- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 18 December 2014 12:29
- Hits: 4127
วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8786 ข่าวสดรายวัน
แนะ'บิ๊กตู่'ทำบุญ แก้ดวง! ระทึกกิ่งไม้หักใส่รถ กมธ.ยกร่างค้าน เลือกตรงนายก ป้อมแจงล่า'112'ทำตามขั้นตอน ยางจี้ปลดรมต.
เปิดงาน - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยืนดูหุ่นยนต์ที่พัฒนาโดยคนไทย ระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดงาน "คืนความสุขให้เธอ...เยาวชน" ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลอง ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. |
'บิ๊กตู่'ระทึก กิ่งไม้ใหญ่หักร่วงใส่รถขบวน เจ้าหน้าที่เจ็บ 2 นาย หัวหน้าทีมรปภ.นายกฯ ยันเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่แผนปองร้าย ข้าราชการแซดนายกฯ ดวงไม่ดี แนะทำพิธีสะเดาะเคราะห์ สปช.ถกรายงานกมธ.ปฏิรูปวันสุดท้าย กมธ.การเมืองค้านกันเองข้อเสนอเลือกตรงนายกฯ-ครม. กมธ.ยกร่างฯ ชี้สังคมไม่ยอมรับ ไม่แก้ซื้อเสียง หวั่นกระทบพระราชอำนาจ 'บิ๊กป้อม'ยันรัฐบาลทำตามขั้นตอน ล่าคนผิด ม.112 รวมถึง'ทักษิณ''อำนวย'เชื่อสิ้นปีราคายางขยับ 60 บาท สวนยางจี้ปลดรมว.เกษตรฯ-ปลัดเกษตรฯ
ประยุทธ์ฮึ่มคนชอบวิจารณ์
เวลา 08.30 น. วันที่ 17 ธ.ค. ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวเปิดงาน "คืนความสุขให้เธอ...เยาวชน" ตอนหนึ่งว่า ทุกวันนี้เราไม่มีปัญหาเรื่องชายแดน แต่มีปัญหาเรื่องเดียวคือปัญหาภายใน ที่ผ่านมาอยู่กันอย่างสุขสงบ เรื่องดีๆ มีให้คิดเยอะแต่อุตส่าห์มาคิดเรื่องทะเลาะกันจนได้ คนไทยช่างคิด อะไรเล็กๆ น้อยๆ เอามาขยายเป็นเรื่องใหญ่โต แทนที่จะคิดเรื่องพัฒนาประเทศ วันนี้อยู่ในขั้นตอนปฏิรูปซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติ การปฏิรูปไม่มีอะไรง่ายและไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น ดำเนินการโดยคสช.เพรา เป็นรัฏฐาธิปัตย์ แต่วันนี้เราใช้การบริหารราชการตามปกติไม่อยากใช้อำนาจแต่ต้องใช้เวลา จึงขอความร่วมมือช่วยกันลดแรงกดดัน
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้แก้ปัญหาในหลายด้าน ทั้งความมั่นคง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นไม่ใช่เพราะตนเก่ง เพียงแต่สามารถสั่งงานแบบบูรณาการได้ ทำให้โปร่งใส ยอมรับว่าคนที่จ้องจะโกงก็มีความพยายาม ต้องจับให้ได้ซึ่งมีจำนวนมาก ดำเนินการอยู่ ใช้กฎหมายเป็นหลักจะไปตัดสินกันเองไม่ได้
"ผมพร้อมใช้อำนาจทุกอย่างเพื่อให้ประเทศชาติปลอดภัย ไม่ต้องห่วง ไอ้คนที่ชอบออกมาพูดวันนี้ พูดมากๆ ขอให้ระวัง ไปเขียนไปวิจารณ์ ตอนอยู่ทำไมไม่ทำ พอถึงวันนี้บอกว่าห่วงเรื่องนั้นเรื่องนี้ แต่ตอนอยู่กลับไม่ทำ วันนี้รัฐบาลพยายามจะปรับแก้และเปลี่ยนแปลง"
ชี้มีคนอยู่เบื้องหลังม็อบยาง
นายกฯยังกล่าวถึงปัญหายางพาราว่า เรื่องปัญหาราคายางพารามีการเรียกร้องให้ปรับขึ้นในราคาแพงๆ เกษตรกรไม่รู้เรื่อง แต่มีคนไปปลุกระดมสร้างความเข้าใจผิดมาตลอด อย่างราคาน้ำมันดิบตอนนี้ลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ต่อบาร์เรล แต่จะให้ลดราคาน้ำมันที่กลั่นแล้วให้เท่าราคาน้ำมันดิบที่ลดลงไม่ได้ เพราะมีปัจจัยต่างๆ อีกมาก ขอร้องว่าอย่าเอาทั้งหมดมาพันกัน ถ้าจะทำง่ายๆ หาเงินมาอุดหนุนแบบเก่าก็ทำได้ แต่ปัจจุบันทั่วโลกยกเลิกการทำแบบนี้หมดแล้ว สิ่งที่ควรคิดคือการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ มาแข่งขันกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายรัฐบาลไม่คิดมัวแต่ประท้วงและกลัวเสียคะแนนเสียง ทำให้รัฐบาลแก้ปัญหาติดขัด แม้แต่การขึ้นทะเบียนชาวนาก็ยังทำไม่ได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ ที่จ่ายช้าเพราะจ่ายไม่ได้เนื่อง จากขึ้นทะเบียนไม่ครบ ไม่ตรง การทำงานไม่มีการปรับปรุงและดูแล กว่าจะไล่ให้หมดก็ช้า แต่ถ้าทำแบบเร็วก็เกิดการโกง รัฐบาลนี้พยายามแก้ปัญหาทุกอย่างแต่ไม่สามารถทำได้เร็ว อย่างการช่วยเหลือราคายางจ่ายได้น้อยแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เพราะกลัวจะจับได้ อีกทั้งบัญชีไม่ครบ ยิ่งรัฐบาลเข้มงวดมากก็ยิ่งไม่กล้าทำ
อย่าเทียบผลงานรัฐบาลที่แล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปฏิรูปเราต้องร่วมมือกันทำ เพราะจากนี้คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีก ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสเดียวที่จะทำ การปฏิรูปทำได้ไม่ยากหากใช้กฎหมายและความร่วมมือกัน แต่ถ้าไม่เข้าใจกันจะเกิดความเสียหาย ตอนนี้ทุกประเทศเริ่มหันมาคบกับไทยเพราะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นที่ผ่านมาเวลาไปเจรจาจะถูกทวงถามตลอด ก็อายเพราะเราตกลงไปแล้วแต่ยังไม่ได้ทำ วันนี้มาไล่ทำเป็นร้อยเรื่อง ซึ่งไม่ได้โม้ พวกตนที่เข้ามาทำงานแก่กันหมดเพราะเครียด ทั้งปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ อย่าเอาตนมาเปรียบเทียบกับการทำงานที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ตนทำหน้าที่ปกป้องประเทศในฐานะทหาร ถือว่าทำหน้าที่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์
นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่อยากก้าวล่วงว่าที่ผ่านมาพลาดตรงไหน แต่เมื่อเข้ามาเพื่อเริ่มต้นใหม่ก็อย่าเอาไปเทียบกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ทุกอย่างต้องใช้เวลาและมีขั้นตอน ต้องลดความเหลื่อมล้ำทั้งด้านจิตใจและความเป็นจริง ขอร้องว่าอย่าเอาสถานการณ์วันนี้ไปเทียบกับเมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา และหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเหมือนเดิมตั้งแต่เดือนพ.ค. วันนี้เราคงไม่มีเงินเดือนจ่าย
ขอสื่ออย่าเลือกข้าง
นายกฯ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าทุกอย่างเป็นเรื่องยากแต่ต้องทำ แต่ยังมีสื่อหนังสือ พิมพ์บางฉบับจะเอานี้เอาโน้น เข้าใจในหน้าที่ แต่หลายสื่อจะแบ่งคนเป็นข้างนี้หรือข้างนั้นไม่ได้ มาคอยติติงรัฐบาล เรากำลังจะทำและจะแก้เพื่อส่วนรวมก็มาคอยจ้องเล่นงาน ทุกคนต้องช่วยกันว่าจะนำประเทศชาติไปทิศทางใด จะรักชอบใครไม่ว่า แต่เราเป็นศัตรูกันไม่ได้ วันนี้หนังสือพิมพ์หลายฉบับยังเลือกข้างอยู่เหมือนเดิม พูดก็โกรธ แต่ทำเหมือน อยากให้ประเทศรบกันอยู่เช่นเดิมก็ไม่เข้าใจ ให้คำนึงด้วยว่าสิ่งที่ชอบนั้นส่วนรวมได้ประโยชน์อะไร ได้มาไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แล้วอีก 50 เปอร์เซ็นต์ไปอยู่ที่ไหน ขอให้ทุกคนยึดประเทศชาติเป็นหลัก คงบังคับกันไม่ได้แต่อยากให้ช่วยกัน
ระทึกกิ่งไม้หักใส่ขบวน'บิ๊กตู่'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุระทึกขวัญขึ้นกับขบวนรถของพล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างเดินทางกลับเข้าทำเนียบรัฐบาล หลังเป็นประธานเปิดงานดังกล่าว ที่ท้องฟ้าจำลอง โดยเมื่อเวลา 09.50 น. ขบวนรถของนายกฯ ออกจากท้องฟ้าจำลองเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสุขุมวิท (สุขุมวิท 40) ขาเข้าบริเวณหน้าโรงเรียนปทุมคงคาและอาคารยูเนสโก กิ่งต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ฟุต ที่ปลูกอยู่บนทางเท้าหักลงมาฟาดเข้าขบวนรถของพล.อ.ประยุทธ์ เฉียดรถเบนซ์ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพ มหานคร ที่นายกฯ นั่งเพียงเล็กน้อย แต่กิ่งไม้ฟาดเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์คาวาซากิสีดำของทีมรักษาความปลอดภัย ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21) 2 นาย ซึ่งขี่ประกบข้างรถ นายกฯล้มฟาดอย่างแรง รถไถลไปประมาณ 10 เมตร คนขับได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือขวา คนซ้อนบาดเจ็บที่สะโพกด้านขวา ส่วนรถเบนซ์ของนายกฯ มีเศษกิ่งไม้กระเด็นไปถูกประตูด้านซ้ายมีรอยเพียงเล็กน้อย
ทหารเจ็บ 2 นาย
ช่วงเกิดเหตุ พล.อ.ประยุทธ์สั่งรถชะลอและสอบถามถึงอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 2 นาย เมื่อทราบว่าไม่ได้รับบาดเจ็บมากจึงเคลื่อนขบวนรถกลับเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในเวลา 10.30 น. แต่สั่งการให้หัวหน้าชุดรปภ.ดูแลเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นาย และเมื่อถึงทำเนียบ นายกฯแสดงความเป็นห่วงพร้อมสอบถามทีมรปภ.ด้วยว่ามีใครเป็นอะไรมากหรือไม่และสั่งการให้ดูแล อย่างดี
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่นำผู้บาดเจ็บทั้ง 2 นายส่งโรงพยาบาลทันที พร้อมสั่งการไม่ให้ให้ข้อมูลใดๆ กับสื่อมวลชนและไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ แจ้งว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนสาเหตุถือเป็นอุบัติเหตุปกติ เนื่องจากมีลมพัดกระโชกแรงทำให้กิ่งไม้ซึ่งตรวจสอบแล้วมีโพรงผุอยู่ด้านในหักโค่นลงมา และบังเอิญเป็นช่วงที่ขบวนรถผ่าน และได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการตรวจสอบต้นชมพูพันธุ์ทิพย์มีอายุค่อนข้างมาก ประกอบกับเช้าวันนี้มีลมแรง เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาวทำให้กิ่งไม้หักโค่นลงมา และหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทองหล่อเร่งประสาน เจ้าหน้าที่รักษาความสะอาดของกรุงเทพ มหานคร เข้าเคลียร์พื้นที่เพื่อตัดกิ่งไม้ที่เกิดเหตุ โดย มีพ.อ.อมฤต บุญสุยา รองผบ.รอ. 21 หัวหน้าทีมรปภ.ของนายกฯร่วมตรวจสอบด้วย โดยยืนยันว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่การกระทำของมนุษย์หรือลอบปองร้าย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพฯยังประสานผู้บังคับบัญชาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเร่งสำรวจต้นไม้ริมฟุตบาธในถนนทั้งหมดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บก.น.5 รายงานเหตุพิเศษแจ้งผู้บังคับบัญชาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่าเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและหัวหน้าชุดรปภ. สร.1 ร่วมกันตรวจสอบแล้วน่าจะเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่เกิดจากการทำของมนุษย์
แนะนายกฯสะเดาะเคราะห์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้าราชการทำเนียบต่างจับกลุ่มวิจารณ์ ส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดา ช่วงนี้นายกฯดวงไม่ค่อยดี ประกอบกับมีโหรหลายสำนักทำนายว่าช่วงนี้ดาวเสาร์โคจรเข้าราศีพิจิกในภพที่ 8 (มรณะ) ของดวงเมือง ทำให้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองอาจได้รับผลกระทบ รวมถึงตัวพล.อ.ประยุทธ์ด้วย ขณะที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลหลายคนพูดคุยกันว่าพล.อ.ประยุทธ์ น่าจะต้องทำบุญสะเดาะเคราะห์บ้าง แม้จะไม่เชื่อเรื่องดวงชะตาหรือไสยศาสตร์ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อมีคนทักก็น่าจะทำบุญ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงเหตุการณ์ ดังกล่าวว่า ไม่เป็นอะไร อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อถามว่าแสดงว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องดวงใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวทีเล่นทีจริงว่า "ดวงอะไร พวกคุณคิดยังไงก็เขียนไปเถอะ"
ที่ศาลาว่าการกทม. นางอัจฉราวดี ชัย สุวิรัตน์ ผอ.เขตคลองเตย กล่าวว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นแล้ว จากการตรวจสอบพบว่าต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี ประกอบกับเมื่อเช้าลมแรง ส่งผลให้กิ่งไม้ดังกล่าวฉีกและตกลงมาใส่รถนำขบวน ทั้งนี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความระมัดระวังตรวจและแต่งกิ่งต้นไม้อย่างเข้มข้น หากพบต้นไม้ที่มีอายุมาก รวมทั้งมีรากลอยและลำต้นผุพังให้รื้อถอนทันที เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทางเขตมีแผนตัดแต่งกิ่งต้นไม้อยู่แล้ว โดยปีนี้เริ่มตัดแต่งกิ่งต้นไม้บนถนนสุขุมวิทตั้งแต่แยกเอกมัย ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาไปแล้วกว่า 70 ต้น ทางเขตพร้อมให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นและไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กิ่งไม้หัก - จนท.ตรวจสอบจุดเกิดเหตุริมถนนสุขุมวิท ที่จู่ๆ กิ่งไม้หักหล่นใส่ขบวนรถพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นเหตุให้ทหารชุดรปภ. 2 นายบาดเจ็บ สาเหตุเกิดจากต้นไม้ผุและลมพัดแรง เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. |
กรอบอำนาจกก.ต้านทุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ลงนามคำสั่งคสช. ที่127/2557 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ไปเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระบุให้มีคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ประกอบ ด้วยหัวหน้าคสช. เป็นประธาน หัวหน้าฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของคสช. เป็นรองประธาน ผู้ดำรงตำแหน่งในคสช.ที่หัวหน้าคสช.มอบหมายไม่เกิน 3 คน และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งหัวหน้าคสช.แต่งตั้งอีกไม่เกิน 9 คน เป็นกรรมการ มีอำนาจหน้าที่จัดทำแนวทางและมาตรการบูรณาการเพื่อเสริมสร้าง ป้องกันและขจัดการทุจริตระหว่างหน่วยงานรัฐหรือภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง และเสนอให้ครม.ทราบ พร้อมจัดทำข้อเสนอแนะไปยังกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อประกอบการพิจารณา รวมทั้งเชิญเจ้าหน้าที่ บุคคล หรือหน่วยงานมาชี้แจงข้อเท็จจริง หรือเรียกเอกสารหรือหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณาได้ตามความจำเป็น
'บิ๊กป้อม'แจงจับคนผิดม.112
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายกฯ สั่งให้เร่งติดตามตัวผู้กระทำผิดคดีอาญาทั้งหมด รวมทั้งกระทำผิดมาตรา 112 ที่ยังหลบหนีในต่างประเทศว่า เราทำเรื่องนี้ตามกฎหมายโดยประสานทั้งอัยการสูงสุด(อสส.) ที่มีสำนักงานอัยการต่างประเทศและตำรวจ ให้ส่งเรื่องถึงทุกประเทศที่สืบรู้ว่าคนเหล่านั้นอาศัยอยู่ และชี้แจงให้เขารู้ว่าคนกลุ่มนั้นทำผิดอะไรบ้างพร้อมประสานการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาดำเนินคดี ถ้าประเทศใดไม่มีกฎหมายส่งตัวรัฐบาลคงทำอะไรไม่ได้มาก
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะสั่งการให้สำนักงาน อสส.กับตำรวจส่งข้อมูลถึงประเทศนั้นเร็วขึ้นหรือไม่ หรือจะประสานกับองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศหรือตำรวจสากลให้ช่วยติดตามตัวด้วย พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนทำตามขั้นตอนทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง
เมื่อถามว่าต้องติดตามตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯกลับมาดำเนินคดีด้วยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า "ถามผมแบบนี้ได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ทุกคนทำตามกฎหมายอยู่แล้ว ตามที่นายกฯ บอกว่าให้เร่งตรวจสอบทั้งหมด ไม่ทำไม่ได้" เมื่อถามคิดว่าจะได้ตัวกลับมาหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า แล้วคิดว่าได้หรือไม่ ถ้าสื่อคิดอย่างไรตนก็คิดแบบนั้น
ย้ำวอนอย่าเชื่อข่าวลือ
เมื่อถามถึงการปล่อยข่าวลือที่เกี่ยวกับสถาบัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ข่าวลือก็คือข่าวลือ ขอร้องว่าอย่าปล่อยข่าวลือ และอย่าไปเชื่อข่าวลือ ทุกอย่างก็จบ คนที่ปล่อยข่าวลือก็เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ตำรวจกำลังตรวจสอบหาคนที่ปล่อยข่าวลือ การปล่อยข่าวลือมีมานานแล้ว ขึ้นอยู่ว่ามีคนเชื่อมากหรือน้อย ขอฝากประชาชนว่าอย่าเชื่อข่าวลือ อาทิ กรณีหุ้นตกเพราะเชื่อข่าวลือ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อประเทศโดยรวม และมีประชาชนบางส่วนเสียหายอย่างมาก ส่วนที่นายกฯระบุคนที่กลับมาเมืองไทยช่วงปี 2551 อยู่เบื้องหลังการปล่อยข่าวลือ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ ต้องไปถามนายกฯที่เป็นคนพูด แต่ตนกำลังตรวจสอบอย่างดีที่สุด
ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. กล่าวถึงการติดตามบุคคลที่ละเมิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า ยอมรับว่ามีคนละเมิดกฎหมาย ดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งกังวลใจของพล.อ.ประยุทธ์ กองทัพได้ติดตามและประสานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง คิดว่าคนส่วนใหญ่รักและเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอความร่วมมือประชาชนที่มีจิตใจเดียวกันให้ช่วยกันปกป้องสถาบัน อย่าปล่อยให้เป็นภาระของส่วนราชการอย่างเดียว ทั้งนี้ กองทัพเราช่วยเหลือรัฐบาลเต็มที่
ฝ่ายมั่นคงจับตาสมศักดิ์เจียมฯ
เมื่อถามว่ามีคนเอากฎหมายนี้มากลั่นแกล้งคนเพื่อเป็นประโยชน์ทางการเมือง พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ยังไม่เคยเห็นว่ามีการใช้กฎหมายดังกล่าวมากลั่นแกล้งใคร การใช้กฎหมายนี้จะใช้ตามความจำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย แต่บางคนไม่เข้าใจ เราก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไม่ได้ดำเนินการนอกกฎหมาย
"ผมยืนยันว่าตั้งแต่รัฐบาลและคสช. เข้ามาบริหาร ไม่เคยใช้กฎหมายกลั่นแกล้งใครเลย และขอให้มั่นใจด้วยว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันมีคุณธรรมและความยุติธรรมในการดูแลบ้านเมือง" พล.อ.อุดมเดชกล่าวและว่า ส่วนกรณีนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ประจำคณะศิลปศาตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นั้น ฝ่ายความมั่นคงติดตามอยู่ ถ้าพบว่าทำผิดหรือละเมิดสังคมต้องช่วยกันดู รวมทั้งการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ต้องพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ ขอย้ำว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ใครทำผิดก็อย่าไปเข้าข้าง ถ้าเราช่วยกัน สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ก็ลดน้อยไปเอง
ไทย-จีนลงนามซื้อข้าว-ยาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 19 ธ.ค. เวลา 16.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จะต้อนรับ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกฯสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างไทยและจีน 2 ฉบับ ก่อนเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศ ครั้งที่ 5 ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ
สำหรับการลงนามความร่วมมือทั้ง 2 ฉบับ ประกอบด้วย 1.บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนว่าด้วยความร่วมมือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 และ 2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร ซึ่งเอ็มโอยูดังกล่าวเป็นการแสดงเจตจำนงของจีนในการซื้อสินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะข้าวและยางพารา รวมทั้งจะเพิ่มปริมาณการสินค้าเกษตร อื่นจากไทยอย่างต่อเนื่อง โดยพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย
"อำนวย"ชี้สิ้นปียางขยับแตะ 60 บ.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวหลังประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ถึงปัญหายางพารา ว่า ปัจจุบันแต่ละเวทีที่เกี่ยวกับยางมีตัวแทนเกษตรกรเข้าร่วมด้วยทั้งหมดในการแก้ปัญหาในทุกระยะอยู่แล้ว ขณะนี้ราคายางก็ขยับขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ และมั่นใจว่าจะปรับขึ้นตามที่ตั้งเป้าไว้ที่ 60 บาทต่อกิโลกรัมภายในสิ้นปีนี้แน่นอน ตนพร้อมลงพื้นที่ไปพบกับเกษตรกรด้วยตัวเองหากมีการประสานมา
เมื่อถามว่านายกฯจำเป็นต้องลงไปทำความเข้าใจกับชาวสวนยางเองหรือไม่ นายอำนวยกล่าวว่า ต้องถามนายกฯ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการประสานมารวมทั้งวันที่ 26 ธ.ค.ที่นายกฯจะเดินทางไปจ.พังงา เพื่อร่วมงานรำลึกเหตุการณ์ 10 ปีสึนามิ ก็ยังไม่มีการกำหนด เมื่อถามว่ากังวลว่าปัญหาราคายางจะส่งผลถึงปัญหาทางการเมือง นายอำนวยกล่าวว่า ไม่มีสินค้าการเกษตรตัวใดที่เกษตรกรเข้ามาร่วมบริหารเท่ากับเรื่องยางพารา ถือเป็นโอกาสที่เกษตรกรได้เข้ามาร่วมทำงานกับรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะเข้าใจดีว่าเรื่องยางเป็นเรื่องที่ประชาชนเดือดร้อน การได้มาทำงานด้วยกันเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
เมื่อถามกรณีนายกฯ มีแนวคิดนำยางพารามาทำลู่วิ่ง นายอำนวยกล่าวว่า นายกฯเห็นว่าหากสามารถนำยางพารามาใช้กับเรื่องดังกล่าวจะมีการใช้ยางพาราในประเทศมากขึ้น จากการพูดกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในภาคใต้ก็อยากดำเนินการเรื่องนี้แต่ติดเรื่องระเบียบการจัดซื้อ เพราะหากมีผู้ประมูลทำถนนรายเดียวก็ต้องยกเลิก เนื่องจากจะเป็นช่องทางการทุจริตจึงต้องมีระบบป้องกัน ซึ่งได้ประสานไปยังกระทรวงการคลังแล้วว่าหากเป็นเช่นนี้จะหาทางออกได้หรือไม่ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา
สวนยางโวยสต๊อกหาย
ที่จ.สงขลา นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายเกษตรกรยางพาราและปาล์มน้ำมัน 16 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า ขณะนี้ยางพาราที่อยู่ในสต๊อกของรัฐบาล 210,000 ตัน หายไปจากโกดัง 120,000 ตัน เนื่องจากวันที่ส่งมอบยางพาราให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เหลือประมาณ 90,000 ตัน รับยางจริง 50,000 ตัน อยากถามรัฐบาลว่ายาง 120,000 ตันหายไปไหน โครงการของรัฐบาลที่ให้เกษตรกรกู้เงิน 5,000 ล้านบาท ให้รัฐบาลชะลอไว้ก่อนและขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการจากตัวแทนเกษตรกร ตรวจสอบโรงรมยางทั่วประเทศ 700 โรงซึ่งเป็นโรงรมร้างของ สกย. มีการสวมสิทธิ์ให้กับกลุ่มเอกชนเพื่อกู้เงิน 5,000 ล้านบาทมาดำเนินการ
นายทศพลกล่าวว่า ขณะเดียวกัน รัฐบาลทำจีทูจีกับรัฐบาลจีน ซื้อขายยางในราคาก.ก. ละ 62 บาท 400,000 ตัน เป็นเวลา 18 เดือน ส่งผลให้ราคายางพาราในไทยไม่มีโอกาสขยับขึ้น 60 บาทต่อก.ก. ในเวลา 18 เดือนเช่นกัน ขณะที่บริษัท ไหหนาน ประเทศจีนขอซื้อยาง 210,000 ตันในราคา 70 บาทต่อก.ก. อยากทราบว่าทำไมจึงไม่ขาย
จี้ปลดรมว.เกษตรฯ-ปลัด
"ต้องยกเครื่องครั้งใหญ่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกฯจะต้องเอารมว.เกษตรฯ และปลัดฯ เกษตรฯออกจากตำแหน่ง ส่วนนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรฯ ให้โอกาสทำงาน 2 เดือน แต่ถ้าผลงานไม่เป็นรูปธรรมก็ต้องออกไป รวมทั้งผอ.องค์การสวนยาง (อสย.) ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย" นายทศพลกล่าว
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (คสยท.) เผยว่า ยางพารา 210,000 ตัน เป็นโครงการพัฒนาศักยภาพเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางของรัฐบาลที่ผ่านมาที่มีนายอำนวย เป็นประธานอยู่ด้วย ซึ่งราคายางพาราที่ตกต่ำลงเนื่องจากมีกลไกบิดเบือนทั้งที่ตลาดโลกกำลังขาดแคลนยางโดยเฉพาะจีน เนื่องจากจีนเก็บสต๊อกไว้ 500,000-600,000 ตัน ขณะนี้เหลือกว่า 100,000 ตัน แต่ความต้องการใช้ 2.7-3 ล้านตันต่อปี จีนผลิตได้ 600,000 -700,000 ตันต่อปี จึงต้องสั่งซื้อยางจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไทยเดือนละ 200,000 ตัน ซึ่งไทยมียางเท่าไรจีนซื้อหมด
ม็อบท้าจับ-นัดชุมนุม 18 ธ.ค.
เวลา 15.00 น. บริเวณหอนาฬิกา หน้าสำนักงานเทศบาลนครตรัง นายสิงห์สยาม มุกดา อดีตปลัดอบต.สุโสะ อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ในฐานะแกนนำเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดตรัง ปราศรัยพร้อมถือแผ่นป้ายข้อความ "ถ้ารัฐไม่ฟังเสียงชาวสวนยาง ก็อย่าอ้างว่าทำเพื่อประชาชน คสช.มาจับพวกผมเลย" ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่ขับขี่รถผ่านไปมา
ต่อมา จ.ส.ต.ชัยวัฒน์ เส้งนุ้ย สมาชิกสภาอบจ.ตรัง พร้อมสมาชิกสภา อบจ. 4 คน มาร่วมให้กำลังใจนายสิงห์สยาม โดยมีตำรวจ สภ.เมืองตรัง ทั้งในและนอกเครื่องแบบ หน่วยข่าวกรองและฝ่ายปกครองโดยเฉพาะทหารจาก ร.15 พัน 4 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ จ.ตรัง เฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
นายสิงห์สยามกล่าวว่า วันที่ 18 ธ.ค.นี้ ตนพร้อมด้วยเกษตรกรชาวสวนยางจำนวนหนึ่งจะรวมตัวที่ศาลากลางจังหวัดตรัง ก่อนเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ ซึ่งขณะนี้เหลือ 3 ก.ก. 100 บาท โดยจะมีรูปแบบที่เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่กังวลหากถูกเจ้าหน้าที่จับกุมไปดำเนินคดี เพราะจะเป็นโอกาสให้ตนได้พบกับผู้ใหญ่ในรัฐบาลเพื่อนำเสนอปัญหายางโดยตรง เพราะทนไม่ไหวแล้ว ไม่อาจรอการแก้ปัญหาหลังปีใหม่ได้
ปชป.ตามบี้"ปีติพงศ์"
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ และนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค พร้อมอดีตส.ส.พื้นที่ที่มีการปลูกยางพาราภาคใต้และภาคตะวันออกกว่า 10 คน อาทิ นายวิรัช ร่มเย็น อดีตส.ส.ระนอง นางสุพัชรี ธรรมเพชร นายนริศ ขำนุรักษ์ อดีตส.ส.พัทลุง นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ อดีต ส.ส.ตรัง ร่วมกันแถลง
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนและอดีตส.ส.ไปยื่น 5 มาตรการเร่งด่วนให้รัฐบาลแก้ปัญหายางพาราตกต่ำ ผ่านนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ.อยุธยา รมว.เกษตรฯ แต่ผ่านมากว่า 2 เดือน ความเดือดร้อนของชาวสวนยางยังไม่บรรเทา จึงจะขอเข้าพบรมว.เกษตรฯเพื่อขอทราบความคืบหน้าและมาตรการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่าทำอะไรไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีข่าวว่ารัฐบาลขายยางในสต๊อกที่มีอยู่ 2.1 แสนตันไปแล้ว หากขายไปจริงจะเป็นเหตุทำให้ราคายางไม่กระเตื้องขึ้น เพราะต้นทุนน้ำยางพาราอยู่ที่ไม่ต่ำกว่าก.ก.ละ 64 บาท
พท.จี้ปปช.สอบคุณสมบัติ"ภักดี"
เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ พร้อมนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช. ให้ตรวจสอบคุณสมบัติและสถานะการดำรงตำแหน่งของนายภักดี โพธิศิริ กรรมการป.ป.ช. นายศักดิ์ชัย เมทินีพิศาลกุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. ผู้รับหนังสือแทน
นายสุรพงษ์กล่าวว่า นายภักดีได้รับแต่งตั้งเป็นป.ป.ช. โดยประกาศคปค. 22 ก.ย. 2549 น่าจะขาดคุณสมบัติตั้งแต่ต้น เนื่องจากหนังสือลาออกจากกรรมการบริษัท องค์การเภสัชกรรม-เมอร์ริเออร์ชีววัตถุ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่แสวงหากำไร ลงวันที่ 15 ธ.ค. 2549 ล่วงเลยจากที่กฎหมายกำหนดไว้กว่า 90 วัน แม้นายภักดีจะอ้างหนังสือลาออกวันที่ 29 ก.ย. 2549 แล้ว แต่เป็นการลาออกไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ดังนั้นตามพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช. ถือว่านายภักดีไม่เคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการป.ป.ช. จึงไม่สามารถทำหน้าที่ป.ป.ช.ได้ แต่เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2557 ได้มีมติร่วมกับกรรมการป.ป.ช.คนอื่นออกคำสั่งไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหาตน สมัยเป็นรมว.ต่างประเทศ กรณีใช้สถานะหรือตำแหน่งแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ "ผมในฐานะมีส่วนได้เสียโดยตรงจึงให้ประธานป.ป.ช. ตรวจสอบคุณสมบัตินายภักดี และให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะได้ข้อยุติ หากไม่ตรวจสอบจะฟ้องคดีทางศาลกับนายภักดี และกรรมการป.ป.ช. ทุกคน ต่อไป"
ปปช.เปิดถก 18 ธ.ค.
นายปานเทพกล่าวว่า เรื่องนี้มีการฟ้องร้องเป็นคดีความในชั้นศาลจบไปหมดแล้ว และการตรวจสอบคุณสมบัติมีขึ้นก่อนเป็นกรรมการป.ป.ช. นายภักดีก็ทราบ อย่างไรก็ตามจะนำเข้าที่ประชุมป.ป.ช.วันที่ 18 ธ.ค.เพื่อพิจารณา และเปิดโอกาสให้นายภักดีชี้แจง รวมทั้งต้องดูข้อกฎหมายเพราะไม่แน่ใจว่ากรรมการมีอำนาจสอบกันเองหรือไม่
เมื่อถามว่าหากมีกรรมการขาดคุณสมบัติคดีที่เคยชี้มูลจะเป็นโมฆะหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลย้อนหลัง เพราะถ้ามีก็ยุ่งกันใหญ่ จึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นมติของกรรมการทั้ง 9 คน ไม่ใช่แค่กรรมการคนใดคนหนึ่ง
สปช.หนุนตั้งสภาท้องถิ่น
เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานสปช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญติดตามและให้ข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องการสรุปความเห็น ข้อเสนอแนะในการยกร่างรัฐธรรมนูญของกมธ.ปฏิรูป 18 คณะ ของสปช. เป็นวันที่ 3 พิจารณารายงานของกมธ.ปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น กมธ.ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน และกมธ.ปฏิรูปการเมือง
จากนั้นนายพงศ์โพยม วาศภูติ ประธานกมธ.การปกครองท้องถิ่น รายงานว่า เสนอให้รัฐต้องกระจายอำนาจและส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วม และท้องถิ่นมีเอกภาพ เป็นอิสระทางการคลัง จัดให้มีระบบคู่ขนานจัดสรรงบประมาณตามพื้นที่ควบคู่การจัดสรรงบประมาณตามภารกิจ รายได้รัฐที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นให้ขึ้นบัญชีเป็นรายได้ท้องถิ่นนั้นและรายได้ที่เกิดขึ้นให้จัดสรรแก่ท้องถิ่นไม่น้อยกว่าร้อยละ 60
โดยมีสมาชิก สปช.ลงชื่ออภิปรายกว่า 17 คน ส่วนใหญ่สนับสนุนให้ยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) และกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง ขอให้ตั้งสภาท้องถิ่นแห่งชาติ เพื่อรวบรวมหน่วยงานที่ ดูแลอปท.มารวมให้เป็นหน่วยงานเดียวเพื่อความเป็นเอกภาพ
นายวุฒิสาร ตันไชย กมธ.ยกร่างรัฐธรรม นูญ กล่าวว่า เราต้องออกแบบกลไกเพื่อเสริมสร้างอำนาจพลังประชาชนให้มีพื้นที่บริหารจัดการ ซึ่งการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นคือคำตอบสำคัญสำหรับการปฏิรูปประเทศ เดินมาถูกทางแล้วต้องเดิน ต่อไปและต้องออกแบบให้สอดคล้องต่อ การบริหารราชการและต้องไม่ใช่กับดัก รัฐธรรมนูญต้องเปิดกว้างให้มีความหลากหลาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญได้คือการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเดิมและร่างกฎหมายใหม่เพื่อตอบโจทย์การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เป็นหน้าที่ของสปช.และกมธ.ต้องดำเนินการต่อไป
กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
ต่อมา นายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน รายงานข้อเสนอต่อที่ประชุมว่า ให้จัดตั้งคณะกรรมการจริยธรรมและธรรมาภิบาลแห่งชาติ เพื่อรับผิดชอบพัฒนาระบบและกลไกการใช้หลักธรรมาภิบาลบริหารราชการแผ่นดิน ลดการแทรกแซงของภาครัฐในกลไกตลาด การบริหารประเทศต้องจัดแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว มุ่งเน้นผลประโยชน์ชาติและประชาชน ไม่ใช่ยึดตามนโยบายพรรคที่ใช้หาเสียง
ทั้งนี้ สมาชิกสปช.ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุนให้กระจายอำนาจให้ท้องถิ่นอย่างแท้จริง มอบอำนาจให้จังหวัดตั้งงบประมาณได้เอง และให้หน่วยงานในจังหวัดขึ้นตรงต่อจังหวัด เพื่อให้มีอำนาจบริหารสั่งการและแก้ปัญหาได้โดยตรง ซึ่งจะลดภาระจากส่วนกลาง ไม่ใช่ให้ส่วนกลางยึดโยงอำนาจทุกอย่างไว้
นายปรีชา วัชราภัย กมธ.ยกร่างรัฐธรรม นูญ ตั้งข้อสังเกตว่ากมธ.ยกร่างฯเห็นด้วยกับข้อเสนอของกมธ.ปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหาร การสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิ ผลให้เกิดขึ้นในระบบราชการ การจัดทำงบประมาณและการใช้อย่างมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์กับประเทศและประชาชนมากที่สุด จะนำข้อเสนอทั้งหมดไปพิจารณาในการยกร่างรัฐธรรมนูญ
กมธ.ดันเลือกตรงนายกฯ-ครม.
เวลา 14.40 น. นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการเมืองกล่าวเสนอแนะว่า หากเรายืนยันจะใช้ระบบรัฐสภาเหมือนเดิมก็ต้องช่วยหาวิธีแก้ปัญหาให้ได้ กมธ.จึงเสนอให้นำหลักแบ่งแยกอำนาจมาใช้ โดยแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายนิติบัญญัติอย่างชัดเจน นายกฯทำหน้าที่บริหารอย่างเดียวไม่ต้องทำหน้าที่นิติบัญญัติ จะได้ไม่มีอำนาจเหนือสภา เพราะการยุบสภามักทำเพื่อประโยชน์ของฝ่ายบริหาร ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติให้ส.ส.เสนอกฎหมายได้มากขึ้น ไม่มีอำนาจอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ให้มีอำนาจตรวจสอบผ่านการฟ้องฝ่ายบริหารแทน
นายสมบัติกล่าวว่า จุดแข็งของการแบ่งแยกอำนาจนี้ จะทำให้ประชาชนตรวจสอบประวัติผู้จะลงสมัครเป็นนายกฯ และรัฐมนตรีได้โดยตรง รัฐบาลไม่ต้องตอบแทน ส.ส. ลดการจูงใจการทุจริตในพื้นที่เพราะรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งโดยตรง ทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติมีเสถียรภาพ ไม่ถูกคุกคามจากฝ่ายบริหาร จุดอ่อนมีอยู่บ้างคือหากฝ่ายบริหารเหิมเกริมจะทำอย่างไร กมธ.จึงออกแบบให้ฝ่ายนิติบัญญัติมีอำนาจฟ้อง หากฝ่ายบริหารมีเสียงข้างน้อยในสภาจะผ่านกฎหมายยากจะทำอย่างไร มองว่าประเทศไทยไม่ใช่ระบบ 2 พรรค สามารถดึงพรรคอื่นมาร่วมรัฐบาลได้
ส.ส. 350 คน-วุฒิ 154 คน
นายสมบัติกล่าวว่า ให้มีรัฐบาลรักษาการระหว่างมีพ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง เพื่อเป็นผู้กราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯนายกฯคนใหม่ เขตเลือกตั้งให้เป็นแบบวันแมนวันโหวต มีจำนวนส.ส. 350 คน สำหรับวุฒิสภาให้มีทั้งหมด 154 คน มาจากเลือกตั้ง 77 คน และจากภาควิชาชีพอีก 77 คน ส่วนองค์กรอิสระทั้งหมดให้ปรับเปลี่ยนที่มาให้ปราศจากการแทรกแซงทางการเมือง ให้ออกกฎหมายใหม่ เช่น ป.ป.ช. ให้ฟ้องได้เองโดยไม่ต้องมีอัยการ คดีทุจริตไม่มีอายุความ หรือ กกต.ให้มีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี หรืออัยการห้ามดำรงตำแหน่งในองค์กรรัฐวิสาหกิจ ส่วนพรรคการเมืองต้องมีสมาชิกพรรคทั่วประเทศ สมาชิกพรรคมีอำนาจตรวจสอบการบริหารงาน การยุบพรรคจะทำได้ต่อเมื่อมีความผิดร้ายแรงเท่านั้น ส.ส.จะเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่เป็นก็ได้ ส่วนการสร้างความปรองดอง ห้ามมิให้พรรคหรือกลุ่มเมืองสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นต่อประเทศชาติ
"ปู่ชัย"ค้าน"เลือกตรง"ยิ่งซื้อเสียง
จากนั้นเปิดให้สมาชิกสปช.อภิปราย จากข้อเสนอให้เลือกนายกฯและครม.โดยตรงตามที่กมธ.ปฏิรูปการเมืองส่วนใหญ่เห็นชอบ มีกมธ.ปฏิรูปการเมืองหลายคนไม่เห็นด้วย อาทิ นายชัย ชิดชอบ นายดิเรก ถึงฝั่ง และนายนันทวัฒน์ บรมานันท์ ได้อภิปรายหักล้างชี้ให้เห็นถึงข้อเสีย เริ่มจากนายชัยกล่าวว่า ตนเข้ามาในฐานะตัวแทนพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ตั้งแต่ต้น ขนหัวลุกชันเลยเมื่อได้ยินเพราะมันไม่สามารถขจัดนายทุนพรรคและการซื้อเสียงได้เลย เล่นการเมืองมากว่า 40 ปี ไม่เคยเห็นนักการเมืองซื้อเสียงเข้าคุก ข้อเสนอดังกล่าวนายทุนพรรคสามารถเสนอรายชื่อรัฐมนตรีลงรับสมัครเลือกตั้ง แล้วเรียกเก็บเงินจากคนนั้นได้เป็นร้อยเป็นพันล้านบาทเพื่อนำไปสนับสนุน ส.ส.เขตหาเสียงได้อีก แล้วเอาผิดพวกเขาไม่ได้ จึงไม่เห็นด้วยเพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าพรรคได้รับการสนับสนุนเท่าไร กกต.ตรวจสอบไม่ได้ ป.ป.ช.ทำได้แต่การตรวจสอบทรัพย์สิน
"ข้อเสนอนี้ทำให้มีการซื้อเสียงมากขึ้น จากเดิมเลือก ส.ส.จ่ายกันหัวละ 100-500 บาท แต่ถ้าเลือกรัฐมนตรีเชื่อได้เลยว่าจ่ายไม่ต่ำกว่า 5,000-10,000 บาท เราจะให้ กกต.ไปประจำทุกหมู่บ้านเพื่อเฝ้าดูก็คงทำไม่ได้ และหากรัฐบาลมีส.ส.ในสภาไม่ถึงครึ่ง จะทำให้การออกกฎหมายเป็นไปได้ยาก จะนำไปสู่การต่อรองผ่านงบประมาณในสภาได้อีก ทั้งนี้เห็นว่า นายกฯต้องเป็นหัวหน้าพรรคและต้องเป็น ส.ส. มิเช่นนั้น เราไม่อาจเรียกได้ว่านายกฯมาจากประชาชน ส่วนครม.ให้เป็นหน้าที่สภาให้ความเห็นชอบ" นายชัยกล่าว
"ดิเรก"เสนอตัดส.ว.สรรหา
ด้านนายดิเรกกล่าวว่า ระบบนี้ไม่มีทางแก้ปัญหาซื้อสิทธิ์ขายเสียงได้ ระบบการเมืองมีอยู่ 3 รูป 1.ระบบควบอำนาจที่ประเทศเราทำกันอยู่ 2. ระบบแบ่งแยกอำนาจแบบสหรัฐ และ 3.ระบบผสมมีทั้งประธานาธิบดีและนายกฯ ซึ่งแต่ละประเทศจะเลือกระบบการเมืองที่เหมาะสมกับของตนเอง ตนเห็นว่าระบบที่เราเป็นอยู่ดีที่สุดแล้ว การจะแก้ทุจริตต้องแก้ที่คน
ส่วนการเลือกตั้งส.ว.นั้น เราพัฒนาการเมืองมาแล้ว 82 ปี ตั้งสมมติฐานเริ่มจากประชาชนยังไม่มีความรู้ จึงให้มีส.ว.ที่มาจากการสรรหา พอมาถึงรัฐธรรมนูญปี 2540 มองว่าคนไทยพัฒนามาแล้ว จึงให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด แต่รัฐธรรมนูญปี 2550 พาเราย้อนไปในอดีตอีก ให้มีส.ว.มาจากการสรรหาครึ่งหนึ่ง ทั้งที่รัฐประหารครั้งนั้นไม่มีประเด็นเกี่ยวกับความบกพร่องในการทำหน้าที่ของส.ว.อยู่เลย และพอมีส.ว.สรรหา ก็นำไปสู่การฟ้องร้องอีนุงตุงนังว่า ส.ส.และส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งแก้รัฐธรรมนูญโดยมิชอบ ถามว่าหากฝ่ายนิติบัญญัติแก้กฎหมายไม่ได้แล้วใครจะแก้ ตนจึงเสนอให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ส่วน ส.ส.เสนอให้ต้องสังกัดพรรค ระบอบประชาธิปไตย พรรคต้องได้รับการส่งเสริมให้เข้มแข็ง
"40ส.ว."ลุกโต้
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสปช. อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. ขอใช้สิทธิพาดพิงว่า ตนเป็นส.ว. สรรหา คนหนึ่งที่ยื่นหนังสือฟ้องผู้ที่เสนอแก้รัฐธรรมนูญคราวที่แล้ว ซึ่งป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิด และนายดิเรกเป็นคนหนึ่งที่ต้องเข้าสู่กระบวนการถอดถอน หากปล่อยให้เป็นแบบนี้จะทำให้ประชาชนที่ฟังอยู่เข้าใจผิด เพราะข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญครั้งที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย แก้ไขเนื้อหาโดยไม่ชอบ
นายดิเรกชี้แจงกลับว่า ร่างกฎหมายแก้ไขได้หากยังไม่เข้าสู่วาระในที่ประชุม ในอดีตสมาชิกรัฐสภาก็ทำแบบนี้เพราะยังไม่เข้าสู่วาระการประชุม หากเข้าสู่วาระไปแล้วมีการแก้ไข อย่างนั้นจึงจะถือเป็นการแก้ไขโดย ไม่ชอบ
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสปช. อดีตกลุ่ม 40 ส.ว. ขอให้สิทธิพาดพิงอภิปรายตอบโต้นายดิเรกอีก ทำให้น.ส.ทัศนา ต้องขอให้ยุติการพาดพิงในประเด็นดังกล่าวและ สั่งให้สมาชิกอภิปรายต่อไป
นันทวัฒน์ยันนายกฯมาจากสภา
ด้านนายนันทวัฒน์ บรมานันท์ กมธ.ปฏิรูปการเมือง อภิปรายคัดค้านการเลือกตั้งนายกฯ และครม.โดยตรงว่า หากพรรคใดเสนอบัญชีรายชื่อครม. ให้เลือกแล้ว แต่พบว่ามีคนเก่งที่เหมาะเป็นครม.อยู่ในบัญชีครม.ของพรรคอื่น อาจตัดโอกาสการเข้ามารับใช้ประเทศของบุคคลในบัญชีครม.พรรคอื่นๆ และขอเสนอให้นายกฯ มีที่มาจากระบบรัฐสภาแบบเดิมจะเหมาะสมที่สุด แต่ต้องเปลี่ยนวิธีตรวจสอบการเลือกตั้งให้ได้ผลดียิ่งขึ้นเพื่อให้ได้คนที่ดีที่สุดเข้ามาทำหน้าที่
"ส่วนครม. ต้องมีการกลั่นกรองก่อนนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมแต่งตั้ง ผมขอเสนอให้นายกฯ ทำบัญชีรายชื่อครม. เสนอให้รัฐสภาพิจารณาและให้ความเห็น โดยบุคลที่จะอยู่ในบัญชีครม. ต้องเป็นคนเก่ง ซื่อสัตย์ มีความถนัดเฉพาะด้านที่จะทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงนั้น จากนั้นให้นายกฯ นำบัญชีรายชื่อ ครม. เสนอต่อรัฐสภาเพื่อรับฟังความคิดเห็นและตรวจสอบประวัติจากบุคคลภายนอกรัฐสภาได้ด้วย หากตรวจสอบพบว่ามีคนที่สังคมไม่สนับสนุน นายกฯไม่ต้องตั้งบุคคลนั้นและให้บุคคลอื่นมาเป็นรมต." กมธ.ยกร่างฯ กล่าว
อลงกรณ์เสนอ 6 ประเด็น
นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิกสปช. อภิปรายว่า ตนเป็นกมธ.เสียงข้างน้อยที่ไม่เห็นด้วยในเรื่องการเลือกตั้งนายกฯและครม. โดยมีข้อเสนอ 6 เรื่อง 1.นายกฯควรมาจากฝ่ายนิติบัญญัติ โดยการเลือกจากส.ส. 2.การเสนอรายชื่อครม.ควรเสนออย่างเปิดเผยในช่วงหาเสียงเพื่อประกอบการตัดสินใจของประชาชน 3.สภาผู้แทนราษฎรคงรูปแบบเดิม 4.วุฒิสภาควรมาจากการเลือกตั้งโดยตรง และมาจากการเลือกองค์กรวิชาชีพต่างๆ
5.ในระบบถ่วงดุล การอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องไม่มีการลงมติ เพราะที่ผ่านเมื่อลงมติเสียงข้างมากไม่เคยยึดความถูกต้องชอบธรรม นี่คือความล้มเหลวและปมใหญ่ที่เราต้องแก้ไข จึงเสนอตั้งศาลปราบปรามการ ทุจริตคอร์รัปชั่น ให้ส.ส.ส่งเอกสารประกอบการอภิปรายให้ศาลวินิจฉัยภายใน 120 วัน เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงฝ่ายบริหาร นิติบัญ ญัติและตุลาการ และ6.ต้องสร้างพรรคให้เป็นสถาบันพรรค โดยปฏิรูปพรรค เพื่อวันข้างหน้าเราจะได้มีส.ส.เป็นตัวแทนของประชาชน ไม่ใช่เป็นตัวแทนของนายทุนหรือผู้ใหญ่ในพรรคไม่กี่คน
พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย สมาชิกสปช. อภิปราย เสนอว่าให้นายกฯมาจากคนกลางหรือคนนอกก็ได้ อาจเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญหรือบท เฉพาะกาล โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคัดเลือกนายกฯ และผ่านการทำประชามติจากประชาชน เพื่อป้องกันการยึดอำนาจ การฉีกรัฐธรรมนูญ และไม่ให้ใครมาฉกฉวยเป็นรัฐบาล อย่างน้อยเป็นบันไดหนีไฟขณะที่บ้านเมืองเกิดไฟไหม้ ซึ่งจะใช้ต่อเมื่อกรณีที่บ้านเมืองมีความขัดแย้งรุนแรงเท่านั้น
กมธ.ยกร่างชี้จุดอ่อนเลือกตั้งนายกฯ
จากนั้น นายคำนูณ สิทธิสมาน กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า ประเด็นรัฐบาลรักษาการในช่วงยุบสภาก่อนเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ กมธ.ปฏิรูปการเมืองได้เสนอรูปแบบให้ข้าราชการประจำขึ้นมาทำหน้าที่ครม.และนายกฯรักษาการ ซึ่งตรงกับที่กมธ.ยกร่างฯหารือกันในเบื้องต้น นอกจากนี้ การเสนอ ส.ส. 350 คน เห็นว่าเป็นตัวเลขที่ตรงกับอนุกมธ.สารัตถะ ชุดที่ 3 ที่มีนายสุจิต บุญบงการ เป็นประธาน ส่วนข้อเสนอให้มีคณะกรรมการอิสระว่าด้วยการประเมินแห่งชาติ ทำหน้าที่ประเมินข้าราชการประจำ ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งกมธ.ยกร่างฯให้ความสำคัญระหว่างรัฐบาลกับข้าราชการประจำด้วย ซึ่งเราจะนำข้อเสนอทั้งหมดไปพูดคุยในกมธ.ยกร่างฯต่อไป
นายคำนูณกล่าวว่า ประเด็นการจัดโครงสร้างองค์กรทางการเมืองระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเสนอเลือก นายกฯโดยตรงนั้น ในกมธ.ยกร่างฯ พูดคุยเบื้องต้นแล้วแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่เมื่อได้รับฟังเนื้อหาจากสมาชิกจึงขอตั้งข้อสังเกต ดังนี้ 1.เหตุผลหลักที่กมธ.ปฏิรูปการเมือง เสนอให้เลือกตั้งนายกฯโดยตรง เพื่อหวังขจัดการใช้เงินเข้าสู่อำนาจทางการเมือง ในส่วนนี้ตนยังไม่มั่นใจว่าจะมีหลักประกันอะไรหากเปลี่ยนระบบเลือกตั้งนายกฯ จะใช้เงินเข้าสู่อำนาจทางการเมืองน้อยลง อีกทั้งจุดอ่อนที่สำคัญคือการเลือกตั้งนายกฯโดยตรง และเลือกส.ส.ต้องเลือกในวันเดียวกัน จะทำให้มีการใช้เงินอย่างเป็นระบบ
หวั่นกระทบพระราชอำนาจ
กมธ.ยกร่างฯ กล่าวว่า การอ้างว่าหากใช้เขตเลือกตั้งแบบเขตใหญ่ ทำให้การซื้อเสียงไม่ได้ผล เพราะไม่มีใครกล้าทุ่มเงินซื้อเสียงจำนวนมากนั้น นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ เคยปรารภในการประชุมกมธ.ยกร่างฯ ถึง 2-3 ครั้งว่า เคยคิดผิดมาแล้วว่าการใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้งจะซื้อเสียงน้อยลง แต่ผลที่เกิดขึ้นกลับตรงข้าม มีการซื้อเสียงมากขึ้นและทำเป็นระบบมากขึ้น จึงสงสัยว่าการเลือกตั้งส.ส.และครม.ในวันเดียวกัน จะแตกต่างจากการเลือกตั้งส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อในระบบเดิมอย่างไร
นายคำนูณกล่าวว่า 2.กรณีการปรับครม. ตามคำสั่งของนายกฯจะทำได้หรือไม่ เพราะ ครม.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนเช่นเดียวกับนายกฯ ขณะเดียวกันจะกระทบกับพระราชอำนาจหรือไม่ เพราะการให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระนามให้รัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งตามที่นายกฯเสนอขึ้นไป จะเหมาะสมหรือไม่ เพราะครม.มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนเช่นกัน นอกจากนี้ แนวคิดเลือกนายกฯโดยตรงไม่ใช่ของใหม่ เคยเสนอมาแล้วในอดีตแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะนักวิชาการและสังคมเห็นว่าไม่เหมาะกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ม.มหิดลตั้งอธิการฯแทน"รัชตะ"
วันที่ 17 ธ.ค. นพ.วิรุณ บุญนุช ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดล(มม.) และกรรมการสภามม. เผยหลังประชุมสภามม.ว่า นพ.ประเวศ วะสี ประธานการสรรหาผู้เหมาะสมดำรงตำแหน่งอธิการบดีมม. เสนอรายชื่อผู้เหมาะสมดำรงตำแหน่งอธิการบดี แทนนพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ที่ยื่นหนังสือลาออกจากอธิการบดี โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.นี้ จำนวน 2 รายคือ นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และนพ.ประสิทธิ์ ผลิตผลการพิมพ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย ที่ประชุมได้พิจารณาคุณสมบัติความเหมาะสมในด้านต่างๆ และมีมติเป็นเอกฉันท์เลือกนพ.อุดมให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมม. คนต่อไป ระหว่างที่รอการโปรดเกล้าฯ ให้นพ.อุดมรักษาการอธิการบดีมม.ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2558
"สภามม.เห็นว่า นพ.อุดมมีคุณสมบัติเหมาะสมเพราะมีประสบการณ์การทำงานในด้านต่างๆ รวมถึงมีความสามารถด้านการบริหารงานค่อนข้างโดดเด่น มีความเป็นผู้นำสูง และเป็นที่ยอมรับของประชาคมมม. เชื่อว่าจะบริหารมหาวิทยาลัยให้ก้าวหน้าในระดับนานาชาติได้" นพ.วิรุณกล่าว