คสช. เคาะ 6,200 ล้านบาทร่วมทุนธนาคารโครงสร้างพื้นฐาน
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Thursday, 24 July 2014 12:27
- Hits: 3839
คสช. เคาะ 6,200 ล้านบาทร่วมทุนธนาคารโครงสร้างพื้นฐาน
คณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีมติร่วมทุนกับธนาคารโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย เบื้องต้นกำหนดลงขัน 6.2 พันล้านบาท
ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เผยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เห็นชอบในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก ผู้ก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) โดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังร่วมยกร่างข้อตกลง หรือ เอ็มโอยู ก่อนเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคณะรัฐมนตรี (ครม.) ลงนาม
หากต้องสมทบตามขนาดของจีดีพีแล้ว ในการชำระเบื้องต้นไทยจะต้องร่วมลงเงิน 198.63 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,200 ล้านบาท สำหรับธนาคาร AIIB เกิดขึ้นจากที่ประเทศจีนมีความริเริ่มจะตั้งกองทุนที่มีลักษณะเป็นสถาบันการเงินเพื่อให้กู้ยืมต่อชาติสมาชิกกองทุนในการไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยจีนได้กำหนดขนาดกองทุนไว้ที่ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.18 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่สมทบจากสมาชิกร่วมก่อตั้ง 75% และมาจากนอกภูมิภาคเอเชีย 25% ซึ่งการจัดสรรเงินสมทบขึ้นอยู่กับขนาดของเศรษฐกิจ
"การเห็นชอบให้ไทยแสดงเจตนารมณ์ครั้งนี้ เพื่อให้ไทยมีส่วนร่วมในการกำหนดรายละเอียดการระดมเงินทุนการจัดสรรหุ้น สิทธิการออกเสียง โครงสร้างการบริหาร ธรรมาภิบาล ตลอดจนรายละเอียดใน MOU และร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งAIIB ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยมากที่สุด และยังไม่มีผลผูกพันว่า ประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้นของ AIIB จนกว่าการเจรจาเพื่อยกร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้งAIIB แล้วเสร็จ และมีการลงนาม" ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าว
คสช.ให้คลังร่วมมือสมาชิกอาเซียนตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติราชการแทนรมว.คลัง กล่าวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังเข้าร่วมกับสมาชิกอาเซียนในการหารือกับกระทรวงการคลังสาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงรายละเอียดการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank: AIIB) ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้เสนอแนวคิดในการจัดตั้ง
ธนาคารดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการลงทุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ และจะเป็นแหล่งเงินทุนอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเซีย ซึ่งมีความต้องการเงินลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสูงมาก
ทั้งนี้ คสช. ได้ตระหนักดีถึงความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายตัวและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน อีกทั้งเป็นการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค รวมทั้งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ของภูมิภาค โดย คสช.ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังรายงานผลการหารือให้ คสช. ทราบในรายละเอียด เพื่อขออนุมัติลงนาม MOU ต่อไป
รอ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช.กล่าวถึงการเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย(Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) ว่า ในส่วนของประเทศไทยจะจัดสรรงบประมาณสมทบกองทุนฯ จำนวน 197 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 20% ของเงิน 993 ล้านเหรียญสหรัฐ(1.99%ของกองทุนทั้งหมด) ที่จัดสรรจาก GDP ของแต่ละประเทศ
อินโฟเควสท์
การหารือเพื่อการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 ได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังเข้าร่วมกับสมาชิกอาเซียนในการหารือกับกระทรวงการคลังสาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงรายละเอียดการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank: AIIB) ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นผู้เสนอแนวคิดในการจัดตั้ง โดยธนาคารดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการลงทุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ และจะเป็นแหล่งเงินทุนอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเซีย ซึ่งมีความต้องการเงินลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสูงมาก
ทั้งนี้ คสช. ได้ตระหนักดีถึงความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อการขยายตัวและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน อีกทั้งเป็นการส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาค รวมทั้งผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ของภูมิภาค โดย คสช.ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังรายงานผลการหารือให้ คสช. ทราบในรายละเอียด เพื่อขออนุมัติลงนาม MOU ต่อไป
สำนักการเงินการคลังอาเซียน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร 0 2273 9020 ต่อ 3312 กระทรวงการคลัง