การกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี 2567
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 27 December 2023 01:16
- Hits: 2618
การกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี 2567
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2567 พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง1 และเป้าหมายสำหรับปี 2567 ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ 1 - 3 และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีแล้วจะได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน กนง. ได้ประชุมหารือร่วมกับ รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2566 และได้เห็นชอบร่วมกันในการกำหนด เป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี 2567 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อในช่วงที่ผ่านมาและแนวโน้มในระยะข้างหน้า ในช่วงที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อไทยที่อยู่ในระดับสูงได้ปรับลดลงต่อเนื่องตามแรงกดดันด้านอุปทานที่ทยอยคลี่คลายเป็นสำคัญ ได้แก่ (1) ราคาพลังงานที่ปรับลดลงตามราคาในตลาดโลก หลังผลกระทบของการหยุดชะงักของห่วงโซ่การผลิตโลกและความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนบรรเทาลง และ (2) ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศ โดยเฉพาะเนื้อสุกรที่ปรับลดลงตามอุปทานที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อไทยในระยะต่อไปยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยอัตราเงินเฟ้อในปี 2567 อาจได้รับแรงกดดันทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานจากมาตรการทางเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงราคาอาหารสดที่ อาจได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังมีความไม่แน่นอนจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะการทวนกระแสโลกาภิวัตน์ ภูมิทัศน์ด้านพลังงานและภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว2
2. ข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี 2567
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและ กนง. มีข้อตกลงร่วมกันโดยกำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ 1 - 3 เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลางและ เป็นเป้าหมายสำหรับปี 2567 เนื่องจาก (1) เป้าหมายดังกล่าวเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับศักยภาพ และที่ผ่านมาสามารถยึดเหนี่ยวอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ได้ดีแม้ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง (2) การคงเป้าหมายเป็นการแสดงถึงความตั้งใจที่จะรักษาเสถียรภาพราคา อันจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนและช่วยยึดเหนี่ยวอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย และ (3) ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มกลับมาเคลื่อนไหวในกรอบภายใต้ความไม่แน่นอนสูง การปรับเปลี่ยนเป้าหมายอาจสร้างความสับสน ต่อสาธารณชนเกี่ยวกับแนวนโยบายในระยะข้างหน้าได้
ภายใต้สถานการณ์ที่พลวัตเงินเฟ้อได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง กค. และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะร่วมมือในการดำเนินนโยบายการคลัง และนโยบายการเงินให้มีความ สอดประสาน โดยมุ่งเน้นการเพิ่มผลิตภาพและสร้างรายได้ให้กับประชาชน ซึ่ง กนง. มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินนโยบายการเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาและดูแลให้อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางอยู่ในกรอบเป้าหมาย ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน
3. ข้อตกลงในการติดตามและรายงานผลการดำเนินนโยบาย รวมถึงการหารือร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนโยบายการเงิน
กค. และ ธปท. จะหารือร่วมกันเป็นประจำและ/หรือเมื่อมีเหตุจำเป็นอื่น ตามที่ทั้ง 2 หน่วยงาน จะเห็นสมควร เพื่อให้การดำเนินนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน เป็นไปในทิศทางที่ สอดประสานกัน และสามารถบรรลุเป้าหมายของนโยบายการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กนง. จะจัดทำรายงานผลการดำเนินนโยบายการเงินทุกครึ่งปี ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับ (1) การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมา (2) แนวทางการดำเนิน นโยบายการเงินในระยะถัดไป และ (3) การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจในอนาคต เพื่อแจ้งให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบ รวมถึงจะเผยแพร่รายงานนโยบายการเงินทุกโตรมาสเป็นการทั่วไป อันจะช่วยเพิ่มการรับรู้ของสาธารณชนถึงแนวทางการตัดสินนโยบายการเงินของ กนง. ซึ่งจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพของการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต
4. ข้อตกลงในการออกจดหมายเปิดผนึกของ กนง. ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน
กนง. ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยในปี 2566 และ 2567 จะอยู่ในกรอบเป้าหมาย (ข้อมูล ธปท. ณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเท่ากับร้อยละ 1.3) อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อในบางช่วงอาจผันผวนและเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมายได้จากปัจจัยชั่วคราวที่กระทบต่อพลวัตเงินเฟ้อ ดังนั้น กนง. จะติดตามและประเมินผลกระทบของปัจจัยเสี่ยงต่างๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างต่อพลวัตเงินเฟ้อไทยในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาหรือประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมาย กนง. จะมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นการสื่อสารและสร้างความเชื่อมั่นในการดูแลเสถียรภาพด้านราคาให้แก่สาธารณชน โดยจะชี้แจงถึง (1) สาเหตุของการเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมายดังกล่าว (2) แนวทางการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงที่ผ่านมาและในระยะต่อไป เพื่อนำอัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่เป้าหมายในระยะเวลาที่เหมาะสม และ (3) ระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่เป้าหมาย นอกจากนี้ กนง. จะมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทุก 6 เดือน หากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยตามแนวทางข้างต้นยังคงอยู่นอกกรอบเป้าหมาย และจะรายงานความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาเป็นระยะตามสมควร
5. ข้อตกลงในการแก้ไขเป้าหมายนโยบายการเงินหากมีเหตุจำเป็น
ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรหรือจำเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ กนง. อาจตกลงร่วมกันเพื่อแก้ไขเป้าหมายของนโยบายการเงินได้ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา
__________________
1เป็นช่วงระยะเวลาประมาณ 3 - 5 ปี ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมต่อการกำหนดอัตราเงินเฟ้อทั่วไป และสอดคล้องกับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
2เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) เป็นรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นความพยายามในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์พร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อม และการลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติแทนการแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว โดยตั้งอยู่บนฐานของการพัฒนาแบบยั่งยืนและคำนึงถึงความสัมพันธ์ของระบบนิเวศและเศรษฐกิจ
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 26 ธันวาคม 2566
12848