ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจ ระหว่างศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลกับหน่วยยามฝั่งเวียดนาม ในความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 23 August 2023 23:15
- Hits: 1382
ขออนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจ ระหว่างศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลกับหน่วยยามฝั่งเวียดนาม ในความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่าง ศรชล. สำนักนายกรัฐมนตรี แห่งราชอาณาจักรไทย กับหน่วยยามฝั่งเวียดนามแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล (บันทึกความเข้าใจฯ)
2. อนุมัติในหลักการก่อนที่จะมีการลงนาม หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ให้ ศรชล. ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก
3. อนุมัติให้รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
4. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม (เชคมติ ครม. ว่า เสนออย่างไร)
สาระสำคัญของเรื่อง
1. ศรชล. จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. 2562 มีหน้าที่และอำนาจในการวางแผน อำนวยการ ประสานงานและสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ดังนั้น ศรชล. จึงได้เริ่มจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจฯ และเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2566 หน่วยยามฝั่งเวียดนามได้ให้ความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจฯ แล้ว
2. ร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายทางทะเล เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและยกระดับความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเลในภูมิภาคใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ (1) การลักลอบขนสินค้าและการหลบหนีเข้าเมือง (2) การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (3) การอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเล และ (4) ยกระดับความปลอดภัยในการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล
3. กระทรวงกลาโหม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาแล้วไม่มีข้อขัดข้อง/เห็นชอบ ตามที่ ศรชล. เสนอ ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ (กรมเอเชียตะวันออก) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) เห็นว่าร่างบันทึกความเข้าใจไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่ง สคก. เห็นว่า การให้ความเห็นชอบต่อร่างบันทึกความเข้าใจฯ ไม่เข้าลักษณะเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามนัยมาตรา 169 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คณะรัฐมนตรีจึงพิจารณาให้ความเห็นชอบได้ตามที่เห็นสมควร
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 23 สิงหาคม 2566
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A8743