ร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ....
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Thursday, 30 May 2024 00:12
- Hits: 5064
ร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) เสนอและให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
สาระสำคัญ
สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ได้ยกเลิกพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว จึงต้องมีการตราพระราชกฤษฎีกาได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจใหม่ เพื่อทดแทนพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2558 ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องและเป็นไปตามที่พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 กำหนดให้ข้าราชการตำรวจจะได้รับเงินประจำตำแหน่งท้ายพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ในอัตราใดให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกากำหนด รวมทั้งเพื่อเป็นการปรับปรุงการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับข้าราชการพลเรือนและข้าราชการทหาร และสอดคล้องกับการกำหนดลักษณะงานบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ร่างพระราชกฤษฎีกาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอเป็นการกำหนดประเภทตำแหน่งและการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจเพิ่มเติมจากพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2558 ที่จะถูกยกเลิก เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และกำหนดสิทธิและหลักเกณฑ์ของข้าราชการตำรวจให้ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ตามบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งข้าราชการตำรวจท้ายพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 (อัตราเดียวกับบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งข้าราชการตำรวจท้ายพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554) สรุปได้ดังนี้
1. กำหนดให้ข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร1ของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและได้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการอีกประเภทหนึ่งอยู่ด้วยแล้ว นั้น ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทบริหารโดยไม่ตัดสิทธิการได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการที่ตนครองอยู่ เช่น ตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชั้นยศ พ.ต.อ. รองศาสตราจารย์ ชั้นยศ พ.ต.ท. ฯลฯ (เดิม กำหนดให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งสำหรับตำแหน่งที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งสูงสุดเพียงตำแหน่งเดียว) เพื่อให้สอดคล้องกับการได้รับเงินประจำตำแหน่งของผู้บริหารที่ครองตำแหน่งประเภทวิชาการด้วยของข้าราชการพลเรือนและข้าราชการทหารตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ พ.ศ. 2539 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2550 และพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการทหาร พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
2. กำหนดให้ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ พ.ต.ท. ขึ้นไป และดำรงตำแหน่งที่ปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพเฉพาะได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะ (วช.) โดยเพิ่มสายงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพเฉพาะที่ไม่อาจมอบหมายให้ผู้มีคุณวุฒิอย่างอื่นปฏิบัติงานแทนได้ และเป็นงานที่มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะ จำนวน 5 สายงาน (ได้แก่ วิชาชีพเฉพาะกายอุปกรณ์ วิชาชีพเฉพาะกิจกรรมบำบัด วิชาชีพเฉพาะเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก วิชาชีพเฉพาะแพทย์แผนไทย และวิชาชีพเฉพาะเวชศาสตร์การสื่อความหมาย) จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 28 สายงาน เพื่อเป็นการรองรับการปรับปรุงภารกิจที่จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในวิชาชีพเฉพาะดังกล่าวในอนาคต
3. กำหนดให้ข้าราชการตำรวจซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการหรือเทียบเท่าขึ้นไปที่ต้องปฏิบัติงานที่เป็นงานหลักของหน่วยงาน และต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ (ชช.) โดยเพิ่มลักษณะงานความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จำนวน 2 ด้าน ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ จากเดิมที่เคยมีอยู่ 46 ด้าน ได้แก่ ด้านการสืบสวนสอบสวน เพื่อให้สอดคล้องกับสายงานสืบสวนสอบสวนตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 และด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษเพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับการกำหนดลักษณะงานบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการตามมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว โดยรายงานว่าการตราพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐ ไม่ส่งผลกระทบต่องบประมาณหมวดเงินเดือนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของระบบค่าตอบแทนการปฏิบัติงานระหว่างข้าราชการตำรวจกับข้าราชการพลเรือน ข้าราชการทหาร รวมทั้งเป็นการจัดทำระบบค่าตอบแทนของหน่วยงานภาครัฐให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและเหมาะสมสอดคล้องกับการกำหนดลักษณะงานบริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบด้วยในหลักการ โดยสำนักงาน ก.พ. เห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติวางแผนบริหารจัดการและกำหนดกรอบอัตรากำลังให้เหมาะสมกับความจำเป็นตามภารกิจ รวมทั้งกำหนดลักษณะงานและคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งที่จะมีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งให้สอดคล้องกับตำแหน่งข้าราชการตำรวจที่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งอยู่เดิมและเป็นมาตรฐานเดียวกันกับข้าราชการประเภทอื่นด้วย และสำนักงบประมาณเห็นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรใช้จ่ายงบประมาณตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไปพลางก่อน หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
_________________
1 ประเภทบริหาร ตำแหน่งบริหารระดับสูง ได้แก่ พล.ต.อ., พล.ต.ท., พล.ต.ต., พ.ต.อ. อัตราเงินเดือน พ.ต.อ. (พิเศษ) ตำแหน่งบริหารระดับกลาง ได้แก่ พ.ต.อ.
สาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกา
1. ให้ข้าราชการตำรวจซึ่งมียศตั้งแต่ พ.ต.ท. ขึ้นไปและดำรงตำแหน่งที่ปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพเฉพาะ ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะ (วช.) โดยเพิ่มสายงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพเฉพาะให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะ (วช.) จำนวน 5 สายงาน (ได้แก่ วิชาชีพเฉพาะกายอุปกรณ์ วิชาชีพเฉพาะกิจกรรมบำบัด วิชาชีพเฉพาะเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก วิชาชีพเฉพาะแพทย์แผนไทย และวิชาชีพเฉพาะเวชศาสตร์การสื่อความหมาย) จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 28 สายงาน รายละเอียดดังนี้
พ.ร.ฎ. การได้รับเงินประจำตำแหน่ง ของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2558 |
ร่าง พ.ร.ฎ. การได้รับเงินประจำตำแหน่ง ของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... |
|
1. มีลักษณะงานวิชาชีพที่ต้องปฏิบัติโดยผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาที่ไม่อาจมอบหมายให้ผู้มีคุณวุฒิอย่างอื่นปฏิบัติงานแทนได้ และเป็นงานที่มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด โดยมีองค์กรตามกฎหมายทำหน้าที่ตรวจสอบ กลั่นกรอง และรับรองการประกอบวิชาชีพ รวมทั้งลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพดังกล่าว ซึ่งได้แก่ตำแหน่งที่ปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพเฉพาะ ดังนี้ |
||
(ก) วิชาชีพเฉพาะกายภาพบำบัด (ข) วิชาชีพเฉพาะการทันตแพทย์ (ค) วิชาชีพเฉพาะการพยาบาล (ง) วิชาชีพเฉพาะการแพทย์ (จ) วิชาชีพเฉพาะการสัตวแพทย์ (ฉ) วิชาชีพเฉพาะจิตวิทยาคลินิก (ช) วิชาชีพเฉพาะเทคนิคการแพทย์ (ซ) วิชาชีพเฉพาะเภสัชกรรม (ฌ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมเครื่องกล (ญ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมไฟฟ้า (ฎ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสาร (ฏ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมโยธา (ฐ) วิชาชีพเฉพาะสถาปัตยกรรม (ฑ) วิชาชีพเฉพาะสังคมสงเคราะห์ |
(ก) วิชาชีพเฉพาะกายภาพบำบัด (ข) วิชาชีพเฉพาะกายอุปกรณ์ (เพิ่ม) (ค) วิชาชีพเฉพาะการทันตแพทย์ (ง) วิชาชีพเฉพาะการพยาบาล (จ) วิชาชีพเฉพาะการแพทย์ (ฉ) วิชาชีพเฉพาะการสัตวแพทย์ (ช) วิชาชีพเฉพาะกิจกรรมบำบัด (เพิ่ม) (ซ) วิชาชีพเฉพาะจิตวิทยาคลินิก (ฌ) วิชาชีพเฉพาะเทคนิคการแพทย์ (ญ) วิชาชีพเฉพาะเทคโนโลยีหัวใจและทรวงอก (เพิ่ม) (ฎ) วิชาชีพเฉพาะแพทย์แผนไทย (เพิ่ม) (ฏ) วิชาชีพเฉพาะเภสัชกรรม (ฐ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมเครื่องกล (ฑ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมไฟฟ้า (ฒ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมไฟฟ้าสื่อสาร (ณ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมโยธา (ด) วิชาชีพเฉพาะเวชศาสตร์การสื่อความหมาย (เพิ่ม) (ต) วิชาชีพเฉพาะสถาปัตยกรรม (ถ) วิชาชีพเฉพาะสังคมสงเคราะห์ |
|
2. มีลักษณะงานวิชาชีพที่ต้องปฏิบัติโดยผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาที่ไม่อาจมอบหมายให้ผู้มีคุณวุฒิอย่างอื่นปฏิบัติงานแทนได้ และเป็นงานที่มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งเป็นงานที่ขาดแคลนกำลังคนในภาคราชการ ซึ่งได้แก่ตำแหน่งที่ปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพเฉพาะ ดังนี้ |
||
(ก) วิชาชีพเฉพาะการเดินเรือ (ข) วิชาชีพเฉพาะฟิสิกส์รังสี (ค) วิชาชีพเฉพาะรังสีการแพทย์ (ง) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมจราจร (จ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมนิวเคลียร์ (ฉ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมโลหการ |
(ก) วิชาชีพเฉพาะการเดินเรือ คงเดิม (ข) วิชาชีพเฉพาะฟิสิกส์รังสี คงเดิม (ค) วิชาชีพเฉพาะรังสีการแพทย์ คงเดิม (ง) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมจราจร คงเดิม (จ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมนิวเคลียร์ คงเดิม (ฉ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมโลหการ คงเดิม |
|
3. มีลักษณะงานวิชาชีพที่ต้องปฏิบัติโดยผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาที่ไม่อาจมอบหมายให้ผู้มีคุณวุฒิอย่างอื่นปฏิบัติงานแทนได้ และเป็นงานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีลักษณะในเชิงวิจัยและพัฒนา อีกทั้งเป็นงานที่ขาดแคลนกำลังคนในภาคราชการ ซึ่งได้แก่ตำแหน่งที่ปฏิบัติหน้าที่ในวิชาชีพเฉพาะ ดังนี้ |
||
(ก) วิชาชีพเฉพาะการผลิตไอโซโทป (ข) วิชาชีพเฉพาะกีฏวิทยารังสี (ค) วิชาชีพเฉพาะชีววิทยารังสี (ง) วิชาชีพเฉพาะนิวเคลียร์เคมี (จ) วิชาชีพเฉพาะนิวเคลียร์ฟิสิกส์ (ฉ) วิชาชีพเฉพาะวิชาการคอมพิวเตอร์ (ช) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมการเกษตร (ซ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมอากาศยาน |
(ก) วิชาชีพเฉพาะการผลิตไอโซโทป คงเดิม (ข) วิชาชีพเฉพาะกีฏวิทยารังสี คงเดิม (ค) วิชาชีพเฉพาะชีววิทยารังสี คงเดิม (ง) วิชาชีพเฉพาะนิวเคลียร์เคมี คงเดิม (จ) วิชาชีพเฉพาะนิวเคลียร์ฟิสิกส์ คงเดิม (ฉ) วิชาชีพเฉพาะวิชาการคอมพิวเตอร์ คงเดิม (ช) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมการเกษตร คงเดิม (ซ) วิชาชีพเฉพาะวิศวกรรมอากาศยาน คงเดิม |
2. ให้ข้าราชการตำรวจซึ่งดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการหรือเทียบเท่าขึ้นไปที่ต้องปฏิบัติงานที่เป็นงานหลักของหน่วยงาน และต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ (ชช.) โดยเพิ่มลักษณะงานความเชี่ยวชาญให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ จำนวน 2 ด้าน ได้แก่ ด้านการสืบสวนสอบสวนและด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ จากเดิมที่เคยมีอยู่ 46 ด้าน รายละเอียดดังนี้
พ.ร.ฎ. การได้รับเงินประจำตำแหน่ง ของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2558 |
ร่าง พ.ร.ฎ. การได้รับเงินประจำตำแหน่ง ของข้าราชการตำรวจ พ.ศ. .... |
|
ลักษณะงานที่อาศัยพื้นฐานของความรู้ ประสบการณ์ หรือการฝึกฝนทฤษฎี หรือหลักวิชาอันเกี่ยวข้องกับงานและเป็นงานเชิงพัฒนาระบบหรือมาตรฐานของงาน งานอนุรักษ์ตามภารกิจ หรืองานที่ต้องปฏิบัติ โดยผู้มีความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์เป็นอย่างสูงเฉพาะด้าน อันเป็นที่ยอมรับในวงวิชาการหรือวงการด้านนั้นๆ และต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยมีคุณวุฒิการศึกษาตรงกับความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ดังนี้ |
||
(1) ด้านการข่าว (2) ด้านการเงิน (3) ด้านการบิน (4) ด้านการฝึกอบรม (5) ด้านการสอน (6) ด้านการสอบสวน (7) ด้านการสืบสวน (8) ด้านจราจร (9) ด้านช่างศิลปกรรม (10) ด้านตรวจคนเข้าเมือง (11) ด้านตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ (12) ด้านตรวจสอบบัญชี (13) ด้านตรวจสอบภายใน (14) ด้านถ่ายภาพทางการแพทย์ (15) ด้านนิติการ (16) ด้านนิติวิทยาศาสตร์ (17) ด้านป้องกันปราบปราม (18) ด้านมัณฑนศิลป์ (19) ด้านวิเคราะห์งบประมาณ (20) ด้านวิเคราะห์งานบุคคล (21) ด้านวิเคราะห์นโยบายและแผน (22) ด้านวิจัยสังคมศาสตร์ (23) ด้านวิชาการคอมพิวเตอร์ (24) ด้านวิชาการเงิน (25) ด้านวิชาการดนตรี (26) ด้านวิชาการตรวจสอบบัญชี (27) ด้านวิชาการทางการแพทย์ (28) ด้านวิชาการบัญชี (29) ด้านวิชาการประชาสัมพันธ์ (30) ด้านวิชาการโภชนาการ (31) ด้านวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ (32) ด้านวิชาการศึกษา (33) ด้านวิชาการสถิติ (34) ด้านวิชาการสอบ (35) ด้านวิชาการสัตวบาล (36) ด้านวิชาการสาธารณสุข (37) ด้านวิชาการสิ่งแวดล้อม (38) ด้านวิชาการอาหารและยา (39) ด้านวิทยาศาสตร์ (40) ด้านวิเทศสหการ (41) ด้านวิเทศสัมพันธ์ (42) ด้านวิศวกรรม (43) ด้านส่งเสริมและสอนการพลศึกษา (44) ด้านสรรพาวุธ (45) ด้านสังคมสงเคราะห์ (46) ด้านสัตววิทยา |
(1) ด้านการข่าว (2) ด้านการเงิน (3) ด้านการบิน (4) ด้านการฝึกอบรม (5) ด้านการสอน (6) ด้านการสอบสวน (7) ด้านการสืบสวน (8) ด้านการสืบสวนสอบสวน (เพิ่ม) (9) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ (เพิ่ม) (10) ด้านจราจร (11) ด้านช่างศิลปกรรม (12) ด้านตรวจคนเข้าเมือง (13) ด้านตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ (14) ด้านตรวจสอบบัญชี (15) ด้านตรวจสอบภายใน (16) ด้านถ่ายภาพทางการแพทย์ (17) ด้านนิติการ (18) ต้านนิติวิทยาศาสตร์ (19) ด้านป้องกันปราบปราม (20) ด้านมัณฑนศิลป์ (21) ด้านวิเคราะห์งบประมาณ (22) ด้านวิเคราะห์งานบุคคล (23) ด้านวิเคราะห์นโยบายและแผน (24) ด้านวิจัยสังคมศาสตร์ (25) ด้านวิชาการคอมพิวเตอร์ (26) ด้านวิชาการเงิน (27) ด้านวิชาการดนตรี (28) ด้านวิชาการตรวจสอบบัญชี (29) ด้านวิชาการทางการแพทย์ (30) ด้านวิชาการบัญชี (31) ด้านวิชาการประชาสัมพันธ์ (32) ด้านวิชาการโภชนาการ (33) ด้านวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ (34) ด้านวิชาการศึกษา (35) ด้านวิชาการสถิติ (36) ด้านวิชาการสอบ (37) ด้านวิชาการสัตวบาล (38) ด้านวิชาการสาธารณสุข (39) ด้านวิชาการสิ่งแวดล้อม (40) ด้านวิชาการอาหารและยา (41) ด้านวิทยาศาสตร์ (42) ด้านวิเทศสหการ (43) ด้านวิเทศสัมพันธ์ (44) ด้านวิศวกรรม (45) ด้านส่งเสริมและสอนการพลศึกษา (46) ด้านสรรพาวุธ (47) ด้านสังคมสงเคราะห์ (48) ด้านสัตววิทยา |
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 28 พฤษภาคม 2567
51015