เห็นชอบพัฒนาตลาดกล้วยไม้ ประเดิมเปิดขายข้างทำเนียบฯ
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 13 January 2015 23:06
- Hits: 2890
เห็นชอบพัฒนาตลาดกล้วยไม้ ประเดิมเปิดขายข้างทำเนียบฯ
แนวหน้า : ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบโครงการพัฒนาตลาดกล้วยไม้คุณภาพ เพื่อส่งเสริมช่องทางการตลาดกล้วยไม้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ทั้งตลาดภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งไทยถือเป็นผู้ส่งออกกล้วยไม้สำคัญเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่เป็นผู้ส่งออกกล้วยไม้เขตร้อนอันดับ 1 ของโลก รวมทั้งส่งเสริมการปลูกกล้ายไม้ให้ได้มาตรฐาน สนับสนุนด้านนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง และสร้างเครือข่ายผู้ผลิตผู้ค้ากล้วยไม้คุณภาพให้มีความเข้มแข็ง
ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางพัฒนาตลาดกล้วยไม้คุณภาพ ประกอบด้วย การรณรงค์เรื่องการใช้กล้วยไม้ให้มากขึ้น เพื่อรองรับช่วงที่ผลผลิตออกมาก จัดงานแสดงและประกวดผลผลิตและการใช้ประโยชน์กล้วยไม้ พัฒนาตลาดกลางกล้วยไม้ถาวร โดยใช้พื้นที่ขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รวมไปถึงจัดตลาดนัดจำหน่ายกล้วยไม้จากเกษตรกรโดยตรง ซึ่งเบื้องต้นจะมีการจัดขึ้นบริเวณถนนข้างทำเนียบรัฐบาล ริมคลองผดุงกรุงเกษม ในทุกวันจันทร์-พุธของสัปดาห์ เริ่มวันแรกในวันที่ 19 ม.ค.นี้ โดย พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประธานเปิดงานด้วย ทั้งนี้จะมีร้านค้าเข้าร่วมประมาณ 70 บูธด้วยกัน นอกจากนี้จะมีการสนับสนุนให้จัดตลาดนัดกล้วยไม้ในภูมิภาคต่างๆด้วย
ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวด้วยว่า จากการประชุมร่วมกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ กับตัวแทน 25 องค์กรธุรกิจ เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการหารือถึงเรื่องการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการจอดเรือสำราญและเรือยอร์ช โดยวันนี้ทางกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ได้มีการประสานกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมีแผนงานในเรื่องของเรือสำราญ ที่จะใช้ จ.ภูเก็ต เป็นศูนย์กลางของการจอดเรือ และจะมีการพัฒนาเส้นทางเดินเรือระหว่าง ภูเก็ต-สิงคโปร์ และภูเก็ต-เมียนมาร์ ด้วย นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาพื้นที่จอดเรือ โดยจะปรับท่าเรือขนส่งสินค้าของ จ.ภูเก็ต ให้สามารถรับส่งผู้โดยสารได้ มีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง มีจุดประสานงานและอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร และมีพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยว รวมทั้งการพัฒนาเส้นทางถนนจากท่าเรือไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆด้วย ทั้งนี้จะเป็นความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง คาดว่าภายในปลายปี 2558 จะเริ่มรองรับเรือสำราญได้ ในส่วนของการจอดเรือยอร์ชนั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆไปดำเนินการส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเรือยอร์ช ซึ่งปัจจุบันได้มีเอกชนดำเนินการอยู่หลายราย
ร.อ.นพ.ยงยุทธ เปิดเผยด้วยว่า กระทรวงคมนาคมได้รายงานความคืบหน้าโครงการความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย-จีน ซึ่งได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กันไปแล้วว่า ในระหว่างวันที่ 21-23 ม.ค.นี้ จะมีผู้แทนคณะกรรมการบริหารโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานฝ่ายจีนมาหารือกับคณะกรรมการฝ่ายไทย ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรก เพื่อตกลงแนวทางการบริหารงานร่วมกัน ส่วนในวันที่ 5-7 ก.พ.นี้ จะมีการประชุมนัดที่ 2 ซึ่งจะมีการหารือถึงแผนงานหน้าที่ของแต่ละฝ่าย กำหนดเงื่อนไขของการก่อสร้าง และการสำรวจออกแบบต่างๆ ทั้งนี้จะมีการแถลงข่าวความคืบหน้าภายหลังการประชุมด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ (ช่วงบางใหญ่ – บางซื่อ) ในท้องที่ อ.บางบัวทอง อ.บางใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี และเขตบางซื่อ กทม. พ.ศ... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ในเส้นทางส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วง บางใหญ่-บางซื่อ นั้น มีเจ้าของที่ดินและอสังหาริมทรัพย์จำนวน 69 แปลงที่ไม่มาทำสัญญาซื้อขายกับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยแบ่งเป็นที่ดินวัดและธรณีสงฆ์ 5 แปลง ที่ดินราชพัสดุ 10 แปลง และเอกชนจำนวน 54แปลง จึงต้องร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นเพื่อเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวให้แก่ รฟม. เพื่อสร้างกิจการรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง โดยกฎหมายฉบับนี้ครอบคลุมที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ของเอกชนจำนวน 54 แปลง โดยให้ผู้ว่าการ รฟม. เป็นเจ้าหน้าที่เวนคืน และให้มีการเข้าใช้อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนภายใน 10 ปี นับแต่วันที่ พ.ร.บ.ใช้บังคับ หลังจากนี้จะส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป สำหรับการเวนคืนที่ดินวัดธรณีสงฆ์ และที่ราชพัสดุ จะมีการเสนอร่างกฎหมายเพื่อให้ ครม.พิจารณาอีกครั้ง
ร.อ.นพ.ยงยุทธ เปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติแต่งตั้ง ประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ 1.นายคุรุจิต นาครทรรพ เป็นประธานกรรมการ 2.นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ เป็นกรรมการอื่น และ 3.นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ เป็นกรรมการอื่น ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.เป็นต้นไป