ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 24 July 2024 17:30
- Hits: 8188
ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม ของการรถไฟแห่งประเทศไทยในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
คณะรัฐมนตรีมีอนุมัติตามที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) เสนอการใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ ในเขตปฏิรูปที่ดิน เนื้อที่รวมประมาณ 1,537 - 3 - 04 ไร่ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม เนื้อที่รวมประมาณ 1,917 - 3 - 75 ไร่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อให้ รฟท. สามารถดำเนินงานโครงการก่อสร้างได้ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด และ คปก. จะได้พิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ที่ดินตามที่กฎหมายกำหนดต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
คปก. รายงานว่า
1. การดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม ของ รฟท. ทั้ง 2 โครงการ เป็นโครงการของรัฐที่คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติอนุมัติให้ดำเนินการแล้ว (มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 31 กรกฎาคม 2561, 28 พฤษภาคม 2562) ซึ่งเป็นประโยชน์ส่วนรวมของประเทศในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ และมีความจำเป็นต้องขอความยินยอมหรือขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อดำเนินการก่อสร้าง โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
รายละเอียดโครงการ |
พื้นที่ของโครงการที่ต้องขอความยินยอมหรือขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน |
(1) โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ เป็นโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่สายใหม่ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด 17 อำเภอ 59 ตำบล ประกอบด้วยจังหวัดแพร่ ลำปาง พะเยา และเชียงราย โดยมีจุดเริ่มต้นที่สถานีเด่นชัย จังหวัดแพร่ และสิ้นสุดที่สถานีเชียงของ จังหวัดเชียงราย แบ่งเป็นทางรถไฟระยะทาง 323.10 กิโลเมตร อุโมงค์รถไฟจำนวน 4 แห่ง คือ อำเภอสอง 2 แห่ง มหาวิทยาลัยพะเยาและดอยหลวงรวม 14.415 กิโลเมตร คันทางคู่สูงเฉลี่ย 4 เมตร ป้ายหยุดรถไฟ จำนวน 13 แห่ง สถานีรถไฟขนาดเล็ก จำนวน 9 แห่ง และสถานีรถไฟขนาดใหญ่จำนวน 4 แห่ง รวมทั้งสิ้น 26 สถานี ลานบรรทุกตู้สินค้า จำนวน 5 แห่ง ถนนยกข้ามทางรถไฟ (Overpass) จำนวน 39 แห่ง ถนนลอดใต้ทางรถไฟ (Underpass) จำนวน 103 แห่ง พร้อมการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมและสร้างรั้วสองแนวข้างทางตลอดเส้นแนวทางรถไฟ ซึ่งต่อมา รฟท. ได้ลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการดังกล่าว จำนวน 3 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย - งาว สัญญาที่ 2 ช่วงงาว - เชียงราย และสัญญาที่ 3 เชียงราย - เชียงของ |
1,537 - 3 - 04 ไร่ |
(2) โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่ - มหาสารคาม - ร้อยเอ็ด - มุกดาหาร - นครพนม เป็นโครงการก่อสร้างทางรถไฟใหม่ จำนวน 2 เส้นทาง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด 19 อำเภอ 70 ตำบล ประกอบด้วยจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร และนครพนม โดยมีจุดเริ่มต้นที่สถานีบ้านหนองแวงไร่ จังหวัดขอนแก่น และสิ้นสุดที่สถานีสะพานมิตรภาพ 3 จังหวัดนครพนม โดยแบ่งเป็น (1) ทางรถไฟระดับดินระยะทาง 346 กิโลเมตร คันทางรถไฟสูงเฉลี่ย 4 เมตร และ (2) เป็นโครงสร้างทางรถไฟยกระดับ 9 กิโลเมตร ก่อสร้างป้ายหยุดรถไฟ จำนวน 12 แห่ง สถานีรถไฟขนาดเล็กจำนวน 9 แห่ง สถานีรถไฟขนาดกลาง จำนวน 5 แห่ง และสถานีรถไฟขนาดใหญ่ จำนวน 4 แห่ง รวมทั้งสิ้น 18 สถานี มีลานบรรทุกตู้สินค้า จำนวน 3 แห่ง มีย่านกองเก็บตู้สินค้า จำนวน 3 แห่ง ถนนยกข้ามทางรถไฟ (Overpass) จำนวน 81 แห่ง ถนนลอดใต้ทางรถไฟ (Underpass) จำนวน 245 แห่ง พร้อมการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคมและสร้างรั้วสองแนวข้างทางตลอดเส้นแนวทางรถไฟ ซึ่งต่อมา รฟท. ได้ลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการดังกล่าว จำนวน 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 บ้านไผ่ - หนองพอก และสัญญาที่ 2 หนองพอก - สะพานมิตรภาพ 3 |
1,917 - 3 - 75 ไร่ |
รวมทั้งสิ้น |
3,455 - 2 - 79 ไร่ |
2. การดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟของ รฟท. ทั้ง 2 เส้นทาง จะต้องเข้าดำเนินการในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เนื้อที่รวมประมาณ 3,455 - 2 - 79 ไร่ โดย รฟท. ซึ่งเป็นผู้ประสงค์จะใช้ที่ดินจะต้องยื่นคำขอรับความยินยอมหรือขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินต่อ คปก. ก่อนส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้รับจ้างเข้าดำเนินการก่อสร้าง ทั้งนี้ก่อนที่ คปก. จะพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จะต้องดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อมีมติอนุมัติให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวก่อน เพื่อให้ คปก. สามารถพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ รฟท. ใช้ที่ดินตามที่กฎหมายกำหนดให้ดำเนินโครงการดังกล่าวสัมฤทธิ์ผลและเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐต่อไป
3. จากการดำเนินโครงการดังกล่าวส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียที่ดินเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมบางส่วน และส่งผลต่อเกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แต่ในขณะเดียวกัน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จะให้ รฟท. ซึ่งเป็นผู้ขอใช้ประโยชน์ที่ดิน เยียวยาหรือจ่ายค่าชดเชยการสูญเสียโอกาสจากการใช้ที่ดินเพื่อก่อสร้างทางรถไฟให้แก่เกษตรกรที่ได้รับการจัดที่ดินจาก ส.ป.ก. ตามข้อตกลงระหว่าง รฟท. กับเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งกำหนดเป็นจำนวนเงินหรือประโยชน์อย่างอื่นเพื่อค่าทดแทนความเสียหายจากการรอนสิทธิเกษตรกร หรือการสูญเสียโอกาสในการใช้ที่ดินของเกษตรกรบรรดาผู้มีสิทธิในที่ดินนั้น และเมื่อได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินตามกฎหมายแล้ว รฟท. จะต้องนำส่งค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับ ส.ป.ก. เพื่อนำเข้ากองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ตามระเบียบ คปก. ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการใช้และค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดย ส.ป.ก. จะนำค่าตอบแทนดังกล่าวมาใช้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและประชาชนในเขตปฏิรูปที่ดินต่อไป
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 23 กรกฎาคม 2567
7717