- Details
- Category: การเมือง
- Published: Thursday, 18 December 2014 12:26
- Hits: 6360
วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8786 ข่าวสดรายวัน
พระเผย'ศรีรัศมิ์'ยอมรับ! กับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ โน้ตลายมือติดหน้าบ้าน-ขอสงบ ขอบคุณสื่อห่วง-ตร.เฝ้า24ชม. 'ปาลิดา'ปัดเอี่ยวคดีเครื่องเสวย
ขอสงบ - น.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี เขียนโน้ตด้วยลายมือ ให้ตำรวจนำมาติดที่ประตูหน้าบ้านพัก อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี มีข้อความสรุปว่าขอปฏิบัติธรรมอย่างเงียบๆ ในบ้าน พร้อมครอบครัวด้วยความสงบ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. |
โน้ตลายมือ'ศรีรัศมิ์' เขียนติดป้ายหน้าบ้าน ขอปฏิบัติธรรมเงียบๆ อยู่บ้านกับครอบครัวด้วยความสงบ พร้อมขอบคุณสื่อที่ห่วงใย-คอยติดตาม ด้านเจ้าอาวาสวัดประดู่เผยได้เข้าไปรับบิณฑบาต พบศรีรัศมิ์ยังยิ้มแย้มแจ่มใส มีกิริยาอาการเหมือนเดิม โดยอยู่กับครอบครัวในสภาพปกติ ระบุท่านเข้าใจปัญหา-ยอมรับกับสิ่งที่เกิด จึงมีสภาพจิตใจดี ด้านตร.คุมเข้มรอบบ้าน 24 ช.ม. ฝากขัง บิ๊กกิ๊ก-พวกรวม 10 เป็นผัดที่ 3 ขณะที่ ปาลิดารุดให้ปากคำ-ปัดเอี่ยวคดีเครื่องเสวย อ้างแค่นางสุดาทิพย์นำชื่อไปจัดตั้งคณะบุคคล จ่อส่งฟ้องแก๊งบิ๊กกิ๊ก-ร่วมอุ้มลดหนี้ในสัปดาห์นี้
จากกรณีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรม โอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร นำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็น ลายลักษณ์อักษรว่า ขอพระราชทานกราบบังคมทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์แห่ง พระราชวงศ์ ซึ่งต่อมาความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว และได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต จากนั้นมีประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาอดีตพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ฯ ได้เดินทางไปทำบัตรประชาชนใหม่ ระบุสถานะในกองทะเบียนบัตรประชาชนว่า "น.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี" พร้อมแจ้งย้ายเข้าไปอยู่บ้านในต.วัดเพลง อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี โดยใช้ชีวิตอย่างสงบกับพ่อแม่และเน้นธรรมะ
จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชประสงค์ขอรับเงินพระราชทานจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อพระราชทานให้น.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี ใช้ในการดำรงชีพและดูแลครอบครัว ตามที่เคยเสนอข่าวไปนั้น
ตร.ตรวจเข้มรถเข้าออกบ้าน
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณบ้านพักของน.ส.ศรีรัศมิ์ ในต.วัดเพลง อ.วัดเพลง จ.ราชบุรี ยังเป็นไปอย่างเงียบเหงาและไม่มีความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน โดยมีตำรวจ สภ.วัดเพลง วางกำลังรักษาความปลอดภัย ตรวจสอบและสังเกตการณ์รถที่เข้าออกบ้านสุวะดีอย่างเข้มงวด หลังได้รับคำสั่งจากพ.ต.ท.ทรงศักดิ์ แก้วพลน้อย รรท.ผกก.สภ.วัดเพลง ให้วางกำลังอย่างเข้มงวดตลอด 24 ช.ม. และจดรายละเอียด พร้อมทั้งตรวจค้นรถที่เข้า-ออกภายในบ้านทุกคัน
จากนั้นเวลา 08.00 น. มีรถของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขวิ่งเข้าไปภายในบ้านพัก เพื่อฉีดยาให้กับนางวันทนีย์ สุวะดี แม่ของน.ส.ศรีรัศมิ์ จากนั้นนายสมศักดิ์ แซ่โล้ นายก อบต.วัดเพลง และตำรวจ สภ.วัดเพลง ได้ลงตรวจสอบพื้นที่สร้างป้อมตำรวจ ขึ้นมาทดแทนป้อมเก่าที่อยู่หน้าบ้านสุวะดี หลังถูกทุบทิ้งไปแล้ว โดยป้อมที่จะสร้างใหม่นั้น อยู่ห่างจากบ้านสุวะดีประมาณ 100 เมตร ทั้งนี้ได้เริ่มมีการนำดินมาถม และปรับหน้าดินในพื้นที่สร้างป้อมยามแห่งใหม่แล้ว
ศรีรัศมิ์เขียนโน้ต-ขอสงบ
ต่อมาเวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.วัดเพลง นำกำลังตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร บริเวณหน้าบ้านสุวะดี เพื่อตรวจตรารถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่สัญจรไปมาในพื้นที่ โดยสถานการณ์เป็นไปอย่างเรียบร้อย ซึ่งหลังจากนี้จะตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรทุกวัน พร้อมนำตู้ยามขนาด 3x3 เมตร มาตั้งเยื้องห่างจากบ้าน สุวะดี
พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะจัดระเบียบการทำงานของสื่อมวลชนบริเวณหน้าบ้านสุวะดี โดยสื่อมวลชนทุกคนต้อง ลงทะเบียนก่อนการทำงานทุกครั้ง เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และป้องกันผู้ไม่ประสงค์ดีเข้ามาปะปนกับสื่อมวลชน โดยตำรวจจะจัดวางกำลังรักษาความปลอดภัยหน้าบ้านสุวะดี ผัดละ 3 นาย ตลอด 24 ช.ม. ทั้งนี้ตำรวจจะปฏิบัติต่อน.ส.ศรีรัศมิ์ เหมือนประชาชนทั่วไป ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ อีกทั้งน.ส.ศรีรัศมิ์ ก็ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจแต่อย่างใด
คุม 24 ช.ม. - ตำรวจ สภ.วัดเพลง ตั้งจุดตรวจตรารถยนต์ที่ผ่านบริเวณหน้าบ้านสุวะดี โดยระบุว่าเพื่อป้องกันผู้ไม่ประสงค์ดี และจะปฏิบัติต่อ น.ส. ศรีรัศมิ์ สุวะดี เหมือนประชาชนทั่วไป ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น |
ถัดมาเวลา 17.00 น. พ.ต.ท.ทรงศักดิ์ นำกระดาษเอสี่ ระบุข้อความเขียนด้วยลายมือ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นของน.ส.ศรีรัศมิ์ ออกมาจากบ้านสุวะดี ก่อนติดประกาศไว้บริเวณหน้าประตูบ้าน โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า "เราขอขอบพระคุณผู้สื่อข่าวทุกท่าน ที่ให้ความเป็นห่วงเป็นใย คอยติดตามมาเสมอ เราขอความกรุณาผู้สื่อข่าวทุกท่านด้วย ช่วงนี้เราขอปฏิบัติธรรมเงียบๆ ในบ้านหลังนี้ พร้อมครอบครัวด้วยความสงบค่ะ" พร้อมลงท้ายลายมือชื่อ ศรีรัศมิ์ ลงวันที่ 17 ธ.ค.57
พระครูเผย"ศรีรัศมิ์"ยังยิ้มแย้ม
ด้านพระครูพิศาลจริยาภิรมย์ เจ้าอาวาสวัดประดู่ อ.วัดเพลง กล่าวว่า หลังน.ส.ศรีรัศมิ์ ลาออกจากฐานันดรศักดิ์ ได้ไปรับกิจนิมนต์บิณฑบาตที่บ้านสุวะดี พบท่านและครอบครัว ยังอยู่ในสภาพปกติ ยิ้มแย้มแจ่มใสและมีกิริยาอาการที่เหมือนเดิม ไม่ได้มีสิ่งใดที่ ผิดแปลกไปจากเดิม ซึ่งเข้าใจว่าเพราะท่านเป็นคนชอบปฏิบัติธรรม และประพฤติตนอยู่ในพรหมวิหาร 4 ที่มีทั้งความเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา ทำให้ท่านเข้าใจปัญหา และยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทำให้มีสภาพจิตใจที่ดี
พระครูพิศาลจริยาภิรมย์กล่าวอีกว่า ท่านเป็นคนที่เลื่อมใสในพุทธศาสนา ชอบสวดมนต์และถือศีลมาตั้งแต่เด็ก เมื่อครองฐานันดรศักดิ์ก็ช่วยเหลือและค้ำจุนพุทธศาสนาด้วยดีมาโดยตลอด อีกทั้งท่านยังเมตตาผู้สูงอายุและเด็กมาด้วยดีตลอด ทั้งนี้หลังจากท่านกลับมาอยู่ที่บ้านจะนิมนต์พระทั้ง 9 รูปให้ไปรับบิณฑบาตทางรถยนต์โดยตลอด แต่หากวันใดมีสื่อมวลชนและผู้คน อยู่หน้าบ้านท่านมาก ท่านจะให้คนที่บ้าน นำอาหารมาถวายที่วัดแทน อย่างไรก็ตามอาตมาเชื่อว่าอีกสักระยะหนึ่งท่านก็จะออกมาพบปะกับผู้คนดังเดิม
ฝากขังบิ๊กกิ๊ก-พวกผัดที่ 3
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก. และ เครือข่าย เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ศาลอาญา พ.ต.ท.สมเกียรติ ตันติกนกพร พนักงานสอบสวน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 631/2557 ลงวันที่ 21 พ.ย.2557 และที่ 644/2557 ลงวันที่ 26 พ.ย.2557 ได้ยื่นคำร้องฝากขังผัดที่ 3 ประกอบด้วย พล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก. ผู้ต้องหาคดีร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาต มาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทฯ เป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ด.ต.สุรศักดิ์ จันทร์เงา อดีตผบ.หมู่ กก. ปพ.บก.ป. ด.ต.ฉัตรินทร์ หรือจักรินทร์ เหล่าทอง อดีตผบ.หมู่ กก.ปพ.บก.ป. ผู้ต้องหาคดีเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ฯ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ฯ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ นางปิยพรรณ ชินนะประภา และนายชอบ ชินนะประภา น้องสาวและน้องเขยของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ผู้ต้องหาร่วมกันฟอกเงิน
โดยคำร้องระบุว่า ตามคำร้องฝากขัง ผู้ต้องหาครั้งที่ 2 ลงวันที่ 4 ธ.ค. ซึ่งศาลอาญาอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 6 คน มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 6-17 ธ.ค. ทั้งนี้การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานสำคัญอีก 35 ปาก รอผลการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน จากธนาคารที่เกี่ยวข้อง รอตรวจสอบและประเมินราคาทรัพย์ที่ตรวจยึดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และรอผลการตรวจพิสูจน์หรือเปรียบเทียบของกลางกับผู้ต้องหาจากกองพิสูจน์หลักฐาน ด้วยเหตุและความจำเป็นดังกล่าว จึงขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 6 คน เป็นครั้งที่ 3 มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-29 ธ.ค.
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เนื่องจากคดี มีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน รวมถึงเป็นอุปสรรค หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวนได้
อดีตผบก.รน.-ผกก.ปคบ.ด้วย
วันเดียวกัน พ.ต.ท.สมเกียรติ ยื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 3 ประกอบด้วย พล.ต.ต.บุญสืบ ไพรเถื่อน อดีตผบก.รน. และพ.ต.อ.วุฒิชาติ เลื่อนสุคันธ์ อดีตผกก.4 บก.ปคบ. ผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานจูงใจให้ผู้อื่นมอบผลประโยชน์ เจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ฯลฯ
โดยคำร้องฝากขังสรุปว่า ตามที่ศาลอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 2 ทั้ง 2 คน มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 6-17 ธ.ค.นั้น พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนปากคำพยานปากสำคัญอีก 14 ปาก รอผลการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารที่เกี่ยวข้อง รอผลตรวจสอบและประเมินราคาทรัพย์สินที่ตรวจยึดจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และรอผลการสอบสวนขยายผลถึงสถานที่เก็บซ่อนทรัพย์สินเพิ่มเติม
ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น จึงขอศาลอนุญาตฝากขังผู้ต้องหานี้ต่อไปอีกเป็นครั้งที่ 3 มีกำหนด 12 วัน นับแต่วันที่ 18-29 ธ.ค. ทั้งนี้หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว พนักงานสอบสวนขอคัดค้าน เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่า ผู้ต้องหาจะหลบหนีหรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน การปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาอาจเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวนได้
เผยฝากขังต่อ-รอบนี้ 10 คน
นอกจากนี้พ.ต.ท.วีระวุฒิ บำรุงสวัสดิ์ พนักงานสอบสวน ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 631/2557 ลงวันที่ 21 พ.ย.2557 ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 3 ประกอบด้วย นายเริงศักดิ์ ศักดิ์ณรงค์เดช และนางสวงค์ หรือสวงศ์ มุ่งเที่ยง สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาคดีร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพ.ร.บ.ป่าสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 และ 47
โดยคำร้องระบุว่า ตามที่ศาลอาญาอนุญาต ให้ฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 2 มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 6-17 ธ.ค. พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องสอบสวนปากคำพยานอีก 3 ปาก รอผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร และรอผลการตรวจพิสูจน์ซากสัตว์ป่าคุ้มครองของกลาง จากผู้เชี่ยวชาญของกรมประมง และกรมกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชมาประกอบสำนวนการสอบสวน ด้วยความจำเป็นดังกล่าวจึงขอ ฝากขัง ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนไว้ระหว่างสอบสวนเป็นครั้งที่ 3 มีกำหนด 12 วัน นับตั้งแต่วันที่ 18-29 ธ.ค.
จากนั้นศาลได้ดำเนินการฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 10 คน ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง สถานที่ควบคุมตัว โดยผู้ต้องหาทั้งหมดไม่คัดค้าน ศาลจึงอนุญาตฝากขังครั้งที่ 3 ผู้ต้องหาทั้งหมดได้ตามที่พนักงานสอบสวนร้องขอ
จ่อเด้งอีก-ตร.พันส่วยนมถ.
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. รรท.ผบช.ก. และโฆษกตร. กล่าวว่า วันนี้ไม่มี เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นหรือยึดทรัพย์บุคคลในตระกูลสุวะดี เนื่องจากไม่มีจุดที่ลงไว้ว่าต้องตรวจค้น โดยเฉพาะบ้านพักสุวะดี ตั้งอยู่เขตทวีวัฒนา กทม. เพราะส่วนใหญ่ได้ดำเนินการไปแล้วในตอนที่จับกุม และไม่มีการอายัดบ้าน
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้ากรณีส่วยตำรวจน้ำ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ได้รับรายงานแล้ว ซึ่งได้รับข้อมูลจากพล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เกี่ยวกับโพย รายชื่อของผู้กระทำผิดมาตรวจสอบ จาก การตรวจสอบพบข้อมูลหลายส่วนตรงกับ คำให้การของผู้ต้องหาที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาดำเนินการทางวินัย แต่ไม่อยากให้สังคมเชื่อจากข้อมูลของ ผู้กระทำผิดกฎหมายเพียงฝ่ายเดียว ต้องตรวจสอบข้อมูลทั้งสองด้าน ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้ต้องหาและฝ่ายเจ้าหน้าที่ด้วย จึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งนี้มีหลายกรณีที่หลักฐานตรงกัน ทั้งชื่อบุคคลและตัวเลข ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน เบื้องต้นจะเรียกตำรวจมาช่วยราชการอีกจำนวนหนึ่ง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ากี่นาย
ปาลิดาให้ปากคำ-ปัดไม่เกี่ยว
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สำหรับการสอบสวนดำเนินคดีนางสุดาทิพย์ ม่วงนวล ที่ร่วมกับเครือข่ายแอบอ้างเบื้องสูง เพื่อเอื้อประโยชน์ในการประมูลทำน้ำพริกและเครื่องเสวย พร้อมติดตามตัวน.ส.ปาลิดา หลักเฉลิมพร ซึ่งอยู่ในเครือข่ายมาสอบปากคำที่สน.สามเสน นั้น
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 14.00 น. น.ส.ปาลิดาเดินทางมาที่สน.สามเสน เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยให้การว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างประมูลขายของในนามคณะบุคคลน้ำทิพย์ และคณะบุคคลปณสุ ที่ขายผักสดและผักต้ม ส่งพระที่นั่งอัมพรสถาน และวังศุโขทัย เพียงแค่นางสุดาทิพย์ได้เอาชื่อของตนไปเพื่อจัดตั้งคณะบุคคลเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินกิจการกรณีดังกล่าว โดยพนักงานสอบสวนใช้เวลาสอบปากคำน.ส.ปาลิดา ประมาณ 2 ชั่วโมง ก่อนปล่อยตัวกลับไป
ส่วนกรณีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบบัญชีและอายัดทรัพย์สินผู้เกี่ยวข้องกับเครือข่ายพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์นั้น คณะพนักงานสอบสวน บก.น.1 จะประสานงานกับปปง. อีกครั้ง พร้อมเร่งรวบรวมหลักฐานและสรุปสำนวนส่งให้ตร. พิจารณาต่อไป
จ่อส่งฟ้องแก๊งบิ๊กกิ๊ก-ร่วมอุ้ม
สำหรับ กรณีเจ้าหน้าที่ดำเนินคดีนาย ชากานต์ ภาคภูมิ และนายณัฐพล สุวะดี ผู้ต้องหาในคดีข่มขู่ลดหนี้และทวงหนี้เพิ่มเติม ฐานแอบอ้างช่วยเหลือนายชากานต์ เนื่องจากมีเวลาเข้าเรียนที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ไม่ครบตามเกณฑ์ โดยนายณัฐพลอ้างว่านายชากานต์ติดภารกิจพิเศษถวายงานสถาบันเบื้องสูง ทำให้นายชากานต์เรียนจบนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติมภายในเรือนจำแล้ว รวมถึงสอบปากคำพยาน ซึ่งเป็นชุดสืบสวนกองบังคับการกองปราบปราม (บก.ป.) ที่ส่งเรื่องมาให้บช.น.ดำเนินคดี ส่วนการตรวจสอบหลักฐานเกี่ยวกับหนังสือเอกสารที่ลงลายเซ็นชื่อของนาย ณัฐพลนั้น คาดว่ากองทะเบียนประวัติอาชญากร (ทว.) จะสรุปส่งมาให้พนักงานสอบสวนภายในวันนี้ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อสรุปสำนวนส่งคณะพนักงานสอบสวน ตร. พิจารณาภายในสัปดาห์นี้
ส่วนการสรุปสำนวนคดีกลุ่มผู้ต้องหาแอบอ้างเบื้องสูงข่มขู่ทวงหนี้ และบังคับให้ ผู้เสียหายลดหนี้ ในพื้นที่สน.วัดพระยาไกร และสน.วัดพระโขนง ซึ่งมีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีทั้งหมด 11 ราย เบื้องต้นพล.ต.ท. ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ผู้ช่วยผบ.ตร. ได้รับมอบหมายเป็นหัวชุดพนักงานสอบสวน ตร. ให้พิจารณาตรวจพยานหลักฐาน โดยได้นัดพล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รองผบช.น. รับผิดชอบงานกฎหมายและคดี พร้อมคณะพนักงานสอบสวน บก.น.5 ไปประชุม ร่วมกันที่ตร. เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมได้ซักถามรายละเอียดเกี่ยว กับสำนวนคดี ตั้งแต่มูลเหตุที่เกิดขึ้น พฤติกรรมการกระทำผิดของผู้ต้องหาทั้งหมดสอดคล้องกับพยานหลักฐานหรือไม่ รวมถึงซักถามผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม จากนั้นคณะพนักงานสอบสวน ตร. มีความเห็นชอบให้คณะพนักงานสอบสวน บช.น. ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องคดี ตามพยาน หลักฐานทั้งหมดที่ได้สรุปสำนวนคดีส่งให้ตร.พิจารณา
ทั้งนี้ สำนวนคดีดังกล่าวได้ส่งมาที่บช.น. แล้ว ทางบช.น.ส่งมอบสำนวนดังกล่าวให้พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง และสน. วัดพระยาไกร สรุปสำนวนคดีส่งฟ้องภายในสัปดาห์นี้