ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (กระทรวงพลังงาน)
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 02 May 2023 23:41
- Hits: 1482
ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (กระทรวงพลังงาน)
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน 10,464 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป สำหรับดำเนินมาตรการในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ถึงเดือนสิงหาคม 2566 สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงาน โดยให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแบบขั้นบันไดแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนและส่วนลดค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนพฤษภาคม 2566 จำนวน 150 บาทต่อรายซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้า ไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยแบ่งสัดส่วนการขอจัดสรรงบประมาณสำหรับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ จำนวน 35.70 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 10,428.30 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการได้เมื่อ กกต. เห็นชอบ
สาระสำคัญ
กระทรวงพลังงานเสนอรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับดำเนินมาตรการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือนสำหรับงวดเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม 2566 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. มาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานโลกสูงขึ้น เป็นมาตรการต่อเนื่องของกระทรวงพลังงานที่ได้ดำเนินการอยู่ในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2566 เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงสถานการณ์ราคพลังงานโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์ขัดแย้งในภูมิภาคยุโรป แม้ราคาพลังงานโลกเริ่มมีการปรับตัวลดลงจากช่วงปี 2565 แต่ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่อ่อนค่าลง ประกอบกับแหล่งก๊าซธรรมชาติจาก อ่าวไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสัมปทาน ทำให้ราคาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าโดยรวมยังคงสูงอยู่ โดยมีแนวทางช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยให้ส่วนลดแบบขั้นบันไดแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รามทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ สำหรับงวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2566 (4 เดือน) โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งลักษณะการช่วยเหลือเป็นการ (1) ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า จำนวน 96.88 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ทำให้ผลต่างระหว่างค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) เรียกเก็บและส่วนลดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย และ (2) ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า จำนวน 71.88 สตางค์ต่อหน่วย สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 151-300 หน่วยต่อเดือน ทำให้ผลต่างระหว่างค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) เรียกเก็บและส่วนลดค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 26.39 สตางค์ต่อหน่วย ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ได้รับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นประมาณ 18.36 ล้านราย ใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 7,602 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
2. มาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน เป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนในส่วนของค่าไฟฟ้า ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น และสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ในหลายพื้นที่ของประเทศ ส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 โดยให้ส่วนลดแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ จำนวน 150 บาทต่อรายโดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ในรอบบิลเดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นช่วงเดือนที่มีสถิติความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของประเทศและจะเริ่มลดลงในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนซึ่งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้า ไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน จำนวนประมาณ 23.40 ล้านราย โดยใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 3,510 ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงาน ได้พิจารณาสมมติฐานการคำนวณอัตราค่าไฟฟ้างวดเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม 2566 โดยยังคงมีอัตราค่าไฟฟ้าเรียกเก็บในระดับที่ค่อนข้างสูง แม้ว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานจะพิจารณาทบทวนค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) เพื่อให้สะท้อนสภาวการณ์ปัจจุบันแล้วก็ตาม (ใกล้เคียงกับงวดเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน 2566 จากเดิมที่ 4.72 บาทต่อหน่วย เป็น 4.70บาทต่อหน่วย) โดยมีค่าไฟฟ้าโดยอัตนมัติ (Ft) ลดลงเดิมที่ 93.23 สตางค์ต่อหน่วยเป็น 91.19 สตางค์ต่อหน่วย เนื่องจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงจาก 33.23 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เป็น 35 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ลดลงเพียงเล็กน้อย แม้ว่าวิกฤติราคาพลังงานโลกจะเริ่มผ่อนคลายลง กระทรวงพลังงานจึงเห็นสมควรที่จะคงมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงาน สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ในงวดเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนสิงหาคม 2566 ต่อไป อีกทั้งปัจจุบันอุณหภูมิโดยเฉลี่ยหลายภูมิภาคทั่วประเทศไทยสูงกว่า 40 องศาเซลเชียส ส่งผลให้เกิดความต้องการไฟฟ้าสูงสุดซึ่งทำลายสถิติติดต่อกันหลายวัน โดยเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 เวลา 14.56 น. เกิดความต้องการไฟฟ้าสูงสุดของระบบไฟฟ้าที่ 33,384.7 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยใช้ไฟฟ้าในอัตราสูงขึ้นมาก โดยเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 ประมาณร้อยละ 6 จึงเห็นควรกำหนดมาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน เป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนในส่วนของค่าไฟฟ้าสำหรับงวดเดือนพฤษภาคม 2566 จำนวน 150 บาทต่อราย เพื่อเป็นการลดภาระค่าครองชีพของประซาชนซึ่งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้า ไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน
แผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ขอจัดสรร
1. การกำหนดสิทธิและวงเงินงบประมาณ
(1) มาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานเป็นมาตรการต่อเนื่องของกระทรวงพลังงานที่ได้ดำเนินการอยู่ในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายน 2566
สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ โดยเป็นมาตรการช่วยเหลือในส่วนของการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแบบขั้นบันได เป็นเวลา 4 เดือน สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนพฤษภาคม 2566 จนถึงเดือนสิงหาคม 2566 โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม วงเงินประมาณ 6,954 ล้านบาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย (ค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) รอบเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2566 = 91.19 สตางค์ต่อหน่วย) |
ส่วนลดค่าไฟฟ้า (สตางค์ต่อหน่วย) |
ผลต่างค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) เรียกเก็บ และส่วนลด (สตางค์ต่อหน่วย) |
1 - 150 หน่วย |
89.80 |
1.39 |
151 - 300 หน่วย |
64.80 |
26.39 |
301 หน่วย ขึ้นไป |
- |
91.19 |
การประเมินมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย สำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2566 |
||
งบประมาณที่ใช้สำหรับการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค |
6,924 ล้านบาท (1,731.00 ล้านบาทต่อเดือน)
|
|
งบประมาณที่ใช้สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ* |
6,954 ล้านบาท (1,738.50 ล้านบาทต่อเดือน) |
|
ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับประโยชน์ |
18.32 ล้านราย (78.42% ของบ้านอยู่อาศัยทั้งหมด) |
หมายเหตุ: *รวมงบประมาณสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยซึ่งเป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและผู้ใช้ไฟฟ้าของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ จำนวน 30 ล้านบาท (7.50 ล้านบาทต่อเดือน)
(2) มาตรการช่วยเหลือประชาชนระยะเร่งด่วน เป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนในส่วนของค่าไฟฟ้า
สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ โดยเป็นการลดค่าไฟฟ้าในรอบบิลเดือนพฤษภาคม 2566 จำนวน 150 บาทต่อราย จำนวนประมาณ 23.40 ล้านราย ใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 3,510 ล้านบาท โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ มาตรการที่กระทรวงพลังงานนำเสนอทั้ง 2 มาตรการดังกล่าวข้างต้น เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 169 (3) ที่กำหนดให้ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน รวมทั้งเป็นไปเพื่อรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ และช่วยบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าของประชาชน
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 2 พฤษภาคม 2566
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A5059