การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐเยเมน
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 11 October 2022 21:48
- Hits: 1426
การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสาธารณรัฐเยเมน
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council - UNSC) ที่ 2624 (ค.ศ. 2022) เกี่ยวกับสาธารณรัฐเยเมน (ข้อมติ UNSC ที่ 2624ฯ)
2. เห็นชอบการดำเนินการตามข้อมติดังกล่าวจนกว่า UNSC จะรับรองข้อมติเพื่อเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษกรณีสาธารณรัฐเยเมน ซึ่ง กต. จะเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเมื่อมีการรับรองข้อมติที่เปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกมาตรการลงโทษกรณีสาธารณรัฐเยเมนต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจาก UNSC ได้ออกข้อมติเพื่อคงไว้ซึ่งมาตรการลงโทษเกี่ยวกับสาธารณรัฐเยเมน (เยเมน) เป็นประจำทุกปี และเนื้อหาของข้อมติใหม่มิได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของมาตรการลงโทษที่มีอยู่เดิม
3. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จำนวน 12 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงกลาโหม (กห.) กระทรวงการคลัง (กค.) กระทรวงคมนาคม (คค.) กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) สำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ถือปฏิบัติ และปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษเยเมน โดยเฉพาะรายชื่อบุคคลและองค์กรที่ต้องถูกมาตรการลงโทษให้ทันสมัยตามข้อมูลเว็บไชต์ของสหประชาชาติ (https://www.un.org/securitycouncil/sanctions/2140/materials) รวมทั้งแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้ กต. ทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป ทั้งนี้ สหประชาชาติจะปรับปรุงรายชื่อบุคคล องค์กรภายใต้หัวข้อ “Sanctions List Materials” เป็นระยะ
สาระสำคัญของเรื่อง
กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council - UNSC) ที่ 2624 (ค.ศ. 2022) (ข้อมติ UNSC ที่ 2624ฯ) ซึ่งข้อมติ UNSC ดังกล่าวมีสาระสำคัญเป็นการต่ออายุและเพิ่มเติมมาตรการตามข้อมติ UNSC ที่ 2140 (ค.ศ. 2014) และข้อมติ UNSC ที่ 2216 (ค.ศ. 2015) ที่กำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อประเทศไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติจะต้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น (1) การเพิ่มกลุ่มฮูษีในรายชื่อบุคคลและองค์กรที่ถูกมาตรการลงโทษทางอาวุธตามข้อมติเดิม [2216 (ค.ศ. 2015)] (2) ประณามการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายฮูษีที่โจมตีซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (3) ย้ำว่าการแก้ไขปัญหาไม่สามารถดำเนินการได้โดยวิธีการทางการทหารแต่จะต้องมีการหารือและปรองดองระหว่างฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง (4) การต่ออายุมาตรการที่ให้ทุกรัฐสมาชิกดำเนินการเช่น การอายัดทรัพย์สิน การห้ามเดินทาง การห้ามส่งออก/ส่งผ่านอาวุธไปยังเยเมน ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 (5) การเพิ่มความพยายามในการต่อสู้กับการลักลอบนำเข้าอาวุธและส่วนประกอบผ่านเส้นทางทางบกและทางทะเล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องนำข้อมติ UNSC ดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และโดยที่ UNSC ได้ออกข้อมติเพื่อคงไว้ซึ่งมาตรการลงโทษเกี่ยวกับสาธารณรัฐเยเมนเป็นประจำทุกปี และเนื้อหาของข้อมติใหม่มิได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของมาตรการลงโทษที่มีอยู่เดิม กต. จึงเสนอขอหลักการให้ดำเนินการตามข้อมติดังกล่าวจนกว่า UNSC จะรับรองข้อมติเพื่อเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษกรณีสาธารณรัฐเยเมน
ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาแล้วเห็นชอบ/ไม่มีข้อขัดข้อง/ไม่ขัดข้องในหลักการตามที่ กต. เสนอ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินการที่สอดคล้องกับมติ UNSC ดังกล่าว
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 11 ตุลาคม 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A10424