WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 4/2566 และแนวโน้มไตรมาสที่ 1/2567 และรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนมกราคม 2567

Gov 26

รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 4/2566 และแนวโน้มไตรมาสที่ 1/2567 และรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนมกราคม 2567

          คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 4/2566 และแนวโน้มไตรมาสที่ 1/2567 และรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนมกราคม 2567 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอ 

          สาระสำคัญและข้อเท็จจริง

          ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยไตรมาสที่ 4 ปี 2566 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) มีค่าอยู่ที่ 89.35 ลดลงร้อยละ 5.06 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการปรับตัวลดลงเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน จากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศที่ลดลงตามการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก ประกอบกับสถานการณ์หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินจึงมีความเข้มงวดมากขึ้น รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการเงินและภาระหนี้ของผู้ประกอบการที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ อุตสาหกรรมสำคัญที่ชะลอตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 อาทิ ยานยนต์ จากการผลิตรถปิคอัพ 1 ตัน เป็นหลัก โดยเป็นผลจากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เนื่องจากรายได้เกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคหลักปรับลดลงจากปีก่อน ส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัว ประกอบกับภาระหนี้สินภาคครัวเรือนอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ตามการชะลอตัวของตลาดโลก ทำให้ความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดโลกลดลง คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ปรับตัวลดลงจาก Hard Disk Drive เป็นหลักจากความต้องการอุปกรณ์การจัดเก็บชะลอตัว ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีอุปกรณ์อื่นๆ ในการจัดเก็บข้อมูลมีพื้นที่จัดเก็บมากและประสิทธิภาพสูงขึ้น สำหรับ อุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวในไตรมาสที่ 4 ปี 2566 อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม เป็นการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออก ตามการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ประกอบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีโรงกลั่นบางโรงหยุดซ่อมบำรุง สายไฟและเคเบิลอื่นๆ ชนิดใช้ในทางอิเล็กทรอนิกส์และไฟฟ้าจากสายไฟฟ้าเป็นหลัก เนื่องจากมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นจากการไฟฟ้าตามรอบการบำรุงรักษา ประกอบกับมีงานโครงการต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนส่งผลให้ความต้องการใช้สายไฟฟ้ามีมากขึ้น เยื่อกระดาษ กระดาษ และกระดาษแข็ง เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของตลาดออนไลน์ ส่งผลให้ธุรกิจขนส่งขยายตัว ความต้องการผลิตภัณฑ์หีบห่อบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกระดาษจึงมีความต้องการมากขึ้น

          ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมกราคม 2567 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) หดตัว ร้อยละ 2.9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศโดยเฉพาะสินค้ากึ่งคงทนและสินค้าคงทนปรับตัวลดลง เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ประกอบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก เช่น ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง ส่งผลให้การส่งออกชะลอตัวในกลุ่มรถยนต์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

          อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้ MPI เดือนมกราคม 2567 หดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คือ

          1. ยานยนต์ หดตัวร้อยละ 9.63 จากรถบรรทุกปิคอัพและรถยนต์นั่งขนาดเล็กเป็นหลัก โดยหดตัวจากตลาดในประเทศ (-27.90%) ตามภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวภายในประเทศ ปัญหาหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงทำให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่ามากขึ้น และหดตัวจากตลาดส่งออก (-3.92%) 

          2. ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม หดตัวร้อยละ 6.45 จากน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันเบนซินออกเทน 95 เป็นหลัก 

          3. ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หดตัวร้อยละ 17.71 จากภาวะตลาดอิเล็กทรอนิกส์โลกที่อยู่ในช่วงกำลังฟื้นตัวจากการหดตัวในปีก่อน 

          อุตสาหกรรมสำคัญที่ยังขยายตัวในเดือนมกราคม 2567 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน

          1. เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำแร่และน้ำดื่มบรรจุขวด ขยายตัวร้อยละ 14.16 จากน้ำอัดลม เครื่องดื่มรสผลไม้ และเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เป็นหลัก ตามความต้องการบริโภคหลังสภาพอากาศร้อนขึ้นรวมถึงมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตรงกับพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้า

          2. ปุ๋ยเคมีและสารประกอบไนโตรเจน ขยายตัวร้อยละ 58.68 จากราคาปุ๋ยปรับลดลงและสินค้าเกษตรได้ราคาดี เกษตรกรมีกำลังซื้อปุ๋ยมากขึ้น 

          3. เครื่องประดับเพชรพลอยแท้ ขยายตัวร้อยละ 19.00 ตามการขยายตัวของตลาดในประเทศ (+54.38%) และตลาดส่งออก (+15.08%) โดยเฉพาะคู่ค้าหลักสำคัญ (ฮ่องกง อังกฤษ และ UAE) ที่ยังมีทิศทางเป็นบวกต่อเนื่อง รวมถึงฐานต่ำในปีก่อนจากปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก

          แนวโน้มอุตสาหกรรมรายสาขาที่สำคัญ ไตรมาสที่ 1/2567

          อุตสาหกรรม เหล็กและเหล็กกล้า คาดการณ์ว่าจะหดตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาเหล็กในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการสั่งซื้อเพื่อดูทิศทางราคา และอาจส่งผลต่อความต้องการใช้เหล็ก อย่างไรก็ตาม การเร่งก่อสร้างโครงการภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ

          อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าดัชนีผลผลิตจะหดตัวเล็กน้อยประมาณร้อยละ 1.0-3.0 เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูง อาจส่งผลต่อความสามารถในการผลิตของผู้ประกอบการไทย และ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและประเทศคู่ค้า เช่น จีน และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามนโยบายการสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรม Smart Electronics อาจจะส่งผลดีต่อการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของไทย ในขณะที่มูลค่าการส่งออกจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่องประมาณร้อยละ 3.0-5.0 เนื่องจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ตามความต้องการของตลาดโลกและเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็ว รวมทั้ง ความต้องการอุปกรณ์นวัตกรรมใหม่ๆ ของผู้บริโภค

          อุตสาหกรรมยางและผลิตภัณฑ์ยาง ปริมาณการผลิตยางแปรรูปขั้นปฐม (ยางแผ่น ยางแท่ง และน้ำยางข้น) ยางรถยนต์ และถุงมือยาง จะขยายตัว ทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ โดยยางแปรรูปขั้นปฐมจะขยายตัวจากความต้องการของอุตสาหกรรมต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยางรถยนต์จะขยายตัวจากแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดสำคัญ อาทิ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และเกาหลีใต้ ขณะที่ถุงมือยางจะขยายตัวจากการผลิตเพื่อตอบสนองอุปสงค์ความต้องการของตลาดในประเทศเป็นหลัก

          อุตสาหกรรมอาหาร คาดว่าดัชนีผลผลิตในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัว เมื่อเทียบกับ ไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการของภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในส่วนของภาคการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัว จากความต้องการสินค้าของประเทศคู่ค้า เพื่อความมั่นคงด้านอาหาร อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ที่ยังคงชะลอตัว ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศ รวมถึงผลกระทบจากภัยแล้งที่อาจรุนแรงขึ้น

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 9 เมษายน 2567

 

 

4363

Click Donate Support Web 

SME 720x100 66

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

MTL 720x100

kbank 720x100 66

QIC 720x100

วิริยะ 720x100AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100

ais 720x100

iconmotor

gen 720x100

TOA 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!