ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 22 November 2022 22:43
- Hits: 1488
ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของพื้นที่กลุ่มที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เสนอดังนี้
1. เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนจากการดำเนินงานปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ และให้นำไปใช้กับทุกกล่มจังหวัด เพื่อให้เป็นแนวทางปฏิบัติอย่างเดียวกัน
2. เห็นชอบผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) (แผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ) พื้นที่กลุ่มที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตราด นครนายก นครสรรค์ ระยอง (ยกเว้นกรณีพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด) ลพบุรี ศรีสะเกษ และสระบุรี และให้หน่วยงานที่มีที่ดินอยู่ในความรับผิดชอบปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ ดังกล่าว ให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน โดยอาจขอขยายระยะเวลาการดำเนินการต่อคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ได้ตามเหตุผลความจำเป็นแต่ไม่เกิน 180 วัน ทั้งนี้ หากมีผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว ให้ คทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาตามข้อ 1 อย่างถูกต้อง รวดเร็ว เหมาะสม ตามควรแก่กรณี โดยเป็นไปตามกฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
3. รับทราบผลการดำเนินการกรณีแนวทางปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 เกี่ยวกับพื้นที่ป่าไม้ถาวร โดยให้กรมพัฒนาที่ดินเร่งดำเนินการเสนอเรื่องให้คณะกรรมการพัฒนาที่ดินพิจารณา ผลเป็นประการใดให้ สคทช. เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
1. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เสนอผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) (แผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ) ของพื้นที่กลุ่มที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด มาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ่งสืบเนื่องมาจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ที่คณะรัฐมนตรีไม่มีมติให้ความชอบการดำเนินการปรับปรุงแผนที่ แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ ของพื้นที่กลุ่มที่ 2 ดังกล่าวตามที่ สคทช. เสนอโดยให้รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ พร้อมพัฒน์) ที่เห็นควรให้ สคทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการกรณีแนวเขตที่ดินของรัฐซ้อนทับกับแนวเขตที่ดินที่มีเอกสารสิทธิหรือมีการเข้าครอบครองทำประโยชน์อยู่ให้ได้ข้อยุติ รวมทั้งพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อประชาชนให้ชัดเจนด้วย และเห็นควรให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) พิจารณาแนวทางการดำเนินการ กรณีพื้นที่กันออกจากป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่ทับซ้อนกับป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 [เรื่อง การจำแนกประเภทที่ดินจังหวัดขอนแก่น (เฉพาะแห่ง)] ให้ได้ข้อยุติ ในคราวนี้ คทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามความเห็นข้างต้นแล้ว
2. ผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ กลุ่มที่ 2 จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตราด นครนายก นครสรรค์ ระยอง ลพบุรี ศรีสะเกษ และสระบุรี พื้นที่รวมทั้งสิ้น 18,954,338.29 ไร่ ซึ่ง สคทช. เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเพิ่มเติมให้หน่วยงานที่มีที่ดินอยู่ในความรับผิดชอบ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามผลการดำเนินการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ ดังกล่าว ให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน โดยอาจขอขยายระยะเวลา การดำเนินการต่อ คทช. ได้ตามเหตุผลความจำเป็น แต่ไม่เกิน 180 วัน ทั้งนี้ หากมีผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว ให้ คทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาตามข้อ 3. อย่างถูกต้อง รวดเร็ว เหมาะสม ตามควรแก่กรณี โดยเป็นไปตามกฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
3. ในส่วนของแนวทางการดำเนินการกรณีแนวเขตที่ดินของรัฐซ้อนทับกับแนวเขตที่ดินที่มีเอกสารสิทธิหรือมีการเข้าครอบครองทำประโยชน์อยู่ คทช. ในคราวประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนจากการดำเนินงานปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ ซึ่งหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรักษาที่ดินของรัฐทั้ง 9 หน่วยงาน ได้จัดทำข้อเสนอแนวทางดังกล่าวขึ้น มีสาระสำคัญ เช่น (1) ยืนยันหลักการว่าการดำเนินโครงการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการฯ ไม่ได้เป็นการยกเลิกเพิกถอนเอกสารสิทธิ หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินของประชาชนแต่อย่างใด (2) กรณีมีประชาชนได้รับผลกระทบหรือได้รับความเดือดร้อนจากการดำเนินการ หน่วยงานที่มีที่ดินของรัฐอยู่ในความรับผิดชอบและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่จะต้องบูรณาการการแก้ไขปัญหาให้เป็นที่ยุติโดยเร็วและดำเนินการเสนอขอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยดำเนินการตามตารางแนวทางการพิจารณาการแก้ไขผลกระทบต่อประชาชนจากการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการของทั้ง 9 หน่วยงาน ซึ่งมีลักษณะเป็นแนวทางปฏิบัติในการพิสูจน์สิทธิ แนวทางการบูรณาการการตรวจสอบแปลงที่ดินที่หน่วยงานรับผิดชอบซ้ำซ้อน (3) แนวทางการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบด้วยวิธีการอื่น (เช่น การอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์อยู่อาศัย/ทำกินแบบแปลงรวมโดยมิให้เอกสารสิทธิ การจัดให้เช่า การอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดิน) และ (4) การเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน สคทช. จึงขอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนจากการดำเนินงานปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐในคราวนี้ด้วย และให้นำไปใช้กับทุกกลุ่มจังหวัด เพื่อให้เป็นแนวทางปฏิบัติอย่างเดียวกัน
4. ในส่วนแนวทางการดำเนินการ กรณีพื้นที่กันออกจากป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่ทับซ้อนกับป่าไม้ถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 นั้น สคทช. ได้เสนอความคืบหน้าในเรื่องนี้มาให้คณะรัฐมนตรีรับทราบด้วย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือแล้วได้ข้อสรุปว่าพื้นที่ที่กันออกหรือเพิกถอนนั้นไม่เป็นพื้นที่ป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 และ คทช. ในคราวประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 ได้รับทราบมติคณะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน [รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธานอนุกรรมการ] ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ที่มอบหมายให้กรมพัฒนาที่ดิน โดยคณะกรรมการพัฒนาที่ดินทำความเห็นเสนอเรื่องให้ สคทช. เพื่อประกอบการนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวน หรือยืนยันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2533 ให้มีความชัดเจนต่อไป
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 22 พฤศจิกายน 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A11976