การพิจารณาความเหมาะสมของอัตราการเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงิน
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 01 November 2022 22:17
- Hits: 1139
การพิจารณาความเหมาะสมของอัตราการเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงิน
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนออัตราการเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่อัตราร้อยละ 0.46 ต่อปี [เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (10 เมษายน 2555) ที่ให้ กค. ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารืออย่างสม่ำเสมอถึงความเหมาะสมของอัตราการเรียกเก็บเงินนำส่งของสถาบันคุ้มครองเงินฝากและ ธปท. และแจ้งความคืบหน้าให้คณะรัฐมนตรีทราบอย่างน้อยเป็นรายปี] สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
1. ในปี 2563-2565 ธปท. ได้ปรับลดอัตราเงินนำส่งจากสถาบันการเงินจากร้อยละ 0.46 ต่อปี เหลือร้อยละ 0.23 ต่อปี เพื่อให้สถาบันการเงินมีต้นทุนทางการเงินลดลงและสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ภาคธุรกิจและประชาชนได้อย่างต่อเนื่องในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
2. ธปท. ประเมินสถานการณ์ปัจจุบันพบว่า เศรษฐกิจในภาพรวมมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้นและเริ่มส่งผลดีต่อสถานะของลูกหนี้หลายกลุ่ม ขณะที่ระบบสถาบันการเงินมีความมั่นคงโดยสะท้อนจากเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูง สามารถสนับสนุนการฟื้นตัวของลูกหนี้ในระยะต่อไปได้ ทำให้หลักเกณฑ์การกำกับดูแลที่ผ่อนปรนและมาตรการช่วยเหลือทางการเงินสามารถทยอยปรับเข้าสู่ระดับปกติได้ ประกอบกับภาระหนี้เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจ กค. กู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2541 (FIDF 1) และพระราชกำหนดให้อำนาจ กค. กู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. 2545 (FIDF 3) ยังคงเป็นภาระต่อระบบเศรษฐกิจการเงินในระดับสูง โดยมียอดคงค้าง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 จำนวน 672,614 ล้านบาท ซึ่งเงินนำส่งจากสถาบันการเงินยังเป็นแหล่งเงินสำคัญในการลดเงินต้นและชำระดอกเบี้ย ดังนั้น การกลับมาเรียกเก็บเงินนำส่งจากสถาบันการเงินให้กับ ธปท. ที่อัตราร้อยละ 0.46 ต่อปี ในงวดนำส่งปี 2566 เป็นต้นไป จะช่วยให้หนี้ที่เหลืออยู่ลดลงได้ตามเป้าหมาย โดยคาดว่าการชำระหนี้ FIDF 1 และ FIDF 3 จะเสร็จสิ้นภายในปี 2575 ทั้งนี้ กค. พิจารณาแล้วไม่ขัดข้อง สรุปได้ ดังนี้
2.1 เงินจากแหล่งต่างๆ ประกอบด้วย
2.1.1 เงินนำส่งจากสถาบันการเงิน มีอัตราการขยายตัวของฐานการคำนวณเงินนำส่งจากสถาบันการเงินอยู่ที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 3 ต่อปี
2.1.2 กำไรของ ธปท. ไม่มีเงินนำส่งจากกำไร ธปท. เนื่องจาก ธปท. ยังมีผลขาดทุนสะสมจำนวนสูง
2.1.3 เงินจากบัญชีผลประโยชน์ประจำปี ขึ้นอยู่กับภาวะตลาดการเงินซึ่งมีความผันผวนสูง
2.1.4 เงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินคาดว่าจะนำส่งปีละประมาณ 5,000 ล้านบาท ภายใต้สมมติฐานที่กองทุนฯ ยังคงถือหุ้นธนาคารกุรงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนที่ถือหุ้นอยู่ในปัจจุบัน
2.2 ดอกเบี้ยจ่ายปีงบประมาณ 2566-2575 ปีละประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยจะทยอยลดลงตามการชำระคืนต้นเงินกู้
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 1 พฤศจิกายน 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A11127