รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรณีการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 23 August 2022 23:10
- Hits: 3374
รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กรณีการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (กพม.) เสนอ ดังนี้
1. รับทราบรายงานความก้าวหน้ากรณีการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2. เห็นชอบให้ทบทวนแนวทางหรือวิธีการในการดำเนินการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2558 เรื่อง การทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชน) ให้สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงจากเดิม โดยมอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (กพม.) ดำเนินการร่วมกับสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) องค์การสวนสัตว์และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอแนวทางในการดำเนินการ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าเชิงภารกิจของรัฐและประโยชน์ต่อประชาชน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
สาระสำคัญ
1. ความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 และพระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2562 คณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (กพม.) ได้ติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมายดังกล่าว กรณีการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ โดย กพม. ในการประชุมครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 และการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2565 ได้มีมติรับทราบและมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการฯ รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมายดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งสรุปสาระสำคัญของรายงานความก้าวหน้าฯ ได้ดังนี้
1.1 การยุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 ได้ดำเนินการในส่วนของการโอนศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ แล้วเสร็จไปเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2562 แต่ยังคงเหลือในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งแม้ว่าจะมีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2562 เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2562 และพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. 2563 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2563 เพื่อแก้ไขวัตถุประสงค์ หน้าที่และอำนาจ รองรับขอบเขตงานที่ขยายเพิ่มขึ้นและการรับโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษา แนวทางการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ฯ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561
1.2 ในการศึกษาแนวทางการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีดังกล่าว องค์การสวนสัตว์ฯ ได้จ้างที่ปรึกษา เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2563 ดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสมทางธุรกิจรูปแบบและวิธีการบริหารสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปอยู่ภายใต้องค์การสวนสัตว์ฯ เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมในทางปฏิบัติสำหรับการรับโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และองค์การสวนสัตว์ฯ ได้ประชุมหารือร่วมกับ สพค. เกี่ยวกับแนวทางการโอน รวมทั้งได้ประสานขอข้อมูลต่างๆ สำหรับใช้ในการพิจารณาแนวทางการรับโอนกิจการ โดยองค์การสวนสัตว์ฯ ได้นำ ผลการศึกษาเสนอคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ฯ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2563
1.3 สพค. ได้มีหนังสือเรียนรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ผ่านรัฐมนตรีประจำ สำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 และวันที่ 5 มกราคม 2564 ว่ารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ตรวจเยี่ยมและเล็งเห็นศักยภาพของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีในด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ประกอบกับรูปแบบการบริหารจัดการที่ต่างจากองค์การสวนสัตว์ (Day Zoo) และการคัดค้านของมวลชนพื้นที่ในการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จึงเห็นควรยุติการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและเห็นควรเสนอ ขอจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน)
1.4 คณะอนุกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (อ.กพม.) ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ได้พิจารณาข้อเสนอตามข้อ 3 แล้ว มีมติให้ สพค. รายงานความก้าวหน้าและปัญหาของการดำเนินการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ งบประมาณ และรายได้ของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ฯ และจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องการขอจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) รวมทั้งให้องค์การสวนสัตว์ฯ รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการรับโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
1.5 สพค. ได้จัดส่งข้อมูลประกอบการขอจัดตั้งองค์การบริหารไนท์ซาฟารี (องค์การมหาชน) เพิ่มเติม และองค์การสวนสัตว์ฯ ได้รายงานว่า คณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ฯ ในการประชุมครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ได้มีมติให้องค์การสวนสัตว์ฯ ประสานงานกับสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อสรุปผลการทบทวนการรับโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ก่อนนำเสนอคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ฯ
1.6 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2565 ได้มีการประชุมหารือเรื่อง การดำเนินการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ฯ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) เป็นประธาน และนายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เข้าร่วมประชุมกับผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์การสวนสัตว์ฯ สพค. และสำนักงาน ก.พ.ร. โดยสรุปผลการประชุมหารือ ดังนี้
(1) สพค. ได้รายงานปัญหาจากความไม่ชัดเจนของแนวทางและกำหนดเวลาการโอน ประกอบกับระยะเวลาที่ล่วงเลยมานานได้ส่งผลกระทบต่อการบริหารงาน การวางแผนงานและการดำเนินงาน รวมทั้งขวัญกำลังใจของบุคลากร
(2) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีความเห็นว่า องค์การสวนสัตว์ฯ จัดเป็นรัฐวิสาหกิจในภาคสังคมที่ให้บริการประชาชนซึ่งมีลักษณะที่แตกต่างจากสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ด้วยบริบทความแตกต่างนี้จึงมีผลกระทบต่อการรวมหน่วยงาน ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินงานของหน่วยงาน ดังนั้น ควรจะมีการทบทวนและดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
(3) องค์การสวนสัตว์ฯ ได้ศึกษาแนวทางการจัดการบุคลากรและรูปแบบการรับโอน ซึ่งจากผลการศึกษาดังกล่าวพบประเด็นสำคัญ สรุปได้ดังนี้
(3.1) วัตถุประสงค์การจัดตั้งและรูปแบบขององค์การสวนสัตว์ฯ กับสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีความแตกต่างกัน โดยที่องค์การสวนสัตว์ฯ มุ่งเน้นส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ วิจัยและพัฒนา ให้องค์ความรู้กับผู้เข้าเยี่ยมชม จัดเก็บค่าบริการต่ำ ในขณะที่สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีลักษณะเป็น theme park ที่มุ่งเน้นด้านการท่องเที่ยวและการสร้างรายได้จากการให้บริการเป็นหลัก โดยมีสวนสัตว์เป็นกลไกการดึงดูดนักท่องเที่ยวซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และมีการจัดเก็บค่าบัตรเข้าชมค่อนข้างสูง
(3.2) ผู้ปฏิบัติงานของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีต้องปรับเปลี่ยนสถานะจากเจ้าหน้าที่องค์การมหาชนมาเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีลักษณะที่ต่างกันทั้งอัตราเงินเดือน สวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ต่างๆ จึงพบความยุ่งยากในการปรับเปลี่ยนสถานะและการจ้างบุคลากรโดยต้องคำนึงถึงความสมัครใจของผู้ปฏิบัติงาน นอกจากนี้ องค์การสวนสัตว์ฯ ยังต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ เพื่อรองรับบุคลากร
(3.3) สถานการณ์ปัจจุบันด้วยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีลดลง ในขณะที่องค์การสวนสัตว์ก็พึ่งพางบประมาณเป็นหลักและมีข้อจำกัดต่างๆ ในการดำเนินงาน หากรับโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแล้วจะทำให้เกิดภาระต่อองค์การสวนสัตว์ฯ ที่ไม่สามารถรองรับได้หากไม่ได้รับการอุดหนุนงบประมาณจากภาครัฐที่เพียงพอ และจะทำให้มีสวนสัตว์ในจังหวัดเชียงใหม่ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานขององค์การสวนสัตว์ฯ ถึงสองแห่ง ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานที่แตกต่างกัน
(3.4) ด้วยรูปแบบลักษณะธุรกิจและวัตถุประสงค์จัดตั้งที่แตกต่างกัน กระบวนการจัดการบุคลากรที่คาดว่าจะพบปัญหาอุปสรรคค่อนข้างมาก รวมทั้งข้อจำกัดต่างๆ ประกอบกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป หากเป็นไปได้จึงควรมีการทบทวนการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ฯ
(4) ที่ประชุมมีความเห็นโดยสรุปได้ว่า ในปัจจุบันบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเมื่อมีมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 20 มิถุนายน 2560 และการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของทั้งสองหน่วยงาน ประกอบกับรูปแบบและวัตถุประสงค์การจัดตั้งองค์กรที่ต่างกันระหว่างสวนสัตว์กับ theme park จึงเห็นควรเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนนโยบายในเรื่องนี้อีกครั้ง
2. กพม. ในการประชุมครั้งที่ 4/2565 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 ได้พิจารณาข้อมูลเพิ่มเติมใน เรื่องนี้ ดังนี้
2.1 ตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติให้โอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การ สวนสัตว์ฯ องค์การสวนสัตว์ฯ และ สพค. รายงานว่าได้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม พบว่าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวยังไม่บรรลุผล
2.2 จากผลการประชุมร่วมกันตามข้อ 1.6 ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่าองค์การสวนสัตว์ฯ และสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มีวัตถุประสงค์จัดตั้งองค์กรและภารกิจที่มีลักษณะเฉพาะของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมุ่งเน้นความเป็น “nature theme park” เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวและการสร้างรายได้ โดยมีสัตว์ป่าที่หากินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน รวมทั้งให้บริการแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นหลักทั้งด้านสวนสัตว์ ที่พัก ห้องประชุม สัมมนา และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ จึงมีแผนงาน/โครงการที่มุ่งเน้นในด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่ต่างจากองค์การสวนสัตว์ฯ ที่มุ่งเน้นด้านการศึกษา วิจัย อนุรักษ์ บำรุงและเพาะพันธุ์สัตว์ เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาหาความรู้และมีสถานที่พักผ่อน ซึ่งมีแผนงาน/โครงการส่วนใหญ่เป็นภารกิจด้านศึกษา วิจัยและอนุรักษ์ และมีการจัดเก็บค่าบริการในอัตราต่ำ
2.3 สถานการณ์ บริบท และปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของทั้งสองหน่วยงาน โดยเฉพาะการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลต่อการท่องเที่ยวและรายได้จากการดำเนินงานของทั้งสองหน่วยงาน ซึ่งมีรายได้ส่วนใหญ่จากการจำหน่ายบัตรเข้าชม และการขายสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้ผลประกอบการขาดทุน โดยคาดการณ์ว่าแนวโน้มการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวใน 2 - 3 ปี แต่ยังคงต้องพึ่งพางบประมาณจากรัฐ นอกจากนี้ องค์การสวนสัตว์ยังต้องขอรับจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการก่อสร้างสวนสัตว์แห่งใหม่ที่จะเปิดให้บริการบางส่วนในปีที่ 4 ของการเริ่มดำเนินโครงการ พบว่าในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 - 2575 มีผลขาดทุนเฉลี่ยปีละ 632.33 ล้านบาท
2.4 สืบเนื่องจากภารกิจที่องค์การสวนสัตว์ฯ และสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมุ่งเน้นคนละด้าน และรูปแบบหน่วยงานของรัฐประเภทรัฐวิสาหกิจและองค์การมหาชนนั้นมีความแตกต่างกัน จึงนำมาซึ่งโครงสร้างการบริหารงานและการดำเนินงาน/ให้บริการที่ต่างกัน ดังจะเห็นได้จากผลการศึกษาความเหมาะสมทางธุรกิจ รูปแบบและวิธีการบริหารสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเมื่อโอนไปอยู่ภายใต้องค์การสวนสัตว์ฯ ซึ่งหากพิจารณาโดยรวมแล้ว พบว่าการรับโอนในแต่ละแนวทางมีความยุ่งยากซับซ้อนที่ต่างกันทั้งในด้านกระบวนการขั้นตอนและระยะเวลาการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการหาเอกชนร่วมลงทุน การถือหุ้นขององค์การสวนสัตว์ การร่วมทุนและกำกับดูแล ตลอดจนการจัดการทรัพย์สิน สิทธิ หนี้และภาระผูกพัน และการจัดการด้านบุคลากร
2.5 เนื่องจากบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมเมื่อปี 2560 ทั้งในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี สพค. และองค์การสวนสัตว์ฯ คณะรัฐมนตรีจึงควรทบทวนนโยบายในเรื่องนี้ที่กำหนดไว้ในมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 กพม. จึงมีมติเห็นชอบให้เสนอคณะรัฐมนตรี ดังนี้
(1) รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 กรณีโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และพระราชกฤษฎีกายุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2562
(2) ทบทวนแนวทางหรือวิธีการในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2558 เรื่อง การทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชน) ให้สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมทั้งในส่วนของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี สพค. และองค์การสวนสัตว์ฯ
(3) มอบหมายให้ กพม. ดำเนินการร่วมกับ สพค. องค์การสวนสัตว์ฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าเชิงภารกิจของรัฐและประโยชน์ต่อประชาชน และให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 23 สิงหาคม 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A8904