต.ทั้งหมดหรือ เป็นสิ่งต้องช่วยกันคิด และถึงแม้กระทรวงมหาดไทยจะออกมาปฏิเสธว่าไม่รับจัดการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นกระทรวงมหาดไทยอยู่ดี เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของหีบเลือกตั้ง

นายวิษณุกล่าวถึงกรณี กกต.บางคนระบุว่าหากไม่อยากให้เกิดความแตกแยกก็ควรนิรโทษกรรมให้กับผู้ทำให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เป็นโมฆะและเสียค่าเสียหายไปกว่า 3,000 ล้านบาท ว่า เขาก็พูดถูก แต่รัฐบาลมองว่าการนิรโทษฯเป็นเรื่องปลายทาง แม้จะนิรโทษกรรมแต่ในใจยังร้าวลึกอยู่ ก็จะเกิดเหตุนิรโทษฯอีก ต้องดูต้นเหตุด้วยว่าเกิดจากอะไร ยอมรับไหมว่าเกิดจากความเหลื่อมล้ำ ความยากจน สองมาตรฐาน ความไม่เป็นธรรม เราต้องแก้ตรงนี้ให้เขาเห็น ให้เขาละลายพฤติกรรมในใจ เมื่อนิรโทษฯแล้วเขาก็พร้อมเข้าสู่ระบบใหม่ได้ แต่หากละลายพฤติกรรมแล้วไม่ดีอย่างที่ต้องการ สุดท้ายก็อาจจะต้องทำ แต่ทำเป็นขั้นตอน อย่างรัฐบาลที่ผ่านๆ มามีการนิรโทษฯก่อน แต่กับปัจจุบันจะต่างกันเพราะวันนี้มีอะไรอยู่เบื้องหลังอีกมาก ต้องย้อนไปดูเหตุแห่งการชุมนุม ส่วนที่บอกว่านักการเมืองเป็นสาเหตุหลัก ก็ถูก และต้องทำความเข้าใจตรงนี้เสียก่อน หากไปนิรโทษกรรมก่อนก็จะลำบาก

@ สปช.หวั่นพรรคล่มสลาย

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า การที่คณะ กมธ.ยกร่างฯ วางแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่าให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เลือกบุคคลจะเป็น ส.ส. หรือไม่เป็น ส.ส.ก็ได้ และใช้ระบบรัฐสภาเดิมคือการให้อำนาจนายกรัฐมนตรีสามารถยุบสภาได้ และให้สภาสามารถลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ เท่ากับว่าเป็นเรื่องเดิม ยังแก้ปัญหาเสถียรภาพนายกรัฐมนตรีไม่ได้ ซ้ำร้ายนายกรัฐมนตรียังไม่มีอิสระจากมติของสภาอีกด้วย นอกจากนี้ ปัญหาใหญ่ คือ ส.ส.จะสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ก็ได้ และในการลงมติ ส.ส.มีอิสระจากมติพรรคการเมือง ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า ต่อไประบบพรรคการเมืองต้องล่มสลาย ตัว ส.ส.เองจะขายตัวทั้งระยะสั้นและระยะยาว เสียงของ ส.ส.จะมีค่ามีราคาเป็นเงินเป็นผลประโยชน์ 

และรัฐบาลจะต้องหาวิธีการให้ได้คะแนนเสียง ส.ส.มาสนับสนุนในการตั้งนายกรัฐมนตรี และการตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.)

"การลงทุนทางการเมืองจะเริ่มต้นรุนแรงตั้งแต่ยังไม่เลือกตั้ง การเลือกตั้งจะต้องลงทุนเพื่อให้ได้จำนวน ส.ส.มาก เพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ และเข้ามาแล้วก็มาถอนทุนหาผลประโยชน์ เพื่อลงเลือกตั้งคราวต่อไป ระบบให้สภาผู้แทนราษฎรสามารถลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี ระบบนี้ก็จะไม่สามารถทำให้เกิดผลได้ เพราะคะแนนเสียงข้างมากอยู่ข้างรัฐบาล และจะเป็นปัญหามากยิ่งขึ้นเมื่อ ส.ส.ขายตัวได้ง่าย จะแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นต่อไปได้อย่างไรเมื่อหัวมันส่าย หางมันก็คงต้องกระดิก" นายเสรีกล่าว

@ "เจษฎ์"ชงถอดถอนส.ส.3ระดับ

นายเจษฎ์ โทณะวณิก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองวิจารณ์กรอบหลักการใหม่เกี่ยวกับระบอบการเมืองของ กมธ.ยกร่างฯ ให้กลุ่มบุคคลลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยไม่ต้องสังกัดพรรค ส.ส.เขตไม่ต้องสังกัดพรรค และ ส.ส.ไม่ต้องฟังมติพรรค เกรงว่าทุนจะเข้ามาซื้อ ส.ส.ในการโหวตว่า กมธ.ยกร่างฯเชื่อและเห็นถึงศักดิ์ศรีของการเป็นมนุษย์ คนที่ผ่านการคัดเลือกจากประชาชนมาเป็น ส.ส. เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ กรณี ส.ส.ขัดมติพรรคก็ไม่น่าจะเกิด เชื่อว่าการรวมตัวเป็นพรรคการเมือง มีอุดมการณ์เดียวกัน หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริงก็ไม่รู้ว่าจะโทษตัว ส.ส.หรือประชาชนผู้ที่เลือกเข้ามาดี มีการคิดแก้ไขปัญหานี้กรณีพบว่าทุจริต กระบวนการถอดถอน จะมี 3 ระดับ คือ 1.การถอดถอนจากกระบวนการตามขั้นตอนในสภา ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.และ ส.ว.ดำเนินการ 2. การถอดถอนจากประชาชนในพื้นที่เลือกตั้ง กรณีเป็น ส.ส.เขต ให้ตั้งกรรมการพิเศษจากชุมชนประชาชนสอบสวนและถอดถอนออกจากตำแหน่ง 3.หากการกระทำนั้นเป็นความผิดทางอาญา และมีโทษก็ถูกตัดสิทธิโดยปริยาย ที่ตั้งหลักเกณฑ์ไว้ว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องไม่ถูกดำเนินคดีอาญา หรือถูกตัดสินโทษในคดีทุจริตมาก่อน

นายเจษฎ์กล่าวว่า สำหรับพรรคการเมืองประกาศนโยบายใช้ในการหาเสียง ต้องรับผิดชอบต่อนโยบายนั้น ทั้งที่มาของเงินงบประมาณและความเป็นไปได้ ในการทำนโยบาย แต่หากหาเสียงไว้แล้ว พอเป็นรัฐบาลกลับไม่ดำเนินการ หรือทำไม่ได้ตามที่ให้สัญญาประชาคมไว้ก็มีกระบวนการถอดถอน เอาผู้ที่เป็นหัวหน้าพรรค และ ส.ส.ของพรรคนั้นออกจากตำแหน่ง แต่ไม่ยุบพรรค เพื่อให้สมาชิกพรรคอื่นไม่ได้เป็น ส.ส.ลงเลือกตั้งแทนได้ ส่วนที่เกรงจะสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายป้ายสี เพื่อเอาคนออกจากตำแหน่ง ส.ส.นั้น ผู้กระทำมีโทษหนักเป็นสองเท่า จะโยงไปกำหนดในกฎหมายลูกต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นกลไกในการตรวจสอบ ถ่วงดุล การใช้อำนาจของฝ่ายต่างๆ

@ ชทพ.จี้กมธ.ชี้ชัดเปิดช่องนายกฯ

นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา โฆษกพรรคชาติพัฒนา (ชทพ.) กล่าวถึงท่าทีของพรรคต่อประเด็นที่มาของนายกรัฐมนตรี ในร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้ ว่า โดยเจตนารมณ์ของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ก็ควรจะกำหนดให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรียึดโยงกับประชาชน และมาจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะจะมีความชอบธรรมและการยอมรับ รวมทั้งเข้าใจปัญหาพื้นฐานของประชาชน แต่ในกรณีที่บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ มีวิกฤตการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจหรือความมั่นคงของชาติ และมีความจำเป็นต้องเปิดช่องทางให้คนนอกไม่ได้อยู่ในระบบเลือกตั้งเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อคลี่คลายวิกฤตการณ์และไม่ให้เกิดภาวะทางตันของบ้านเมืองและรัฐธรรมนูญ พรรคเห็นว่า ควรพิจารณาเป็นทางออกให้กับประเทศจากภาวะวิกฤต โดยเฉพาะจากเหตุการณ์เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต แต่ควรต้องกำหนดเงื่อนไขของสถานการณ์ของวิกฤตการณ์ให้ชัดเจน กระบวนการการเข้าสู่อำนาจต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาด้วยเสียงสนับสนุนมากพอ ระยะเวลาในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ รวมทั้งอำนาจหน้าที่ที่จะได้รับมอบหมายจากรัฐสภาในการเข้ามาแก้ไขปัญหาของประเทศที่มีความแตกต่างจากนายกรัฐมนตรีในภาวะปกติ

@ วิปสปช.แจงภารกิจปฏิรูปปี"58

ที่รัฐสภา นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญ กิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) นายวันชัย สอนศิริ โฆษกวิป สปช. นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล สปช.ด้านเศรษฐกิจ ร่วมแถลงถึงภารกิจ สปช.ในปี 2558 นายอลงกรณ์กล่าวว่า หลังจาก สปช.เสร็จภารกิจก้าวแรก 60 วัน สู่ก้าวสำคัญปฏิรูปประเทศ ในปี 2558 นั้นจะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง สปช.กำหนดภารกิจสำคัญใน 2 เรื่อง 1.ภารกิจด้านการจัดทำและเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับถาวร จะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปฏิรูปประเทศ 2.ภารกิจด้านของการปฏิรูปประเทศ ปี 2558 จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นนัยสำคัญ เป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและระบบ และการขับเคลื่อน บริหารจัดการประเทศ ตามแนวทางการปฏิรูปทั้ง 4 ด้าน 1.ภาครัฐ 2.ภาคเอกชน 3.ภาคประชาสังคม และ 4.ภาคการเมือง ในเดือนแรก ภายใต้นโยบายของนายเทียนฉาย 

กีระนันทน์ ประธาน สปช.กำหนดให้ สปช.จัดทำวิสัยทัศน์และออกแบบอนาคตประเทศไทยให้แล้วเสร็จ เดือนมกราคม 2558 จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ เวิร์กช็อปวิสัยทัศน์ครั้งที่ 2 จากครั้งที่ 1 วันที่ 9-10 ธันวาคมที่ผ่านมา จัดทำวิสัยทัศน์เพื่อเป็น

กรอบของพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ และจะเป็นกรอบวิสัยทัศน์ของคณะกรรมาธิการทั้ง 18 คณะ จะจัดทำการปฏิรูปประเทศเป็นพิมพ์เขียวแต่ละด้าน และนำมารวมกันเป็นพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย ให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 นั้น นอกจากนั้น สปช.จะผลักดัน ขับเคลื่อน การปฏิรูปพร้อมกัน 3 ส่วนด้วยกัน 1.การปฏิรูปเร็ว หรือการปฏิรูปแบบเร่งด่วน 2.การปฏิรูปภายใน 1 ปี 2 ด้านนี้จะดำเนินการโดยประชุม สปช.ทุกวันจันทร์และวันอังคาร 3.การปฏิรูปแบบยั่งยืน คือการจัดทำพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศไทย

@ ยกเครื่องตร.ใช้เวลาไม่เกิน3ด. 

นายวันชัยกล่าวว่า ปี 2558 จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม และการเมือง ที่สำคัญคือ การกระจายอำนาจรัฐ การเช็กบิล การตรวจสอบ การบริหารราชการแผ่นดินที่โปร่งใส รวมทั้งการใช้งบประมาณและจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญ ในหน่วยงานตำรวจ เรียกว่าปฏิรูปตำรวจ ในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน จะเห็นกระบวนการการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตำรวจ ตามหลักการที่เคยเสนอสื่อมวลชนไปแล้ว เป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนจะเห็นการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ กระบวนการยุติธรรม แบบเดิมจะต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง โดยมีภาคประชาชนเข้ามามีส่วนอย่างสำคัญ

นายวันชัยกล่าวว่า อีกเรื่องหนึ่งคือ 1.รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ประชาชนจะได้เห็นโครงสร้างแบบต่างๆ ออกมาจะเป็นประชาธิปไตยเข้มแข็ง มั่นคง เหมาะกับสังคมไทยอย่างแน่นอน 2.รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้จะต้องมีมาตรการการป้องกัน ตรวจสอบ ขจัดการทุจริต ประพฤติมิชอบ ทั้งภาครัฐและเอกชน เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน 3.ผู้ทุจริต ประพฤติมิชอบ ผู้ทุจริตการเลือกตั้ง จะไม่มีสิทธิมาเล่นการเมืองอีกต่อไป 4.ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สามารถปฏิบัติหน้าที่โดยอิสระ ปลอดจากการครอบงำแทรกแซงจากบุคคลหรือคณะบุคคลหรือกลุ่มทุนการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น

@ ผุดมาตรการป้องนำเงินมาหว่าน

5.ระบบนิติธรรม คุณธรรม จริยธรรม 

ธรรมาภิบาล โดยเฉพาะเกี่ยวกับการแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการ ระบบธรรมาภิบาลจะต้องมีในรัฐธรรมนูญให้เห็นอย่างประจักษ์ 6.ระบบเศรษฐกิจและสังคมจะต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นธรรมอย่างยั่งยืน ป้องกันการสร้างค่านิยมทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เศรษฐกิจของประเทศ มาตรการของรัฐบาลนำเงินออกมาหว่านเพื่อสร้างค่านิยมทางการเมืองนั้นจะต้องถูกเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญว่าห้ามกระทำและห้ามมีโดยเด็ดขาด 7.การใช้เงินงบประมาณแผ่นดินจะต้องใช้อย่างคุ้มค่าและมีระบบตรวจสอบเข้มแข็ง จะไม่ให้ปล่อยปละละเลยเหมือนในอดีต ทั้งหมดนี้ประชาชนจะได้เห็นอย่างแน่นอนในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ และจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศในหลายด้าน ทั้ง 18 ด้านปรากฏชัดให้เห็นโดยลำดับ

@ สนช.รับฟังความเห็นบึงกาฬ

ที่ศาลากลางจังหวัดบึงกาฬ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำคณะ สนช.ประกอบด้วย พล.อ.อ.ธงชัย แฉล้มเขต, นายอิสระ ว่องกุศลกิจ, นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน, นายชาญวิทย์ วสยางกูร และนายพรศักดิ์ เจียรนัย รับฟังบรรยายสรุปข้อมูลจังหวัดบึงกาฬ และความคืบหน้าในการก่อสร้างศูนย์ราชการจังหวัดบึงกาฬ รวมถึงความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ ซึ่งมีหน่วยงานราชการต่างๆ ในจังหวัดเข้าร่วมรับฟังการบรรยาย 

นายพีระศักดิ์กล่าวว่า คสช.และรัฐบาลจะต้องปฏิรูปประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาตามโรดแมป ดังนั้น สนช.จึงต้องลงพื้นที่มาพบปะกับประชาชนเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยเหลือรัฐบาล สาเหตุเลือกลง จ.บึงกาฬเพราะเชื่อว่ายังไม่ค่อยมีผู้ใหญ่เข้ามาพื้นที่ดูปัญหาจริงๆ จึงต้องมารับฟังปัญหาอุปสรรคที่ประชาชนและหน่วยงานราชการต้องการสะท้อนปัญหาต่างๆ ผ่านทาง สนช.ไปยังรัฐบาล 

@ กำนันวิตกวาระดำรงตำแหน่ง

หลังจากนั้น นายสุนทร วังสพันธ์ ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.บึงกาฬ ได้กล่าวว่า เห็นถึงความพยายามจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะมีการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของกำนันผู้ใหญ่บ้าน จะต้องมาจากการเลือกตั้ง จะทำให้เกิดความแตกแยก ผู้สมัครก็ต้องหาเสียงตั้งเวทีปราศรัยโจมตีกัน ทำให้ไม่เกิดความสงบสุข แต่จากเดิมการดำรงตำแหน่งของกำนันผู้ใหญ่บ้านจะอยู่จนถึงเกษียณอายุ 60 ปี นอกจากนี้ก็ขอให้ช่วยเหลือเรื่องค่าตอบแทนของกำนันผู้ใหญ่บ้านให้มากขึ้นด้วย

นายพีระศักดิ์ชี้แจงว่า เรื่องการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของกำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นเพียงข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการ ยังจะต้องเข้าสู่การพิจารณาของ กมธ.ยกร่างฯ รวมถึงต้องรับฟังความเห็นของ สนช.และ สปช.รอบสุดท้ายอีก ข้อเสนอจึงไม่หยุดอยู่ตรงนี้ อยากให้กำนันผู้ใหญ่บ้านอย่าเพิ่งวิตกกังวลในเรื่องนี้ เพราะที่สุดแล้วอาจจะต้องทำประชามติอีกครั้ง

@ ยันออกกม.ชุมนุมที่สาธารณะ 

ในขณะที่คณะตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.บึงกาฬ ได้ถามถึงการออกกฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะว่าถึงขั้นไหนแล้ว เพราะที่ผ่านมามีมวลชนออกมาชุมนุมปิดถนนเป็นวัฒนธรรม ก่อให้เกิดความเสียหายให้กับประเทศมาก นายพีระศักดิ์กล่าวว่า จะออกแน่นอนเพราะกฎหมายนี้เป็นนโยบายของ คสช. ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาล คาดว่าจะสามารถเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.ได้ในเดือนมกราคม 2558 ยืนยันว่ากฎหมายนี้จะเป็นยาแรงแน่นอน เพราะจะมีบทกำหนดโทษ การชุมนุมต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อน และห้ามชุมนุมในสถานที่ราชการ และจะมีการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่รัฐและห้ามค้างคืน ถ้าฝ่าฝืนก็จะมีโทษเป็นลำดับไป

นายพีระศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมภายหลังลงพื้นที่พบปะฟังความคิดเห็นประชาชน จ.มุกดาหารและ จ.บึงกาฬ ว่า ผลการประเมินจากการลงพื้นที่ออกมาค่อนข้างดี ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการในท้องถิ่น ได้รับข้อคิดเห็นค่อนข้างมาก ประชาชนได้เห็นการทำงานอย่างจริงจังของ สนช.บางเรื่องเสนอมาเป็นเรื่องที่ สนช.ผลักดันได้เลย เช่น การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 5 เพื่อขยายพื้นที่เศรษฐกิจ แต่บางเรื่องต้องนำเสนอส่งต่อไปยังรัฐบาล เช่น เรื่องปัญหาราคายางพารา อย่างไรก็ตาม กลับไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองใดๆ การลงพื้นที่รับฟังปัญหาครั้งต่อไป สนช.ได้รับการติดต่อมาค่อนข้างมากจะลงไปรับฟังปัญหากับประชาชน 3 จังหวัดชายแดนใต้ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558

สำหรับประเด็นที่คณะ กมธ.ยกร่างฯเสนอว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีแค่ 250-300 มาตราเท่านั้น นายพีระศักดิ์กล่าวว่า ส่วนตัวในฐานะนักกฎหมาย มองว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ควรมีถึง 300 มาตรา แต่คิดว่าควรเอารายละเอียดมาทำเป็นกฎหมายลูกหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญดีกว่า

@ ป.ป.ช.สอบทีดีอาร์ไอถอดถอน"ปู"

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการประชุมคณะทำงานร่วมระหว่าง ป.ป.ช.กับอัยการสูงสุด เพื่อหาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า กรณีที่ระบุว่าอัยการสูงสุดขอให้ ป.ป.ช.สอบพยานเพิ่มเติม 2 ปากนั้น ขอชี้แจงว่า ความจริงแล้วอัยการสูงสุดขอให้ ป.ป.ช.สอบพยานเพิ่มเติมเพียง 1 ปาก คือนายนิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม นายนิพนธ์ได้มาให้การต่อ ป.ป.ช.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะนำข้อมูลที่ได้รับจากนายนิพนธ์ไปใช้เป็นข้อมูลแถลงเปิดคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ในโครงการรับจำนำข้าวต่อที่ประชุม สนช.วันที่ 9 มกราคมนี้ด้วย หลังจาก ป.ป.ช.สอบปากคำนายนิพนธ์แล้ว เชื่อว่าอัยการสูงสุดไม่ควรมีปัญหาเรื่องการส่งฟ้องคดีดังกล่าว 

@ จี้คลังเรียกค่าเสียหายข้าว6แสนล. 

นายวิชากล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการไต่สวนการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวกนั้น คณะอนุกรรมการไต่สวนที่มีตนเป็นพยาน ได้สอบข้อเท็จจริงครบถ้วนหมดแล้ว จะส่งเรื่องให้ที่ประชุม ป.ป.ช.ลงมติได้ในช่วงต้นปีหน้า แม้ขณะนี้มีข้อมูลประเด็นต่างๆ เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ แต่อย่างน้อย ป.ป.ช.จะเร่งชี้มูลความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ 6 คน และเอกชน 15 คนให้ได้ก่อน จากการไต่สวนพบว่านอกจากบริษัทเอกชนของจีน 2 แห่งคือ บริษัท ไห่หนาน และบริษัท กวางตุ้ง ไม่ใช่ตัวแทนของรัฐบาลจีนในการทำจีทูจีแล้ว ยังพบว่ามีบริษัทเอกชนของจีนอีก 4 แห่ง มีการส่งออกข้าว ไม่เป็นจีทูจี มีมูลค่าการส่งออกข้าวรวม 14 ล้านตัน พบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

นายวิชากล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม ป.ป.ช.ยังมีความเห็นให้ทำหนังสือถึงกระทรวงการคลังให้เรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวจำนวน 5-6 แสนล้านบาทกับผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้โครงการดังกล่าวเสียหาย โดยให้กระทรวงการคลังรอดูผลสอบในสำนวนโครงการจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์และคดีการทุจริตซื้อขายข้าวจีทูจีของนายบุญทรงที่ ป.ป.ช.จะส่งสำนวนคดีไปให้กระทรวงการคลังเพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะเรียกค่าเสียหายในโครงการจากใครบ้าง 

@ "บิ๊กต๊อก"ให้บัวแก้วแจงกรณี"ตั้ง"

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน โพสต์เฟซบุ๊กระบุได้พาสปอร์ตจากประเทศนิวซีแลนด์ว่า ไม่ทราบว่าเป็นจริงหรือไม่ คงต้องให้กระทรวงการต่างประเทศสอบถามไปยังสถานทูตนิวซีแลนด์ก่อนว่าเป็นจริงหรือไม่ อีกทั้งต้องทำความเข้าใจกับต่างประเทศเองด้วยถึงความผิดการหมิ่นสถาบัน และต้องดูว่าหากมีคดีหมิ่นสถาบัน หรือผิด มาตรา 112 จะดำเนินการอะไรได้บ้าง ถ้าปล่อยให้มีเรื่องอย่างนี้ แล้วเราจะต้องทำอะไรบ้าง ต้องพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อน ดูก่อนว่าที่ผ่านมาเคยมีการทำความเข้าใจในเรื่องแบบนี้กับต่างประเทศบ้างหรือไม่

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!