ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Saturday, 21 January 2017 20:58
- Hits: 1380
ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการจัดทำและลงนามร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่าง กก. แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการโรงแรมและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้ กก. พิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามอบหมายเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ (โดยระบุตำแหน่ง)
สาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ สรุปได้ดังนี้
1. เพิ่มประสิทธิภาพ สร้างความชัดเจน และขยายการประสานงานและความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวที่มีผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายในระยะยาว
2. ขับเคลื่อนและสนับสนุนให้เกิดการไหลของนักท่องเที่ยวทั้งสองประเทศ การประสานงานและความร่วมมือข้ามเขตชายแดนในการอำนวยความสะดวกการเดินทางและการข้ามแดน
3. ดำเนินการเรื่องการเชื่อมโยงภายในอาเซียนด้วยการสนับสนุนให้เกิดการไหลเวียนของนักท่องเที่ยวจากทั้งสองประเทศและประเทศที่สาม
4. ดำเนินการเรื่องการส่งเสริมและการตลาดร่วมกันเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ
5. ปรับปรุงการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว และการพัฒนาความสามารถด้านการประกอบอาชีพด้วยการให้เข้าร่วมการสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการ การประชุม และอื่น ๆ โดยเฉพาะการจัดหาทุนให้กับบุคลากรของรัฐ และนักเรียน นักศึกษาเพื่อศึกษาในระดับที่สูงขึ้น
6. สนับสนุนให้เกิดการแลกเปลี่ยนการเดินทางท่องเที่ยวและการเยือนอย่างเป็นทางการสำหรับภาคราชการและภาคเอกชน รวมทั้งสื่อมวลชนที่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของทั้งสองฝ่ายมีการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
7. ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งคณะทำงานเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะมีการนำร่างบันทึกความเข้าใจฯ นี้ไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8. ร่างบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ไม่มีเจตนาที่จะก่อให้เกิดพันธกรณีที่ผูกพันตามกฎหมายต่อผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่าย และจะเป็นไปตามกฎหมายข้อบังคับของทั้งสองประเทศ รวมทั้งจะมีผลบังคับใช้ในวันลงนาม และมีวาระสี่ปี และจะได้รับการต่ออายุโดยอัตโนมัติจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมีการยกเลิกบันทึกความเข้าใจภายในระยะเวลาอย่างน้อยหกเดือนก่อนวันสิ้นสุดการใช้บังคับ
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 มกราคม 2560