ครม.ไฟเขียวแผนช่วย SMEs หนุนแหล่งเงินทุน ลดภาษี พร้อมดึงออมสินปล่อยกู้ซอฟท์โลน ดบ.ต่ำไม่เกิน 4%
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 08 September 2015 23:02
- Hits: 9176
ครม.ไฟเขียวแผนช่วย SMEs หนุนแหล่งเงินทุน ลดภาษี พร้อมดึงออมสินปล่อยกู้ซอฟท์โลน ดบ.ต่ำไม่เกิน 4%
'สมคิด' เผย ครม.ไฟเขียวมาตรการช่วย SMEs สนับสนุนแหล่งเงินทุน - ลดภาษี ด้านรมว.คลัง เผยดึงแบงก์ออมสินปล่อยกู้ซอฟท์โลน คิดดบ.ต่ำไม่เกิน 4% อนุมัติลดหย่อนภาษี SMEs เหลือ 10% จาก 15% นอกจากนี้ ยังให้ออมสิน กรุงไทย เอสเอ็มอีแบงก์ ตั้งกองทุนช่วยเหลือ SMEs วงเงินก้อนแรก 6,000 ลบ.พร้อมอนุมัติปิดโครงการรถคันแรก 30 ก.ย.นี้ ชี้รัฐจะต้องชดเชยจ่ายภาษีรวม 80,000-90,000 ลบ. แถมคลอดโครงการส่งเสริมระดับตำบล วงเงินตำบลละ 5 ลบ. เร่งสร้างการจ้างงาน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมครม.มีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี (SMEs) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของ SMEs จากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย เพื่อช่วยกันเสริมสร้างความเข้มแข็งของSMEs ในอนาคต และสร้างผู้ประกอบการใหม่
สำหรับ มาตรการดังกล่าว แบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากเศรษฐกิจ เพื่อให้ SMEs ยืนอยู่ได้ ซึ่งจะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ช่วยแก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยปัจจุบัน SMEs เข้าถึงได้แหล่งเงินทุนได้ยาก และแม้จะเข้าถึงได้ก็ต้องเสียอัตราดอกเบี้ยสูง และสองคือเรื่องของปัญหาเงินทุนน้อย โดยเฉพาะ SMEs ใหม่ ที่ต้องการเริ่มต้นแต่มีแหล่งทุน - ได้รับความช่วยเหลือเงินทุนค่อนข้างต่ำ และสามการคือการบรรเทาภาระภาษี ในภาวะเศรษฐกิจซบเซา เพราะนอกจาก SMEs ลำบากแล้วยังต้องแบกรับต้นทุนสูง "ผมคิดว่ามาตรการที่ทำดีกว่าที่ดำเนินการมา และมาตรการดังกล่าวเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีอีกหลายมาตรการ ทุกคนมีสิทธิคาดหวัง การทำงานทำในสิ่งที่ควรจะทำ"นายสมคิด กล่าว
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงษ์ รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการที่ออกมาช่วยเหลือ SMEs นั้นจะแบ่งเป็นมาตรการช่วยเหลือทางการเงิน และมาตรการทางภาษี โดยมาตรการทางการเงินนั้น จะให้ธนาคารออมสินปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน วงเงินกู้ 100,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 4% ต่อปี คาดรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ออมสินรวม 2,800 ล้านบาท ระยะเวลากู้ไม่เกิน 7 ปี นอกจากนี้ยังดึงสถาบันการเงินทั่วประเทศเข้าร่วมในการปล่อยกู้ด้วย
ส่วนมาตรการที่ 2 คือ นำหน่วยงานที่มาเกี่ยวข้องเข้ามาค้ำประกันให้กับ SMEs เพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินได้ เพราะที่ผ่านมาในภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำนั้น ธนาคารพาณิชย์ไม่ค่อยกล้าปล่อยสินเชื่อให้กับ SMEs มากนัก
สำหรับมาตรการการเงินที่ 3 คือ ช่วยเหลือ ในเรื่องฐานทุนให้กับ SMEs ขนาดเล็ก ที่มีเงินทุนไม่เพียงพอ โดยจะมีการจัดตั้งกองทุน ร่วมกันระหว่างธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ รวมวงเงินกองทุนก้อนแรก 6,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเรื่องฐานเงินทุน
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องภาษีมาตรการภาษีนั้น ครม.มีมติอนุมัติให้ SMEsได้รับการลดหย่อนภาษีเหลือ 10% จากเดิม 15% เป็นเวลา 2 ปี เพื่อช่วยเหลือ SMEs ซึ่งปัจจุบัน SMEs ขนาดเล็กที่มีกำไร 0-300,000 บาทนั้น ได้รับการลดหย่อนภาษี และตั้งแต่ 300,000 บาท- 3 ล้านบาทนั้น เสียในอัตรา 15% นอกจากนี้หากเป็น SMEs เริ่มต้นที่จดทะเบียนตั้งแต่ 1 ต.ค. 58-31 ธ.ค. 59 และเป็นธุรกิจที่เป็นประโยชน์จะได้รับการลดหย่อนภาษีนานถึง 5 ปี
ด้านนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณากำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการรับมอบรถยนต์ตามโครงการรถยนต์คันแรก โดยกำหนดให้ สิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยผู้ขอใช้สิทธิจะได้รับสิทธิตามโครงการรถยนต์คันแรกได้จะต้องรับมอบรถยนต์ภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้เท่านั้น โดยจากการสำรวจในช่วงก่อนเดือนกันยายน มีประชาชนเพียง 3-4 รายต่อเดือนเท่านั้น ที่เข้ามาขอยื่นใช้สิทธิในโครงการดังกล่าว จากจำนวนที่จองสิทธิ์ 100,000 ราย
"มีเพียง 10,000 ราย จาก 100,000 รายเท่านั้นที่เสียเงินค่าจองรถ เพื่อเข้าร่วมโครงการ แต่มีการรับรถจริงไม่ถึง 3,000 รายเท่านั้น จึงคาดว่าจำนวนที่รัฐจะต้องชดเชยจ่ายภาษี คิดเป็นวงเงินรวม 80,000-90,000 ล้านบาท"นายวิสุทธิ์ กล่าว
ขณะที่พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม.ว่า นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำกับรัฐมนตรีว่า ในขณะนี้ด้วยเหตุการณ์ต่างๆส่งผลให้การทำงานมีมากขึ้น จึงถือเป็นเรื่องท้าทาย ดังนั้นควรใช้เวลาให้คุ้มค่าอย่างเต็มที่ ให้แต่ละกระทรวง กำหนดภารกิจของตัวเอง เป็นตัวนำในการทำงาน ระบุหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนว่าทำงานเกี่ยวกับอะไร และต้องมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ นายกฯยัง ห่วงเรื่องที่อยู่อาศัย จะทำอย่างไรในการยกระดับ ตามชุมชนต่างๆให้อยู่บนตึกให้ได้ ให้กระทรวงทรัพยากรมนุษย์ฯ หารือกับภาคเอกชน เพื่อร่วมลงทุนกับรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน ขณะเดียวกันยังระบุถึงการส่งเสริมสินค้าประเภท สิ่งทอ โดยให้แต่ละหน่วยงานไปคิดว่า การทำสินค้าให้เป็นพรีเมี่ยมต้องนำเข้าวัสดุต้นทุน เช่น หนัง ผ้า เพื่อให้สามารถแข่งขันต่างประเทศได้
พล.ต.วีรชน กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เห็นชอบ เรื่องการเสนอหลักเกณฑ์ขั้นตอน ความเป็นอยู่ระดับตำบล โดยอนุมัติการจัดสรรงบประมาณการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท โดยงบประมาณที่จะจัดสรรแต่ละตำบลนั้น ให้นับรวมที่ได้รับการจัดสรรตามมาตรการเร่งด่วน และความยากจน ของกระทรวงมหาดไทยด้วย ซึ่งหากตำบลได้ได้รับการจัดสรรวงเงินครบ 5 ล้านบาทแล้ว จะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในมาตรการดังกล่าว แต่หากได้รับการจัดสรรเงินจากโครงการอื่นแล้ว แต่ยังไม่ครบวงเงิน จะได้รับการอนุมัติตามกรอบวงเงินที่เหลือ
สำหรับ แนวทางการจัดทำงบประมาณ จะต้องเป็นโครงการเกี่ยวกับการซ่อมแซม เช่น ซ่อมแซมแหล่งน้ำ สถานพยาบาล โรงเรียน เป็นต้น โครงการส่งเสริมพัฒนาขุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง การเปลี่ยนแปลงอาชีพ การปลูกต้นไม้หรือป่าชุมชน การเพิ่มศักยภาพ การประกอบอาชีพ ส่งเสริมการประกอบอาชีพ เป็นต้น
ด้านหลักเกณฑ์การตรวจสอบ จะต้องผ่านคณะกรรมการหมู่บ้านหรือชุมชน และโครงการที่จัดทำขึ้นนั้นจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการของหน่วยราชการที่ดำเนินการอยู่ในพื้นที่ และเป็นโครงการที่หมู่บ้านต้องใช้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง และใช้ได้ทันทีเมื่อมีการอนุมัติ และดำเนินการได้ภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ สถานที่ดำเนินการจะต้องเป็นสถานที่สาธารณะ มีหนังสืออนุญาติให้ใช้ประโยชน์ เพื่อเป็นการจ้างงานในระดับตำบล ส่งเสริมการกระจายรายได้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย