ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2566 และแนวโน้มปี 2566 – 2567
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 20 December 2023 02:30
- Hits: 2150
ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2566 และแนวโน้มปี 2566 – 2567
คณะรัฐมนตรีรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2566 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2566 – 2567 ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ
สศช.ได้เสนอรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2566 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2566 – 2567 โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
1. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3 ของ ปี 2566
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี 2566 มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP ) ขยายตัวร้อยละ 1.5 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 1.8 ในนไตรมาสที่สอง โดยแบ่งเป็น
1.1 ด้านการใช้จ่าย การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในเกณฑ์สูง การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนการส่งออกสินค้า การอุปโภคของรัฐบาล และการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
องค์ประกอบ |
ปี 2566 (%YoY)* |
||
ไตรมาสที่หนึ่ง |
ไตรมาสที่สอง |
ไตรมาสที่สาม |
|
(1) การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน |
5.8 |
7.8 |
8.1 |
(2) การอุปโภคภาครัฐบาล |
-6.3 |
-4.3 |
- 4.9 |
(3) การลงทุนรวม - ภาคเอกชน - ภาครัฐ |
3.1 2.6 4.7 |
0.4 1.0 -1.1 |
1.5 3.1 -2.6 |
(4) มูลค่าการส่งออกสินค้า |
-4.5 |
-5.6 |
-2.0 |
(5) ปริมาณการส่งออกสินค้า |
-6.4 |
-5.8 |
-3.1 |
1.2 ด้านการผลิต สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหารและสาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้าขยายตัวในเกณฑ์สูง สาขาเกษตรกรรม สาขาการขายส่งและการขายปลีก และสาขาการก่อสร้างขยายตัว ส่วนสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมลดลงต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
สาขา |
ปี 2566 (%YOY) |
||
ไตรมาสที่หนึ่ง |
ไตรมาสที่สอง |
ไตรมาสที่สาม |
|
สาขาการผลิตที่ขยายตัวเร่งขึ้น - การเงิน - ก่อสร้าง |
1.2 3.9 |
2.8 0.4 |
4.7 0.6 |
สาขาการผลิตที่ชะลอตัว - ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร - การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า - เกษตรกรรม การป่าไม้ - ขายส่ง ขายปลีก |
34.3 12.1 6.2 3.3 |
15.1 7.4 1.2 3.4 |
14.9 6.8 0.9 3.3 |
สาขาการผลิตที่ลดลง - การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม |
-3.0 |
-3.2 |
-4.0 |
อย่างไรก็ดี เมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี 2566 ขยายตัวจากไตรมาสก่อนหน้าร้อยละ 0.8 ทั้งนี้ รวม 9 เดือนแรกของปี 2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 1.9 สำหรับอัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 0.99 ซึ่งต่ำสุดในรอบ 15 ไตรมาส (ปี 2563 – 2566)
2. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2566 และ 2567
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 คาดว่า GDP จะขยายตัวร้อยละ 2.5 ต่อเนื่องจากการขยายตัวร้อยละ 2.6 ในปี 2565 อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 1.4 และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ 1.0 ของ GDP สำหรับปี 2567 คาดว่า GDP จะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.7 – 3.7 โดยมีรายละเอียดประมาณการในด้านต่างๆ สรุปได้ ดังนี้
(%YOY) |
ข้อมูลจริง |
ประมาณการ ณ 20 พฤศจิกายน 2566 |
||
ปี 2564 |
ปี 2565 |
ปี 2566 |
ปี 2567 |
|
(1) GDP |
1.5 |
2.6 |
2.5 |
2.7 – 3.7 |
(2) การบริโภคภาคเอกชน |
0.6 |
6.3 |
7.0 |
3.2 |
(3) การบริโภคภาครัฐบาล |
3.7 |
0.2 |
- 4.2 |
2.2 |
(4) การลงทุนภาคเอกชน |
3.0 |
5.1 |
2.0 |
2.8 |
(5) การลงทุนภาครัฐ |
3.4 |
- 4.9 |
- 0.8 |
-1.8 |
(6) มูลค่าการส่งออก (เงิน USD) |
19.2 |
5.4 |
- 2.0 |
3.8 |
(7) เงินเฟ้อ (%) |
1.2 |
6.1 |
1.4 |
1.7 – 2.7 |
(8) ดุลบัญชีเดินสะพัด (%GDP) |
- 2.0 |
- 3.2 |
1.0 |
1.5 |
ทั้งนี้ มีปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการประมาณการเศรษฐกิจในปี 2567 เช่น (1) การกลับมาขยายตัวของการส่งออก โดยมูลค่าและปริมาณการส่งออกสินค้าของไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้นทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม โดยกลุ่มสินค้าส่งออกที่ขยายตัวได้ดี เช่น ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์นั่ง รถกระบะ อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม ข้าว และผลไม้ (2) การขยายตัวในเกณฑ์ดีของการลงทุนภาคเอกชนตามปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ เช่น การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงอุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร และการขยายตัวของพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมซึ่งสะท้อนจากยอดขายหรือเช่าพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) (3) การขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการปรับตัวดีขึ้นของตลาดแรงงานซึ่งเห็นได้จากการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนตุลาคม 2566 อยู่ที่ระดับ 60.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 44 เดือนและ (4) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มสูงขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุน เช่น มาตรการยกเว้นการตรวจลงตราให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและมาตการส่งเสริมการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่เน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง
3. การบริหารเศรษฐกิจมหภาคในปี 2567
แนวทางบริหารจัดการเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2566 และปี 2567 ควรให้ความสำคัญกับปัจจัยต่างๆ ได้แก่
3.1 การดำเนินนโยบายการเงินการคลังอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ เช่น เพิ่มพื้นที่ในการดำเนินนโยบาย (Policy space) ให้มีความเพียงพอเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระยะต่อไปและจัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่ายภาครัฐควบคู่ไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
3.2 การเตรียมมาตการเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น เตรียมมาตรการรองรับผลกระทบจากความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางในปัจจุบันที่อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ที่สำคัญ ทั้งด้านแรงงาน ความผันผวนของราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์และต้นทุนภาคเกษตร
3.3 การขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า เช่น เร่งรัดการส่งออกสินค้าไปยังตลาดที่ยังมีแนวโน้มขยายตัวดีและการสร้างตลาดใหม่ ใช้ประโยชน์จากกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค และอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก
3.4 การสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนการขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชน เช่น ส่งเสริมการลงทุนเชิงรุกผ่านยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (2566 – 2570) ส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งการขับเคลื่อนพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละภูมิภาค
3.5 การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง เช่น จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างการรับรู้ต่อมาตรการ Long – term resident visa (LTR) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ และส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยโดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรอง
3.6 การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร เช่น ป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้ง เพิ่มส่วนแบ่งให้เกษตรกรมีรายได้จากการจำหน่ายผลผลิตขั้นสุดท้าย และส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตและใช้ปุ๋ยและวัตถุดิบที่ผลิตในประเทศ
3.7 การรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ เช่นเร่งรัดเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายเหลื่อมปีและงบลงทุนรัฐวิสาหกิจในช่วงที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ยังไม่มีผลบังคับใช้ และติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
____________________
* YOY (Year on Year) เป็นการเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น เปรียบเทียบระหว่างไตรมาสแรกของปี 2564 กับปี 2565 หรือการเปรียบเทียบรายได้ทั้งปีระหว่างปี 2564 และปี 2565
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 19 ธันวาคม 2566
12591