การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง (ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับกรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน)
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Monday, 14 August 2017 15:43
- Hits: 3868
การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง (ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับกรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน)
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติ ดังนี้
1. เห็นชอบการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับกรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน และอนุมัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจการสถาปนาความสัมพันธ์ดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ
2. เห็นชอบในหลักการให้จังหวัดของไทยสามารถดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์ในระดับของไทยกับจังหวัด/เมือง/มณฑล ของทุกประเทศได้ โดยให้ มท. ดำเนินการให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติ และให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2547 (เรื่อง การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่แฝดระหว่างจังหวัดนครพนมกับจังหวัดฮาติงห์ สาธารณรัฐสังคมเวียดนาม) มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 10 มกราคม 2549 (เรื่อง การกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง) และมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 20 มกราคม 2558 [เรื่อง การสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง (Sister City) ระหว่างแม่สอดและเมียวดีเพื่อผลักดันการค้าขายชายแดน ไทย-เมียนมา ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จังหวัดตาก] ในเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา)
สาระสำคัญของเรื่อง
มท. รายงานว่า
ปัจจุบันการดำเนินงานด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศทั้งในระดับทวิภาคีและ พหุภาคีทั้งในระดับรัฐและในระดับต่ำกว่ารัฐมีพัฒนาการที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่นโยบายของรัฐบาลทุกสมัยให้การส่งเสริม การกระชับความสัมพันธ์ โดยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง (Sister Cites Connectivity) ในระดับจังหวัดของไทยกับต่างประเทศเป็นแนวโน้มใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระดับที่ต่ำกว่ารัฐ โดยปัจจุบันมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นโดยลำดับ การสถาปนาเมืองพี่เมืองน้องนั้นเป็นการกำหนดความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความมั่งคั่งและพัฒนาร่วมกันบนพื้นฐานของความเท่าเทียมและผลประโยชน์ร่วมกัน ภายในขอบเขตอำนาจหน้าที่ กฎหมายและกฎระเบียบที่ใช้บังคับของแต่ละฝ่าย โดยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและพันธกรณีระหว่างประเทศของทั้งสองฝ่าย
ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและการพัฒนาบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน
ขอบเขตความร่วมมือ ได้แก่ ด้านการค้า การเกษตร การสาธารณสุข การศึกษาและภัยพิบัติ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 สิงหาคม 2560