WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

การจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์

Gov 08

การจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์

          คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดให้จังหวัดบุรีรัมย์เป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามที่คณะกรรมการนโยบายพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา (คณะกรรมการนโยบายฯ) เสนอ

          ทั้งนี้ การขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 เห็นควรให้มีการนำผลการประเมินการดำเนินงานในช่วง 3 ปี ตามมาตรา 40 ของพระราชบัญญัติดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับข้อเท็จจริง โดยคำนึงถึงศักยภาพและความพร้อมของสถานศึกษาแต่ละพื้นที่ ความคุ้มค่า ความซับซ้อน ความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน รวมถึงสร้างการรับรู้และความเข้าใจในทุกมิติถึงประโยชน์ที่ทุกภาคส่วนจะได้รับเป็นสำคัญตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

          สาระสำคัญเรื่อง

          คณะกรรมการนโยบายฯ รายงานว่า 

          1. พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 มาตรา 5 บัญญัติให้พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาเป็นพื้นที่ปฏิรูปการบริหารและการจัดการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมการศึกษา1 โดยมีวัตถุประสงค์ 4 ประการ ดังนี้ (1) คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมการศึกษาและการเรียนรู้เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของผู้เรียน รวมทั้งเพื่อให้มีการขยายผลไปปรับใช้ในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานอื่น (2) ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา (3) กระจายอำนาจและให้อิสระแก่หน่วยงานทางการศึกษาและสถานศึกษานำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาเพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารและการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และ (4) สร้างและพัฒนากลไกการจัดการศึกษาร่วมกันระหว่างภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา มาตรา 6 บัญญัติให้คณะกรรมการนโยบายฯ พิจารณาความเหมาะสมของการเป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาโดยคำนึงถึงความพร้อม ตลอดจนการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง และมาตรา 7 บัญญัติให้จังหวัดใดประสงค์จะเป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ให้คณะผู้เสนอ2โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายฯ พิจารณา โดยปัจจุบันมีการจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษามาแล้ว จำนวน 19 พื้นที่ สรุปได้ ดังนี้

 

ปี

จำนวนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาที่มีการจัดตั้ง

จำนวนสถานศึกษานำร่อง

(แห่ง)

2561-2562

8 พื้นที่

ได้แก่ จังหวัดสตูล ระยอง ศรีสะเกษ กาญจนบุรี เชียงใหม่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

[เป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาที่ได้จัดตั้งขึ้นโดยประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก่อนวันที่พระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา .. 2562 ใช้บังคับ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 44 ของพระราชบัญญัติดังกล่าว]

5393

2565

11 พื้นที่

ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดจันทบุรี ภูเก็ต สงขลา สุราษฎร์ธานี อุบลราชธานี สุโขทัย แม่ฮ่องสอน กระบี่ ตราด และสระแก้ว

[คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565]

1,498

รวม

19

2,037

 

          ทั้งนี้ การจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจะส่งผลให้สถานศึกษานำร่องในพื้นที่สามารถจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับบริบทในพื้นที่โดยสามารถบริหารจัดการการศึกษาได้อย่างอิสระ ยืดหยุ่น คล่องตัว ไม่ต้องอิงกฎระเบียบที่ไม่จำเป็นหรือไม่เอื้อจากส่วนกลาง เช่น การเลือกใช้หลักสูตร/สื่อการเรียนการสอนออกแบบการทดสอบเฉพาะพื้นที่ได้ สถานศึกษาได้งบพัฒนาเป็นวงเงินรวม (Block Grant) มีช่องทางผลักดันการบริหารงานบุคคลให้เหมาะสมกับพื้นที่ สามารถปรับลดและยกเลิกโครงการที่เพิ่มภาระงานครูและส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยกลไกการจัดการศึกษาระหว่างภาครัฐ อปท. ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ซึ่งจะส่งผลดีทั้งต่อผู้เรียน สถานศึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่และช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

          2. คณะผู้เสนอได้ยื่นคำขอจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์ต่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนของประกาศคณะกรรมการนโยบายฯ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพิจารณาความพร้อมของจังหวัด จำนวนและคุณสมบัติของคณะผู้เสนอ หลักเกณฑ์และวิธีการเสนอจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2564 ด้วยแล้ว สรุปได้ ดังนี้

              2.1 คณะกรรมการนโยบายฯ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565 มอบหมายให้คณะอนุกรรมการด้านนโยบาย ยุทธศาสตร์ ติดตามและประเมินผล4 (คณะอนุกรรมการด้านนโยบายฯ) พิจารณาคำขอจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งคณะอนุกรรมการด้านนโยบายฯ มีมติเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 เห็นชอบให้จังหวัดบุรีรัมย์เป็นพื้นที่ซึ่งมีความพร้อมในการจัดตั้งเป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาเนื่องจากมีแนวทางการดำเนินงานสอดคล้องกับแนวคิดหลักของพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา มีแนวทางการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาและการลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา มีภาคีเครือข่ายจากทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือในการจัดการศึกษา มีหน่วยงานที่มีความเข้าใจในเป้าหมายและหลักการสำคัญของการเป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาพร้อมให้คำปรึกษาชี้แนะ และเป็นพี่เลี้ยงทางวิชาการ รวมทั้งมีแผนการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาที่ชัดเจน ซึ่งต่อมาคณะกรรมการนโยบายฯ ได้มีมติเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 เห็นชอบให้จังหวัดบุรีรัมย์เป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาและได้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี แต่เนื่องจากขณะนั้นได้มีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 ประกอบกับคณะรัฐมนตรีมีมติ (21 มีนาคม 2566) เรื่อง แนวทางปฏิบัติอันเนื่องมาจากการยุบสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกรณีนี้มีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไปอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 169 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นจึงมีคำสั่งให้ส่งเรื่องดังกล่าวคืนคณะกรรมการนโยบายฯ เพื่อให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต่อไป

              2.2 ต่อมาฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายฯ (สำนักงานบริหารพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา) ได้นำเรื่องการจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายฯ อีกครั้ง โดยคณะกรรมการนโยบายฯ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) เป็นประธานมีมติเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการนโยบายฯ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2566 โดยเห็นชอบการขอจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายฯ เสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดให้จังหวัดบุรีรัมย์เป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

          3. ประมาณการค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดบุรีรัมย์ (สถานศึกษานำร่อง 83 แห่ง) ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-25695 รวมจำนวน 18,600,000 บาท โดย ศธ. จะขอรับการจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป สรุปได้ ดังนี้

              3.1 งบประมาณของ ศธ. โดยสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานปลัด ศธ.) โอนจัดสรรให้กับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาปีละ 1,000,000 บาท สรุปได้ ดังนี้

 

ปีงบประมาณ ..

รวม (บาท)

2568

2569

1,000,000

1,000,000

2,000,000

 

              3.2 งบเงินอุดหนุนเพื่อการพัฒนานวัตกรรมการศึกษา โดย สพฐ. โอนจัดสรรให้กับสถานศึกษานำร่องโดยตรง โรงเรียนปีละ 100,000 บาท สรุปได้ ดังนี้

 

ปีงบประมาณ ..

รวม (บาท)

2568

2569

8,300,000

(83 โรงเรียน x 100,000 บาท)

8,300,000

(83 โรงเรียน x 100,000 บาท)

16,600,000

 

          4. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

              4.1 ผู้เรียนได้พัฒนาการเรียนรู้และนำไปสู่การเป็นคนไทยที่มีคุณภาพ มีความใฝ่รู้ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความสามารถในการสื่อสาร สามารถอยู่และทำงานร่วมกับผู้อื่นซึ่งมีความแตกต่างและความหลากหลายได้ มีความรู้เท่าทันโลก และมีทักษะในการประกอบอาชีพตามความถนัดของผู้เรียนแต่ละคน

              4.2 ผู้ปกครองเกิดความเชื่อมั่นต่อคุณภาพของสถานศึกษาใกล้บ้านและไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อให้ลูกหลานได้รับการศึกษาที่ดี

              4.3 ครูและผู้บริหารสถานศึกษามีอิสระในการจัดการเรียนการสอนและการบริหารจัดการสถานศึกษามากขึ้นเนื่องจากการลดภาระงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนและการบริหารจัดการสถานศึกษา ส่งผลให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีเวลาสำหรับการสอนและพัฒนาผู้เรียนให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอย่างเต็มที่

              4.4 ศธ. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาทั่วไปจะได้ข้อเสนอเชิงนโยบาย ตัวอย่างนวัตกรรม และแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานรวมถึงการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปปรับใช้ให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารและการจัดการศึกษา

              4.5 ผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เกิดความตระหนักถึงความร่วมมือในการจัดการศึกษาร่วมกันและผลักดันให้เกิดการจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำในการศึกษาและจำนวนนักเรียนที่หลุดจากระบบการศึกษาลดลงและจะมีบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและพร้อมที่จะช่วยพัฒนาสั่งคมและเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้นในอนาคต

____________________

1 นวัตกรรมการศึกษา หมายถึง แนวคิด วิธีการ กระบวนการ สื่อการเรียนการสอน หรือการบริหารจัดการในรูปแบบใหม่ซึ่งได้มีการทดลองและพัฒนาจนเป็นที่น่าเชื่อถือว่าสามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนและการจัดการศึกษา และหมายความรวมถึงการนำสิ่งดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา

2 คณะผู้เสนอ หมายถึง กลุ่มบุคคลซึ่งยื่นขอจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ประกอบด้วย (1) องค์ประกอบหลัก ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารสถานศึกษาอย่างน้อยหนึ่งในสามของจำนวนสถานศึกษาทั้งหมด ผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาหรือหน่วยงานอื่นที่ให้สนับสนุนทางวิชาการอย่างน้อย 1 คน และผู้แทนภาคเอกชนและภาคประชาสังคมที่ให้ความร่วมมือในการจัดการศึกษาอย่างน้อย 3 คน และ (2) องค์ประกอบอื่น โดยเลือก 2 จาก 4 องค์ประกอบ ได้แก่ ผู้บริหารหน่วยงานภายในจังหวัดอย่างน้อย 2 คน ผู้นำชุมชนอย่างน้อย 1 คน ผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 3 คน และศึกษาธิการจังหวัด 

3 ศธ. แจ้งว่า ในปี 2561 พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดสตูล ระยอง ศรีสะเกษ กาญจนบุรี เชียงใหม่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีสถานศึกษานำร่อง 266 แห่ง และในปี 2562 ได้มีการเพิ่มจำนวนสถานศึกษานำร่องในพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาดังกล่าวเป็น 539 แห่ง โดยเพิ่มขึ้นจากเดิม 273 แห่ง 

4 คณะอนุกรรมการด้านนโยบาย ยุทธศาสตร์ ติดตามและประเมินผล มีหน้าที่ในการพิจารณากลั่นกรองคำขอจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาพร้อมให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายฯ พิจารณา

5 เนื่องจากพระราชบัญญัติพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา พ.ศ. 2562 จะมีผลใช้บังคับถึงวันที่ 30 เมษายน 2569 คณะกรรมการนโยบายฯ จึงได้เสนอขอจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2569 เพื่อให้จังหวัดบุรีรัมย์ดำเนินการตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของการจัดตั้งพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาในระยะเวลาที่เหลืออยู่ไม่น้อยกว่า 2 ปีการศึกษา

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 26 มีนาคม 2567

 

 

3937

Click Donate Support Web 

SME 720x100 66

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

MTL 720x100

kbank 720x100 66

QIC 720x100

วิริยะ 720x100AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

PTG 720x100

ais 720x100

iconmotor

gen 720x100

TOA 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!