มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars)
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 13 March 2024 00:06
- Hits: 7553
มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars)
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการของการดำเนินมาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ดังนี้
1.1 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ
1.2 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ
1.3 มาตรการลดหรือยกเว้นอากรขาเข้างานศิลปะ
1.4 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมรถยนต์โบราณ (Classic Cars)
2. มอบหมายให้ กค. กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กระทรวงคมนาคม (คค.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการศึกษารายละเอียด ผลประโยชน์และผลกระทบ ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ การคลัง และสังคม รวมทั้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในแต่ละมาตรการอย่างรอบคอบต่อไป
3. ให้ กค. วธ. พณ. ทส. คค. และ ตช. พิจารณาศึกษารายละเอียดของมาตรการและประสานหน่วยงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการดำเนินการต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
กค. รายงานว่า
1. กิจการเกี่ยวกับศิลปะ ความบันเทิง และนันทนาการของประเทศไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในตลาดโลกและตลาดภูมิภาค โดยประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 101 ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นผู้ส่งออกกลุ่มงานสินค้าสร้างสรรค์และมีความอุดมสมบูรณ์ของทุนทางวัฒนธรรมและมีทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและทักษะฝีมือด้านศิลปะที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมจิตรกรรมและประติมากรรม ซึ่งปัจจุบันงานศิลปะได้รับสิทธิประโยชน์ในทางภาษีอากรเกี่ยวกับการยกเว้นอากรขาเข้า เช่น การนำเข้างานศิลปะเพื่อจัดแสดงให้สาธารณชนได้รับชมเป็นการทั่วไป การนำเข้างานศิลปะเข้ามาเป็นการชั่วคราวเพื่อเป็นการจัดแสดงสินค้าระหว่างประเทศ การนำเข้างานศิลปะภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรี รวมทั้งกรณีส่งออกสินค้างานศิลปะที่ผลิตในประเทศไทยไปจำหน่ายต่างประเทศจะได้รับการชดเชยภาษีตามพระราชบัญญัติชดเชยค่าภาษีอากรสินค้าส่งออกที่ผลิตในราชอาณาจักร พ.ศ. 2524 นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีศักยภาพและความพร้อมที่จะสนับสนุนมาตรการเกี่ยวกับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) สำหรับการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น ด้านทรัพยากรบุคคลและทรัพยากรด้านอื่นๆ ที่สามารถนำมาผลิตหรือบูรณะ (Restoration) และสามารถนำมาขายต่อ (Reselling) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจได้2
2. มาตรการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เป็นการส่งเสริมงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ซึ่งคาดว่าจะมีศักยภาพในการขยายตัวโดยการใช้ทุนวัฒนธรรมกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เช่น ภาคการท่องเที่ยว แฟชั่น การออกแบบอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ โดยมีรายละเอียดมาตรการ ดังนี้
2.1 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ
หัวข้อ |
รายละเอียด |
หลักการ |
(1) ให้ผู้มีเงินได้ (ผู้ที่ซื้องานศิลปะ) (ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล) หักลดหย่อนค่าซื้องานศิลปะด้านจิตรกรรมหรือประติมากรรมในลักษณะการยกเว้นไม่ต้องนำเงินได้เท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้องานศิลปะมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ในปีภาษี สำหรับการซื้องานศิลปะตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎหมาย ซึ่ง กค. จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป) ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569 และให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด (2) กรณีซื้องานศิลปะในราชอาณาจักร ต้องซื้อจากศิลปินผู้เป็นเจ้าของผลงานซึ่งได้ขึ้นทะเบียนศิลปินกับหน่วยงานของรัฐที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด เว้นแต่ศิลปินผู้นั้นเป็นศิลปินแห่งชาติไม่ต้องขึ้นทะเบียน หรือซื้อจากบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจจำหน่ายงานศิลปะหรือธุรกิจประมูลงานศิลปะเป็นปกติธุระ (มีการประกอบธุรกิจจำหน่ายงานศิลปะอย่างสม่ำเสมอ) โดยมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปหรือใบรับพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดงานศิลปะที่ซื้อซึ่งได้รับการรับรองจากศิลปินหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (3) หากพิพิธภัณฑ์หรือหอศิลป์ในราชอาณาจักรขอยืมงานศิลปะที่ซื้อเพื่อจัดแสดงภายในระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่ซื้อ ผู้มีเงินได้ต้องให้ยืมโดยไม่มีค่าตอบแทนเว้นแต่ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการให้ยืม |
แนวทางการ ตรากฎหมาย |
ออกกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร |
ผลกระทบ |
(1) ประมาณการการสูญเสียรายได้ : คาดว่าจะมีผู้ใช้สิทธิปีละประมาณ 1,000 ราย และมีอัตราภาษีที่แท้จริง (Effective Tax Rate) ร้อยละ 20 จึงจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีละประมาณ 20 ล้านบาท (2) ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ : (2.1) การซื้อขายงานศิลปะในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นจะทำให้ศิลปินในประเทศไทยผลิตงานศิลปะเพิ่มมากขึ้นและประเทศไทยมีทุนทางวัฒนธรรมเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย (2.2) การจัดแสดงงานศิลปะระดับประเทศและระดับนานาชาติในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นจะทำให้การท่องเที่ยวขยายตัวมากขึ้นตามไปด้วย |
การดำเนินการต่อไป |
กค. (กรมสรรพากร) จะต้องมีการหารือรายละเอียดเพิ่มเติมร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการเบื้องต้นในการดำเนินมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการซื้องานศิลปะ ก่อนจัดทำร่างกฎหมายเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
2.2 มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ
หัวข้อ |
รายละเอียด |
หลักการ |
ให้ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (6) แห่งประมวลรัษฎากร ที่เป็นเงินได้จากวิชาชีพอิสระประณีตศิลปกรรม (เช่น งานวาด งานหล่อ งานปั้น ซึ่งมีการคิดค่าตอบแทนจากค่าผลงาน ค่าที่ปรึกษา หรือค่าฝีมืออื่นๆ โดยเป็นการคิดตามความยากง่ายหรือปริมาณงานโดยอาจคิดเป็นรายครั้ง รายชั่วโมง หรือรายชิ้น) หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้เพิ่มขึ้น จาก ร้อยละ 30 เป็น ร้อยละ 60 (ของค่าตอบแทนที่เรียกเก็บ) เป็นการถาวร โดยไม่กำหนดประเภทศิลปิน |
แนวทางการ ตรากฎหมาย |
ตราพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 |
ผลกระทบ |
(1) ประมาณการการสูญเสียรายได้ : ในปีภาษี 2565 มีผู้มีเงินได้จากวิชาชีพอิสระประณีตศิลปกรรม 1,416 ราย และจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ประมาณ 42 ล้านบาท หากกำหนดให้หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ร้อยละ 60 จากข้อมูลดังกล่าว คาดว่าจะสูญเสียรายได้ภาษีเงินได้บุคคลธรรมปีละประมาณ 20 ล้านบาท (2) ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ : (2.1) ศิลปินในประเทศไทยได้รับการบรรเทาภาระภาษี และมีแรงจูงใจที่จะสร้างสรรค์งานศิลปะเพิ่มมากขึ้น (2.2) งานศิลปะของศิลปินในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นและประเทศไทยมีทุนทางวัฒนธรรมเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย |
การดำเนินการต่อไป |
กค. (กรมสรรพากร) จะต้องมีการหารือรายละเอียดเพิ่มเติมร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการเบื้องต้นในการดำเนินมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ ก่อนจัดทำร่างกฎหมายเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
2.3 มาตรการลดหรือยกเว้นอากรขาเข้างานศิลปะ
หัวข้อ |
รายละเอียด |
หลักการ |
(1) ให้มีการลดหรือยกเว้นอัตราอากรสำหรับงานศิลปะ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ (2) ให้มีการกำหนดนิยาม หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขเพื่อรับรองการนำเข้างานศิลปะภายใต้มาตรการนี้ ทั้งนี้ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ (3) ให้มีหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเป็นผู้รับรองว่าเป็นงานศิลปะและกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของงานศิลปะที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรภายใต้มาตรการนี้ ทั้งนี้ รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะ |
แนวทางการ ตรากฎหมาย |
ออกประกาศกระทรวงการคลังลดอัตราอากรสำหรับของใดๆ จากที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราศุลกากร หรือยกเว้นอากรสำหรับของใดๆ หรือเรียกเก็บอากรพิเศษเพิ่มขึ้นสำหรับของใดๆ ไม่เกินร้อยละ 50 ของอัตราอากรที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราศุลกากรสำหรับของนั้น ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 และกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขให้มีหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านศิลปะเป็นผู้รับรองการนำเข้า และควรกำหนดระยะเวลาในการมีผลใช้บังคับเป็นการชั่วคราวจนกว่าการดำเนินการของคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นประธาน) (คณะกรรมการฯ) จะแล้วเสร็จ |
ผลกระทบ |
(1) ประมาณการการสูญเสียรายได้ : การสูญเสียรายได้จากการลดหรือยกเว้นอากรสำหรับงานศิลปะภายใต้มาตรการนี้ ขึ้นอยู่กับการกำหนดนิยาม หลักเกณฑ์ และเงื่อนไข เนื่องจากประเภทพิกัดศุลกากรเกี่ยวกับงานศิลปะมีหลากหลายประเภทพิกัด (2) ระยะเวลาในการดำเนินมาตรการ : เนื่องจากมาตรการนี้มีความคล้ายคลึงกับมาตรการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ดังนั้น ระยะเวลาการดำเนินการอาจจะต้องกำหนดเป็นการชั่วคราวและหากคณะกรรมการฯ ได้ผลักดันมาตรการในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับมาตรการนี้อย่างชัดเจนแล้วควรดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการของคณะกรรมการฯ ต่อไป |
การดำเนินการต่อไป |
นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบตามหลักการและมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
2.4 มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมรถยนต์โบราณ (Classic Cars)
หัวข้อ |
รายละเอียด |
หลักการ |
(1) ให้มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากสินค้ารถยนต์โบราณ3 (Classic Cars) โดยกรมสรรพสามิตจะกำหนดคำนิยาม หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) และกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรพสามิตที่เหมาะสมและสอดคล้องกับอัตราอากรขาเข้าในประเภทที่ 06.01 รถยนต์นั่ง ประเภทที่ 06.02 รถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน และประเภทที่ 06.03 รถยนต์กระบะสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) (2) ให้ยกเว้นอากรขาเข้าสินค้ารถยนต์โบราณ (Classic Cars) ตามพิกัด 87.03 เฉพาะรถยนต์นั่งเท่านั้น (ไม่รวมถึงรถจักรยานยนต์และรถอื่นๆ ) เพื่อให้สอดคล้องกับนิยามรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ที่กรมสรรพสามิตกำหนดข้างต้น |
แนวทางการ ตรากฎหมาย |
(1) ออกประกาศกรมสรรพสามิตกำหนดคำนิยาม หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณลักษณะสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) (2) ออกกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) (3) ออกประกาศกระทรวงการคลังยกเว้นอากรขาเข้าในอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 |
ผลกระทบ |
(1) ประมาณการการสูญเสียรายได้ : การสูญเสียรายได้จากมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ขึ้นอยู่กับการกำหนดนิยาม หลักเกณฑ์และเงื่อนไข และคุณลักษณะสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) และการกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (2) ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ : (2.1) สามารถจัดเก็บภาษีสรรพสามิตได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากสินค้าที่อยู่นอกเหนือจากพิกัดเดิม (2.2) สามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยการสนับสนุนการจัดกิจกรรมสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เช่น การประกวดรถยนต์โบราณ (Classic Cars) การจัดแสดงนิทรรศการรถยนต์โบราณ (Classic Cars) การจัดขบวนคาราวานรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เป็นต้น จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยรวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทยทุกระดับ (2.3) สามารถส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตหรือบูรณะ (Restoration) รถยนต์โบราณ (Classic Cars) ในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย |
การดำเนินการต่อไป |
ในการดำเนินมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมรถยนต์โบราณ (Classic Cars) มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ (1) พณ. (กรมการค้าต่างประเทศ) จะปรับปรุงประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร โดยยกเว้นให้สามารถนำเข้ารถยนต์ใช้แล้วสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เพื่อเพิ่มมูลค่าและความสามารถในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ (2) ทส. (กรมควบคุมมลพิษ) จะพิจารณาแนวทางการตรวจวัดการปล่อยมลพิษ โดยออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับวิธีการทดสอบการปล่อยมลพิษ และกำหนดมาตรฐานการปล่อยมลพิษสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เนื่องจากรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ไม่สามารถนำไปทดสอบ การปล่อยมลพิษได้ เพราะการทดสอบดังกล่าวอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของรถยนต์ หรือออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อยกเว้นการทดสอบการปล่อยมลพิษสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) (3) คค. (กรมการขนส่งทางบก) จะปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดขนาด ลักษณะและสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถและการแสดงแผ่นป้ายทะเบียนรถและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี เพื่อแบ่งประเภทป้ายทะเบียนสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ให้สามารถดำเนินการตรวจสอบและควบคุมกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ป้ายทะเบียนดังกล่าวจะมีขนาดและลักษณะตามป้ายทะเบียนปกติ แต่จะกำหนดสีของแผ่นป้ายให้แตกต่างจากรถยนต์ประเภทอื่นๆ เช่น กำหนดสีพื้นป้ายทะเบียนเป็นสีดำ และกำหนดสีตัวอักษรเป็นสีเงิน เป็นต้น (4) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กองบังคับการตำรวจจราจร) จะออกข้อบังคับหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรทั่วราชอาณาจักรสำหรับรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เพื่อกำหนดวันและเวลาการใช้งานรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษที่เกิดขึ้นจากรถยนต์โบราณ (Classic Cars) (5) มอบหมายหน่วยงานที่เหมาะสมให้เป็นผู้รับรองข้อมูลรถยนต์โบราณ (Classic Cars) เพื่อสามารถตรวจสอบความถูกต้องในการรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรจากมาตรการนี้ |
3. กค. แจ้งว่า การยกระดับทุนทางวัฒนธรรมและส่งเสริมอุตสาหกรรมทัศนศิลป์ของประเทศไทยและเพิ่มรายได้จากการใช้จ่ายในประเทศและจากต่างประเทศจะช่วยสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวมของประเทศ รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาคธุรกิจงานศิลปะและรถยนต์โบราณ (Classic Cars) ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจในประเทศไทย
___________________
1 จากรายงาน Creative Economy Outlook ของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD)
2 ปัจจุบันผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตหรือบูรณะ (Restoration) สามารถนำเข้ารถยนต์ใช้แล้วเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อปรับปรุงหรือซ่อมแซมด้วยวิธีการใดๆ ให้มีสภาพใช้งานได้ในเขตประกอบการเสรีหรือเขตปลอดอากรแล้วส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยหรือกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
3 ปัจจุบันรถยนต์ใช้แล้วและรถโบราณ (รถยนต์ใช้แล้วที่มีอายุเกินกว่าหนึ่งร้อยปี) เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐ ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้รถยนต์ใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2562
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน (รองนายกรัฐมนตรี) 12 มีนาคม 2567
3480