WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

การถอนข้อสงวนข้อบทที่ 4 ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ

GOV5 copy copyการถอนข้อสงวนข้อบทที่4ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ

 

     คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เสนอ ดังนี้

      1.เห็นชอบให้ประเทศไทยถอนข้อสงวน ข้อบทที่4ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ

      2.มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ดำเนินการถอนข้อสงวนข้อบทที่4ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบต่อองค์การสหประชาชาติต่อไป

 

สาระสำคัญของเรื่อง

ยธ. รายงานว่า

     1.อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (International Convention on the Elimination of All Forms of Racial Discrimination : CERD)เป็นหนึ่งในสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งรับรองโดยข้อมติสมัชชาสหประชาชาติที่2106ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ สมัยที่20เมื่อวันที่21ธันวาคม2508และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่4มกราคม2512โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านและขจัดการเหยียดผิวและการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ ปัจจุบันมีประเทศที่เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ฉบับที่แล้ว177ประเทศ และลงนามในอนุสัญญาฯ แล้ว จำนวน6ประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่22เมษายน2559)สำหรับประเทศไทย คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่26พฤศจิกายน2545เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ และให้จัดทำข้อสงวนข้อบทที่4ซึ่ง กต. ได้ดำเนินการภาคยานุวัติเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ ส่งผลให้อนุสัญญาฯ มีผลใช้บังคับกับประเทศไทย ตั้งแต่วันที่27กุมภาพันธ์2546เป็นต้นมา

      2.อนุสัญญาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านและขจัดการเหยียดผิว และการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ โดยข้อบทที่4ของอนุสัญญาฯ กำหนดให้รัฐภาคีประณามการโฆษณาชวนเชื่อทั้งมวลและองค์กรทั้งปวงตั้งอยู่บนพื้นฐานของความคิดหรือทฤษฎีของความเหนือกว่าของชนชาติหนึ่งเชื้อชาติใด หรือของกลุ่มบุคคลตามสีผิวหรือเผ่าพันธุ์กำเนิด หรือที่พยายามให้เหตุผลรองรับ หรือส่งเสริมความเกลียดชังระหว่างเชื้อชาติหรือการเลือกปฏิบัติในรูปแบบใดก็ตามและตกลงที่จะจัดให้มีมาตรการในทางบวกในทันทีที่จะขจัดการกระตุ้นหรือการกระทำที่เลือกปฏิบัติและเพื่อการนี้ จะดำเนินการต่าง ๆ โดยคำนึงถึงหลักการที่ปรากฏอยู่ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติและสิทธิต่าง ๆ

    3.การถอนข้อสงวนในส่วนข้อบทที่4ของอนุสัญญาฯ เป็นการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติที่ไทยได้รับไว้ในชั้นการนำเสนอรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศไทยตามกลไกUniversal Periodic Review (UPR)รอบที่1และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติแห่งสหประชาชาติ ซึ่งประเทศไทยต้องส่งรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ ภายในปี2559ซึ่งการถอนข้อสงวนดังกล่าวจะเป็นพัฒนาการที่สำคัญอีกประการที่ประเทศไทยสามารถนำเสนอต่อเวทีโลก อันจะส่งผลเชิงบวกต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ

     ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่7มิถุนายน2559

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!