ขออนุมัติลงนามและดำเนินการให้ความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางการศาลระหว่างประเทศในคดีแพ่งระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามมีผลใช้บังคับ
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 15 November 2022 23:25
- Hits: 1058
ขออนุมัติลงนามและดำเนินการให้ความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางการศาลระหว่างประเทศในคดีแพ่งระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามมีผลใช้บังคับ
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางการศาลระหว่างประเทศในคดีแพ่งระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย แล้วแต่กรณี เป็นผู้ลงนามความตกลงฯ
2. ให้กระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับ และให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย
3. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการลงนาม ให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง
สาระสำคัญของร่างความตกลงฯ
ร่างความตกลงนี้ มีเนื้อหาสาระเช่นเดียวกันกับสนธิสัญญาประเภทนี้ที่ประเทศไทยจัดทำกับประเทศต่างๆ ได้แก่ สาธารณรัฐเกาหลี ประเทศออสเตรเลีย สาธารณรัฐประชาชนจีน ราชอาณาจักรสเปน สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยกำหนดเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือกันทางการศาลในคดีแพ่งและพาณิชย์ระหว่างภาคีทั้งสองฝ่าย ซึ่งเมื่อร่างความตกลงนี้มีผลใช้บังคับ จะส่งผลให้การพิจารณาคดีแพ่งของศาลยุติธรรมไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามที่ต้องดำเนินกระบวนพิจารณาบางส่วนโดยอาศัยความช่วยเหลือทางการศาลระหว่างกัน สามารถขยายขอบเขตการอำนวยความยุติธรรมและการคุ้มครองสิทธิทางแพ่งของพลเมืองของทั้งสองประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ภาคีทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือกันในการส่งเอกสาร การสืบพยานหลักฐาน การส่งหมายเรียกพยานและพยานผู้เชี่ยวชาญ การยอมรับและบังคับตามคำชี้ขาดของหน่วยงานที่มีอำนาจโดยไม่ขัดแย้งกับหลักการพื้นฐานทางกฎหมายของภาคีที่รับคำร้องขอ การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางกฎหมายและเอกสารเกี่ยวกับคดีแพ่งและความช่วยเหลือกันทางกฎหมายในคดีแพ่ง และการร้องขออื่นๆ เรื่องความช่วยเหลือทางการศาลที่สอดคล้องกับกฎหมายของคู่ภาคี โดยคดีแพ่งจะหมายความรวมถึงคดีแพ่ง การสมรสและครอบครัว ธุรกิจ พาณิชย์ และแรงงาน
2. คนชาติของภาคีแต่ละฝ่ายจะได้รับความคุ้มครองทางการศาลเช่นเดียวกับที่ภาคีอีกฝ่ายหนึ่งให้แก่คนชาติของตน รวมถึงนิติบุคคล รวมถึงองค์กรอื่นๆ ที่จัดตั้งตามกฎหมายของภาคีฝ่ายหนึ่ง และมีภูมิลำเนาอยู่ในอาณาเขตของภาคีฝ่ายนั้น ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันและเท่าเทียมกันกับคนชาติของอีกฝ่ายหนึ่ง
3. การดำเนินการตามคำร้องขอต้องไม่เป็นเหตุให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ เว้นแต่
3.1 ค่าใช้จ่ายสำหรับผู้เชี่ยวชาญและล่ามเกี่ยวกับการดำเนินการสืบพยานหลักฐาน
3.2 ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการยอมรับและบังคับให้ตามคำพิพากษาของศาลและคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ
3.3 ค่าใช้จ่ายพิเศษตามคำร้องขอในลักษณะพิเศษ
4. ภาคีแต่ละฝ่ายมีสิทธิปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือหากเห็นว่า จะกระทบต่ออำนาจอธิปไตย ความมั่นคง ความสงบเรียบร้อย หรือหลักการพื้นฐานทางกฎหมายของประเทศภาคีฝ่ายนั้น
5. เจ้าหน้าที่ทางการทูตหรือกงสุลของภาคีแต่ละฝ่ายอาจส่งเอกสารให้แก่คนชาติของตนผ่านคณะทูตหรือหน่วยงานกงสุลของตนซึ่งอยู่ในอาณาเขตของอีกฝ่ายหนึ่งได้
6. พยานหรือผู้เชี่ยวชาญที่ถูกกฎหมายเรียกให้ไปปรากฏตัวต่อเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจของภาคีที่ร้องขอ ไม่ต้องรับโทษอันเกี่ยวเนื่องกับการเบิกความของตนหรือพยานหลักฐานซึ่งเป็นความจริง
7. ภาคีฝ่ายหนึ่งต้องยอมรับและบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการที่เกิดขึ้นในอาณาเขตของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งโดยต้องไม่ขัดแย้งกับหลักการพื้นฐานทางกฎหมายของภาคีที่รับคำร้องขอ
8. ความตกลงนี้จะมีผลใช้บังคับเมื่อครบกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคราวสุดท้ายเป็นหนังสือผ่านวิถีทางการทูตว่า แต่ละฝ่ายได้ปฏิบัติตามมาตรการที่จำเป็นตามกฎหมายภายในของตนเพื่อให้ความตกลงนี้มีผลใช้บังคับแล้ว
ร่างความตกลงฯ นี้ มีการยกเว้นหรือลดค่าธรรมเนียมศาลในอาณาเขตของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งภายใต้เงื่อนไขเดียวกันและเท่าเทียมกันกับคนต่างชาติของภาคีอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งการส่งคำคู่ความหรือเอกสารแทนศาลอื่นโดยเจ้าพนักงานศาล ในกรณีที่คู่ความไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการส่งตามกฎหมายหรือตามคำสั่งศาลให้เจ้าพนักงานศาลเบิกจ่ายค่าตอบแทนตามระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยค่าตอบแทนในการส่งคำคู่ความหรือเอกสารโดยเจ้าพนักงานศาล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ คาดว่าจะต้องใช้งบประมาณดังกล่าวปีละ 20,000 บาท โดยคิดคำนวณจากสถิติคดีของประเทศที่มีความตกลงประเภทนี้
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 15 พฤศจิกายน 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A11707