- Details
- Category: การเมือง
- Published: Friday, 26 December 2014 12:35
- Hits: 5652
กมธ.เปิดโล่งคนนอก นั่งนายกฯ อ้างแก้วิกฤตการเมือง เคาะสรรหา'200 ส.ว.' เลือกจาก'5 กลุ่มผู้นำ'บิ๊กตู่ขู่ปิดหนังสือพิมพ์ บ่นไล่ด่ายันหน้าท้าย
มติชนออนไลน์ :
3 เดือน'บิ๊กตู่' ปักธง'มั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน'
หมายเหตุ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำทีมรองนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ร่วมแถลงผลงานในรอบ 3 เดือนการทำหน้าที่ของรัฐบาล โดยใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
ผมยินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้มาแถลงผลงานรัฐบาลในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คือ ตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงปัจจุบัน ดำเนินการต่อเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือเป็นการทำงานควบคู่กันไป ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพราะทราบกันดีว่าปัญหาของประเทศมีจำนวนมาก ซึ่งบางอย่างแก้ไขโดยระบบราชการปกติได้ แต่บางอย่างต้องอาศัยอำนาจพิเศษในการดำเนินการ แต่ทั้งหมดก็ทำให้สถานการณ์เรียบร้อยดีขึ้นตามลำดับ แต่สิ่งที่ทำมาทั้งหมดยังไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับจะทำให้ประเทศมีความมั่นคง ยั่งยืนในอนาคต ก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน
การทำงานของรัฐบาลประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ส่วนของนโยบาย การขับเคลื่อน และการปฏิบัติ ซึ่งต้องประสานสอดคล้องกันให้ได้ วันนี้รัฐบาลมีหน้าที่ 3 ประการคือ 1.การรักษาความสงบเรียบร้อย ที่ใช้ทั้ง คสช.และส่วนราชการปกติดำเนินการอยู่ 2.การขับเคลื่อนบริหารประเทศ เป็นหน้าที่หลักของรัฐบาล โดยมี คสช.เป็นผู้ช่วยเหลือ โดยใช้ระเบียบวิธีการบริหารราชการตามปกติ เพียงแต่เพิ่มเติมปรับปรุงวิธีการดำเนินงานให้บูรณาการประสานงานสอดคล้องมากขึ้น และ 3.การปฏิรูปและการร่างกฎหมายต่างๆ
ทั้ง 3 ประการจะต้องเดินไปตามโรดแมปที่วางไว้ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่กำหนดไว้ ทั้งการเลือกตั้งและสิ่งต่างๆ ที่มีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญทั้งหมด ยืนยันว่าผมไม่ได้ต้องการยืดเวลา ทั้งหมดอยู่ที่ทุกคน ไม่ใช่โยนมาที่ผม ผมเข้ามาเป็นกรรมการ เข้ามาเป็นครูใหญ่ มาแนะนำให้เกิดความรวดเร็วขึ้นในการทำงานเท่านั้น อาจจะมีความเป็นทหารมีความรวดเร็วอยู่บ้าง บางครั้งอาจไม่เข้าใจ ทุกครั้งที่สั่งงานหรือนโยบายลงไปก็มักนอนไม่หลับ กว่าจะคิดศึกษารายละเอียดได้ต้องทำการบ้านมากพอสมควร วันนี้อยากบอกว่า อย่ากังวลว่าจะใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนหรือชื่อเสียงประเทศชาติจากสายตาคนภายนอก วันนี้จำเป็นต้องแก้ปัญหาประเทศให้ได้เพื่อยืนหยัดในเวทีนานาชาติได้ในอนาคต ถ้าไม่เริ่มวันนี้วันหน้าก็ไปไม่ได้
3 เดือนที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ รัฐบาลแบ่งงานออกเป็น 3 ระยะ ขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในระยะเร่งด่วน และกำลังเข้าสู่ระยะที่สอง คือระยะกลาง เป็นช่วงของการปฏิรูปด้านต่างๆ และระยะที่สามคือ ระยะยาวอย่างยั่งยืน การทำงานต้องสอดคล้องประสานกันทั้ง 3 ระยะให้ได้
ปัจจุบันการดำเนินการระยะที่ 2 คือการปฏิรูป มีเวลาไม่มากก็ต้องช่วยกันทำและแก้ไขกันไป ต้องเร่งสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ถ้ามัวแต่มุ่งเน้นถึงผลประโยชน์ ความขัดแย้งของตนเอง การปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องสุจริต ไม่เป็นธรรม ไม่ชอบธรรม จะยิ่งเป็นการสร้างความขัดแย้งให้กับประเทศ ความไม่สงบสุขก็จะยังเกิดขึ้น วันนี้ต้องใช้วิกฤตเป็นโอกาสให้ได้ เพราะเป็นโอกาสสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศชาติไปสู่ความมั่งคงและยั่งยืนในอนาคต หากเอาความขัดแย้งทั้งหมดมาเขียนอาจมีมากเป็น 100 เรื่อง แต่บางเรื่องอาจจะเห็นตรงกันแล้ว ก็ต้องหาทางลงให้ได้มากที่สุด แล้วค่อยแก้ปัญหาที่เหลืออยู่ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีวันจบ ทุกประเทศในโลกแก้ปัญหาความขัดแย้งโดยใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรมและโปร่งใส ในเมื่อมีศาล มีองค์กรอิสระ ก็ต้องให้ทำหน้าที่ที่ได้รับความเชื่อมั่นและเชื่อถือ โดยให้อิสระในการทำงาน
การทำงานในกระบวนการยุติธรรมนั้นยาก ก็ต้องให้กำลังใจกับกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็ต้องไม่ใช้กฎหมายที่มีอยู่ไปมีอำนาจเหนือประชาชน ซึ่งถ้าสามารถสร้างความยอมรับ ความเชื่อมั่นได้ก็จะทำให้ประชาชนลดความขัดแย้งลงได้ ขณะเดียวกันต้องสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศด้วย เพราะทุกวันนี้โลกเป็นประชาคมแล้ว ปีหน้าไทยก็จะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน จะคาบเกี่ยวทั้งเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา วัฒนธรรม จึงต้องเร่งสร้างความเข้มแข็ง และสร้างความเข้มแข็งในอาเซียนให้ได้ ทุกประเทศในอาเซียนชื่นชมประเทศไทย อยากให้ประเทศไทยมีความสงบสุข ทุกประเทศก็พร้อมร่วมมือกับเราทุกอย่าง จึงเป็นหน้าที่ของทุกคน
ได้กำหนดวิสัยทัศน์ของประเทศว่า อีก 5 ปี ประเทศไทยจะต้องเป็นประเทศที่มั่นคง ประชาชนมั่งคั่งและยั่งยืน ตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราต้องนำประเทศให้ก้าวข้ามกับดักประชาธิปไตยให้ได้ ที่ผ่านมาติดกับดักมานานมากแล้ว จากปี 2475 มีการเปลี่ยนแปลงและมีการปฏิวัติรัฐประหารมาหลายครั้ง จำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ประชาชน และทุกภาคส่วนให้ได้ บางคนมองว่ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อยากให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่สิ่งนั้นเป็นเพียงเรื่องกายภาพ คือดูเหมือนมีความเรียบร้อย ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีการประท้วง แต่สิ่งที่ยังเป็นสาเหตุหรือต้นเหตุยังคงมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล อาวุธสงคราม ตราบใดสิ่งเหล่านี้ยังไม่ยุติ ต่อยอดความขัดแย้งไม่เลิก กระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุด ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เช่นเดิม
ในเรื่องของการสร้างประชาธิปไตย กับต่างประเทศนั้นดีขึ้น วันนี้เมื่อมีใครมาวิพากษ์วิจารณ์ ได้ตอบไปว่าเรากำลังแก้ปัญหา เพื่อเดินหน้าประเทศอยู่ ทุกอย่างกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวแล้ว ก็ตอบไปแค่นั้น ยิ่งตอบมากไปก็บานปลายไปเรื่อย ไม่ใช่ธุระ ผมคิดว่าเราไปช่วยเหลือกับต่างประเทศ 200 กว่าภารกิจที่ไปทำงานต่างประเทศ งานสันติภาพใช้คน 3-4 หมื่นคน ทหารก็ไปช่วยหมด ได้รับคำชื่นชมมาโดยตลอด แล้วเราจะปฏิรูปประเทศเราเองไม่ได้หรืออย่างไร ทำไมจะต้องมาวุ่นวายกับเรามากนัก ขอเวลาให้เราทำให้คนไทยบ้างไม่ได้หรือ
วันนี้ ต้องเพิ่มศักยภาพทั้งการค้า การท่องเที่ยว ความมั่นคง ความปลอดภัย ทกอย่างต้องปฏิรูปและปฏิวัติใหม่ทั้งหมด บางอย่างเพียงแค่ร่วมมือกัน ลดละอัตตาตัวเองลงไป วัฒนธรรมองค์กรหรือวันสำคัญในหน่วยงาน มีไว้ให้ภูมิใจในกระทรวง ในกรม แต่เวลาเจอกันข้างนอกไม่ใช่ไปตีกันเหมือนอาชีวะ ต้องเอาวัฒนธรรมแต่ละที่ที่งดงามมาเชื่อมต่อกันให้ได้แล้วทำงานร่วมกัน วันนี้ทุกอย่างต้องร่วมกันหมด
การศึกษาก็เช่นเดียวกัน ผมไม่ได้ตำหนิการศึกษา แต่ตำหนิรัฐบาล เราเอาแต่ของใหม่เข้ามา ของเก่าหายหมด ผมไปไล่สอนลูกให้ทำบัญญัติไตรยางค์ ปรากฏว่าทำไม่ได้ ตอนเรียนไม่ได้สอนแบบนี้ เขาเคยแต่เติมช่องว่าง คนก็เลยหนีวิชายากๆ ไปหมด ไปเรียนศิลปศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เพราะเรียนเลขแล้วปวดหัว แต่ไม่ใช่ผมยึดติดกับของเก่า ของใหม่บางอย่างก็ดี เราจำเป็นต้องแข่งขันกับต่างประเทศ แต่คนทั้งประเทศจะไปแข่งขันกับเขาหมดก็ไม่ได้ ต้องแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนหนึ่งคือ เรียนรู้เพื่อพัฒนาความคิดและความเข้าใจ บางคนพูดยังไงก็ไม่เข้าใจ ป้อนให้เขามาตลอด ไม่ได้สอนให้คิด ดังนั้น ต้องสอนให้เขาคิดเป็น
วันนี้ เกษตรกรทำไมถึงรายได้น้อย เพราะค้าขายไม่ได้ ไม่รู้เรื่องการตลาดอะไรเลย ผมได้สั่งให้ทุกกระทรวงไปทำตลาดชุมชนขึ้นมา ส่วนนายทุนจะซื้อก็ซื้อไป แต่ก็จะมีการคัดส่วนที่ดีและไปยังตลาดที่จัดไว้ให้ เหล่านี้คือสิ่งที่ต้องคิดใหม่ทั้งหมด ถ้าไม่สอนประเทศก็ไปไม่ได้ ก็จะรอแต่เมื่อไรจะไปอุดหนุน ถามว่าต้องอุดหนุนกันเท่าไร วันนี้ข้าวยังขายไม่ได้อีกกว่า 7 แสนล้านบาท แล้วจะทำอย่างไร แล้วจะอุดหนุนไปถึงเมื่อไร ส่วนเรื่องของยางพารานั้น กำลังดูว่าเงินที่ให้ไปแล้วถึงมือหรือไม่ ทำไมถึงช้า เพราะบัญชีไม่เรียบร้อย ไม่ได้ตรวจสอบกันมาทุกรัฐบาล พอจะไปจ่าย บัญชีไม่เคยเคลื่อนไหวมาเป็น 10 ปีแล้ว ก็ไม่กล้าจ่าย วันนี้ทุกกระทรวงต้องมาร่วมกันขึ้นทะเบียน ไม่ใช่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) อย่างเดียว กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง ต้องมาร่วมมือกัน แต่ก็ยังช้า เพราะจะจ่ายอะไรก็กลัวทุจริต เจ้าหน้าที่ไม่กล้าจ่าย วันนี้ต้องจ่ายให้ทัน มีเวลาให้จ่าย ถ้าจ่ายไม่เสร็จก็มีเรื่องอีก หากเอาแต่กลัวทุจริตแล้วทำไม่ได้ นโยบายจะออกมาทำไม งบประมาณก็ขับเคลื่อนไม่ได้ ในเมื่อเป็นข้าราชการ แต่งตั้งมาให้แก้ปัญหา ไม่ใช่รับประโยชน์ การเป็นผู้บังคับบัญชาคน งานต้องเยอะขึ้น ไม่ใช่สบายขึ้น ต้องฟิต บริหารทุกวัน ไม่ใช่อะไรก็ทำไม่ทัน
เรื่องยางเราต้องไปดูว่าเหมือนกับประเทศอื่นหรือไม่ ราคายางวันนี้กิโลกรัมละ 60 บาท เพียงพอหรือไม่ เลี้ยงดูครอบครัวได้หรือไม่ ก็ต้องไปดู เพราะบ้านเราเป็นอย่างนั้น การแก้ปัญหาต้องลงรายละเอียดให้หมด วันนี้เรากำลังทำอยู่ทั้งหมด แต่ทำอย่างไรถึงจะยกระดับให้ได้ ซึ่งจีนบอกว่าช่วยซื้อยางเพราะเห็นความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลและประเทศไทย โดยระบุด้วยว่าจะรับซื้อเป็น 2 เท่า ผมขอให้ราคาเท่านี้ได้หรือไม่ เขาตอบว่าบ้านเขายังไม่ถึงราคานี้ แต่จะทำอย่างไรก็ต้องคิดกันต่อ แต่เราต้องมีความเข้มแข็ง สร้างโรงงาน ทุกปีเราใช้ยางในประเทศ 10 เปอร์เซ็นต์ และอีก 90 เปอร์เซ็นต์ จะรอขายหรือ แล้วจะขายได้หรือไม่ โดยทุกประเทศแก้ปัญหาโดยปลูกยางในพื้นที่ที่ใช้ต้นทุนแรงงานต่ำ ไม่จำเป็นต้องมาซื้อกับไทยก็ได้ วันนี้เราต้องสร้างความสัมพันธ์ให้เขามาซ้อของจากเรา ต้องง้อเขา ไม่ซื้อก็เน่าอยู่ในนั้น เศรษฐกิจทั้งประเทศยุบหมด วันนี้เราทำทุกอย่าง
เรื่องรัฐวิสาหกิจ ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่กำไรทุกอัน บางอันขาดทุนก็ได้ เพราะเป็นการให้บริการ แต่ประชาชนจะพึงพอใจหรือไม่ก็ต้องปรับแก้ ขาดทุนก็คือขาดทุน อันไหนกำไรก็นำมาชดเชยที่ขาดทุนไป รมว.คลังปวดหัวทุกวัน ทุกคนจะเอานู่นเอานี่ แล้วจะเอาเงินจากไหน ต้องไปปรับระบบ โครงสร้างภาษีก็โดนอีก ทุกคนเอาหมดแล้วบอกเป็นหน้าที่รัฐบาลไปหาเงินมา แล้วจะไปขุดมาจากไหน ก็ต้องภาษีให้เป็นธรรม อันไหนออกมาแล้วก็ให้ออกมาก่อน ถ้ามันเดือดร้อนก็ชะลอได้ รัฐบาลนี้ชะลอหมด หลายอย่างมันต้องขึ้นมาหลายปีแล้ว เราก็ดึงเอาไว้ พอวันนี้ขึ้นก็บอกว่าประชาชนเดือดร้อน แล้วจะให้ทำอย่างไร ให้เขาเจ๊งหรืออย่างไร เราต้องดูมหภาคด้วย ดูตัวเราว่าเราได้อะไร วันนี้พูดให้ตายถ้าไม่ถึงใครคนนั้นก็ด่าเอา เราต้องสอนให้เขามองภาพที่ใหญ่กว่าตัวเขา ประเทศจะไปอย่างไรต้องช่วยกัน ปัญหาเยอะแยะหลายประการ จะถูกจะผิดไปว่ากัน ใครเจตนาดีแต่ผิดกฎหมายก็ไปว่ากัน ถ้าเจตนาไม่ดีแล้วผิดกฎหมาย กฎหมายก็เมตตาไม่ได้ ทุกคนต้องช่วยกัน เสียสละแบ่งปันให้บ้านเมืองงดงามเหมือนในอดีต
อย่าให้ต้องสร้างประเทศใหม่แล้วทำลายวัฒนธรรมเก่า เมื่อไหร่ที่เรามีเสรีภาพแล้วจะว่าใครก็บอกเสรีภาพ จะด่าผมถึงโคตรเหง้าศักราช ก็บอกว่าเป็นเสรีภาพ มันใช่ไหมเล่า คนเราต้องเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ผมเป็นนายกฯแล้วไม่มีสิทธิหรือ ต้องอดทนทุกอย่างเพราะเป็นนายกรัฐมนตรีหรืออย่างไร ผมไม่ได้อยากเป็น ถ้าทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกันก็จบ วิพากย์วิจารณ์ในสิ่งที่เหมาะสม ไม่ใช่ไล่ล่าฆ่าฟันจะจับบุตรสาวผมบ้าง ประเทศไทยมันเป็นอย่างนี้หรือ ผมถามว่าประเทศอื่นมีหรือไม่ โซเชียลมีเดียแบบนี้ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาบอกผมว่า ถ้าเขาเชื่อโซเชียลมีเดีย เขาจะคบกับใครไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น เขาต้องมีสติ และผมถามว่า ท่านให้เกียรติรัฐบาลไทยแค่ไหน ท่านบอกว่า ท่านจะพูดกับรัฐบาลประยุทธ์ เพราะเราเป็นทหารเก่าด้วยกัน รู้ใจกันว่าทำอย่างไรแล้วประชาชนมีความสุข แต่ผมต้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรที่อยู่ในพื้นที่ที่ปัญหา คุยได้ก็คุย คุยไม่ได้ก็ให้มันอยู่ในดิน 5,000 ปีก็ทิ้งไป คุยได้เมื่อไหร่เขาพร้อมคุย เราคุยเปิดเผย ผลประโยชน์ เขตแดนว่ากันทีหลังได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็อยู่แบบนี้ไป
การทำอะไรต่างๆ ต้องสอดคล้องกันหมด เช่น เปลี่ยนการปลูกพืชต้องหาพืชทดแทน ต้องไม่มีแล้งซ้ำซากอีกแล้ว ปีนี้จะปรับงบประมาณลงพื้นที่แล้งซ้ำซากให้หมด ใช้ระยะเวลาที่มีอยู่ทำโครงสร้างใหญ่คงไม่ได้ ต้องปรับลดในส่วนที่เกิดประโยชน์กับประชาชนก่อน ทำอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่ชลประทาน บางคนบอกทำไมไม่เพิ่มพื้นที่ชลประทานอีก 25 เปอร์เซ็นต์ แล้วตอนนี้มีต้นทุนน้ำเท่าไหร่ ไม่ให้ทำนาปรังก็จะทำ จ้างงานก็ไม่เอา บอกว่าเหนื่อย แล้วจะไปอย่างไร เราต้องสร้างความเข้าใจ ผมไม่ได้บังคับคนแก่มาขุดดินขุดหญ้า ให้ลูกหลานมาทำคนแก่ก็อยู่เฝ้าบ้านไป วันนี้การเกษตรพ่อแม่เป็นคนทำ ลูกเข้าเมืองหมดแล้ว แล้ววันหน้าใครจะมาทำวันนี้ต้นทุนมันสูงเพราะใช้โทรศัพท์สั่ง เราต้องมาคิดว่ารวมนาอย่างไรให้เป็นผืนใหญ่ ลดค่าเช่านา จดทะเบียนก็ไม่อยากจด แล้วก็แก้อะไรไม่ได้ ส่วนปัญหาที่ดินทำกิน กระทรวงที่เกี่ยวข้องกำลังแก้อยู่ โดยมี 2 อย่าง อันไหนที่ครอบครองอยู่แล้วก็ครอบครอง แต่จะมอบให้ทำกิน ไม่ได้ให้เป็นเจ้าของ ผมไม่เอาที่หลวงมาให้บุกรุก แต่ถ้าอยู่แล้วสร้างป่าแล้วทำกินด้วย ไม่ใช่แบบเดิมคือเป็นชุมชน ต้องจัดที่ดินทำกินใหม่ วันหน้าอยากให้รัฐบาลมาจัดแจกก็เชิญ มีอยู่ 5 แสนกว่าไร่หมดแล้ว ประเทศไทยมีเท่านี้ บางคนมีที่เยอะเพราะเขาซื้อไป ถ้าถูกกฎหมายก็ให้เขาไป แต่ทำอย่างไรให้เขาเผื่อแผ่แบ่งปัน เรากำลังออกกฎหมายภาษีที่ดินเพื่อให้กระจายปล่อยออกมา ถ้าเขาไม่ทำกิน เก็บไว้ ก็ต้องเสียภาษีมาก นี่คือวิธีการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน อะไรที่เป็นการแก้ปัญหาเกี่ยวกับคนจนต้องใช้ทั้ง รัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ เรากำลังใช้พระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้ง 3 อำนาจ หากคนใช้ไม่เป็น ต้องหาคนใช้ให้เป็น โซเชียลมีเดียกว้างไกลคุมไม่ได้ เราต้องใช้ปรับปรุงระบบไอซีที เราต้องพัฒนาในเรื่องของเศรษฐกิจดิจิตอล
ต่อไปนี้อีก 3 เดือนข้างหน้าผมจะกำหนดจุดประสงค์ที่ต้องการ ทุกกระทรวงต้องทำตามให้ได้ วิธีการสอน ตำราจะเปลี่ยนอย่างไร กีฬาเริ่มอย่างไร ไม่ใช่โหมประโคมกันไป ได้ถ้วยได้เหรียญ จากนั้นก็ลืมเขาไป อย่างนักแบดมินตันเป็นอย่างไร ระยะหลังแพ้ตลอด ดังนั้น ต้องเอาเขากลับมาเรียนรู้ สร้างความเข้มแข็ง ไม่ใช่ผลักดันเขาไปเรื่อยอย่างนั้นไม่ไหว ดังนั้น การสร้างนักกีฬาไทยไม่ได้สร้างจากสมาคม เป็นหน้าที่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปหามา พวกมีพรสวรรค์ ต่อไปนี้ทุกสมาคมเงินมากทำมาก เงินน้อยทำน้อย ไม่มีขอรัฐบาล ทุกกระทรวงต้องไปผลิตนักกีฬามา มาแข่งกันใครชนะเลิศเอาคนนั้นเป็นตัวแทน ที่ผ่านมาสมาคมฟุตบอลทำไม่ได้ แต่ที่ทำได้เพราะวันนี้เกิดไทยพรีเมียร์ลีกขึ้นมา ไปคัดจากไทยพรีเมียร์ลีกเข้ามา กระทรวงศึกษาธิการภาคไหนไม่อยากเรียนให้เปลี่ยนเป็นห้องกีฬา ปรับหน่วยกิตให้เขา เล่นกีฬาให้เก่งแล้วกัน สร้างกันตั้งแต่เด็ก ภาคใต้ทำได้เลยเพราะมีคนเรียนน้อยมาก หาครูกีฬาลงไป เด็กชอบเล่นกีฬา ภาคใต้จะได้สงบ เขาได้เล่นในสิ่งที่เขาได้ระบาย มันแรงมีขับเคลื่อน อยากให้คิดแบบนี้ คิดนอกกรอบกันบ้าง
ขณะนี้เราต้องแก้โครงสร้างพลังงานให้สอดคล้องกับน้ำมันข้างนอก มีคนถามว่าทำไมราคาน้ำมันข้างนอกลดลง 50 แต่ของเราทำไมไม่ลดลง 50 ผมถามว่าน้ำมัน 1 บาร์เรล มันทำดีเซลหรือเบนซินได้ทั้งหมด 1 บาร์เรลหรือไม่ ซึ่ง 1 บาร์เรลมันทำได้ไม่เท่าไร เพราะต้องแยกไปตั้งหลายอย่าง บางอย่างขาดทุนบ้าง กำไรถัวเฉลี่ยกันไป ต้องบวกค่ากลั่น บวกภาษีสรรพสามิตอีก ยุบไปทั้งหมดแล้วอย่างไรก็ไม่ลด วันนี้ต้องสร้างทั้งระบบ ขนส่งมวลชน รถเมล์ ซึ่งจะมีการปรับทั้งหมด แต่จะทันหรือไม่ยังไม่รู้เลย เรื่องการประมูลรถเมล์ผมอยากให้เร็วกว่านี้ ปีหน้าควรจะมีรถเมล์คันใหม่วิ่งในกทม.บ้าง มีทางลาดให้คนพิการ ต้องนึกถึงเขาบ้าง ถ้าบอกว่าต้องตรวจสอบให้ดีก่อนคิดว่าชาติหน้า แต่ถ้าซื้อแล้วทุจริตไม่ยอม วันหน้าต้องไปสร้าง ต้องการ 4,000 คัน วันนี้ซื้อมา 300 คันก่อน ต้องทำให้ได้อย่างนี้ ไทยเองต้องเป็นศูนย์กลางในเรื่องของการขนส่ง วันนี้สิ่งที่ต้องทำคือ แก้ปัญหาระยะสั้น ระยะยาวอย่างยั่งยืนส่งต่อไปยังรัฐบาลต่อไป ใครจะทำทำไป จะมีกฎหมายให้เขาทำได้ให้ว่ามา จะองค์กรไหนไปทำให้เขียนมา จะเขียนตรงไหนตนไม่รู้ อย่างไรก็ไม่อยู่ด้วยอยู่แล้ว ไม่ไหว
วันนี้ เราทำงานเหมือนกับเราเป็นทีมฟุตบอล 1 ทีม เพื่อได้รับรางวัลชนะเลิศมา 1 ทีม มีทั้งกองหน้า กองกลาง บางทีกองหลังก็โหว่บ้าง บางครั้งกองหน้าก็แหลมไปบ้าง ผมก็เหมือนกองหน้าเหมือนกัน หน้าแหกตลอดเวลา แต่วันนี้เห็นพี่เลี้ยงของผมอยู่รวมกันที่นี่ทั้งหมดผมก็มีกำลังใจที่จะไปสู้กับเขา วิธีการนำเสนองานของรองนายกฯ แต่ละท่านวันนี้ก็แตกต่างกัน บางคนก็เหมือนชกมวยไทย บางคนก็เหมือนชกมวยสากล อาทิ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เหมือนมวยไทย ไหว้พระสวยงาม พูดไม่ผิดเลยเป็นตัวอย่างของภาษาไทยเข้มแข็ง ส่วนผมพูดผิดตลอดพูดเร็ว
สรุปการทำงานวันนี้ประเทศไทยต้องมีความเข้มแข็งและทันสมัย เพิ่มนักวิจัย ค้นคว้าและเทคโนโลยี โดยกระทรวงวิทยาศาสตร์ต้องเป็นหลักเราจะต้องเอาวิทยาศาสตร์มานำประเทศ จึงจำเป็นต้องมีนักวิทยาศาสตร์เพิ่มมากขึ้น ต้องมีการเรียนรู้ไม่ใช่เรียนเลขแล้วปวดหัว ต้องสอนคนให้มีความคิด มีกระบวนการและวิสัยทัศน์ เข้าใจอย่างมีเหตุและผล ไม่ใช่วันนี้แถลงเสียเวลาไป 4 ชั่วโมง ทั้งง่วงและหิว แต่สุดท้ายก็มีคำถามว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ นายกฯจะมาจากตรงไหน ต้องทำให้ประเทศมั่นคงและแข็งแรงถึงวันนั้นใครจะเข้ามาเป็นนายกฯ ก็ได้ เอารูปปั้นมาตั้งเป็นนายกฯยังได้เลย ถ้าเราสามารถสร้างความเข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน วันนี้เราต้องให้ความสำคัญกับทุกภาคส่วน