การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน – คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Monday, 16 October 2023 23:32
- Hits: 2064
การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน – คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ
คณรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมสุดยอดอาเซียน - คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council : GCC)1 จำนวนสองฉบับ ได้แก่ (1) ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอดอาเซียน - คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (Joint Statement of the Summit between ASEAN and GCC) (ร่างแถลงการณ์ร่วมฯ) และ (2) ร่างกรอบความร่วมมืออาเซียน - คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ค.ศ. 2024 - 2028 [ASEAN - GCC Framework of Cooperation (FoC) 2024 - 2028] (ร่างกรอบความร่วมมือฯ) ทั้งนี้หากมีการแก้ไขร่างเอกสารผลลัพธ์ทั้งสองฉบับในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ขอให้ กต. ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
2. ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารทั้งสองฉบับข้างต้น (กำหนดการประชุมสุดยอดอาเซียน - คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ จะจัดขึ้นในวันที่ 20 ตุลาคม 2566 ที่กรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย)
สาระสำคัญของเรื่อง
กต. รายงานว่า
1. อาเซียนและ GCC ได้เริ่มความสัมพันธ์ระหว่างกันตั้งแต่ปี 2533 โดยที่ผ่านมาได้มีการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศแบบเต็มรูปแบบ (full – fledged ministerial meeting) มาแล้ว 3 ครั้ง (ครั้งที่ 1 เมื่อปี 2552 ณ กรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2553 ณ สิงคโปร์ และครั้งที่ 3 เมื่อปี 2556 ที่กรุงมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน) โดยล่าสุดในช่วงการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนของไทยในปี 2562 ได้มีการจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน - GCC ในรูปแบบปลายเปิดสามฝ่าย (open-ended troika ministerial meeting) (เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างประธานร่วม เลขาธิการ และผู้ประสานงานความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย)
2. ต่อมาสำนักเลขาธิการ GCC ได้เสนอให้มีการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน - GCC ครั้งแรกที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งผู้นำอาเซียนได้เห็นชอบต่อข้อเสนอดังกล่าวและเห็นพ้องให้ผู้นำรับรองร่างเอกสารจำนวนสองฉบับ ได้แก่ ร่างแถลงการณ์ร่วมฯ และร่างกรอบความร่วมมือฯ เพื่อเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าว
3. สาระสำคัญของร่างเอกสารทั้งสองฉบับ (1) ร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำทั้งสองฝ่ายในการกระชับความสัมพันธ์อาเซียน - GCC ในความร่วมมือสาขาต่างๆ ที่สองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อาเซียน – GCC บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ ความสนใจร่วมกัน และความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน และ (2) ร่างกรอบความร่วมมือฯ เป็นเอกสารแผนงานระหว่างอาเซียนกับ GCC ระยะ 5 ปี (ค.ศ. 2024 – 2028) ซึ่งระบุโครงการ กิจกรรมและแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาต่างๆ เช่น การเมืองและความมั่นคง การต่อต้านการก่อการร้าย เศรษฐกิจ พลังงาน การท่องเที่ยว สังคมและวัฒนธรรม
ทั้งนี้ ร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน – GCC ทั้งสองฉบับไม่มีรูปแบบ ถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งไม่มีการลงนามในเอกสารดังกล่าว ดังนั้น ร่างเอกสารผลลัพธ์ดังกล่าวจึงไม่มีประเด็นต้องพิจารณาเกี่ยวกับมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแต่อย่างใด นอกจากนี้ร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมสุดยอดอาเซียน – GCC ทั้งสองฉบับ ครอบคลุมความร่วมมือรอบด้านและเป็นประโยชน์ต่อการกระชับความสัมพันธ์ทั้งระหว่างไทยกับ GCC และระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก GCC ทั้ง 6 ประเทศ โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน การเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร พลังงาน และการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับประเทศสมาชิก GCC รวมถึงส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและพลังงานของไทยด้วย
______________________________________
1GCC เป็นองค์การความร่วมมือระดับอนุภูมิภาคในตะวันออกลาง ประกอบด้วยรัฐรอบอ่าวอาหรับ 6 ประเทศ ได้แก่ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก่อตั้งขึ้นตามกฎบัตร GCC โดยมีวัตถุประสงค์เช่น (1) ส่งเสริมการประสานงาน การบูรณาการ และการติดต่อเชื่อมโยงระหว่างรัฐสมาชิกในทุกๆ ด้าน อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างเอกภาพในหมู่สมาชิก (2) เพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างประชาชนของรัฐสมาขิกในด้านต่างๆ เป็นต้น
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน (นายกรัฐมนตรี) 16 ตุลาคม 2566
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A10522