รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์และ 2 เดือนแรกของปี 2567
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Friday, 19 April 2024 02:42
- Hits: 12626
รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์และ 2 เดือนแรกของปี 2567
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์และ 2 เดือนแรกของปี 2567 ตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ
สาระสำคัญและข้อเท็จจริง
1. สรุปสถานการณ์การส่งออกของไทย ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2567
การส่งออกของไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีมูลค่า 23,384.9 ล้านเหรียญสหรัฐ (827,139 ล้านบาท) ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ที่ร้อยละ 3.6 หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และ ยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 2.3 การส่งออกของไทยยังคงเติบโตต่อเนื่องตอบรับการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและ ความเชื่อมั่นด้านการบริโภคที่กลับมา สะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อโลกที่อยู่ระดับขยายตัวต่อเนื่อง การส่งออกภาคอุตสาหกรรมของไทยยังขยายตัวต่อเนื่องและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ในขณะที่สินค้าเกษตรขยายตัวได้ดี สำหรับวิกฤตการณ์ในทะเลแดงส่งผลกระทบเล็กน้อย ทั้งนี้ การส่งออกไทย 2 เดือนแรก ขยายตัวที่ร้อยละ 6.7 และเมื่อหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย ขยายตัวร้อยละ 5.6
มูลค่าการค้ารวม
มูลค่าการค้าในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีมูลค่าการค้ารวม 47,323.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3.4 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออก มีมูลค่า 23,384.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3.6 การนำเข้า มีมูลค่า 23,938.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 3.2 ดุลการค้า ขาดดุล 554.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาพรวม 2 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการค้ารวม มีมูลค่า 95,381.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 4.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การส่งออก มีมูลค่า 46,034.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 6.7 การนำเข้า มีมูลค่า 49,346.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 2.9 ดุลการค้า 2 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 3,311.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนกุมภาพันธ์ 2567 มีมูลค่าการค้ารวม 1,683,647 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 12.0 เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยการส่งออก มีมูลค่า 827,139 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 12.3 การนำเข้า มีมูลค่า 856,508 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 11.7 ดุลการค้า ขาดดุล 29,369 ล้านบาท ภาพรวม 2 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการค้ารวม มีมูลค่า 3,358,914 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 9.0 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การส่งออก มีมูลค่า 1,611,719 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 11.3 การนำเข้า มีมูลค่า 1,747,195 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 6.9 ดุลการค้า 2 เดือนแรกของปี 2567 ขาดดุล 135,476 ล้านบาท
การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร
มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 1.1 โดยสินค้าเกษตร ขยายตัวร้อยละ 7.5 และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร หดตัวร้อยละ 9.2 ทั้งนี้ สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ข้าว ขยายตัวร้อยละ 53.6 (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย สหรัฐฯ ฟิลิปปินส์ เซเนกัล และแอฟริกาใต้) ยางพารา ขยายตัวร้อยละ 31.7 (ขยายตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ มาเลเซีย ญี่ปุ่น และตุรกี) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 7.7 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ออสเตรเลีย ซาอุดีอาระเบีย และอิสราเอล) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 21.5 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อิตาลี มาเลเซีย เยอรมนี และฟิลิปปินส์) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 17.7 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์) สิ่งปรุงรสอาหาร ขยายตัวร้อยละ 9.2 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร เยอรมนี และสวีเดน) นมและผลิตภัณฑ์นม ขยายตัวร้อยละ 26.5 (ขยายตัวในตลาดฟิลิปปินส์ กัมพูชา สิงคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น) กาแฟ ขยายตัวร้อยละ 178.9 (ขยายตัวในตลาดกัมพูชา ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และสิงคโปร์) ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง หดตัวร้อยละ 20.5 (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ เวียดนาม และลาว) น้ำตาลทราย หดตัวร้อยละ 34.9 (หดตัวในตลาดอินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ลาว สิงคโปร์ และมาเลเซีย) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง หดตัวร้อยละ 24.2 (หดตัวในตลาดจีน สหรัฐฯ มาเลเซีย ฮ่องกง และเวียดนาม) ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ หดตัวร้อยละ 77.0 (หดตัวในตลาดเมียนมา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ฮ่องกง และลาว) ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 3.7
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม
มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 5.2 มีสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 24.9 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรเลีย และเม็กซิโก) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 6.5 (ขยายตัวในตลาดฮ่องกง สหรัฐฯ อินเดีย เยอรมนี และเบลเยียม) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ขยายตัวร้อยละ 18.0 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย อินเดีย สิงคโปร์ และมาเลเซีย) อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด หดตัวร้อยละ 15.7 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 35.0 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น และเม็กซิโก) ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ขยายตัวร้อยละ 13.1 (ขยายตัวในตลาดจีน ซาอุดีอาระเบีย เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และมาเลเซีย) ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 5.6 (หดตัวในตลาดฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเม็กซิโก) แผงวงจรไฟฟ้า หดตัวร้อยละ 13.2 (หดตัวในตลาดฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน จีน และสหรัฐฯ) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ หดตัวร้อยละ 14.3 (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย อินเดีย ไต้หวัน และตุรกี) เคมีภัณฑ์ หดตัวร้อยละ 14.2 (หดตัวในตลาดจีน ญี่ปุ่น เวียดนาม สหรัฐฯ และมาเลเซีย) ทั้งนี้ 2 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 7.7
ตลาดส่งออกสำคัญ
การส่งออกไปยังตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และทวีปออสเตรเลียยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง สอดคล้องกับแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการผลิตโลก อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปยังจีน ญี่ปุ่น และอาเซียน (5) กลับมาหดตัว ตามความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า
ทั้งนี้ ภาพรวมการส่งออกไปยังกลุ่มตลาดต่างๆ สรุปได้ดังนี้ (1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 2.7 โดยขยายตัวตลาดสหรัฐฯ ร้อยละ 15.5 สหภาพยุโรป (27) ร้อยละ 3.3 CLMV ร้อยละ 4.5 ขณะที่ จีน หดตัวร้อยละ 5.7 ญี่ปุ่น ร้อยละ 5.8 อาเซียน (5) ร้อยละ 1.2 และ (2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 3.8 โดยขยายตัวในตลาดทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 26.4 ลาตินอเมริกา ร้อยละ 7.9 รัสเซียและกลุ่ม CIS ร้อยละ 46.4 ขณะที่หดตัวในตลาดเอเชียใต้ ร้อยละ 2.6 ตะวันออกกลาง ร้อยละ 9.9 แอฟริกา ร้อยละ 18.2 และสหราชอาณาจักร หดตัวร้อยละ 7.3 (3) ตลาดอื่นๆ ขยายตัว ร้อยละ 94.2 อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ ขยายตัวร้อยละ 198.2
2. มาตรการส่งเสริมการส่งออกและแนวโน้มการส่งออกระยะต่อไป
การส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ดำเนินงานที่สำคัญในเดือนกุมภาพันธ์ อาทิ (1) การลงนามความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-ศรีลังกา นับเป็น FTA ฉบับที่ 15 ของไทย ทำให้ไทยมีคู่ค้า FTA เพิ่มเป็น 19 ประเทศ โดยในภาคการค้าสินค้าจะลดภาษีระหว่างกันกว่าร้อยละ 85 ของจำนวนรายการสินค้าทั้งหมด ภาคการค้าบริการจะเปิดให้ไทยถือหุ้นสาขาบริการและการลงทุนได้ร้อยละ 100 ในสาขาที่ตกลงร่วมกัน คาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.02 มูลค่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะมีผลใช้บังคับภายในปี 2567 นี้ (2) การส่งเสริมเขตปลอดอากรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ร่วมกับผู้แทนของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน เยี่ยมชมเขตปลอดอากรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (eWTP Thailand Duty Free Zone) ที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นเขตปลอดอากรกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แห่งแรกในไทย โดยกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายให้ไทยใช้ประโยชน์จาก eWTP ของจีน เพื่อให้สินค้าที่ขายผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซของไทยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าว (3) กิจกรรมจับคู่ธุรกิจสินค้าผลไม้สด แปรรูป และผลิตภัณฑ์เกษตรอื่นๆ เพื่อรองรับมาตรการกีดกันทางการค้า โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เชิญผู้นำเข้าที่มีศักยภาพจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก เช่น จีน สหภาพยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และกลุ่มประเทศ CLMV เป็นต้น เข้าร่วมงาน โดยมีผู้ส่งออกไทยเข้าร่วมโครงการกว่า 100 บริษัท มีสินค้าเป้าหมายหลัก อาทิ ทุเรียน ลำไย มังคุด มะพร้าว และผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปต่างๆ มีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจทั้งรูปแบบ Onsite และ Online เพื่อสนับสนุนและเพิ่มโอกาสทางการค้าให้กับเกษตรกรไทย และผู้ประกอบการไทย รวมทั้งประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ให้กับสินค้าผักและผลไม้ไทยด้วย
แนวโน้มการส่งออกในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์คาดว่า มูลค่าการส่งออกของไทยภาพรวมของ ปีนี้จะขยายตัวได้จากอุปสงค์ภาคการผลิตที่กลับมาสู่ระดับปกติทำให้ปริมาณการค้าโลกกลับมาขยายตัว และกระแสความมั่นคงทางอาหารที่ยังช่วยให้สินค้าเกษตรของไทยยังคงเติบโตได้ดี แต่ยังมีความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจของคู่ค้าในตลาดหลักอย่างจีน สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นที่ฟื้นตัวล่าช้า ภัยแล้งที่กระทบต่ออุปทานสินค้าเกษตร ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ต้องติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและหามาตรการรองรับต่อไป
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 18 เมษายน 2567
4556