ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 เรื่อง การดำเนินโครงการใดๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Tuesday, 09 August 2022 23:20
- Hits: 2422
ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 เรื่อง การดำเนินโครงการใดๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 เรื่อง การดำเนินโครงการใดๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นจะต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอ ดังนี้
จากเดิม |
เป็น |
|
“ในกรณีที่การดำเนินโครงการใดๆ ของหน่วยงานของรัฐ มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า และจะต้องมีการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมของพื้นที่ด้วย ให้สำนักงบประมาณ (สงป.) พิจารณาจัดสรร/อนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนให้กับหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการหรือหน่วยงานของรัฐที่เป็นผู้ดำเนินการปลูกป่าตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) กำหนด โดยถือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งของโครงการนั้นๆ ด้วย” |
“ในกรณีการดำเนินโครงการใดๆ ของหน่วยงานของรัฐมีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าและจะต้องมีการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อมของพื้นที่ด้วย ให้ สงป. พิจารณาจัดสรร/อนุมัติงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนให้กับหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการหรือหน่วยงานของรัฐเป็นผู้ดำเนินการปลูกป่าตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่ กก.วล. กำหนดโดยถือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งของโครงการนั้นๆ ด้วย โดยยกเว้นหน่วยงานของรัฐ หรือโครงการบางประเภทที่ไม่ต้องจัดสรรงบประมาณค่าปลูกป่าทดแทน ดังนี้ (1) โครงการเพื่อสร้างศาสนสถานและสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนา (2) โครงการที่มีวัตถุประสงค์เป็นไปเพื่อการอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (3) โครงการเพื่อการจัดที่ดินที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (4) โครงการที่เข้าใช้พื้นที่ป่าก่อนได้รับอนุญาตตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 (เรื่อง การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ และขอผ่อนผันตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2523 ในกรณีที่ปรากฏว่ายังมีส่วนราชการใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 (เรื่อง ขอขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563)” |
สาระสำคัญของเรื่อง
ทส. รายงานว่า
1. กรมป่าไม้ได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่อง การกำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การปลูกป่าทดแทนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นควรให้มีการกำหนดเงื่อนไข และหลักเกณฑ์การปลูกป่าทดแทนตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 โดยมีการกำหนด ดังนี้
1.1 ค่าปลูกป่าทดแทน ซึ่งหน่วยงานของรัฐจะต้องจัดสรรงบประมาณโดยถือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งของโครงการ โดยพิจารณาตามการจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้ในพื้นที่ (1) ป่าสงวนแห่งชาติ (2) ป่าตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 (3) ป่าที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ (ป่าไม้ถาวร) และ (4) พื้นที่กำหนดเขตคุณภาพลุ่มน้ำตามมติคณะรัฐมนตรี
1.2 หน่วยงานของรัฐ หรือโครงการบางประเภทที่ไม่ต้องจัดสรรงบประมาณค่าปลูกป่าทดแทนตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
2. กก.วล. ในการประชุม ครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564 ได้มีมติเห็นชอบกับการกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ การปลูกป่าทดแทน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 ตามที่ ทส. เสนอ และมอบหมายให้ ทส. โดยกรมป่าไม้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งการกำหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
2.1 กำหนดเงื่อนไขการปลูกป่าทดแทน ซึ่งหน่วยงานของรัฐที่ได้รับอนุญาตให้เข้าใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้จะต้องจัดสรรงบประมาณ โดยถือเป็นค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งของโครงการ โดยพิจารณาตามการจำแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและที่ดินป่าไม้ในพื้นที่ (1) ป่าสงวนแห่งชาติ (2) ป่าตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 (3) ป่าที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ (ป่าไม้ถาวร) และ (4) พื้นที่กำหนดเขตคุณภาพลุ่มน้ำตามมติคณะรัฐมนตรี ดังนี้
ประเภทพื้นที่ |
จำนวนการปลูกป่าทดแทน |
|
กลุ่มที่ 1 คือ (1) ในเขตพื้นที่เขตป่าเพื่อเกษตรกรรม (โซน A) เขตพื้นที่ป่าเศรษฐกิจ (โซน E) (2) ป่าตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 (3) ป่าที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้รักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ (ป่าไม้ถาวร) |
1 เท่าของพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต |
|
กลุ่มที่ 2 คือ ในเขตพื้นที่ป่าที่จำแนกไว้เป็นป่าเพื่อการอนุรักษ์เพิ่มเติม (โซน C) |
2 เท่าของพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต (เนื่องจากโซน C มีมาตรการห้ามมิให้มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่น) |
|
กลุ่มที่ 3 คือ ในเขตพื้นที่ป่าที่จำแนกไว้เป็นป่าเพื่อการอนุรักษ์เพิ่มเติม (โซน C) และอยู่ในเขตกำหนดชั้นคุณภาพพื้นที่ลุ่มน้ำ ชั้นที่ 1 เอ หรือ 1 บี |
3 เท่าของพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต |
โดยมีอัตราค่าปลูกป่าและบำรุงป่าที่กรมป่าไม้กำหนดตาม สงป. ปัจจุบันมีอัตราค่าปลูกป่าและบำรุงป่า จนครบอายุ 10 ปี เป็นเงินอัตราไร่ละ 10,960 บาท แบ่งเป็น
ระยะเวลา |
อัตราต่อไร่ต่อปี (บาท) |
รวม (บาท) |
- งานปลูกป่า (อายุ 1 ปี) |
3,900 (1 ปี) |
3,900 |
- งานบำรุงป่า 5 ปี (อายุ 2 - 6 ปี) |
1,020 (5 ปี) |
5,100 |
- งานบำรุงป่า 4 ปี (อายุ 7 - 10 ปี) |
490 (4 ปี) |
1,960 |
รวม |
10,960 |
2.2 กำหนดหน่วยงานของรัฐ หรือโครงการบางประเภทที่ไม่ต้องจัดสรรงบประมาณค่าปลูกป่าทดแทนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 [ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ตามข้อเสนอ ทส.] ดังนี้
2.2.1 โครงการเพื่อสร้างศาสนสถานและสถานที่ประกอบกิจกรรมทางศาสนา
2.2.2 โครงการที่มีวัตถุประสงค์เป็นไปเพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2.2.3 โครงการเพื่อการจัดที่ดินที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
2.2.4 โครงการที่เข้าใช้พื้นที่ป่าก่อนได้รับอนุญาตตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563 (เรื่อง การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ และขอผ่อนผันตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2523 ในกรณีที่ปรากฏว่า ยังมีส่วนราชการใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต) และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 (เรื่อง ขอขยายเวลาในการยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2563) เนื่องจากส่วนราชการที่เข้าดำเนินการในพื้นที่ป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตได้ดำเนินการก่อสร้างและใช้งบประมาณไปแล้วจึงไม่สามารถจัดสรรงบประมาณ/ของบประมาณเพื่อเป็นค่าปลูกป่าทดแทนได้
3. โดยที่มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2556 กำหนดให้ สงป. พิจารณาจัดสรร/อนุมัติงบประมาณให้กับหน่วยงานของรัฐเจ้าของโครงการ หรือหน่วยงานของรัฐที่เป็นผู้ดำเนินการปลูกป่า ทำให้มีหน่วยงานของรัฐหรือโครงการบางประเภท ที่ไม่สามารถจัดสรรงบประมาณในการปลูกป่าทดแทนให้ ทส. ได้ หรือเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว อาจทำให้การดำเนินโครงการซ้ำซ้อนกัน ดังนั้น เพื่อไม้ให้เกิดปัญหากับหน่วยงานของรัฐในการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว จึงขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 9 สิงหาคม 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A8357