ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ ครั้งที่ 1/2565
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Wednesday, 16 November 2022 00:27
- Hits: 1041
ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ ครั้งที่ 1/2565
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ.) เสนอ ดังนี้
1. เป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค พ.ศ. 2566 - 2570 (เป้าหมายการพัฒนาภาคฯ) ของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคใต้ชายแดน ที่ปรับปรุงตาม ความเห็นของ ก.น.บ. แล้ว และมอบหมายให้ สศช. แจ้งเวียนจังหวัด กลุ่มจังหวัด ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนและโครงการ พ.ศ. 2566 - 2570 ต่อไป
2. นโยบาย หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำแผนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (นโยบาย หลักเกณฑ์และวิธีการฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567) และมอบหมาย สศช. แจ้งเวียนจังหวัด กลุ่มจังหวัด ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
สศช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ก.น.บ. รายงานว่า ก.น.บ. ในคราวประชุม ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ได้พิจารณาเป้าหมายการพัฒนาภาคฯ และนโยบาย หลักเกณฑ์และวิธีการฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
1. เป้าหมายการพัฒนาภาคฯ ครอบคลุมทั้ง 6 ภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคใต้ชายแดน โดยแต่ละภาคมีเป้าหมายและแนวทางการพัฒนา ดังนี้
ภาค |
เป้าหมายการพัฒนา |
แนวทางการพัฒนา เช่น |
|
ภาคเหนือ |
ฐานเศรษฐกิสร้างสรรค์ของประเทศ |
(1) สนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC-Creative LANNA) ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจหลักของภาคและฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ (2) ยกระดับการท่องเที่ยวและบริการที่มีศักยภาพให้มีคุณภาพ สนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และกระจายประโยชน์สู่ชุมชน (3) พัฒนาการผลิตตามระบบเกษตรกรรมยั่งยืน เชื่อมโยงสู่อุตสาหกรรมแปรรูปมูลค่าสูง (4) เสริมศักยภาพของเมือง พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และระบบโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์สำคัญของภาคเพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ และเอื้อต่อการอยู่อาศัย (5) พัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิต เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน พัฒนาผู้สูงอายุสู่การเป็นผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ และทักษะฝีมือแรงงาน เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (6) บริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้เกิดความยั่งยืน |
|
ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ |
ศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง |
(1) พัฒนาภาคเกษตรโดยเทคโนโลยีสมัยใหม่มุ่งสู่ฐานเศรษฐกิจชีวภาพที่มีมูลค่าสูง เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร (2) บริหารจัดการน้ำให้เพียงพอเพื่อรองรับการเติบโตของเมืองและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (3) พัฒนาผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นไปสู่มาตรฐานสากลเพื่อสร้างเศรษฐกิจในชุมชน (4) พัฒนาเมือง เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนและเมืองชายแดน รวมทั้งพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NeEC-Bioeconomy) ให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจหลักของภาค (5) พัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวหลักและแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้ได้มาตรฐาน เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน พัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวหลักและแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้ได้มาตรฐาน เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน (6) ยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทุกช่วงวัยให้ได้มาตรฐานและแก้ปัญหาความยากจนให้กับผู้มีรายได้น้อยเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม |
|
ภาคกลาง |
ฐานการผลิตสินค้าและบริการมูลค่าสูง |
(1) ยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่มสูงได้มาตรฐานระดับสากล (2) ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและแหล่งท่องเที่ยวชุมชนให้เป็นจุดหมายของการท่องเที่ยวคุณภาพ (3) พัฒนาระบบบริการส่งเสริมสุขภาพและการให้บริการทางการแพทย์ที่มีศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ได้มาตรฐานในระดับสากล (4) พัฒนาเมือง เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนและเมืองชายแดน รวมทั้งพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง - ตะวันตก (CWEC) ให้เป็นศูนย์กลางการกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจของภาคกลาง (5) พัฒนาและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคตของภาคกลาง (6) ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม |
|
ภาคตะวันออก |
ฐานเศรษฐกิจสีเขียวชั้นนำของอาเซียน ควบคู่กับคุณภาพการดำรงชีวิตของประชาชนที่ดี |
(1) พัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวของภาคตะวันออก (2) พัฒนาการเกษตรคุณภาพให้เชื่อมโยงสู่การผลิตและแปรรูปสินค้าเกษตรปลอดภัย สู่ห่วงโซ่การผลิตในระดับประเทศ และการให้บริการส่งเสริมสุขภาพ (3) ยกระดับการท่องเที่ยวของภาคตะวันออกสู่การเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวของโลก ที่เน้นคุณภาพและความยั่งยืน (4) พัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสระแก้วและตราด รวมทั้งพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนที่มีศักยภาพให้เป็นประตูเชื่อมโยงการค้า การลงทุนที่ทันสมัยกับประเทศเพื่อนบ้าน (5) พัฒนาพื้นที่และเมืองให้เป็นเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกกลุ่มในพื้นที่ (6) อนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพการรับมือภัยพิบัติทางธรรมชาติและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ |
|
ภาคใต้ |
แหล่งท่องเที่ยวและบริการที่มีคุณภาพ แหล่งผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยและมูลค่าสูง เชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค |
(1) พัฒนาและยกระดับการท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งธุรกิจต่อเนื่องด้านการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐานและมูลค่าสูง (2) พัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมการแปรรูปสินค้าเกษตรหลักด้วยนวัตกรรมเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง (3) ส่งเสริมการผลิตและการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรและปศุสัตว์หลักของภาค (4) อนุรักษ์ ฟื้นฟู และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ เพื่อเป็นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน (5) พัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนและด่านพรมแดน รวมทั้งพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ให้เป็นประตูการค้าการลงทุนและพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ของภาค (6) เสริมสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี |
|
ภาคใต้ชายแดน |
ฐานเศรษฐกิจชายแดนที่มั่นคงบนสังคมพหุวัฒนธรรม |
(1) พัฒนาคุณภาพการผลิตและการแปรรูป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรหลักของภาค (2) พัฒนาเมืองชายแดนให้เป็นเมืองเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยว สามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่เศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียนตอนใต้และพัฒนาเมืองยะลาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ชายแดน (3) ยกระดับรายได้ การศึกษา สมรรถนะแรงงาน และสาธารณสุข เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและสันติสุข (4) อนุรักษ์ ฟื้นฟู และบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อเป็นฐานการผลิตของภาค |
2. นโยบาย หลักเกณฑ์และวิธีการฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567
2.1 นโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด พ.ศ. 2566 - 2570 (ฉบับทบทวน) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 (แผนฯ ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567) ประกอบด้วย
หัวข้อ |
สาระสำคัญ |
|
2.1.1 นโยบายการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด |
- ให้ยึดยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561 - 2580) แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนโยบายรัฐบาล - ให้ความสำคัญกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค และให้ใช้กระบวนการประชาคมแบบมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน หรือการจัดเวทีระดมความคิดเห็นของประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งปัญหาและความต้องการจากประชาชนในพื้นที่ โดยมุ่งเน้นการทำงานแบบเครือข่ายร่วมกันทุกภาคส่วน ทั้งส่วนราชการ (ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น) ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม หรือประชารัฐ และชุมชน - มีการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจนเพื่อแสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินการที่ผ่านมา - สำหรับการทบทวนหรือปรับปรุงแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ไม่ต้องปรับปรุงแผนทุกปี หากไม่มีเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่มีผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนา |
|
2.1.2 ขอบเขตของแผน |
- แผนพัฒนาจังหวัด เป็นแผนที่มีความครอบคลุมทุกมิติการพัฒนา มุ่งตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาที่สำคัญของจังหวัดและขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาจังหวัดที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนระดับชาติ นโยบายรัฐบาล และแผนพัฒนาภาค ตามศักยภาพและโอกาสของพื้นที่ - แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด เป็นแผนที่เป็นการขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับเป้าหมายและแนวทางการพัฒนาภาค ในประเด็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันหรือความต้องการแก้ไขปัญหาที่เป็นประเด็นร่วมในพื้นที่กลุ่มจังหวัด และต้องมีขอบเขตการดำเนินการหรือได้รับผลประโยชน์มากกว่า 1 จังหวัด |
|
2.1.3 กำหนดการส่งแผน |
ให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดจัดส่งแผนฯ ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ภายในวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 |
|
2.1.4 องค์ประกอบของแผนพัฒนาจังหวัด และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด |
(1) ข้อมูลเพื่อการพัฒนา ได้แก่ ข้อมูลพื้นฐานทางกายภาพ ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ (ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและความมั่นคง และด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ประเด็นปัญหาและความต้องการเชิงพื้นที่ และผลการพัฒนาและแก้ไขปัญหาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในช่วงที่ผ่านมา (2) ประเด็นการพัฒนา ได้แก่ บทวิเคราะห์ เป้าหมายการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (ระยะ 5 ปี) ตัวชี้วัดความสำเร็จ และประเด็นการพัฒนาของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด |
ทั้งนี้ ให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดดำเนินการจัดประชุมปรึกษาหารือร่วมกันกับบุคคลจากภาคส่วนต่างๆ เกี่ยวกับแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ตามมาตรา 24 และมาตรา 34 วรรค 4 แห่ง พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ พ.ศ. 2565
2.2 หลักเกณฑ์การจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
2.2.1 หลักเกณฑ์การจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดและข้อกำหนดลักษณะและคุณสมบัติเฉพาะโครงการ สรุปได้ ดังนี้
หลักเกณฑ์การจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด |
ข้อกำหนดลักษณะและคุณสมบัติเฉพาะของโครงการ |
|
(1) โครงการจะต้องมีความสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาภายใต้แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และเชื่อมโยงตามห่วงโซ่การพัฒนา/ห่วงโซ่คุณค่าตามแผนงานที่กำหนด (2) มีความพร้อมและความเหมาะสมของโครงการ (3) จังหวัดและกลุ่มจังหวัดสามารถเสนอโครงการที่ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการต่อเนื่องได้ โดยแบ่งระยะเวลาดำเนินการเป็นรายปี (Phasing) พร้อมแสดงเหตุผลความจำเป็นที่ต้องดำเนินการ (4) โครงการที่มีการใช้ระยะเวลาในการดำเนินการต่อเนื่องและโครงการที่ดำเนินการเป็นประจำทุกปี จะต้องรายงานความสำเร็จของการดำเนินงานที่ผ่านมา (5) ให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดเสนอโครงการพร้อมจัดลำดับความสำคัญโดยรวมรายโครงการภายใต้แผนปฏิบัติราชการประจำปี |
(1) ไม่เป็นการจัดซื้อวัสดุครุภัณฑ์เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนโดยตรง (2) ไม่เป็นการจัดซื้อครุภัณฑ์เพื่อใช้งานตามภารกิจปกติของส่วนราชการ (3) ไม่เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการปรับปรุง ซ่อมแซมหรือก่อสร้างอาคารสถานที่และระบบสาธารณูปโภคของส่วนราชการ เพื่อใช้งานตามภารกิจปกติของส่วนราชการ (4) ไม่มีวัตถุประสงค์หลักเกี่ยวกับการศึกษา ฝึกอบรม ดูงาน เว้นแต่ ฝึกอบรมด้านอาชีพ ด้านความมั่นคง หรือเป็นประเด็นสำคัญของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (5) ไม่เป็นกิจกรรมย่อย ควรบูรณาการกิจกรรมประเภทเดียวกัน หรือเกี่ยวข้องกันเข้าด้วยกัน (6) ไม่เป็นการเดินทางไปต่างประเทศ เว้นแต่เป็นกิจกรรมที่มีข้อผูกพันในเรื่องการเจรจาด้านการค้าและการลงทุน การท่องเที่ยว และการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี |
2.2.2 ให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัด จัดทำแบบสรุปแผนงานโครงการที่จังหวัดและกลุ่มจังหวัดขอรับการสนับสนุนจากกระทรวง/กรม เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องตามความต้องการของแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พร้อมทั้งจัดเรียงลำดับความสำคัญ โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ประมวลรวบรวม และประสานแจ้งกระทรวงเพื่อรับไปพิจารณาบรรจุในแผนปฏิบัติการของกระทรวงหรือกรมต่อไป
2.2.3 ให้คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) หรือคณะกรรมการบริหารงานกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.ก.) เสนอโครงการโดยมีการจัดลำดับความสำคัญของโครงการ และจัดส่งแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ภายในวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565
2.2.4 ให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดสรุปรายการโครงการ กิจกรรม และงบประมาณที่ได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พร้อมทั้งผลผลิต ผลสัมฤทธิ์ และปัญหาอุปสรรค ในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (Electronic Monitoring and Evaluation System of National Strategy and Country Reform : eMENSCR) ภายใน 30 วัน หลังสิ้นสุดปีงบประมาณ
2.3 แนวทางการกำหนดกรอบการจัดสรรงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ดังนี้
2.3.1 กรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด จำนวน 28,000 ล้านบาทต่อปี
2.3.2 สัดส่วนการจัดสรรงบประมาณ (สัดส่วนฯ) งบประมาณ การจัดสรรงบประมาณ และการจัดสรรงบบริหารจัดการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด
งบประมาณ (สัดส่วนฯ) |
การจัดสรรงบประมาณ |
การจัดสรรงบบริหารจัดการ |
|
งบประมาณจังหวัด |
|||
19,600 ล้านบาท (ร้อยละ 70) |
- ให้จังหวัดเสนอโครงการไม่น้อยกว่า 1.5 เท่า แต่ไม่เกิน 2 เท่า ของกรอบการจัดสรรงบประมาณ - มีองค์ประกอบในการจัดสรรงบประมาณประกอบด้วย (1) จัดสรรเฉลี่ยเท่ากันทุกจังหวัด ร้อยละ 20 (2) จัดสรรตามจำนวนประชากรของแต่ละจังหวัด ร้อยละ 20 (3) จัดสรรตามขนาดพื้นที่จังหวัด ร้อยละ 5 (4) จัดสรรตามสัดส่วนคนจนในแต่ละจังหวัด ร้อยละ 10 (5) จัดสรรผกผันตามรายได้ต่อครัวเรือน ร้อยละ 25 (6) จัดสรรตามผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ร้อยละ 10 (7) จัดสรรตามประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณของจังหวัดปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ร้อยละ 10 |
- จัดสรรตามขนาดจังหวัด มีองค์ประกอบ ดังนี้ (1) จำนวนอำเภอในจังหวัด ร้อยละ 40 (2) จำนวนประชากรในจังหวัด ร้อยละ 30 (3) ขนาดพื้นที่ของจังหวัด ร้อยละ 30 ซึ่งจากเกณฑ์ดังกล่าวสามารถแบ่งขนาดของจังหวัดได้เป็น 3 ขนาด ดังนี้ - จังหวัดขนาดใหญ่ จำนวน 24 จังหวัด ได้รับงบบริหารจัดการ 10 ล้านบาท - จังหวัดขนาดกลาง จำนวน 39 จังหวัด ได้รับงบบริหารจัดการ 9 ล้านบาท - จังหวัดขนาดเล็ก จำนวน 13 จังหวัด ได้รับงบบริหารจัดการ 8 ล้านบาท รวมงบบริหารจัดการของจังหวัด จำนวน 695 ล้านบาท |
|
งบประมาณกลุ่มจังหวัด |
|||
8,400 ล้านบาท (ร้อยละ 70) |
กำหนดสัดส่วนการจัดสรรงบพัฒนากลุ่มจังหวัด แบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยมีสัดส่วนร้อยละ 50:50 ได้แก่ (1) งบประมาณเพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดที่เป็นการเพิ่มศักยภาพตามความต้องการรายพื้นที่ หรือแก้ไขปัญหาที่เป็นประเด็นร่วมของกลุ่มจังหวัด มีองค์ประกอบในการจัดสรรงบประมาณ ประกอบด้วย จัดสรรตามขนาดกลุ่มจังหวัด ร้อยละ 50 จัดสรรตามผลิตภัณฑ์มวลรวมของกลุ่มจังหวัด ร้อยละ 25 และจัดสรรผกผันกับผลิตภัณฑ์ต่อหัวของกลุ่มจังหวัด ร้อยละ 25 (2) งบประมาณเพื่อขับเคลื่อนแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดที่เป็นการพัฒนาในลักษณะ Cluster หรือตอบสนองนโยบายสำคัญของรัฐบาลเชิงพื้นที่ ระดับกลุ่มจังหวัด ทั้งนี้ กำหนดให้กลุ่มจังหวัดเสนอโครงการได้ไม่น้อยกว่า 1.5 เท่า แต่ไม่เกิน 2 เท่า ของกรอบการจัดสรรงบประมาณ |
- จัดสรรตามหลักเกณฑ์ ดังนี้ (1) กลุ่มจังหวัดที่มีจำนวนจังหวัด 3 จังหวัด ได้รับงบบริหารจัดการ 4 ล้านบาท (2) กลุ่มจังหวัดที่มีจำนวนจังหวัด 4 - 5 จังหวัด ได้รับงบบริหารจัดการ 5 ล้านบาท (3) กลุ่มจังหวัดที่มีจำนวนจังหวัด 6 จังหวัด ได้รับงบบริหารจัดการ 6 ล้านบาท รวมงบบริหารจัดการของกลุ่มจังหวัด จำวน 88 ล้านบาท |
2.3.3 แนวทางในการใช้จ่ายงบบริหารจัดการของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ (1) การจัดประชุมหารือเพื่อจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดกับภาคส่วนต่างๆ (2) การจัดประชุม ก.บ.จ. หรือ ก.บ.ก. (3) การศึกษาเพื่อพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (4) การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (5) การพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ (6) การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจแก่ภาคส่วนต่างๆ (7) การติดตามประเมินผลการดำเนินงาน (8) การจ่ายเงินค่าธรรมเนียมศาล เงินตามคำพิพากษาของศาล หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี (9) การจ่ายเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) และ (10) ค่าใช้จ่ายในการบำรุง ดูแล รักษา หรือค่าสาธารณูปโภคฯ ของสินทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการโอนสินทรัพย์ให้ส่วนราชการ
2.4 หลักเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ดังนี้
2.4.1 กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเสนอโครงการใหม่ ซึ่งไม่อยู่ในแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดเสนอคำขอเปลี่ยนแปลงโครงการมายังฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการประจำภาคหรือคณะอนุกรรมการที่ ก.น.บ. มอบหมาย ภายในวันอังคารที่ 15 สิงหาคม 2566
2.4.2 การเปลี่ยนแปลงโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในกรณีอื่นๆ ให้เป็นอำนาจของ ก.บ.จ. หรือ ก.บ.ก. พิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยหารือสำนักงบประมาณและดำเนินการตามระเบียบการบริหารงบประมาณที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้รายงานการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการประจำภาค หรือคณะอนุกรรมการที่ ก.น.บ. มอบหมายทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันสิ้นไตรมาสที่ได้รับอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงโครงการ
2.4.3 ให้ ก.บ.จ. หรือ ก.บ.ก. รายงานผลการเปลี่ยนแปลงโครงการทั้งหมดให้ คณะอนุกรรมการประจำภาค หรือคณะอนุกรรมการที่ ก.น.บ. มอบหมายทราบตามแบบฟอร์มที่กำหนด ภายใน 30 วันหลังจากสิ้นสุดงบประมาณ
3. มติ ก.น.บ.
3.1 เห็นชอบเป้าหมายการพัฒนาภาคฯ ของภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคใต้ชายแดน โดยนำความเห็นของที่ประชุม เช่น กรณีการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนที่มีผลกระทบต่อสถานการณ์การส่งออกสินค้าของไทย ไปพิจารณาปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ ก.น.บ. นำเป้าหมายการพัฒนาภาคฯ ที่ปรับปรุงแล้ว เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติ ก่อนแจ้งเวียนให้จังหวัด กลุ่มจังหวัด ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนและโครงการ พ.ศ. 2566 - 2570 ต่อไป
3.2 เห็นชอบนโยบาย หลักเกณฑ์และวิธีการฯ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ ก.บ.น. นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนแจ้งเวียนจังหวัด กลุ่มจังหวัด ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติต่อไป
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 15 พฤศจิกายน 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A11721