- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 25 December 2014 18:15
- Hits: 3145
วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8793 ข่าวสดรายวัน
คสช.แจง-เข้าใจผิด ให้'ศาล' มาต้อนรับบิ๊กทบ.เคาะ'ที่มาสส.'สูตรเยอรมัน 2 แบบ 450 คน ไม่สังกัดพรรค'บิ๊กตู่'อ้างไม่รู้ กก.พิทักษ์รธน.
หยอก - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กินกล้วยก่อนโยนเปลือกใส่ช่างภาพเป็นการหยอกล้อ ระหว่างเปิดงานลดราคาสินค้าเป็นของขวัญประชาชนช่วงปีใหม่ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. |
กมธ.ยกร่างเคาะสูตรเลือกตั้งส.ส. ใช้ระบบคลาดเคลื่อนของหน่วยงานในพื้นที่ ยันเป็นแค่การบอกกล่าว ไม่ใช่การบังคับ "บิ๊กตู่"ร่วมวงกินข้าวสื่อทำเนียบรัฐบาล บรรยากาศชื่นมื่น ปล่อยมุขโยนเปลือกกล้วยใส่ กลางงานแถลงข่าวลดราคาสินค้า ย้ำปรับครม.ไม่ต้องไปถามใคร ทำคนเดียว ไม่รู้เรื่องตั้งกรรมการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ กมธ.ยกร่างฯ สรุปรูปแบบเลือกตั้งใช้ระบบสัดส่วนผสมส.ส.เขต 250 คน ส.ส.สัดส่วน 200 คน ไม่ต้องสังกัดพรรค
ผู้นำศาสนาคริสต์อวยพรนายกฯ
เวลา 09.00 น. วันที่ 24 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล มุขนายก หลุยส์ จำเนียร สันติสุข นิรันดร์ ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกฯ และคณะ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้ผู้นำศาสนาคริสต์ทั้ง 5 สังกัด ร่วมกันขอพรจากพระเจ้ามอบแด่นายกฯ เนื่องในเทศกาลคริสต์มาส และเป็นกำลังใจให้กับรัฐบาลเสริมสร้างคุณธรรมขับเคลื่อนและผลักดันค่านิยม 12 ประการ รวมทั้งเพื่อประสานงานร่วมกันในงานด้านฟื้นฟูคุณธรรม พร้อมรับฟังนโยบาย แนวคิดและข้อเสนอแนะเพื่อให้องค์การศาสนาคริสต์ร่วมมือกับรัฐบาลทำงานเพื่อประเทศชาติ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลมีเจตนา รมณ์ทำให้ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียง สิ่งสำคัญคือความร่วมมือด้านจิตใจของคนไทยทุกคน ทุกศาสนาสอนให้คนมีเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แบ่งปันกัน วันนี้ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องความรักสามัคคี และสิ่งที่เป็นปัญหาหลักคือการศึกษาและสาธารณสุข รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาให้เกิดความเท่าเทียม สิ่งที่อยากให้คณะผู้นำองค์กรคริสต์ช่วยรัฐบาลคือเรื่องความมั่นคง ทำให้คนไทยมีความรัก สามัคคี ลดความเหลื่อมล้ำในด้านต่างๆ ไม่ขยายความขัดแย้ง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ไม่ใช่สงครามแต่เป็นความขัดแย้งและความเห็นต่าง ต้องแก้ด้วยความสงบและสันติ อะไรที่จำเป็นต้องใช้กฎหมายก็ยึดถือกฎหมายเป็นหลักตามกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลจะเร่งแก้ปัญหาความมั่นคง ความมีเสถียรภาพและสร้างความรับรู้กับต่างประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีอย่างยั่งยืน
ให้ปชช.ตอบพอใจผลงานรบ.เรื่องไหน
เมื่อถามถึงการแถลงผลงานรัฐบาลในวันที่ 25 ธ.ค. นี้มีผลงานอะไรที่พอใจที่สุด นายกฯ กล่าวว่า ทุกผลงานทำเพื่อประชาชน ฉะนั้นประชาชนต้องเป็นคนตอบ เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อย รถไม่ติด ไม่มีประท้วง ส่วนเรื่องเศรษฐกิจกำลังวางแผนระยะยาว ตอนนี้เป็นมาตรการเฉพาะหน้าเร่งด่วน ต้องสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็งยั่งยืนเพื่อหาตลาดต่างประเทศ ต้องสร้างห่วงโซ่ ทุกอย่างไม่ใช่สั่งการแล้วจะได้เลย เศรษฐกิจต้องทำนวัตกรรมใหม่ๆ ที่คนยอมรับ ตนไปเยือนต่างประเทศเขาก็บอกว่าพร้อมจะลงทุนในไทย พร้อมสนับสนุน ขอให้ประเทศไทยสงบเช่นนี้
เมื่อถามว่าการแถลงผลงานจะมีอะไรเซอร์ไพรส์ให้ประชาชนหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์กล่าวเสียงดังว่า "หัวใจไง หัวใจ เหลือแต่ชีวิตกับหัวใจที่ผมยังไม่ได้ให้ ถ้าให้ก็ตายแต่พร้อมจะให้ ให้ทุกวัน ไปไหนก็นึกถึงแต่ประเทศไทย คนไทย นึกถึงหน้าตาพวกเรา ให้เรามีศักดิ์ศรีกับต่างประเทศ ให้เขาอยากลงทุนด้วย"
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต่างประเทศไม่สนใจอย่างอื่นเขาสนใจว่าทำอย่างไรให้ประเทศสงบ ถ้ามันวุ่นวายประเทศเดินไปข้างหน้าไม่ได้ เศรษฐกิจมันตกวูบ วันนี้ส่งออกไทยเพิ่มขึ้นกว่าประเทศใหญ่ๆ ด้วยซ้ำ เราดีขึ้นกว่าประเทศใหญ่ๆ ขอให้ไปดูภาพใหญ่ มหภาคก่อนค่อยดูจุลภาค แล้วมาดูตรงกลางว่าเราแก้ไขอย่างไร รัฐบาลสนับสนุนส่งเสริมกฎกติกา ลดขั้นตอน ต่อไปก็ขับเคลื่อนโดยกระทรวง ทบวง กรม ร่วมกับภาคเอกชนในเรื่องการผลิต จำหน่าย การตลาด การลงทุน ซึ่งมันมีปัญหาหมด แต่จะให้แก้ปัญหาในเวลาไม่กี่วันกี่เดือน ทำได้หรือไม่
หยอกสื่อโยนกล้วยใส่
จากนั้นนายกฯ เป็นประธานเปิดงานการลดราคาจำหน่ายสินค้าเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งรัฐบาลร่วมกับภาคเอกชนจัดงานลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อ "เทใจ คืนสุข สู่ประชาชน" ในทุกสาขาของห้างสรรพสินค้าทั้งค้าปลีก ค้าส่งและร้านค้าสะดวกซื้อ รวม 12,800 สาขา เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ระหว่างวันที่ 24-30 ธ.ค. นี้ รวมระยะเวลา 7 วัน
พล.อ.ประยุทธ์เยี่ยมชมบูธของห้างและบริษัทภาคเอกชนต่างๆ ที่นำสินค้ามาจัดแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง ช่วงหนึ่ง นายกฯ หยอกล้อกับช่างภาพ สื่อมวลชน โดยการโยนเปลือกกล้วยใส่หลังสื่อมวลชนที่ตะโกนเรียกให้พล.อ.ประยุทธ์หันหน้ามา เพื่อให้เห็นภาพในขณะยืนสนทนากับเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์และตัวแทนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ ท่ามกลางเสียงหัวเราะเฮฮาของผู้ร่วมงานและสื่อมวลชน
นอกจากนี้ ระหว่างชมบูธสินค้าอื่นๆ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีการหยอกล้อและโยนสินค้าต่างๆให้ช่างภาพสื่อมวลชนด้วย อาทิ มาม่า ปลากระป๋อง ลูกบาสเกตบอล เป็นต้น แต่เป็นในลักษณะของการหยอกล้อเมื่อช่างภาพ สื่อมวลชน ต้องการให้มีภาพแอ๊กชั่นในรูปแบบต่างๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเข้ามาทำหน้าที่นายกฯ ครบ 3 เดือน พล.อ.ประยุทธ์ค่อนข้างปรับตัวโดยเฉพาะกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบ ที่เริ่มคุ้นเคยมากขึ้นและค่อนข้างให้ความเป็นกันเอง แม้จะมีอารมณ์ฉุนเฉียวและเสียงดังเวลาให้สัมภาษณ์บ้าง แต่จะพยายามสร้างความเป็นกันเองในลักษณะของการแย่งเทป ดึงไมค์ ดึงสมุดจดข่าว หรือแกล้งลูบหัวจับหูผู้ช่วยช่างภาพขณะที่ถือไมค์และเทป อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเผยแพร่ภาพข่าวออกไปมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ล่าสุดเมื่อภาพข่าวการโยนเปลือกกล้วยใส่กลุ่มช่างภาพสื่อมวลชนออกมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมโซเชี่ยลมีเดียอย่างกว้างขวางเช่นกัน
ไม่รู้เรื่องกก.พิทักษ์รธน.
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอวยพรปีใหม่แก่ประชาชนว่าในนามนายกฯ รัฐบาลและข้าราชการทุกคน วันนี้เราจัดทำของขวัญปีใหม่หลายอย่าง ซึ่งมาตรการขายของลดราคาเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว สิ่งสำคัญคือเราเตรียมของขวัญในระยะยาวว่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นอย่างไร ตนกำหนดวิสัยทัศน์ของประเทศไทยไว้ปี 2015-2020 ประเทศไทยต้องมั่นคง ประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยืน ฉะนั้นทุกกระทรวง ทบวง กรม ภาคเอกชนต้องเอาสิ่งที่ตนพูดไปขับเคลื่อน มั่นคงคือไม่ทะเลาะเบาะแว้ง รับฟังความเห็นกัน อยู่ร่วมกันได้ อย่าใช้วิธีนอกกฎหมายหรือทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น มั่งคั่งก็คือทำให้มีเศรษฐกิจเชื่อมโยงกัน การค้าขายในประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าส่งออกไปประเทศไกลๆ ขอให้ทุกคนเทใจให้กัน ช่วยเหลือกัน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวคสช.เสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เปิดช่องให้คสช.อยู่ทำหน้าที่ดูแลการทำงานของรัฐบาลภายใต้ชื่อ คณะกรรมการพิทักษ์รัฐธรรมนูญ หลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ นายกฯ กล่าวว่า "ไม่รู้เลย ยืนยันว่าไม่รู้และยังไม่ได้คิด" เมื่อถามว่าคสช.จะเปลี่ยนตัวเองเป็นคณะกรรมการพิทักษ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้ำว่า ไม่รู้ ไม่ได้คิด ไปคิดกันมา
กินข้าวปีใหม่กับนักข่าวทำเนียบ
เวลา 12.30 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวประจำเนียบ (รังนกกระจอกเก่า) พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมรับประทานอาหารที่ผู้สื่อข่าวสายทำเนียบจัดขึ้นในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พูดจาหยอกล้อกับ ผู้สื่อข่าวอย่างอารมณ์ดี และมอบพระพุทธเมตตาเสนานาถให้ผู้สื่อข่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวสายทหารรู้จักตนดีแต่เมื่อมาสายทำเนียบก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ตนก็เป็นตน มีความปรารถนาดี ตั้งใจทำงาน ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร ตนไม่เคยขัดแย้งพวกเรา แต่บางครั้งอะไรมากเกินไปเราต้องชี้แจง จะบอกว่าเป็นนายกฯ แล้วโมโหไม่ได้ เพราะเวลาทำบางครั้งก็ไม่เกิดผลผลิตออกมาทันทีมันต้องรอ คนเราต้องมีอารมณ์บ้างจะไม่ให้โมโหเลยคงไม่ได้ เราบอกว่าอยู่กับการเมืองมานานแล้ว เราต้องสร้างมิติใหม่ให้ประเทศชาติมั่นคง ถือเป็นวันปีใหม่ ดังนั้นอะไรที่ทำให้ประเทศชาติไปข้างหน้า ตนก็ยินดีทำ
เมื่อถามกรณีขึ้นไปร้องเพลงขอใจแลกเบอร์โทรในงานเลี้ยงการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ร้องเพลงวันนั้นเพราะผู้นำประเทศลาวขึ้นไปก่อน บอกไปว่าให้มีเพลงของแต่ละประเทศนึกว่าประเทศไทยไม่ต้องร้อง ทุกคนเขามีความสุขกัน เมื่อเขาร้องเพลงนี้เราฟังบ่อย มีเนื้อมาก็ร้อง และประเทศในภูมิภาคนี้เราก็รู้จักกัน
เซลฟี่คู่-ขออภัยที่ล่วงเกิน
ผู้สื่อข่าวขอให้พล.อ.ประยุทธ์ร้องเพลง ดังกล่าว ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็ร้องร่วมกับผู้สื่อข่าวด้วย ก่อนกล่าวว่า ขอให้ทุกคนมีความสุข สิ่งใดตนในนามของรัฐบาลล่วงล้ำไปบ้างก็ขออภัย ขออโหสิกรรม ให้ลืมๆ กันไป ปีใหม่เริ่มกันใหม่ ถ้าเราคุยให้สอดคล้องกันว่าคิดอะไรแล้วตรวจสอบทีละขั้นตอนไม่ห่วง แต่ถ้ากำลังทำอยู่แล้วมาตำหนิลำบาก บางทีไม่เป็นกำลังใจ ตนอยากอธิบายให้ไปกันได้ ถ้าหงุดหงิดกันแล้วไปกันไม่ได้
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ เรียกนางยุวดี ธัญญศิริ ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบพร้อมระบุว่าเป็นพี่ที่ตนเคารพ เป็นภรรยารุ่นพี่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จากนี้ประเทศชาติต้องยั่งยืน ตอนนี้ยังเป็นห่วงอยู่ ชีวิตและจิตใจของพวกตนมอบให้ประเทศไทยและคนไทยไม่เช่นนั้นไม่ออกมาทำอย่างนี้ เพราะไม่ได้ต้องการอะไรอยู่แล้วแต่เป็นห่วงประเทศชาติ นี่คือของขวัญที่อยากขอคนไทยทั้งประเทศ คือทำอย่างไรให้ประเทศชาติก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ แล้วมีความยั่งยืน ลดความเหลี่ยมล้ำ ความแตกต่างให้ทุกคนอยู่พอกันพอใช้ ซึ่งต้องใช้เวลามากพอสมควร
ผู้สื่อข่าวขอให้พล.อ.ประยุทธ์ เรียกศรัทธาคนไทยให้ได้อย่างที่ ซิโก้ นายเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยทำได้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แล้วนายเกียรติศักดิ์ ทำอย่างอื่นด้วยหรือไม่ ขอให้ทุกคนให้กำลังใจนายเกียรติศักดิ์ และให้กำลังใจพวกตนด้วย
หลังพูดคุยและร่วมรับประทานอาหาร นายกฯกลับขึ้นไปทำงานที่ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งระหว่างทางผู้สื่อข่าวและช่างภาพขอถ่ายหมู่เป็นที่ระลึก ขอถ่ายเซลฟี่อย่างเป็นกันเอง
ปรับครม.ทำคนเดียว-ไม่ต้องถามใคร
เวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงข่าวตั้งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ติดตามขับเคลื่อนการทำงานของรัฐมนตรีว่า เป็นเรื่องขับเคลื่อน ไม่ใช่ไปจับผิดคน พล.อ.ประวิตร เป็นทหารเหมือนตนซึ่งทำงานเร็ว และเป็นคนเก่งมีความรู้ตามที่ต้องการ จึงขอให้ไปติดตามงานว่ามีเรื่องติดขัดตรงไหน เช่น วันนี้บอกว่าจ่ายเงินให้สหกรณ์ยางไปซื้อยาง แต่ข้อเท็จจริงยังกู้ไม่ได้เพราะหนี้เก่ายังอยู่ และต้องนำเรื่องนี้มาคุยในครม.ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ให้ยกหนี้เก่าไปก่อนเพื่อจะได้กู้เงินไปซื้อยางได้ ซึ่งทำหมดแล้วแต่คนยังไม่รู้ จึงต้องมีคนไปติดตามโดยพล.อ.ประวิตร จะมีคณะทำงานไปช่วยติดตามและมีคสช.เข้ามาร่วมด้วยเพื่อแก้ปัญหาได้เร็วขึ้น
เมื่อถามว่าการตรวจการบ้านครั้งนี้ไม่ เกี่ยวกับการพิจารณาปรับครม.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่เกี่ยว ไม่มีใครจะมาให้ผมปรับได้ ผมปรับของผมเอง ไม่ถามใครอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าสั่งอะไรไปแล้วได้อะไรกลับมา ถ้าไม่ได้กลับมาผมก็ปรับของผมเอง ไม่ต้องไปถามใครเพราะไม่ใช่รัฐบาลปกติ ไม่ใช่พรรคการเมือง"
ยันไม่ลงเลือกตั้งแน่
เมื่อถามถึงนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯระบุจะมีการเลือกตั้งในปี 2559 นายกฯ กล่าวว่า ไม่ทราบ ซึ่งตามโรดแม็ป รัฐธรรมนูญต้องเสร็จเดือนก.ย. 2558 จากนั้นจะทำกฎหมายลูก ที่ผ่านมากฎหมายลูกไม่ค่อยได้ออกจึงนำรัฐธรรมนูญมาตีกัน เนื่องจากไม่มีกฎหมายลูกควบคุมแต่ละฝ่าย ดังนั้น ตอนนี้ยังไม่รู้เรื่องเวลาเลือกตั้ง รู้แค่ว่ารัฐธรรมนูญต้องเสร็จเมื่อไรเท่านั้น ต้องดูปลายปี 2558 และยังไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ หากรัฐธรรมนูญเสร็จก็ทำกฎหมายลูกต่อเพื่อเตรียมเลือกตั้ง จากนั้นเป็นเรื่องกกต.จัดการเลือกตั้ง รัฐบาลจะไปทำอะไรหรือเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ตนคิดแค่นั้นเพราะสถานการณ์จะเป็นตัวกำหนด อย่ามากังวลเพราะตนก็ไม่ลงเลือกตั้งอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าตั้งใจจะให้การเลือกตั้งเกิดในปี 2559 หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อย่ามาห่วงว่าอยากจะอยู่ในตำแหน่ง ถ้าอยากคืออยู่อย่างเดียวคือทำให้ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจให้ได้ ถามว่าจะอยู่อย่างไรในเมื่อตนเข้ามาแบบนี้ ประชาชนยอมรับตนหรือไม่ ซึ่งมีทั้งส่วนได้ส่วนเสีย มีคนหลายประเภท หากเบื่อหน้าก็บอกว่าให้ตนไปได้แล้ว ถ้าไม่อยากจะมีอนาคตก็เอา
ไม่ไปเคานต์ดาวน์ปีใหม่
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงเทศกาลปีใหม่ว่า ให้อธิษฐานในสิ่งที่ดีต่อกัน ใครรู้สึกดีกับตนก็ให้อวยพรให้หน่อย ถ้าไม่ดีกับตนก็แล้วแต่ แต่อย่าเพิ่งขัดแย้งกับพวกเรา อย่ามองว่าเรื่องใดก็ไม่ได้ ตนรับผิดชอบในภาพรวมถึงอย่างไรก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เมื่อถามว่านายกฯจะไปเคานต์ดาวน์ที่ไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "ไม่ไป นอนอยู่บ้าน ไม่เคยไปไหนไม่ว่าจะปีใหม่ วันสำคัญ เรื่องความรัก ผมมีให้ทุกคนทุกวัน ไม่มีวันไหนสำคัญที่สุดเท่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"
ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์เรื่องเดียวกันว่า ไม่เคยมีข้อเสนอเรื่องนี้ ตนไม่เคยได้ยินว่ามีข้อเสนอให้คสช.อยู่ต่อ
เมื่อถามถึงข่าวนายกฯ จะปรับ ครม.ในต้นปีหน้า พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า อย่ามโนถามเอาเอง จะทำให้ผู้อื่นมโนตามไปด้วย การถามแบบนี้เป็นคำถามเพ้อเจ้อ ที่สำคัญเรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตน
กมธ.สรุปมีทั้งส.ส.เขต-สัดส่วน
เวลา 15.00 น. ที่รัฐสภา พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลการประชุมว่า กมธ.ยกร่างฯพิจารณาเรื่องระบบการเลือกตั้งและผู้นำการเมืองที่ดี ซึ่งพิจารณาต่อเนื่องจากครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้ได้เชิญนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ มาให้ข้อคิดเห็นเรื่องข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมกับสภาพสังคมไทย
พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า จากนั้นที่ประชุม มีมติสอดคล้องในทางเดียวกันให้ใช้ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม ให้สภาผู้แทนราษฎร มีส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขตและแบบสัดส่วน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพสังคมไทย โดยเป็นส.ส.แบ่งเขต 250 คน และแบบสัดส่วน 200 คน รวม 450 คน คำนึงถึงเสียงสะท้อนของภาคประชาสังคม เช่น หากพรรค ก. ได้คะแนนแบบบัญชีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 10 ของทั้งหมด หรือได้ส.ส. 45 คน และพรรค ก. ยังชนะเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตอีก 45 เขต ผลคือ พรรค ก. จะมีส.ส.ในสภาทั้งสิ้นเพียง 45 คน ที่มาจากระบบเขตเท่านั้น ขณะที่พรรค ข.ได้คะแนนแบบบัญชีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 10 หรือคิดเป็นส.ส.ที่ควรมี 45 คน แต่พรรค ข. ชนะเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเพียง 30 เขต ผลก็คือ พรรค ข. จะมี ส.ส. 45 คน ที่มาจากแบบแบ่งเขต 30 คน แต่จะได้ส.ส.จากระบบบัญชีรายชื่อเข้ามาอีก 15 คน รวมเป็น 45 คน เช่นกัน
ระบบสัดส่วนผสม-เปิดทางพรรคเล็ก
"ปัจจุบันมี 9 ประเทศที่ใช้ระบบสัดส่วนผสม ได้แก่ เยอรมนี แอลเบเนีย โบลิเวีย ฮังการี อิตาลี เลโซโท เม็กซิโก นิวซีแลนด์ และเวเนซุเอลา โดยไทยจะเป็นประเทศที่ 10 เพื่อแก้ปัญหาการเลือกตั้งที่ทำอย่างไรให้การเลือกตั้งได้ตอบสนองผู้มาลงคะแนนอย่างแท้จริง" พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว
พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า ข้อดีของระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม คือเสียงของประชาชนไม่สูญเปล่า พรรคขนาดเล็กและภาคประชาสังคมจะมีตัวแทนในสภามากขึ้น ส่งผลให้พรรคมีบทบาทมากขึ้น คือพรรคขนาดเล็กและขนาดกลางจะมีโอกาสได้รับเลือกตั้งมากขึ้น ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการให้พรรคอ่อนแอ แต่ไม่อยากให้รัฐบาลมีความเข้มแข็งจนเกินไป เพราะจะให้เกิดการตรวจสอบยาก ที่ผ่านมาพรรคใหญ่คุมเสียงเบ็ดเสร็จ
ส.ส.ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค
พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า การแบ่งโซนพื้นที่เลือกตั้งส.ส.แบบสัดส่วน แบ่งเป็น 8 กลุ่ม ใช้ภูมิภาคเป็นตัวแบ่งเขต ให้มีจำนวนประชากรหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ใกล้เคียงกัน นอกจากนั้น ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าให้นายกฯ มีอำนาจคัดเลือกคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะที่ผู้สมัครส.ส.ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรค เพื่อความเป็นอิสระในการทำงานในสภา แต่สามารถสมัครเป็นกลุ่มได้ ซึ่งจะต้องมีการออกแบบวิธีการลงทะเบียนกลุ่มอีกครั้ง ส่วนนายกฯต้องมาจากส.ส.หรือไม่ ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป
เมื่อถามถึงกระแสข่าว คสช.เสนอให้ตั้งคณะกรรมการพิทักษ์รัฐธรรมนูญหลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ โฆษกกมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า ครม.และคสช.ปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้เสนอ กมธ.ยกร่างฯ เองก็ยืนยันว่าไม่เคยได้ยิน กมธ.ยกร่างฯ มีหน้าที่แค่ร่วมพายเรือแป๊ะ แต่ถ้าพายเรือแป๊ะแล้วไปผิดที่ผิดทาง ก็อาจมีการสะกิดเตือนให้พายใหม่ไปให้ถูกทาง ที่ผ่านมา กมธ.ยกร่างฯยังไม่เคยข้อเสนอแนะต่อการร่างรัฐธรรมนูญของ คสช. และครม. ตามมาตรา 34 เพราะ ครม.และคสช.ไม่อยากให้สังคมมองว่าชี้นำการทำหน้าที่ของกมธ.ยกร่างฯ แต่ในอนาคต เมื่อ กมธ.ยกร่างฯ เริ่มร่างรายมาตราแล้ว หาก ครม.และคสช. มีข้อเสนอแนะก็อาจส่งมาให้กมธ.ยกร่างฯ ได้เช่นกัน
ชี้ข่าวตั้งกก.พิทักษ์รธน.เป็นไปได้
ด้านพล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ รองประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ข้อเสนอดังกล่าวเหมือนกับแนวทางการบริหารของประเทศอิหร่าน ที่มีสภาพิทักษ์รัฐธรรมนูญ หรือสภาโต๊ะอิหม่าม คอยควบคุมการบริหารงานของรัฐบาลให้เดินตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ไม่ให้กระทำขัดรัฐธรรมนูญหรือแก้รัฐธรรมนูญ ยืนยันว่าไม่เคยได้ยินว่าข้อเสนอนี้มาจาก คสช.แล้วเสนอ กมธ.ยกร่างฯ หรือ สปช.ให้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่กระแสข่าวดังกล่าวอาจเป็นไปได้ เพราะตามมาตรา 34 ให้อำนาจ ครม.และคสช. ให้ข้อเสนอแนะต่อ กมธ.ยกร่างฯได้ ซึ่งแตกต่างจากการให้ข้อเสนอแนะการยกร่างฯของ สปช.ที่บังคับให้เสนอรายงานข้อเสนอแนะการยกร่างภายใน 60 วัน นับจากเปิดสภา ตามมาตรา 31 ดังนั้น การให้ข้อเสนอแนะของ ครม. และคสช.ถือเป็นการให้ข้อเสนอแนะทางข้าง อาจมาในรูปหารือพูดคุยกับประธานกมธ.ยกร่างฯส่วนตัว ไม่จำเป็นต้องมีเอกสารอย่างเป็นทางการก็ได้
กกต.โอดขอคงอำนาจชักเหลือง-แดง
ของขวัญ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพนต์ชื่อคนใกล้ชิดลงบนแก้วเซรามิก เพื่อมอบให้แต่ละคนเป็นของขวัญปีใหม่ 2558 พร้อมกับลง ชื่อ Y. Shinawatra.... กำกับไว้ด้วย |
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายกล้านรงค์ จันทิก สมาชิก สนช. และประธาน กมธ.การเมือง สนช. กล่าวหลังหารือกับ กกต.ว่า มาแลกเปลี่ยนความเห็นว่าจะทำอย่างไรให้การทำงานขององค์กรมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่จะทำงานอย่างรัดกุม รอบคอบ ปฏิรูปประเทศสำเร็จและได้รัฐธรรมนูญที่นำไปสู่การแก้ปัญหาบ้านเมือง ก่อนหน้านี้ไปพบมาแล้ว 4 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ จะนำความเห็นเสนอต่อ สนช. ก่อนเสนอ กมธ.ยกร่างฯต่อไป
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. กล่าวว่า กกต.ให้ข้อคิดเห็นว่าในการเลือกตั้ง ถ้าไม่ให้อำนาจ กกต.สั่งเลือกตั้งใหม่หรือสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบเหลือง-แดง) ก่อนประกาศผลเลือกตั้ง กกต.ก็เหมือนยักษ์ที่ไม่มีกระบอง เป็นกรรมการที่ไม่สามารถไล่ผู้เล่นเกเรออกจากสนามได้ รวมทั้งเสนอว่าควรขยายเวลาสืบสวนสอบสวนก่อนประกาศผลจาก 30 วัน เป็น 60 วัน รวมทั้งปัญหาอุปสรรคในการจัดเลือกตั้งโดยเสนอแก้ไขกฎหมายด้วย แต่เราไม่ได้เสนอเรื่องที่มา กกต.หรือวาระดำรงตำแหน่ง เพราะเรามีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง ซึ่ง กมธ.การเมืองก็รับฟังเหตุผล
ไม่พูดปมฟ้อง3พันล้าน
เมื่อถามว่าในช่วงพิจารณากฎหมายลูก กกต.จะไปชี้แจงโดยตรงหรือไม่ นายศุภชัย กล่าวว่า หาก สนช.อยากรับฟังความคิดเห็น กกต.ก็ยินดี แต่ต้องรอดูรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อนว่าจะออกแบบมาอย่างไร ซึ่งเราเป็นผู้ปฏิบัติ และหากมีการเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งเป็นแบบเยอรมัน สำนักงาน กกต.ก็พร้อมปฏิบัติได้หมด แต่คงต้องศึกษาทำความเข้าใจกับระบบอีกครั้ง เพราะเราไม่เคยใช้ระบบการเลือกตั้งแบบนี้
นายศุภชัยปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณีสำนักงาน กกต.เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อฟ้องเรียกค่าเสียหาย 3,000 ล้านบาท กับบุคคลที่ทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ โดยระบุว่า เรื่องอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของคณะทำงาน ซึ่ง กกต.ยังไม่มีมติ และไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นประเด็นขึ้นมา ส่วนที่ กกต.ทั้ง 5 คนนัดแถลงผลงานในรอบ 1 ปี วันที่ 26 ธ.ค.นี้ กกต.คงไม่แถลงแล้วเพราะบางคนติดภารกิจแต่อาจให้เลขาฯกกต.ชี้แจงแทน
ปมเลือกตรงนายกฯไม่ขัดแย้ง
เวลา 10.15 น. ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สปช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญมีมติไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งนายกฯโดยตรงโดยให้ใช้รูปแบบสู่รัฐสภาแบบเดิม ว่า กมธ.ยกร่างฯต้องฟังความเห็นทุกฝ่ายโดยเฉพาะความเห็นสปช. ที่ต้องฟังอย่างมาก เพราะเมื่อร่างรัฐธรรมนูญแล้วต้องขอความเห็นชอบจากสปช. ดังนั้นความเห็นสปช.มีความสำคัญในการแง่การแสดงความเห็น ส่วนองค์กรอื่นๆ หรือแม่น้ำ 5 สาย ก็มีส่วนเสนอความเห็น เช่น สนช. เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะนำไปพิจารณา
นายพรเพชรกล่าวว่า การถกเถียงตอนนี้แค่รูปแบบการได้มาของฝ่ายบริหารหรือนายกฯ ซึ่งกมธ.ยกร่างฯคงหาข้อยุติในการปรับรูปแบบที่จะปิดช่องโหว่เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยยั่งยืน พิจารณาว่าที่มานายกฯ จะมาจากการเลือกตั้งและคุณสมบัติจะเป็นอย่างไร รวมทั้งที่มาส.ส. เพื่อสร้างผู้แทนที่เป็นตัวแทนประชาชนแท้จริง ถ้าได้แล้วและทำให้เลือกตั้งเป็นธรรม ฝ่ายบริหารก็ไม่น่ากลัวว่ารัฐสภาจะเป็นผู้เลือกฝ่ายบริหารหรือนายกฯ
ส่วนที่กมธ.ยกร่างฯ ตีตกการเลือกนายกฯโดยตรง เป็นสัญญาณความขัดแย้งเกิดขึ้นหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ไม่ทราบแต่อย่าพูดว่าตีตก เพราะรัฐธรรมนูญให้อำนาจเด็ดขาดอยู่ที่กมธ.ยกร่างฯ ซึ่งต้องรอดูร่างรัฐธรรมนูญที่จะออกมาฉบับแรกช่วงเดือนเม.ย. 2558 จะเห็นชัดเจนว่ากมธ.ยกร่างฯ คิดอย่างไร
"สมบัติ-บวรศักดิ์"คิดต่างเป็นสีสัน
เมื่อถามว่านายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. โต้เถียงประเด็นนี้กับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ เป็นความขัดแย้งแนวความคิดหรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า เป็นสีสันความคิด ตอบได้อย่างหนึ่งว่าไม่มีใครมาสั่งหรือบอกว่าต้องทำอย่างไร และถ้าจะพูดตามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ก็ไม่มีการสั่งว่าจะลงเรือแป๊ะอย่างไร พิสูจน์ว่าเรือลำนี้ คนที่ลงเรือมีอิสระในแนวความคิด ส่วนที่นายวิษณุระบุบางคน "เหาะเกินลงกา" นั้น เป็นความคิดส่วนตัวที่อาจเตือนไว้ว่าขอบเขตแต่ละคนเป็นอย่างไร ความคิดสร้างสรรค์บ้านเมืองสร้างรัฐธรรมนูญเป็นความคิดทุกฝ่าย แต่มีขอบเขตไม่ได้ผูกขาดแนวความคิด
"ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่น่าเป็นห่วง คิดว่ากมธ.ยกร่างฯ คงดูเสียงประชาชน ดูหลักกฎหมาย การคิดนอกกรอบไม่ใช่สิ่งเสียหายและคงไม่เกินลงกา จึงต้องยอมรับความคิด บางครั้งต้องคิดอะไรที่เป็นตัวของเราเองถ้าไม่ได้แอบแฝงด้วยนัยยะอื่น" นายพรเพชร กล่าว
ทบ.ชี้ต้อนรับผช.ผบ.แค่แจ้งข่าว
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก(บก.ทบ.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกทบ.และโฆษกคสช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสังคมออนไลน์ เผยแพร่หนังสือที่ พ.อ.สุปัญญา วิไลรัตน์ นายทหารปฏิบัติการประจำมณฑลทหารบกที่ 33 รักษาราชการแทนรองผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ทำการแทนผู้บังคับการจังหวัดทหารบกเชียงราย ทำถึงหัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการในจังหวัดเชียงราย รวมถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จ.เชียงราย ให้ร่วมรับ-ส่ง พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วยผบ.ทบ.และคณะ ที่จะเดินทางมาปฏิบัติราชการในพื้นที่จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 23-24 ธ.ค.2557
โฆษก ทบ. กล่าวว่า เป็นการปฏิบัติของหน่วยในพื้นที่ เมื่อมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงไปเยี่ยมเยียนจะแจ้งบอกกล่าวหน่วยราชการที่อยู่ในพื้นที่นั้นๆ เพื่อให้มีโอกาสพบปะพูดคุยสร้างปฏิสัมพันธ์ทักทายกัน และในบางพื้นที่อาจถือเป็นธรรมเนียมมารยาทที่สมควรไปต้อนรับผู้มาจากต่างถิ่น ส่วนใหญ่ก็ให้เป็นไปตามความสะดวกของแต่ละบุคคล ไม่ใช่การเกณฑ์หรือการสั่งบังคับอย่างแน่นอน เพราะสังคมข้าราชการปัจจุบันเราเคารพและให้เกียรติกัน อีกทั้งบางหน่วยราชการอาจไม่ได้สัมพันธ์กันตามสายการบังคับบัญชาที่จะสั่งหรือบังคับได้ การพบปะกันจะทำให้หน่วยงานต่างๆ สามารถมาบูรณาการงานร่วมกันได้ จะส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ โดยเฉพาะสายงานด้านความมั่นคงทั้งพื้นที่ตอนในและพื้นที่ด้านชายแดน
ยันผช.ผบ.ทบ.ไม่มีพิธีรีตอง
พ.อ.วินธัยกล่าวว่า สำหรับข้าราชการกลุ่มผู้พิพากษาในพื้นที่ถึงแม้จะเกี่ยวพันด้านการงานกันไม่มาก หน่วยงานในพื้นที่อาจเข้าใจคลาดเคลื่อน มองในมุมว่าเป็นข้าราชการที่ร่วมอยู่ในพื้นที่ เปรียบเสมือนเป็นเจ้าบ้านร่วมที่มีผู้คนนับหน้าถือตา และยังถือว่าเป็นเพื่อนข้าราชการที่ทำงานอยู่ในพื้นที่เช่นเดียวกับอีกหลายหน่วยงาน และเป็นที่ยอมรับของสังคม ผู้พิพากษาสามารถแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับข้าราชการและผู้ที่มาเยี่ยมเยือนได้
"จึงไม่อยากให้บางคนนำประเด็นนี้ไปสร้างกระแส ซึ่งไม่สร้างสรรค์ ชี้นำให้สังคมเข้าใจในตัวบุคคลและองค์กรผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริง ยืนยันว่าไม่ได้สั่งให้หน่วยงานใดมาต้อนรับและผช.ผบ.ทบ.ก็มีนิสัยเรียบง่าย ไม่ชอบพิธีรีตองที่เอิกเกริก ก่อนจะลงพื้นที่ พล.อ.ธีรชัยยังบอกว่าไม่ต้องจัดพิธีต้อนรับให้ยุ่งยากเพราะไปคณะเล็กๆ เพื่อความสะดวกในการทำงานเท่านั้น" พ.อ.วินธัย กล่าว
ชงคดี 268 ส.ส.เข้าที่ประชุมปปช.
ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช. เผยว่า ขณะนี้มีการสรุปสำนวนคดีถอดถอนส.ส. 268 ราย กรณีมีส่วนร่วมแก้รัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของส.ว. เสนอเข้าที่ประชุมป.ป.ช.แล้ว แยกผู้ถูกกล่าวหาเป็นกลุ่มๆ เช่นเดียวกับกรณี ส.ว.ที่ถูกชี้มูลไปก่อนหน้านี้ และได้แจ้งข้อกล่าวหาส.ส.เพิ่มเติมอีก 1 ราย เนื่องจากช่วงรัฐประหาร ป.ป.ช.ยุติกระบวนการไต่สวนเพราะไม่ชัดเจนเรื่องอำนาจ แต่ตอนนี้มีอำนาจทำต่อแล้วก็แจ้งเพิ่มทันที
นายสรรเสริญกล่าวว่า การสรุปคดีแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ 1.ส.ส.ที่แก้ข้อกล่าวหาจบหมดแล้ว แยกเป็นส.ส.รายนี้ลงชื่อหรือไม่ลงชื่อ ยกมือเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ และ 2.ส.ส.ที่กระทำผิดอาญา เช่น เสียบบัตรแทนกัน คาดว่าที่ประชุมป.ป.ช. จะวินิจฉัยเป็นกลุ่มๆ ว่าผิดหรือไม่ผิดอย่างไร และมีมติออกมาในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่าส.ส.ที่ถูกแยกสำนวนเป็นคดีอาญามีมากหรือไม่ นายสรรเสริญกล่าวว่า กรณีเสียบบัตร ถ้าพูดจริงๆ นี่เป็นจุดปัญหาเพราะระบบสภาไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครไปเสียบบัตรแทนใคร ใช้เครื่องไหน วันไหนเวลาไหนเพราะมันเป็นระบบไว้ออกเสียงอย่างเดียว คือใครมีบัตรมากดก็ออกเสียงได้ จึงพิสูจน์ไม่ได้ จากการไต่สวนพบว่ามีผู้กระทำผิดโดยมีพยานยืนยันชัดเจนและพยายามจะสาวถึงผู้ร่วมกระทำผิด ถ้าทำได้จะมีผู้ร่วมกระทำความผิดเพิ่ม แต่ถ้าทำไม่ได้อย่างน้อยคนเสียบบัตรจะต้องรับผิดชอบ
ปปช.จี้อสส.สรุปฟ้องอาญา"ปู"
นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานของคณะทำงานร่วม ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด (อสส.) ในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอาญาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ที่จะมีการประชุมในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ ว่า การประชุมครั้งที่ผ่านมา อสส.มองว่าสำนวนยังไม่สมบูรณ์ เพราะในสำนวนมีการพูดถึงเรื่องทุจริต จึงต้องการให้ ป.ป.ช.สอบพยานในส่วนของจีทูจีเพิ่มเติม แต่ ป.ป.ช. ยืนยันไปแล้วว่าโดยหลักของสำนวนแล้วไม่ได้ฟ้องในเรื่องทุจริต แต่เป็นเรื่องการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องจีทูจี หรือเรื่องทุจริตนั้นมีอีกสำนวนหนึ่งซึ่ง ป.ป.ช. กำลังดำเนินการอยู่ การประชุมของคณะทำงาน ร่วมฯในวันที่ 25 ธ.ค.จะมีการยืนยันเรื่องนี้ จะปล่อยเวลาเลื่อนไปอย่างนี้ไม่ได้แล้ว ต้องสรุปได้แล้วว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง
"หากที่ประชุมของคณะทำงานร่วมฯ ไม่สามารถตกลงกันได้ เลขาธิการป.ป.ช. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช.อาจนำผลการหารือรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ทันภายในวันที่ 25 ธ.ค. ส่วนการดำเนินการต่อไปต้องรอ อสส.ส่งหนังสือให้ ป.ป.ช.ว่าคณะทำงานร่วมฯไม่สามารถหาข้อสรุปได้ และให้ ป.ป.ช.ฟ้องเอง หลังจากนั้นกรรมการ ป.ป.ช.จะพิจารณาว่าเห็นด้วยหรือไม่ว่าจะฟ้องเอง จากนั้นก็ต้องตั้งคนฟ้อง โดยมี 2 แนวทางคือให้สำนักคดี ป.ป.ช.ร่างฟ้องเอง หรือให้สภาทนายความฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป" นายปานเทพกล่าว
เมื่อถามว่าหาก ป.ป.ช.ฟ้องเองจะใช้เวลานานหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า ไม่นาน อาจใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะเรื่องนี้ต้องทำให้เร็ว ทั้งนี้ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ก็มีคดีที่ฟ้องเอง อาทิ คดีทุจริตจัดซื้อรถดับเพลิง เป็นต้น
ขาดทุนข้าวจ่อพุ่งอีกกว่า5หมื่นล.
ที่กระทรวงการคลัง นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว เผยว่า คณะอนุกรรมการได้รับข้อมูลเพื่อใช้ปิดบัญชีจำนำข้าวถึงวันที่ 30 ก.ย. 2557 ครบหมดแล้ว จะประชุมอีกครั้งปลาย ม.ค. 2558 ยอมรับว่าผลขาดทุนข้าวจะเพิ่มจากครั้งก่อนหน้านี้ที่มีการปิดบัญชีจนถึงวันที่ 22 พ.ค. 2557 มีผลขาดทุน 6.82 แสนล้านบาท จากการจำนำข้าวทั้งหมด 15 โครงการ เป็นผลขาดทุนของโครงการรับจำนำรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 4 โครงการ จำนวน 5.19 แสนล้านบาท ที่เหลือเป็นผลโครงการของรัฐบาลก่อนหน้า
นายรังสรรค์กล่าวว่า การปิดบัญชีจะคิดค่าเสื่อมของข้าวปีละ 10% เป็นเวลา 4 ปี หากเกิน 4 ปีจะหยุดคิดค่าเสื่อม ส่งผลให้โครงการข้าวของรัฐบาลก่อนหน้าที่ขาดทุน 5.19 แสนล้านบาท มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% หรือ 5 หมื่นกว่าล้านบาท เนื่องจากการจำนำข้าวทั้ง 4 โครงการยังหักค่าเสื่อมไม่ถึง 4 ปี ผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นเนื่องจากยังไม่ได้รวมผลขาดทุนที่เพิ่มมาจากค่าบริหารจัดการ ทั้งดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าเช่าโกดังเก็บข้าว ค่าจ้างบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว
แม่ม็อบคปท.ฟ้องชดใช้44ล้าน
ที่สำนักงานศาลปกครอง น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) พร้อมด้วยนางทิพอาภา สุฉันทบุตร มารดานายวสุ สุฉันทบุตร ที่เสียชีวิตจากการเข้าร่วมชุมนุมหน้าสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ในวันที่ 26 ธ.ค. 56 ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดจับสลากหมายเลขของพรรคการเมืองเพื่อใช้เลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 57 ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ต่อศาลปกครองกลาง ขอให้มีคำพิพากษาสั่งให้ผู้ถูกฟ้องร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 44,132,810 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้อง
น.ส.พวงทิพย์กล่าวว่า ที่ฟ้องคดีล่าช้าเนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน คดีของนายวสุ ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนการตาย คดีเกิดจะครบปีแล้วแต่ตำรวจยังหาตัว ผู้กระทำความผิดไม่ได้ จึงต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายให้ผู้ถูกฟ้องรับผิดชอบผลที่เกิดจากกระทำของเจ้าหน้าที่ และจากที่มีคำสั่งสลายการชุมนุม
ด้านนางทิพอาภากล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ครอบครัวสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ เพราะนายวสุ เป็นลูกคนเดียว และอยู่กันสองคนแม่ลูก หลังสูญเสียลูกชายครอบครัวไม่เคยได้รับการช่วยเหลือหรือเยียวยาใดๆ จากรัฐ พยายามไปติดตามความคืบหน้าของคดีแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ดินแดง กลับระบุให้ครอบครัวไปหาหลักฐานมา ที่ผ่านมาจึงพยายามเก็บเงินจนได้เงิน 1 ล้านบาท ขอประกาศว่าหากใครให้เบาะแสจนนำตัวคนที่ลั่นกระสุนใส่นายวสุ มาขึ้นศาลได้ จะจ่ายเงินสด 1 ล้านบาทให้ทันที
"บิ๊กป้อมนำผบ.เหล่าทัพเยือนเขมร
เวลา 07.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะรมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และคณะ เดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ วันที่ 24-25 ธ.ค.
มีกำหนดเข้าพบสมเด็จฮุนเซน นายกฯกัมพูชา และพล.อ.เตีย บันห์ รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา รวมถึงเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) เพื่อกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมความร่วมมือทางทหารของทั้งสองประเทศ อีกทั้งหารือเรื่องความร่วมมือในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษของไทยที่ติดกับกัมพูชาด้วย
ปูเพนต์แก้ว-อวยพรปีใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชี่ยลมีการเผยแพร่ภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ กำลังเพนตืข้อความลงบนแก้วเป็น ชื่อผู้รับซึ่งเป็นกลุ่มคนใกล้ชิด พร้อมลงชื่อ Y. Shinawatra ลงบนแก้ว เพื่อมอบให้แต่ละคน เป็นของขวัญปีใหม่ 2558
น.ส.ยิ่งลักษณ์โพสต์คลิปอวยพรเนื่องในโอกาสปีใหม่ โดยอวยพรว่า "คิดสิ่งใดขอสมความปรารถนา ปีนี้หลายคนเหนื่อยมาเยอะแล้ว ให้เวลากับตัวเอง พักผ่อน จะได้มีแรงสำหรับปีใหม่ ให้เป็นปีแห่งความสุข ขอส่งสุขภาพกาย สุขภาพใจให้ทุกคนมีความสุขในปีใหม่นี้"
มท.เข้ม"ค้ามนุษย์"ฟันจนท.เอี่ยว
วันที่ 24 ธ.ค. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานเปิดประชุมและมอบนโยบายขับเคลื่อนแผนงานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ประจำปี 2558 มีนายอำเภอ ปลัดอำเภอ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด นายกสมาคมและประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เสี่ยง 33 จังหวัด และเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เข้าร่วม
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า หลังสหรัฐจัดอันดับให้ไทยอยู่ในระดับ 3 เป็นประเทศที่ไม่มีความพยายามแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ นโยบายป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์จึงเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ฝ่ายปกครองต้องดำเนินการในระดับพื้นที่อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน และชุมชน สร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบธุรกิจที่ใช้แรงงานไทยและต่างด้าว เพิ่มช่องทางการแจ้งเบาะแสง่ายขึ้น บังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีการทำผิดฐานค้ามนุษย์เกิดขึ้นที่ใดให้ ผู้ว่าฯ ใช้อำนาจสั่งปิดหรือเพิกถอนใบอนุญาตหรือสั่งพักใบอนุญาตทันที รวมถึงสถานที่เสี่ยง หรือพฤติการณ์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
"ที่สำคัญขอกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับรวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ให้เกี่ยวข้องกับการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบทุกกรณี หากฝ่าฝืนจะลงโทษทางวินัยและทางอาญา เจ้าหน้าที่คนใดปล่อยปละละเลยจะพิจารณาลงโทษทางปกครองและทางวินัยต่อไป"
รมว.มหาดไทยกล่าว
ศาลรออาญา"สมคิด"หมิ่นทหาร
วันที่ 24 ธ.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ ที่ อ.117/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมคิด บาลไธสง อดีตส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 เนื่องจากวันที่ 23 เม.ย. 2552 จำเลยอภิปรายในสภา พาดพิงพ.ท.เกรียงศักดิ์ นันทโพธิ์เดช ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ ว่าใช้มือกระชากผมหญิงผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง คดีนี้ พ.ท.เกรียงศักดิ์
ผู้เสียหาย ขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 500,000 บาท
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 328 จึงให้จำคุก 6 เดือนและปรับ 10,000 บาท แต่จำเลยไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 500,000 บาท แก่ผู้เสียหาย จำเลยยื่นฎีกาและขอทุเลาการบังคับคดี ขอให้ยกฟ้องและลดค่าเสียหาย
ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว ไม่รับวินิจฉัยประเด็นหมิ่นประมาท ส่วนประเด็นชดใช้ค่าสินไหมทดแทน การวินิจฉัยคดีส่วนแพ่ง ศาลฎีกาต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 เมื่อข้อเท็จจริงในคดีส่วนอาญารับฟังเป็นข้อยุติว่าจำเลยกล่าวหมิ่นประมาทผู้เสียหายโดยการโฆษณาแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้เสียหาย จึงเหมาะสมแล้วฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน