WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ขอความเห็นชอบการกู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินขององค์การเภสัชกรรม

Gov 27

ขอความเห็นชอบการกู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินขององค์การเภสัชกรรม

          คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรมกู้เงินเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินในลักษณะ Roll-over1 ครอบคลุมระยะเวลาการกู้ 5 ปี วงเงินกู้จำนวน 3,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ

          สาระสำคัญของเรื่อง

          สธ. รายงานว่า

          1. องค์การเภสัชกรรมมีภารกิจด้านสาธารณสุข ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้เงินหมุนเวียนในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ (1) การสนับสนุนและตอบสนองต่อนโยบายภาครัฐในการผลิตและจัดซื้อจัดหายาและเวชภัณฑ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงยาในราคาที่เหมาะสม (2) การจัดสรรเงินนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน (3) การจ่ายค่าใช้จ่ายดำเนินงานในกิจการตามโครงการและแผนงาน และ (4) การจ่ายชำระค่าสินค้าให้แก่บริษัทผู้จำหน่ายสินค้า อย่างไรก็ดี ฐานะทางการเงินในปัจจุบันขององค์การเภสัชกรรมมีลูกหนี้ที่มียอดค้างชำระเป็นจำนวนมากและยังไม่สามารถเรียกเก็บได้ (ยา เวชภัณฑ์ และวัคซีน) จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานประกันสังคม (สปช.) และหน่วยบริการในสังกัด สธ. ส่งผลให้องค์การเภสัชกรรมขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยรายงานการรับ-จ่ายเงินสดปีงบประมาณ 2565 และ 2566 ขององค์การเภสัชกรรมมีรายละเอียด ดังนี้

หน่วย : ล้านบาท

รายการเงินสดรับ-จ่าย

ปีงบประมาณ 2565

ปีงบประมาณ 2566

เงินสดคงเหลือต้นงวด

7,310.32

4,778.09

        เงินสดรับ

26,200.54

17,660.00

        เงินสดจ่าย

28,732.77

24,833.28

เงินสดรับมากกว่า (น้อยกว่า) เงินสดจ่าย

(2,532.23)

(7,173.28)

เงินสดคงเหลือเหลือปลายงวดสุทธิ

4,778.09

-2,395.19

 

          จากตารางจะเห็นได้ว่าเงินสดคงเหลือปลายงวดปีงบประมาณ 2566 ติดลบ (-2,395.19 ล้านบาท)2 ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดำเนินกิจกรรมข้างต้น ดังนั้น องค์การเภสัชกรรมจึงมีความจำเป็นต้องขอกู้เงินเพื่อให้สามารถดำเนินภารกิจในการให้บริการประชาชนได้ตามปกติต่อไป

          2. องค์การเภสัชกรรมมีลูกหนี้คงค้าง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2566) ดังนี้

 

หน่วยงาน

ยอดหนี้ (ล้านบาท)

สปสช.

4,133.72

สปช.

1,013.55

ลูกหนี้ภาครัฐ

1,973.33

ลูกหนี้ภาคเอกชนและส่งออก

122.34

รวม

7,242.94

 

          ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมมีแนวทางการติดตามหนี้ค้างชำระ เช่น (1) ทุกสิ้นเดือน ส่งรายงานหนี้ค้างให้ผู้แทนองค์การเภสัชกรรม (เจ้าหน้าที่ขององค์การเภสัชกรรม) เพื่อทราบปัญหาและติดตามหนี้ที่ค้างชำระ (2) ทุก 3 เดือน ส่งหนังสือแจ้งยอดค้างชำระให้ลูกหนี้ที่ยังคงค้างทุกราย (3) ส่งข้อมูลยอดหนี้ค้างชำระถึง สธ. เพื่อนำแสดง Dashboard ทุกสัปดาห์ เป็นต้น

          3. คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมในการประชุมครั้งที่ 15/2565 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 มีมติเห็นชอบกรอบวงเงินกู้จำนวน 3,000 ล้านบาท โดยให้องค์การเภสัชกรรมไปพิจารณาทบทวนวิธีหาแหล่งเงินให้มีความเหมาะสม ทั้งนี้ การดำเนินการต่างๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาเงิน ให้เป็นไปตามกฎ ระเบียบ หนังสือ และขั้นตอนที่กระทรวงการคลัง (กค.) กำหนด

          4. กค. [สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)] สำนักงบประมาณ (สงป.) และสำนักงาน สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรมกู้เงินจำนวน 3,000 ล้านบาท ในลักษณะ Roll-over คลอบคลุมระยะเวลา 5 ปี โดย กค. ไม่ค้ำประกัน เพื่อสำรองกรณีที่เงินสดคงเหลือปลายงวดในแต่ละเดือนต่ำกว่ายอดเงินสดขั้นต่ำที่ต้องคงไว้ หรือต่ำกว่ายอดประมาณการรายจ่ายต่อเดือน โดยแต่ละหน่วยงาน มีความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้

 

หน่วยงาน

รายละเอียด

กค.

(สบน.)

ขอให้องค์การเภสัชกรรมเร่งติดตามการชำระหนี้ให้ทันตามกำหนดและสมดุลกับการใช้จ่ายเงิน เพื่อลดวงเงินกู้เพื่อสำรองสภาพคล่องทางการเงินจากลูกหนี้ค้างชำระและลดภาระดอกเบี้ยจากการกู้เงิน ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมจะต้องแจ้งต่อ กค. เพื่อบรรจุเงินกู้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ3 ตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ .. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ก่อนที่จะดำเนินการกู้เงิน รวมถึงให้ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะอย่างเคร่งครัด ตามบทบัญญัติมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ .. 2561

สงป.

ให้ กค.เป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้งิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ ของการกู้เงิน รวมทั้งให้ดำเนินการขอบรรจุวงเงินกู้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ตามพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ .. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ให้องค์การเภสัขกรรมเร่งรัดติดตามการชำระหนี้และแก้ไขปัญหาหนี้คงค้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อบริทารสภาพคล่องจากเงินที่ได้รับชำระหนี้แทนการกู้เงินเพื่อไม่ให้เกิดภาระดอกเบี้ยในอนาคต

สศช.

ให้ สธ. ในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดประสาน สปส. สปสช. และองค์การเภสัชกรรม เพื่อกำหนดกรอบระยะเวลาการเรียกเก็บหนี้ที่ชัดเจนมากขึ้นและติดตามการชำระหนี้ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาเพื่อลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้องค์การเภสัชกรรมลดภาระค่าใช้จ่ายจากการกู้ยืมเงินและสามารถบริหารจัดการเงินสดของกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

______________________

1 การกู้เงินใหม่เพื่อนำไปชำระเงินกู้ที่ครบกำหนดชำระ เพื่อให้เงินกู้ดังกล่าวมีระยะเงินกู้สอดคล้องกับระยะคืนทุนซึ่งในครั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมขอดำเนินการกู้เงินและชดใช้เงินคืนภายในระยะเวลา 5 ปี (ปี 2567 - 2571) ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท (ทยอยเบิกเงิน/ใช้เงินคืนตามสภาพคล่องขององค์การเภสัชกรรม) 

2 จากการประสานกับองค์การเภสัชกรรม พบว่าค่าเฉลี่ยเงินสดจ่ายต่อเดือนขององค์การเภสัชกรรมในปี 2566 อยู่ที่ 2,069.44 ล้านบาท ดังนั้น เงินคงเหลือเหลือปลายงวดจึงไม่ควรเหลือต่ำกว่า 2,069.44 ล้านบาท

3 องค์การเภสัชกรรมได้เสนอ กค. (สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ) เพื่อขอบรรจุวงเงินกู้เข้าสู่แผนการบริหารหนี้สาธารณะ (ปรับปรุงครั้งที่ 1) ประจำปีงบประมาณ 2567 แล้ว เมื่อเดือนตุลาคม 2566 ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบการกู้เงินขององค์การเภสัชกรรมในครั้งนี้ และมีมติอนุมัติการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 1 องค์การเภสัชกรรมจะสามารถดำเนินการกู้เงินได้ในช่วงเดือนมกราคม 2567 เป็นต้นไป

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 13 กุมภาพันธ์ 2567

 

 

2438

Click Donate Support Web 

SME 720x100 66

CKPower 720x100

TOA 720x100

Banner GPF720x100 PX

EXIM One 720x90 C J

QIC 720x100

kbank 720x100 66

วิริยะ 720x100

MTL 720x100

 

 

 

AXA 720 x100

gen 720x100

hino2021

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!