ขออนุมัติร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเซเชลส์ ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Saturday, 23 December 2017 21:41
- Hits: 17289
ขออนุมัติร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเซเชลส์ ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต
เรื่อง ขออนุมัติร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเซเชลส์ ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเซเชลส์ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ
3. มอบหมายให้ กต. จัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามในข้อ 2
4. อนุมัติในหลักการให้ กต. มีหนังสือแจ้งฝ่ายเซเชลส์ เพื่อให้ความตกลงฯ มีผลบังคับต่อไป
5. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ โดยไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้ กต. สามารถดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
สาระสำคัญของความตกลงฯ เกี่ยวกับการยกเว้นการตรวจลงตรวจแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการของแต่ละฝ่ายในการเดินทางเข้า-ออก เดินทางผ่าน และพำนักอยู่ในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน ตามปฏิทินนับจากวันเดินทางเข้ามา
ซึ่งบุคคลเหล่านั้นจะต้องไม่มีส่วนร่วมในการทำงาน การทำธุรกิจและการทำกิจกรรมอื่นที่มีค่าตอบแทน รวมถึงให้การยกเว้นการตรวจลงตราแก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางทูตหรือหนังสือเดินทางราชการที่เป็นสมาชิกในคณะผู้แทนทางการทูต หรือทางกงสุล หรือผู้แทนของแต่ละฝ่ายในองค์การระหว่างประเทศที่อยู่ในดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่ง รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวของบุคคลเหล่านั้นของแต่ละฝ่ายอาจจะเข้าไปยัง พำนัก ผ่าน หรือออกจากดินแดนของอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องได้รับการตรวจลงตราเป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน และสามารถขยายไปจนสิ้นสุดวาระการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลเหล่านั้นเมื่อมีคำร้องขอจากกระทรวงการต่างประเทศของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ความ ตกลงนี้จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 60 นับจากวันที่ได้รับแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งสุดท้าย โดยภาคีคู่สัญญา ว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนภายในที่จำเป็นของตนเพื่อให้ความตกลงมีผลใช้บังคับแล้ว และมีผลใช้บังคับเป็นระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะขยายระยะเวลาออกไปอีกวาระละ 5 ปี โดยอัตโนมัติ เว้นแต่ภาคีคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกเลิก โดยแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า 6 เดือน
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 ธันวาคม 2560--