WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ พ.ศ. 2564

GOV 17

รายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ .. 2564

        คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอรายงานสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศ .. 2564 [เป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง .. 2558 มาตรา 9 (7) ที่บัญญัติให้คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติเสนอรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศต่อคณะรัฐมนตรีอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง] ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้มีมติเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 เห็นชอบ (ร่าง) รายงานฯ และมอบหมายให้ ทส. นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

        1. สถานภาพทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง

             1.1 สถานภาพทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

 

ทรัพยากร

 

สถานภาพ

1. ปะการัง

 

- โดยภาพรวมของประเทศมีแนวปะการังทั้งสิ้นประมาณ 149,182 ไร่ ส่วนใหญ่อยู่ในสถานภาพสมบูรณ์ดี ร้อยละ 52.3 สมบูรณ์ปานกลาง ร้อยละ 23.7 และเสียหายร้อยละ 24 โดยมีแนวโน้มสมบูรณ์ขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2563

- สถานการณ์ปะการังฟอกขาว1 พบเกิดขึ้นเล็กน้อยบริเวณปะการังน้ำตื้นส่งผลให้ปะการังส่วนที่โผล่พ้นน้ำตายบางส่วน

2. หญ้าทะเล

 

พบหญ้าทะเลเนื้อที่รวม 99,325 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 62 ของพื้นที่ศักยภาพเป็นแหล่งหญ้าทะเล โดยลดลงจากปี 2563 (104,778 ไร่) จำนวน 5,453 ไร่ หรือลดลงคิดเป็น ร้อยละ 5.2

3. สัตว์ทะเลหายาก : เต่าทะเล พะยูน โลมาและวาฬ และ

ปลากระดูกอ่อน

 

- จากการสำรวจพบว่า ในส่วนของการวางไข่ของเต่าทะเล จำนวนครั้งการวางไข่ของ เต่าตนุมีแนวโน้มลดลง ขณะที่เต่ากระและเต่ามะเฟืองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจำนวนพะยูน ทั้งพื้นที่ฝั่งทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามันประมาณประชากรจากข้อมูลการสำรวจในพื้นที่สำคัญได้ประมาณ 261 ตัว มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากอดีตแต่ยังพบการเกยตื้นหรือ การตายของพะยูนที่มีอยู่ทุกปี จำนวนโลมาและวาฬมีจำนวน 2,273 ตัว โดยมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จึงไม่สามารถดำเนินการสำรวจได้อย่างเต็มที่ รวมถึงสำรวจพบปลากระดูกอ่อน ได้แก่ ฉลามวาฬ จำนวน 21 ตัว และกระเบนแมนต้า จำนวน 18 ตัว

- ในอนาคตคาดว่าแต่ละปีจะมีแนวโน้มสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่มีความเสื่อมโทรมลง รวมถึงปัจจัยความเสี่ยงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และกิจกรรมการใช้ประโยชน์ทางทะเลของมนุษย์ เช่น การติดพันหรือ ถูกรัดด้วยขยะทะเลจำพวกอวน การติดเครื่องมือประมง และการโดนใบพัดเรือ

4. ป่าชายเลน

 

จากข้อมูลการแปลภาพถ่ายดาวเทียมพบว่า ในปี 2563 มีพื้นที่ป่าชายเลนคงสภาพทั้งหมดประมาณ 1.74 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึง 2.02 แสนไร่ เนื่องจากมีเทคโนโลยีการแปลภาพถ่ายที่แม่นยำมากขึ้น และเป็นผลจากมาตรการป้องกัน การบุกรุกทำลายป่า มีการรณรงค์ สนับสนุนปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ การดำเนินการทวงคืนผืนป่าจากผู้บุกรุกเพื่อนำพื้นที่กลับมาปลูกฟื้นฟูจึงทำให้ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นและสมบูรณ์

5. ป่าชายหาด

 

มีพื้นที่ป่าชายหาด จำนวน 47,149.30 ไร่ (จากข้อมูลสภาพพื้นที่ป่าไม้ ปี 2563) กระจายอยู่ในพื้นที่ 18 จังหวัดชายฝั่งทะเล โดยจังหวัดที่มีพื้นที่ป่าชายหาดมากที่สุด คือ จังหวัดพังงา รองลงมา คือ จังหวัดกระบี่ ทั้งนี้ป่าชายหาดในประเทศไทยส่วนใหญ่ถูกทำลายจนเหลือเป็นผืนเล็กผืนน้อย เนื่องจากยังไม่ได้รับการอนุรักษ์

6. ป่าพรุ

 

มีพื้นที่ป่าพรุ จำนวน 37,139.56 ไร่ (จากข้อมูลสภาพพื้นที่ป่าไม้ ปี 2563) กระจายอยู่ในพื้นที่ 12 จังหวัดชายฝั่งทะเล โดยจังหวัดที่มีพื้นที่ป่าพรุมากที่สุด คือ จังหวัดสงขลา รองลงมา คือ จังหวัดนราธิวาส

 

AXA 720 x100

 

              1.2 สถานภาพด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง

 

สิ่งแวดล้อม

 

สถานภาพ

1. คุณภาพน้ำทะเล

 

คุณภาพน้ำทะเลส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี ร้อยละ 75 เกณฑ์พอใช้ ร้อยละ 22 และเกณฑ์เสื่อมโทรม ร้อยละ 3 ทั้งนี้ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำทะเลชายฝั่ง ปี .. 2557-2564 พบว่า โดยรวมคุณภาพน้ำทะเลมีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงคงที่

2. น้ำมันรั่วไหล และก้อนน้ำมันดิน2

 

เกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลและก้อนน้ำมันดิน รวม 44 ครั้ง โดยจากการติดตามตรวจสอบ และเฝ้าระวังสถานภาพของน้ำมันรั่วไหลในช่วงที่ผ่านมาพบว่า จังหวัดระยองและชลบุรีเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงของการเกิดน้ำมันรั่วไหลในทะเลจากการเดินเรือ เข้าออก เรือขนส่งสินค้า เรือประมง และเรือท่องเที่ยว รวมถึงการเดินเรือเพื่อขนส่งน้ำมัน

3. น้ำทะเลเปลี่ยนสี3

 

พบปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งอ่าวไทยรวม 25 ครั้ง (ส่วนใหญ่เกิดในจังหวัดชลบุรี) ส่วนในพื้นที่ชายฝั่งอันดามันไม่พบน้ำทะเลเปลี่ยนสี

4. แมงกะพรุนพิษ

 

พบการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตจากแมงกะพรุนกล่อง ระหว่างปี 2542-2564 รวม 46 ราย (ผู้เสียชีวิต จำนวน 10 ราย และบาดเจ็บรุนแรง จำนวน 36 ราย) ทั้งนี้ ในปี 2564 มีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 ราย ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี

5. ขยะทะเล

 

ในปี 2564 สามารถจัดเก็บขยะที่ตกค้างออกจากระบบนิเวศชายฝั่งรวมทั้งสิ้น 443,987 กิโลกรัม ขยะที่พบส่วนใหญ่ ได้แก่ ขวดเครื่องดื่มพลาสติก ถุงพลาสติก เศษโฟม ขวดเครื่องดื่มแก้ว นอกจากนี้ พบขยะที่ไหลผ่านทางแม่น้ำเจ้าพระยามากที่สุด จำนวนเฉลี่ย 52.65 ล้านชิ้น/ปี ซึ่งมีปริมาณเพิ่มมากกว่าในช่วงปี 2563 เนื่องด้วยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีการใช้บริการสั่งอาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการเพิ่มปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้นด้วย และส่งผลให้จำนวนชิ้นขยะลอยน้ำในภาพรวมจากทุกปากแม่น้ำมีปริมาณสูงกว่าปี 2563

 

              1.3 สถานการณ์ด้านการกัดเซาะชายฝั่ง จากการวิเคราะห์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งทะเลพบว่า ปี 2563 ประเทศไทยมีความยาวชายฝั่งทะเล 3,151.13 กิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลที่ประสบปัญหาถูกกัดเซาะระยะทาง 822.81 กิโลเมตร เช่น จังหวัดสงขลา ปัตตานี ตราด และเพชรบุรี และพื้นที่ชายฝั่งที่ไม่มีการกัดเซาะระยะทาง 2,328.32 กิโลเมตร แต่กลับพบปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ และการใช้ประโยชน์ที่ดินงอกใหม่หลังแนวป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งเป็นปัญหาร่วมของหลายจังหวัดในอ่าวไทยตอนใน ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม ซึ่งการแก้ปัญหาต้องอาศัยการบูรณาการความร่วมมือในระดับพื้นที่และระดับนโยบายรวมถึงต้องมีการบูรณาการด้านข้อกฎหมายร่วมกันของทุกหน่วยงาน

        2. สถานการณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของ 24 จังหวัดชายทะเล พบว่า สถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้น เช่น การขึ้นวางไข่ของเต่าทะเลที่มีจำนวนครั้งมากขึ้น อาจเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้กิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเลและชายหาดชะลอตัว ปราศจากการรบกวนสถานภาพแนวปะการังที่มีแนวโน้มสมบูรณ์ดีขึ้นจากการฟื้นตัวตามธรรมชาติ การเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของพื้นที่ป่าชายเลน ซึ่งสะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสถานการณ์ที่ต้องให้ความสำคัญรวมถึงได้รับการป้องกันและแก้ไข ได้แก่ การเกยตื้นของสัตว์ทะเลหายากที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องแทบทุกพื้นที่ ปัญหาขยะทะเลที่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญในหลายจังหวัด ปัญหาน้ำมันรั่วไหลและ ก้อนน้ำมันดิน ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี และแมงกะพรุนพิษ

 

aia 720 x100

 

        3. สาเหตุความเสื่อมโทรมและผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่ง เกิดจาก 2 สาเหตุสำคัญ คือ (1) จากธรรมชาติ เช่น คลื่น ลมและมรสุม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (2) จากกิจกกรมการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ ได้แก่ ปัญหาขยะทะเล การท่องเที่ยว และขยะจากประมงที่ถูกทิ้งลงทะเลโดยตรง ปัญหาจากการทำประมง เช่น การทำประมงด้วยเครื่องมือผิดกฎหมาย/ทำลายล้าง และการระบายน้ำทิ้งทางทะเลจากชุมชนชายฝั่ง รวมถึงการใช้ประโยชน์ที่ทำลายระบบนิเวศ เช่น การตัดต้นไม้ และการจับสัตว์น้ำบางชนิดในป่าชายเลน ทั้งนี้ สาเหตุดังกล่าวยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่งทะเลที่สำคัญและส่งผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตในทะเล ความหลากหลายทางชีวภาพ ห่วงโซ่อาหาร การสูญเสียพื้นที่อนุบาลสัตว์น้ำชายฝั่งทะเล รวมถึงอาจส่งผลต่อความมั่นคงทางด้านอาหารทะเลตามมาตลอดจนผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของชุมชนและประเทศ

        4. ผลการดำเนินงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างปี 2563-2564 เช่น การปลูกปะการัง จำนวน 240,000 กิ่ง ครอบคลุมเนื้อที่ 150 ไร่ พบว่ามีอัตรารอด โดยเฉลี่ยร้อยละ 94 การดำน้ำเก็บขยะในแนวปะการังและในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลสามารถเก็บขยะได้มากกว่า 27,700 กิโลกรัม ซึ่งขยะที่พบส่วนใหญ่ เช่น อวน เชือก เอ็นตกปลา และขวดพลาสติก การกำหนดแผนเผชิญเหตุในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน และแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดมลพิษและภัยพิบัติทางทะเลที่เป็นภัยต่อทรัพยากรทางทะเล การติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ขั้นตอนการปฐมพยาบาลเมื่อถูกแมงกะพรุนพิษและท่อบรรจุน้ำส้มสายชูในพื้นที่ชายหาดท่องเที่ยวบริเวณพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่สำคัญ 7 จังหวัด และการดำเนินงานทวงคืนผืนป่าจากกลุ่มนายทุนที่ครอบครองพื้นที่ป่าแบบผิดกฎหมาย โดยสามารถทวงคืนผืนป่าชายเลน จำนวน 114 คดี ผู้ต้องหา 26 ราย เนื้อที่รวม 2,578.10 ไร่

        5. สรุปประเด็นสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่สำคัญ และแนวทางการแก้ไขปัญหา

 

ปัญหา

 

แนวทางการแก้ไขปัญหา เช่น

1. มลพิษทางทะเล

 

- ทบทวนสภาพปัญหา รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการมลพิษในทะเลและชายฝั่ง

- จัดทำระบบการตรวจสอบและติดตามคราบน้ำมันครบวงจรและทันต่อเหตุการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พื้นที่อ่าวไทยตอนในและในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลทุกแห่ง

- จัดทำระบบตรวจสอบ/ติดตาม/แจ้งเตือนมลพิษทางทะเลและสัตว์ทะเลมีพิษ

2. ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ

อันเกิดจากการใช้ประโยชน์พื้นที่ทางทะเลและชายฝั่ง

 

- ทบทวนสภาพปัญหา รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งเขต การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งสรุปผลการดำเนินการและรายงานความก้าวหน้า

- ศึกษาแนวทางการแบ่งเขตการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตามแนวคิดการวางแผนเชิงพื้นที่ทางทะเล และรวบรวมฐานข้อมูลการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ต่างๆ

- จัดทำร่างเขตการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งตามหลักการทางวิชาการ

 

        6. ประเด็นปัญหาระดับประเทศที่ต้องเร่งดำเนินการ ดังนี้

             6.1 ประเด็นเร่งด่วน

 

ประเด็น

 

การดำเนินงาน

1. ด้านมลพิษทางทะเล

 

บูรณาการบริหารจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษ แหล่งที่มีจุดกำเนิดแน่นอน ได้แก่ แหล่งชุมชน โรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม และแหล่งที่มีจุดกำเนิดไม่แน่นอน เช่น การเกษตร

2. ด้านพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและการวางแผนเชิงพื้นที่

 

เร่งขับเคลื่อนการประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเล รวมทั้งเร่งดำเนินการวางแผน เชิงพื้นที่ของทะเลของประเทศไทย

3. ด้านการกัดเซาะชายฝั่ง

 

เร่งการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างบูรณาการในระดับจังหวัดและพื้นที่

4. ด้านการบริหารจัดการทางทะเลอย่างยั่งยืน

 

สร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืนและสร้างกลไกการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

 

              6.2 มาตรการและแผนงานจัดการทรัพยากรธรรมชาติและชายฝั่ง (ระยะยาว) เช่น

 

มาตรการ

 

แผนงาน

1. สร้างองค์ความรู้และติดตามการเปลี่ยนแปลงสถานภาพทรัพยากร

 

ศึกษาวิจัย ติดตามการเปลี่ยนแปลงสถานภาพทรัพยากร รวมถึงประเมินผลการฟื้นฟูระบบนิเวศ และจัดทำสื่อเผยแพร่องค์ความรู้ที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาครัฐ

2. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคธุรกิจ

 

จัดตั้งเครือข่ายประชาชน สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และจัดทำข้อตกลงชุมชนเพื่ออนุรักษ์และใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน

3. อนุรักษ์และเฝ้าตรวจตราทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน

 

ตรวจตรา เฝ้าระวังเชิงพื้นที่แนวปะการัง หญ้าทะเล ป่าชายเลน และป่าชายหาด รวมถึงสัตว์ทะเลหายาก และจัดทำแนวเขตพื้นที่ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

_____________________

1ปะการังฟอกขาวเป็นปรากฏการณ์ที่เนื้อเยื่อปะการังมีสีซีดหรือจางลงจากการสูญเสียสาหร่ายซูแซนเทลลี (Zooxanthellae) ซึ่งเกิดจากสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของสาหร่าย เช่น อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกินไป และความเค็มของน้ำทะเลลดลง

2ก้อนน้ำมันดิน คือ การแปรสภาพตามธรรมชาติของน้ำมันหรือคราบน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ทะเลจากกิจกรรมต่างๆ เช่น การขนถ่ายของเรือบรรทุกน้ำมัน การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องของเรือเดินสมุทร หรือการรั่วไหลโดยธรรมชาติใต้ ท้องทะเล เมื่อเวลาผ่านไปคราบน้ำมันที่กระจายตัวอยู่บนผิวน้ำจะเปลี่ยนสภาพเป็นก้อนน้ำมันดิน ซึ่งมีลักษณะเหนียวนุ่ม มีความหนืดสูง เนื่องจากองค์ประกอบส่วนเบาได้ระเหยไปบางส่วน เหลือส่วนหนักที่มีองค์ประกอบคล้ายยางมะตอย

3น้ำทะเลเปลี่ยนสีเป็นปรากฏการณ์ที่แพลงก์ตอนพืชเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำทะเลมีสีเปลี่ยนไปตามสีของแพลงก์ตอนพืชที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศทางทะเล เช่น ออกซิเจนและความเข้มของแสงที่ส่องผ่านในน้ำลดลง บางกรณีจำนวนแพลงก์ตอนที่เพิ่มขึ้นสามารถสร้างสารพิษที่อาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อสัตว์น้ำและถ่ายทอดผ่านมาถึงมนุษย์ซึ่งเป็นผู้บริโภคลำดับสุดท้าย

 

(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ (รองนายกรัฐมนตรี) 20 กันยายน 2565

สำนักโฆษก   สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396

 

A9746

Click Donate Support Web  

EXIM One 720x90 C J

วิริยะ 720x100

 

 

PTG 720x100TU720x100sme 720x100

BANPU 720x100QIC 720x100

ธกส 720x100

ใจฟู720x100px

ais 720x100

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!