ขอขยายระยะเวลารับคำขอค้ำประกันสินเชื่อโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 2
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Saturday, 28 October 2017 20:25
- Hits: 27333
ขอขยายระยะเวลารับคำขอค้ำประกันสินเชื่อโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 2
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขอขยายระยะเวลารับคำขอค้ำประกันสินเชื่อโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 2 จากเดิม สิ้นสุดระยะเวลารับคำขอค้ำประกันวันที่ 31 ธันวาคม 2560 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินแล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน เป็น สิ้นสุดระยะเวลารับขอค้ำประกันวันที่ 30 มิถุนายน 2561 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงิน แล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เกิดประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น สามารถปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยได้มากขึ้นและเปิดโครงการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ รวมทั้งมีกลไกในการติดตามผลการดำเนินโครงการฯ อย่างเป็นรูปธรรม เห็นควรให้ กค. (บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) ดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้
1. เร่งประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มเป้าหมายได้ทราบถึงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และสิทธิพิเศษต่าง ๆ ของโครงการฯ เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการรายย่อยมาเข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มมากขึ้น
2. จัดทำรายงานผลการดำเนินโครงการฯ และผลสัมฤทธิ์รวมถึงปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น เสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ เพื่อช่วยเร่งรัดติดตามและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
กค.รายงานว่า เนื่องจากการดำเนินโครงการฯ ในระยะแรกจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจในหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของโครงการฯ ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัวส่งผลให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย ดังนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย โดยการเพิ่มโอกาสให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น และช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ จึงเห็นควรเสนอขอขยายระยะเวลาโครงการฯ จากเดิม สิ้นสุดระยะเวลารับคำขอค้ำประกันวันที่ 31 ธันวาคม 2560 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงิน แล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน เป็นสิ้นสุดระยะเวลารับคำขอค้ำประกันวันที่ 30 มิถุนายน 2561 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินแล้วแต่อย่างหนึ่งอย่างใดจะถึงก่อน ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่น ๆ ของโครงการ รวมถึงกรอบวงเงินงบประมาณยังคงให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559 ดังนี้
หัวข้อ/สาระสำคัญ
คุณสมบัติผู้ขอค้ำประกัน
เป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่ดำเนินธุรกิจโดยมีสถานประกอบการที่ชัดเจน มีเอกสาร หลักฐานรับรองว่าประกอบธุรกิจจริง และมีทรัพย์สินถาวร (ไม่รวมที่ดิน) ไม่เกิน 5 ล้านบาท
วงเงินค้ำประกัน
13,500 ล้านบาท
วงเงินค้ำประกันต่อราย
10,000 – 200,000 บาท รวมทุกสถาบันการเงิน
ระยะเวลาค้ำประกัน
ไม่เกิน 10 ปี
ระยะเวลาดำเนินโครงการ
สิ้นสุดระยะเวลารับคำขอค้ำประกันวันที่ 31 ธันวาคม 2560
ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน
ร้อยละ 1-3 ต่อปี ของวงเงินค้ำประกัน โดยพิจารณาตามความเสี่ยงของลูกค้า ทั้งนี้ รัฐบาลจ่ายค่าธรรมเนียมแทนผู้ประกอบการในปีแรก
การจ่ายค่าประกันชดเชยของ บสย.
บสย. จ่ายค่าประกันชดเชยตลอดโครงการไม่เกินค่าธรรมเนียมที่ได้รับบวกเงินสมทบจากรัฐบาล ร้อยละ 20 ของวงเงินอนุมัติค้ำประกัน
การชดเชยจากรัฐบาล
รัฐบาลชดเชยตามภาระที่เกิดขึ้นจริงเป็นเงิน จำนวน 3,105 ล้านบาท แบ่งเป็น
(1)ชดเชยค่าธรรมเนียมค้ำประกันอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ในปีแรกเป็นเงินจำนวน 405 ล้านบาท (ร้อยละ 3 x 13,500 ล้านบาท)
(2)ชดเชยการจ่ายค่าประกันชดเชยอัตราร้อยละ 20 ของวงเงินอนุมัติค้ำประกัน เป็นเงินจำนวน 2,700 ล้านบาท (ร้อยละ 20 x 13,500 ล้านบาท) โดยแบ่งจ่ายเป็นรายปีในช่วง 5 ปีแรก (ปีที่ 1 – 2 ในอัตราร้อยละ 7 และปีที่ 3 – 5 ในอัตราร้อยละ 2) ทั้งนี้ ให้ บสย. ให้เงินรายได้จากค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อของโครงการก่อน หากไม่เพียงพอจึงขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นเหมาะสมต่อไป
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 24 ตุลาคม 2560