ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 เรื่อง ขออนุมัติโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 01 November 2022 23:01
- Hits: 1090
ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 เรื่อง ขออนุมัติโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ในฐานะหน่วยงานเลขานุการของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เสนอ ดังนี้
1. รับทราบมติ กพอ. ครั้งที่ 3/2565 ในการให้กองทัพเรือเป็นหน่วยงานดำเนินโครงการ (Implementing Agency) สำหรับโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 (โครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2) โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (โครงการสนามบินอู่ตะเภา) ทั้งนี้ ทางวิ่งและทางขับที่ 2 เป็นทรัพย์สินราชพัสดุ เมื่อกองทัพเรือดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ ให้ส่งมอบสิทธิการใช้ประโยชน์ให้กับ สกพอ. เพื่อดำเนินการตามสัญญาร่วมลงทุนต่อไป โดยหากไม่มีข้อทักท้วงหรือไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น ให้ถือว่าคณะรัฐมนตรี มีมติอนุมัติหรือเห็นชอบตามมติ กพอ.
2. เห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 เรื่อง ขออนุมัติโครงการสนามบิน อู่ตะเภา
จากเดิม “อนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณจำนวน 17,768 ล้านบาท ให้กับกองทัพเรือเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการสนามบินอู่ตะเภา และให้กองทัพเรือดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (สงป.) ต่อไป”
เป็น “อนุมัติกรอบวงเงินจำนวน 17,768 ล้านบาท ให้กับกองทัพเรือเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการสนามบินอู่ตะเภา และให้กองทัพเรือดำเนินการตามความเห็นของ สงป. ต่อไป ทั้งนี้ สำหรับแหล่งเงินเพื่อการดำเนินงานการก่อสร้างโครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 โครงการสนามบินอู่ตะเภา อนุมัติให้กระทรวงการคลัง (กค.) จัดหาเงินกู้ตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (พ.ร.บ. หนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548) ในกรอบวงเงิน 16,210 ล้านบาท ให้กับกองทัพเรือ โดยให้ สงป. จัดสรรงบประมาณสมทบในอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้และเงินงบประมาณเป็นไปตามที่ กค. ตกลงกับแหล่งเงินกู้”
สาระสำคัญของเรื่อง
สกพอ. รายงานว่า
1. โครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 ตั้งอยู่พื้นที่เขตส่งเสริม : เมืองการบินภาคตะวันออก จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการสนามบินอู่ตะเภา ที่ สกพอ. ได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด แล้ว ทั้งนี้ ตามหลักการของโครงการสนามบินอู่ตะเภาได้กำหนดให้โครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของภาครัฐโดยมีกองทัพเรือเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งที่ผ่านมากองทัพเรือได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีสำหรับโครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 โดยเป็นรายการผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในกรอบวงเงินจำนวน 1,463.5955 ล้านบาท สำหรับงานการปรับถมดินทางขับเชื่อมทางวิ่งที่ 1 และลานจอดศูนย์ซ่อมอากาศยาน ทั้งนี้ ปัจจุบันกองทัพเรือได้ออกแบบทางวิ่งที่ 2 และทางขับที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จและผู้รับจ้างของกองทัพเรืออยู่ระหว่างดำเนินงานการปรับถมดินทางขับเชื่อมทางวิ่งที่ 1 และลานจอดศูนย์ซ่อมอากาศยาน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จตามสัญญาจ้างในเดือนพฤษภาคม 2565
2. สำหรับกรอบวงเงินงบประมาณของโครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 ส่วนที่เหลือ จำนวน 16,304.4045 ล้านบาทนั้น เดิมกองทัพเรือได้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เป็น งบผูกพันถึงปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ในวงเงินขอรับจัดสรรงบประมาณเป็นจำนวนเงิน 16,211.40 ล้านบาท แต่ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณดังกล่าว อย่างไรก็ดี คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 เห็นชอบมาตรการในการแก้ไขกรณีงบประมาณรายจ่ายลงทุน มีจำนวนน้อยกว่าวงเงินส่วนที่ขาดดุลของงบประมาณ ซึ่งครอบคลุมถึงการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินของโครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 โครงการสนามบินอู่ตะเภา ของกองทัพเรือ วงเงิน 16,210.90 ล้านบาท จากการใช้เงินงบประมาณ เป็นการใช้เงินกู้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม โดยงบประมาณรายจ่ายลงทุนโครงการที่อยู่ในรายการใช้เงินกู้ดังกล่าวถูกปรับลดลงจากงบประมาณที่กองทัพเรือเสนอขอรับจัดสรรจำนวน 500,000 บาท
3. คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ในการประชุมครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2564 ได้พิจารณารายละเอียด เหตุผลความจำเป็นและประเด็นที่เกี่ยวข้องของโครงการลงทุนของส่วนราชการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2564 และได้บรรจุโครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 เข้าอยู่ในแผนหนี้สาธารณะฯ ปี พ.ศ. 2565 ประเภทเงินกู้ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ. หนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งต่อมาคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนหนี้สาธารณะฯ ปี พ.ศ. 2565 (มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 24 กันยายน 2564)
วงเงินการใช้เงินกู้ |
ปีงบประมาณ (หน่วย : ล้านบาท) |
|||
2565 |
2566 |
2567 |
รวม |
|
โครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 |
3.242.28 |
7,042.3725 |
5,926.2475 |
16,210.90 |
4. ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 กพอ. ได้พิจารณาเรื่องการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินโครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 โครงการสนามบินอู่ตะเภา จำนวน 3 ครั้ง สรุปได้ ดังนี้
ลำดับ |
มติ กพอ. |
รายละเอียด |
4.1 |
การประชุมครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2564 |
(1) อนุมัติการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินโครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 เป็นเงินกู้ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ. หนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 (2) ให้ กค. เป็นผู้พิจารณาดำเนินการจัดหาเงินกู้ ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ. หนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 ในกรอบวงเงิน 16,210.90 ล้านบาท ตามแผนโครงการและแผนการใช้จ่ายให้กับกองทัพเรือ และให้ สงป. จัดสรรงบประมาณสมทบ โดยอัตราส่วนของแหล่งเงินกู้และเงินงบประมาณเป็นไปตามที่ กค. ทำการตกลงกับแหล่งเงินกู้ (3) ให้กองทัพเรือ และ สกพอ. นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเพื่อไม่ให้โครงการมีความล่าช้า |
4.2 |
การประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 |
(1) เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงแหล่งเงินสำหรับการก่อสร้างโครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 จากการใช้เงินงบประมาณ เป็นการใช้เงินกู้ ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ. หนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 ให้แก่กองทัพเรือ (2) มอบหมายให้ สกพอ. เป็นหน่วยงานดำเนินโครงการ (Implementing Agency)1 โดยให้กองทัพเรือและ สกพอ. หารือในรายละเอียดของกิจกรรมในการมอบอำนาจและการปฏิบัติงานให้ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน โดยต้องมีความสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบของทางราชการที่เกี่ยวข้อง หลังจากนั้น ให้ สบน. ประสานกับธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) เพื่อร่วมพิจารณารายละเอียดของการมอบอำนาจระหว่างกองทัพเรือ และ สกพอ. เพื่อให้ได้ข้อยุติต่อไป |
4.3 |
การประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 |
(1) เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินสำหรับการก่อสร้างโครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 จากการใช้เงินงบประมาณ เป็นการใช้เงินกู้ ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ. หนี้สาธารณะฯ พ.ศ. 2548 ในกรอบวงเงิน 16,210 ล้านบาท ตามแผนโครงการ และแผนการใช้จ่ายให้กับกองทัพเรือ โดยให้ กค. ดำเนินการกู้เงินจำนวนประมาณ 15,455 ล้านบาท และให้ สงป. จัดสรรงบประมาณสมทบเงินกู้ในกรอบวงเงินที่เหลือจำนวนประมาณ 755 ล้านบาท หรือจำนวนเงินสมทบตามที่ กค. จะได้ตกลงกับแหล่งเงินกู้ และให้กองทัพเรือ และ สกพอ. นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบต่อไป (2) เห็นชอบให้แก้ไขมติ กพอ. ในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 วาระที่ 4.1 การเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 ที่ได้เห็นชอบให้ สกพอ. เป็นหน่วยงานดำเนินโครงการ (Implementing Agency) เป็น ให้กองทัพเรือเป็นหน่วยงานดำเนินโครงการ โดยให้กองทัพเรือเร่งรัดจัดเตรียมเอกสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้แก่ สบน. เพื่อจัดส่งให้ AIIB ต่อไป ทั้งนี้ ทางวิ่งและทางขับที่ 2 เป็นทรัพย์สินราชพัสดุ เมื่อกองทัพเรือดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ ให้ส่งมอบสิทธิการใช้ประโยชน์ให้กับ สกพอ. เพื่อดำเนินการตามสัญญาร่วมลงทุนต่อไป (3) ให้กองทัพเรือและ สกพอ. นำเสนอเรื่องการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินโครงการก่อสร้างทางวิ่งและทางขับที่ 2 จากการใช้เงินงบประมาณเป็นการใช้เงินกู้ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป |
__________________________________
1 สบน. ได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ กค 0905/388 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 แจ้งความก้าวหน้าในการจัดหาแหล่งเงินกู้ต่างประเทศ สรุปได้ว่า ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) ได้อนุมัติ Project Concept ของโครงการทางวิ่งและทางขับที่ 2 แล้ว และได้นำเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาการลงทุน (Investment Committee) พิจารณา อย่างไรก็ดี คณะกรรมการพิจารณาการลงทุน (Investment Committee) มีข้อสังเกตเกี่ยวกับเงื่อนไขของ Environmental and Social Framework ว่า การกำหนดให้กองทัพเรือเป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการรวมทั้งเป็นผู้รับผิดชอบการดำเนินโครงการเอง (Implementing Agency) อาจส่งผลต่อการพิจารณาอนุมัติโครงการของคณะกรรมการบริหาร (Executive Board) ของ AIIB เนื่องจากอาจมีความเกี่ยวข้องในหมวด Environmental and Social Exclusion List ข้อ (v) Production of, or trade in, weapons and munitions, including paramilitary materials ทั้งนี้ AIIB ได้เสนอแนวทางในการบริหารจัดการโครงการ ตลอดจนการกำกับติดตามโครงการดังกล่าว โดยเสนอให้กองทัพเรือมอบหมายกิจกรรมการจัดซื้อจัดจ้างทั้งการดำเนินงานตามสัญญาจ้างให้กับ สกพอ. ผ่านข้อตกลงระหว่างกองทัพเรือและ สกพอ. ทั้งนี้ สบน. ได้มีข้อเสนอขอให้กองทัพเรือจัดเตรียมเอกสารประกวดราคาตามข้อมูลรายละเอียดที่กองทัพเรือได้เตรียมการไว้แล้วให้เป็นภาษาอังกฤษและมีรูปแบบตามมาตรฐานเอกสารประกวดราคา (Bidding Document) ของ AIIB และให้กองทัพเรือและ สกพอ. หารือในรายละเอียดของกิจกรรมในการมอบอำนาจและการปฏิบัติงานให้ครอบคลุมในทุกๆ ด้าน รวมทั้ง การดำเนินการมอบอำนาจจะต้องมีความสอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบของทางราชการที่เกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือชี้แจงว่า หากกองทัพเรือเป็นหน่วยงานเจ้าของโครงการ โดยไม่ได้เป็นหน่วยงานดำเนินโครงการ (Implementing Agency) เอง จะทำให้ความรับผิดชอบของกองทัพเรือในการกำกับดูแลและบริหารโครงการไม่สามารถดำเนินการไปได้อย่างสมบูรณ์และเบ็ดเสร็จ
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 1 พฤศจิกายน 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A11133