ร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ด้านความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 27 March 2024 00:31
- Hits: 7091
ร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ด้านความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ด้านความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น รวมทั้งอนุมัติให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ด้านความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่นตามที่กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอ
สาระสำคัญ
1. กระทรวงพาณิชย์มีภารกิจด้านต่างประเทศในการส่งเสริมและเร่งรัดการส่งออก โดยมุ่งเน้นการขยายตลาดสินค้าและบริการ การให้บริการข้อมูลการค้าและเพิ่มศักยภาพด้านการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก รวมถึงการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและธุรกิจบริการ ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์จึงให้ความสำคัญต่อการสร้างพันธมิตรและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจทั้งระดับภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่มีความพร้อมในการออกสู่ตลาดต่างประเทศ
2. จีนเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายสำคัญในการรุกตลาดต่างประเทศของไทย เนื่องจากจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก (มีประชากร 1,412 ล้านคน) เป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 และผู้นำเข้าอันดับ 2 ของโลก ทำให้จีนมีบทบาทสำคัญด้านเศรษฐกิจและการค้าของโลก
3. การค้าระหว่างไทย - จีน ปี 2566 จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการค้า รวม 104,964.90 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 3.65 ล้านล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 0.22 สรุป ดังนี้
1) จีนเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทย โดยในปี 2566 มีมูลค่าส่งออกไปจีน 34,164 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,176,889 ล้านบาท) ขยายตัวลดลงร้อยละ 0.77 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สินค้าส่งออกหลัก 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง แห้ง 2) ผลิตภัณฑ์ยาง 3) เม็ดพลาสติก 4) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 5) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกไปจีนในปี 2567 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 34.505 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (1,188,657 ล้านบาท)
2) จีนเป็นแหล่งนำเข้าอันดับ 1 ของไทย โดยมีมูลค่านำเข้าจากจีน 70,800.40 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2.47 ล้านล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อน ร้อยละ 0.05 ทั้งนี้ สินค้านำเข้าหลัก 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 2) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 3) เคมีภัณฑ์ 4) เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน 5) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ
4. กระทรวงพาณิชย์จึงได้หารือกับบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานรายใหญ่ภายใต้รัฐบาลจีน เพื่อริเริ่มการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน อันเป็นผลสืบเนื่องจากการพบหารือระหว่างผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองฝ่ายเมื่อครั้งการยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 4 - 6 พฤศจิกายน 2566 โดย ร่างบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ด้านความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น มีสาระสำคัญของขอบเขตความร่วมมือ ดังนี้
1) การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านโอกาสทางการค้าและการลงทุนในประเทศไทยและจีนรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าสู่ตลาดของผลิตภัณฑ์หรือการขยายธุรกิจของบริษัทบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น ในประเทศไทย
2) การส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าไทยในสถานีบริการน้ำมันบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น
3) การสนับสนุนการจัดกิจกรรมส่งเสริมธุรกิจต่างๆ เช่น การสัมมนา การประชุม การจับคู่ธุรกิจ งานแสดงสินค้า การจัดคณะผู้แทนการค้า ฯลฯ รวมทั้งแสวงหา ส่งเสริมและพัฒนาโอกาสในการสร้างความร่วมมือระหว่างกัน
4) แสวงหา ส่งเสริม และพัฒนาโอกาสในการสร้างความร่วมมือเกี่ยวกับกลุ่มสินค้าปิโตรเคมี สินค้าเกษตรและประมง สินค้าอุปโภคบริโภค ฯลฯ
ประโยชน์และผลกระทบ
การจัดทำบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding) ด้านความร่วมมือระหว่างกระทรวงพาณิชย์และบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางกระจายสินค้าไทยในจีน ผ่านสถานีบริการน้ำมัน 30,000 สาขาภายใต้การบริหารของบริษัท ไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น ทั้งนี้ ประโยชน์ที่ประเทศไทยและ/หรือภาคอุตสาหกรรมของไทย จะได้รับจากการดำเนินการในเรื่องนี้ คาดว่าการจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้ากับบริษัทไชน่า ปิโตรเคมิคอล คอร์ปอเรชั่น จะสามารถจัดให้มีสินค้าไทยในเบื้องต้นจำนวนรายการสินค้าไม่ต่ำกว่า 50 รายการ (SKUs) ในกลุ่มสินค้าเช่น ข้าวหอมมะลิ อาหารแปรรูป ผลไม้แปรรูป ขนมขบเคี้ยว และผลิตภัณฑ์ยางพารา (จากปัจจุบันซึ่งมีอยู่ในสถานีแล้วเพียงจำนวน 3 รายการ (SKUs) เข้าไปจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ Easy Joy ของบริษัทฯ ซึ่งมีอยู่ในสถานีบริการน้ำมัน 30,000 สาขาทั่วประเทศจีน คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี ตามอายุของร่างบันทึกความเข้าใจฯ นอกจากนี้ ยังมีวัตถุประสงค์ ในการแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้หรือความเชี่ยวชาญของต่างฝ่าย และการสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน อันจะมีส่วนช่วยยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยได้โดยปริยาย อีกทั้งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการผลักดันสินค้าของผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตอาหาร สินค้าเกษตรและประมง รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค ให้สามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ตลอดจนสอดรับกับนโยบายการเร่งส่งเสริมการสร้างพันธมิตรและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ และขยายขอบเขตการทำงานระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยต่อยอดจากผลการพบหารือระหว่างผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นรูปธรรม
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 26 มีนาคม 2567
3923