โครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 12 June 2024 18:03
- Hits: 8042
โครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND และอนุมัติงบประมาณวงเงินรวม 1,150 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมตามที่รัฐบาลประกาศวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ
ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นควรให้ขยายกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการ SMEs ที่จะมีสิทธิเข้าร่วมโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND โดยให้รวมถึงวิสาหกิจชุมชน และ Micro SMEs ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว ซึ่งวิสาหกิจชุมชน และ Micro SMEs นั้น จะต้องเกี่ยวข้องอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรม 3 ประเภท คือ ด้านการท่องเที่ยว ด้านการแพทย์และสุขภาพ และด้านอาหาร
สาระสำคัญของเรื่อง
กค. รายงานว่า
1. “IGNITE THAILAND จุดพลังรวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” (IGNITE THAILAND) คือนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้วิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรี โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดัน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมของไทยสู่เป้าหมายการเป็นที่ 1 ในภูมิภาค ซึ่งจะให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้ง 8 กลุ่ม ได้แก่ (1) ศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยว (Tourism Hub) (2) ศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub) (3) ศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub) (4) ศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) (5) ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค (Logistic Hub) (6) ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) (7) ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy Hub) และ (8) ศูนย์กลางทางการเงิน (Financial Hub) เพื่อยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลกด้วยจุดแข็งของประเทศไทยในด้านต่างๆ
2. เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ กค. จึงขอเสนอโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND โดยมีสาระสำคัญของหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการสรุปได้ ดังนี้
หลักเกณฑ์และเงื่อนไข |
รายละเอียด |
|
วัตถุประสงค์ |
เพื่อสนับสนุนเงินทุนสำหรับเสริมสภาพคล่องหรือลงทุนปรับปรุง/ขยายกิจการให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมตามนโยบาย IGNITE THAILAND 3 กลุ่ม ได้แก่ ศูนย์กลางการท่องเที่ยว (Tourism Hub) ศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub) และศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub) |
|
กลุ่มเป้าหมาย |
(1) ผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศซึ่งมีบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน (2) เป็นผู้ประกอบธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้ (2.1) ศูนย์กลางการท่องเที่ยว (Tourism Hub) เช่น ผู้ประกอบการที่มีส่วนกระตุ้น Soft Power ด้านธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เช่น เทศกาล คอนเสิร์ต ภาพยนตร์ ศิลปะ กีฬา เป็นต้น ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เช่น บริษัททัวร์ รถรับจ้างนำเที่ยว รถเช่า ผู้ผลิตหรือขายของที่ระลึก โรงแรม โฮสเทล เกสต์เฮ้าส์ เป็นต้น ชุมชนหมู่บ้าน OTOP Home Stay เป็นต้น (2.2) ศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub) เช่น สปา นวดแผนไทย แพทย์แผนไทย ผู้ประกอบการแปรรูปสมุนไพรเพื่อการแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โรงพยาบาลขนาดเล็ก ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง ศูนย์ Wellness Center เป็นต้น (2.3) ศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub) เช่น ผู้ประกอบการอาหารไทย ผู้ผลิตหรือแปรรูปอาหาร ผู้ประกอบการอาหารฮาลาล ผู้ประกอบการอาหารแห่งอนาคต เป็นต้น (2.4) เป็น Supply Chain ของธุรกิจ ตามข้อ (2.1) - (2.3) (3) ประกอบกิจการมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และปัจจุบันยังประกอบกิจการ (4) มีความสามารถในการชำระหนี้ตามที่ธนาคารออมสินกำหนด ทั้งนี้ เป็นการให้สินเชื่อใหม่แก่ลูกค้าเดิมหรือลูกค้าใหม่ และไมใช่ลูกหนี้ที่โอนหนี้ (Refinance) |
|
ประเภทสินเชื่อ |
เงินกู้ระยะยาว |
|
วงเงินสินเชื่อโครงการ |
5,000 ล้านบาท สำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม ดังนี้ (1) กลุ่มศูนย์กลางการท่องเที่ยว (Tourism Hub) วงเงิน 1,500 ล้านบาท (2) กลุ่มศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ (Wellness & Medical Hub) วงเงิน 1,500 ล้านบาท (3) กลุ่มศูนย์กลางอาหาร (Agriculture & Food Hub) วงเงิน 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารออมสินสามารถจัดสรรวงเงินในแต่ละกลุ่มได้ตามความเหมาะสม |
|
วงเงินสินเชื่อต่อราย |
ไม่เกินรายละ 10 ล้านบาท |
|
ระยะเวลากู้ยืม |
ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ปลอดชำระเงินต้น (Grace Period) สูงสุดไม่เกิน 6 เดือน |
|
อัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อโครงการ |
ปีที่ 1 – 2 ร้อยละ 2.5 ต่อปี ปีที่ 3 – 4 ร้อยละ MLR1 – 1 ต่อปี ปีที่ 5 – 10 ร้อยละ MLR ต่อปี กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันร่วมกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหรรมขนาดย่อม (บสย.) อัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ปีที่ 3 เป็นไปตามที่ธนาคารออมสินกำหนด |
|
หลักประกัน |
(1) หลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ (2) บสย. ค้ำประกัน ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ IGNITE THAILAND |
|
การค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. |
(1) วงเงินค้ำประกันรวม 5,000 ล้านบาท (2) วงเงินค้ำประกันต่อรายไม่เกิน 10 ล้านบาท ทั้งนี้ อยู่ภายใต้ข้อกำหนดหลักเกณฑ์การค้ำประกันสินเชื่อต่อรายและต่อกลุ่มลูกค้า (Single Guarantee Limit : SGL) ของ บสย. และการยื่นขอให้ค้ำประกันขั้นต่ำครั้งละไม่น้อยกว่า 200,000 บาท (3) อายุการค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี (4) ระยะเวลารับคำขอค้ำประกันนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 (5) ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันในอัตราร้อยละ 1.75 ต่อปี ของวงเงินค้ำประกันสินเชื่อตลอดอายุการค้ำประกัน โดยรัฐบาลจ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อแทนผู้ประกอบการ SMEs ในปีที่ 1 - 2 อัตราร้อยละ 1.75 ต่อปี และปีที่ 3 - 4 อัตราร้อยละ 1 ต่อปี (6) บสย. จะจ่ายค่าประกันชดเชยตลอดการค้ำประกันสินเชื่อไม่เกินค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อที่ได้รับจากผู้ประกอบการ SMEs รวมกับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล รวมทั้งโครงการไม่เกินร้อยละ 30 |
|
ระยะเวลาการดำเนินงาน |
ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่าวงเงินสินเชื่อรวมในโครงการจะหมด แล้วแต่ระยะเวลาใดจะถึงก่อน โดยให้ธนาคารออมสินเบิกจ่ายสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2569 |
|
กรอบวงเงินงบประมาณ |
รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,150 ล้านบาท ประกอบด้วย (1) ธนาคารออมสินขอรับงบประมาณชดเชยจากรัฐบาล เพื่อชดเชยต้นทุนเงินในอัตราร้อยละ 2.5 ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 250 ล้านบาท (วงเงิน 5,000 ล้านบาท * ร้อยละ 2.5 ต่อปี * 2 ปี) โดยธนาคารออมสินจะทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามความเหมาะสมและความจำเป็นต่อไป (2) บสย. ขอรับงบประมาณชดเชยจากรัฐบาล รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 900 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) ชดเชยการจ่ายค่าประกันชดเชยเป็นเงินไม่เกิน 625 ล้านบาท (5,000 ล้านบาท * ร้อยละ 12.5) และ 2) ชดเชยค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs เป็นเงินไม่เกิน 275 ล้านบาท (5,000 ล้านบาท * ร้อยละ 1 * 2 ปี + 5,000 ล้านบาท * ร้อยละ 1.75 * 2 ปี) |
|
เงื่อนไขอื่นๆ |
(1) ธนาคารออมสินสามารถกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีปฏิบัติ ค่าธรรมเนียมและอัตราดอกเบี้ยในกรณีที่มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามระเบียบคำสั่งของธนาคารได้ (2) ธนาคารออมสินแยกบัญชีโครงการเป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA) (3) ธนาคารออมสินสามารถนำส่วนต่างระหว่างค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงและค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ได้รับชดเชย เพื่อบวกกลับในการคำนวณโบนัสประจำปีของพนักงานได้ และเป็นส่วนหนึ่งในการปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจได้ (4) บสย. สามารถกำหนดรายละเอียดเงื่อนไขอื่นๆ ของโครงการค้ำประกันสินเชื่อ IGNITE THAILAND ได้ตามความเหมาะสม โดยอยู่ภายใต้กรอบที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ |
|
ประโยชน์ |
(1) สนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมตามวิสัยทัศน์ IGNTE THAILAND ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอ สำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นเป็นกลไกในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม (2) มีผู้ประกอบการ SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,660 ราย (วงเงินสินเชื่อเฉลี่ย 3 ล้านบาทต่อราย) (3) ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท (1 เท่า) |
3. กค. โดยธนาคารออมสินและ บสย. ได้จัดทำรายละเอียดการดำเนินการตามมาตรา 27 และมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อประกอบการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีด้วยแล้ว โดยในส่วนของการดำเนินการตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 กค. แจ้งว่า ณ สิ้นวันที่ 25 มีนาคม 2567 ภาระที่รัฐต้องรับชดเชยตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมียอดคงค้างจำนวน 999,500.55 ล้านบาท ดังนั้น หากมีการอนุมัติการดำเนินโครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND รวมจำนวน 1,150 ล้านบาท ซึ่งมื่อรวมที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีด้วยแล้ว จะส่งผลให้ยอดคงค้างเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 1,014,446.55 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 31.85 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน ซึ่งยังคงไม่เกินอัตราร้อยละ 32 ที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนดไว้และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 29 ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการดำเนินโครงการดังกล่าว ธนาคารออมสินและ บสย. จะจัดทำบัญชีสำหรับการดำเนินกิจกรรม มาตรการ หรือโครงการที่ได้รับมอบหมายแยกต่างหากจากบัญชีการดำเนินงานทั่วไป พร้อมทั้งเสนอรายงานผลการดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายและผลสัมฤทธิ์ต่อรัฐมนตรี เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และเปิดเผยให้สาธารณชนทราบ รวมทั้งเผยแพร่ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่อไป
_____________________
1 MLR (Minimum Loan Rate) หมายถึง อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี เช่น มีประวัติการเงินที่ดี มีหลักทรัพย์ค้ำประกันอย่างเพียงพอ โดยส่วนใหญ่ใช้กับเงินกู้ระยะยาวที่มีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน เช่น สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ เป็นต้น
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 11 มิถุนายน 2567
6357