WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ร่างกฎหมายกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท

GOVร่างกฎหมายกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท

 

     เรื่อง ร่างกฎหมายกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. ....

   คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

 

มท. เสนอว่า

1. เดิมได้มีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยน การใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ ลงวันที่ 3 เมษายน 2556 มีผลใช้บังคับเป็นการชั่วคราวมีกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ 8 พฤษภาคม 2556 โดยจะครบกำหนดในวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ประกอบกับเมื่อยังไม่ได้ดำเนินการออกกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยภายในกำหนดระยะเวลา 1 ปีดังกล่าว จึงมีผลทำให้ประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวเป็นอันยกเลิก ทั้งนี้ ตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาหาร พ.ศ. 2522

2. แต่โดยที่ มท. พิจารณาแล้วเห็นว่า พื้นที่บางส่วนในจังหวัดเชียงใหม่ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวข้างต้น สมควรกำหนดเป็นบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร บางชนิดหรือบางประเภทต่อไป เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการควบคุมความหนาแน่นของอาคาร จึงสมควรกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งคณะกรรมการควบคุมอาคารได้พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว และจังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ด้วยแล้ว

 

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง

1. กำหนดให้การคำนวณพื้นที่ใช้สอยอาคารพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่ง ให้คำนวณเฉพาะพื้นที่อาคารที่ใช้ประโยชน์เพื่อประกอบกิจการพาณิชยกรรมประเภทค้าปลีกค้าส่งเท่านั้น

2. กำหนดให้ท้องที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นบริเวณห้ามก่อสร้างอาคารพาณิชยกรรม ประเภทค้าปลีก ค้าส่ง ที่มีพื้นที่ใช้สอยอาคารรวมกันเพื่อประกอบกิจการในอาคารหลังเดียวกันหรือหลายหลังตั้งแต่ 300 ตารางเมตรขึ้นไป เว้นแต่พื้นที่บริเวณตามกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลหนองหาร ตำบลป่าไผ่ ตำบลสันทรายหลวง ตำบลหนองจ๊อม ตำบลสันนาเม็ง ตำบลสันทรายน้อย ตำบลสันพระเนตร อำเภอสันทราย ตำบลเหมืองแก้ว ตำบลริมใต้ ตำบลแม่สา ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม ตำบลสันผีเสื้อ ตำบลป่าตัน ตำบลช้างเผือก ตำบลฟ้าฮ่าม ตำบลสุเทพ ตำบลหนองป่าครั่ง ตำบลศรีภูมิ ตำบลช้างม่อย ตำบลวัดเกต ตำบลพระสิงห์ ตำบลช้างคลาน ตำบลท่าศาลา ตำบลหายยา ตำบลหนองหอย ตำบลป่าแดด ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ต ตำบลสันกลาง ตำบลต้นเปา อำเภอสันกำแพง ตำบลไชยสถาน ตำบลท่าวังตาล ตำบลหนองผึ้ง ตำบลป่าบง ตำบลยางเนิ้ง ตำบลชมพู ตำบลดอนแก้ว ตำบลหนองแฝก ตำบลสารภี ตำบลขัวมุง ตำบลท่ากว้าง อำเภอสารภี ตำบลหนองควาย ตำบลน้ำแพร่ ตำบลสันผักหวาน ตำบลบ้านแหวน ตำบลสบแม่ข่า ตำบลขุนคง ตำบลหางดง และตำบลหนองแก๋ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. 2547

3. กำหนดให้ภายในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดตามข้อ 2 ห้ามบุคคลใดดัดแปลงหรือเปลี่ยนการใช้อาคารใด ๆ ให้เป็นอาคารชนิดหรือประเภทที่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในข้อ 2

4. กำหนดให้อาคารที่มีอยู่แล้วในบริเวณพื้นที่ที่กำหนดตามข้อ 2 ก่อน หรือในวันที่กฎกระทรวงนี้  ใช้บังคับให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ แต่ห้ามดัดแปลงหรือเปลี่ยนการใช้อาคารดังกล่าว ให้เป็นอาคารชนิดหรือประเภทที่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในข้อ 2

5. กำหนดให้อาคารที่ได้รับใบอนุญาตหรือใบรับแจ้งการก่อสร้าง ดัดแปลงหรือเปลี่ยนการใช้อาคารตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร หรือที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายเฉพาะว่าด้วยกิจการนั้น ก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ และยังก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารไม่แล้วเสร็จ ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงนี้ แต่จะขอเปลี่ยนแปลงการอนุญาตหรือการแจ้งให้เป็นการขัดต่อกฎกระทรวงนี้ไม่ได้

                ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 กันยายน 2558-

ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้

 

สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา

1. วัตถุประสงค์ของ สทอภ.

1.1 แก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของ สทอภ. ในการศึกษาวิเคราะห์และเป็นศูนย์ข้อมูลด้านภูมิสารสนเทศและข้อมูลจากแหล่งสำรวจอื่น ๆ นอกเหนือจากข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม รวมถึงการให้บริการ ให้คำปรึกษา และพัฒนาบุคลากรในด้านเทคโนโลยีอวกาศและการสำรวจข้อมูลจากระยะไกลด้วยระบบภูมิสารสนเทศเพื่อให้ครอบคลุมภารกิจของ สทอภ.

1.2 แก้ไขเพิ่มเติมขอบเขตการให้บริการข้อมูลที่ได้จากเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศของ สทอภ. ให้หมายความรวมถึงการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวกับ หรือต่อเนื่องกับ หรือสนับสนุนการให้บริการข้อมูลฯ เพื่อให้ สทอภ. สามารถให้บริการอุปกรณ์เครื่องมือ หรือการให้บริการอื่น ๆ แก่ผู้ขอรับบริการ และทำให้ผู้ขอรับบริการสามารถประยุกต์ใช้ข้อมูลได้ทั้งระบบอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งปรับปรุงความสามารถในการให้บริการด้านการสำรวจ รังวัด การออกแบบวางผังพื้นที่ การจัดทำแผนที่ต่าง ๆ

1.3 แก้ไขเพิ่มเติมความสามารถในการศึกษา ค้นคว้า วิจัย พัฒนาและดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องหรือต่อเนื่องกับเทคโนโลยีอวกาศให้ครอบคลุมภูมิสารสนเทศในทุกภารกิจของ สทอภ. รวมทั้งการไม่จำกัดลักษณะหรือขนาดของดาวเทียมที่พัฒนาขึ้น

1.4 แก้ไขเพิ่มเติมบทบาทในการตรวจสอบมาตรฐานกลางด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ รวมถึงส่งเสริมการใช้งานมาตรฐานด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศของประเทศโดยรวมใน  ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน

2. อำนาจหน้าที่กระทำกิจการของ สทอภ.

2.1 แก้ไขเพิ่มเติมความสามารถในการทำนิติกรรมของ สทอภ. เพื่อให้ สทอภ. สามารถดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวกับการให้บริการข้อมูลฯ ทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.2 แก้ไขเพิ่มเติมความสามารถในการเข้าร่วมทุน การร่วมลงทุนร่วมกิจการ ดำเนินงานร่วมกับนิติบุคคลอื่น หรือจัดตั้งนิติบุคคลอื่นได้ รวมทั้งการเข้าถือหุ้นกับนิติบุคคลอื่น เพื่อสนับสนุนให้ สทอภ. สามารถดำเนินกิจการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างกว้างขวางและตอบสนองนโยบายการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในด้านการเคลื่อนย้ายการลงทุนอย่างเสรี และเป็นการเสริมสร้างการลงทุนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ สทอภ. ที่ประเทศสมาชิกอาเซียนเปิดให้ลงทุนตามกรอบประชาคมอาเซียน

3. แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหาร สทอภ. ในการจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อื่นแก่เจ้าหน้าที่และลูกจ้าง สทอภ. โดยระบุให้คณะกรรมการบริหาร สทอภ. มีอำนาจหน้าที่ในการจัดสวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อื่นแก่เจ้าหน้าที่และลูกจ้างรวมถึงการจัดสวัสดิการ และสิทธิประโยชน์อื่นนอกเหนือจากสวัสดิการ และสิทธิประโยชน์ที่สำนักงานจัดให้ตามปกติ โดยใช้ทุนและทรัพย์สินของสำนักงาน โดยถือว่าเป็นการใช้จ่ายเงินไปเพื่อกิจการของสำนักงานตามมาตรา  12 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2543 เพื่อให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น

                ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 กันยายน 2558 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!