การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 27 September 2022 22:22
- Hits: 1351
การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 – เดือนเมษายน 2566 (7 เดือน) โดยจะใช้งบประมาณจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม จำนวน 1,933.05 ล้านบาท ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการเริ่มใช้สิทธิ์แก่ผู้ได้รับสิทธิ์จากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ก่อนเดือนเมษายน 2566 ให้ถือว่ามาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลงในเดือนที่จะเริ่มให้สิทธิ์ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม กระทรวงการคลังเสนอ
สาระสำคัญ
การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาฯ มีรายละเอียด ดังนี้
วัตถุประสงค์ : เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาให้แก่ผู้มีบัตรฯ ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ระยะเวลาดำเนินงาน : ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 – เดือนเมษายน 2566 (7 เดือน) ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการเริ่มใช้สิทธิ์แก่ผู้ได้รับสิทธิ์จากโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ก่อนเดือนเมษายน 2566 ให้มาตรการดังกล่าวสิ้นสุดลงในเดือนที่จะเริ่มให้สิทธิ์
1. ค่าไฟฟ้า
1) กลุ่มเป้าหมาย : ประมาณ 810,000 ครัวเรือน (1 ครัวเรือนใช้ได้เพียง 1 สิทธิ์)
2) วิธีดำเนินการ : กรณีค่าไฟฟ้า ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน ให้ใช้สิทธิ์ค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่หากใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ให้ผู้มีบัตรฯ ได้รับวงเงินสำหรับชำระค่าไฟฟ้า วงเงิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้เกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีบัตรฯ จะเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด
3) งบประมาณ : ขอรับจัดสรรงบประมาณจากกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐากรากและสังคม (กองทุนฯ) จำนวน 1,786.05 ล้านบาท
2. ค่าน้ำประปา
1) กลุ่มเป้าหมาย : ประมาณ 210,000 ครัวเรือน (1 ครัวเรือนใช้ได้เพียง 1 สิทธิ์)
2) วิธีดำเนินการ : สนับสนุนค่าน้ำประปาวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ ยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากผู้มีบัตรฯ มีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้มีบัตรฯ จะเป็นผู้รับภาระในการชำระค่าน้ำประปาทั้งหมด
3) งบประมาณ : ขอรับจัดสรรงบประมาณจากกองทุนฯ จำนวน 147 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผู้มีบัตรฯ ต้องนำใบแจ้งหนี้ค่าไฟฟ้าและใบแจ้งหนี้ค่าน้ำประปาไปชำระที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งแสดงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยทุกสิ้นเดือนการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค จะส่งบันทึกรายชื่อผู้มีบัตรฯ ที่ใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาภายใต้วงเงินที่กำหนดให้กรมบัญชีกลาง เพื่อที่กรมบัญชีกลางจะนำเงินจากกองทุนฯ มาจ่ายคืนผ่านบัตรฯ ในช่องกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (ช่อง e-Money) ให้แก่ผู้มีบัตรฯ ต่อไป
ในการนี้ คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (คณะกรรมการฯ) ได้มีมติในคราวการประชุม ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 เห็นชอบให้นำเรื่องการขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาฯ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยการขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาฯ จะสามารถบรรเทาภาระค่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปา ให้กับผู้มีบัตรฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ (รองนายกรัฐมนตรี) 27 กันยายน 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A91032