ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..)
- Details
- Category: มติ ครม.
- Published: Thursday, 30 June 2022 21:22
- Hits: 1474
ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..)
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ กค. เสนอว่า
1. เนื่องจากพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 มาตรา 7 ได้กำหนดให้ในขณะขับรถยนต์ คนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย ซึ่งหากฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวจะใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2565 มีผลใช้บังคับวันที่ 4 กันยายน 2565)
2. โดยที่ปัจจุบันตลาดที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศ และ มีผู้ประกอบการไทยที่ผลิตที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กจำนวนน้อยราย กค. ได้ประสานกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับการผลิตที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กในประเทศแล้ว พบว่าประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอในการเป็นผู้ผลิตที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก แต่เนื่องจากที่ผ่านมาปริมาณความต้องการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กในประเทศมีจำนวนไม่มากพอที่จะทำให้ผู้ประกอบการลงทุนในการผลิตสินค้า แต่หลังจากมีการบังคับใช้พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 แล้ว คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณความต้องการใช้ในประเทศสูงขึ้น และมีผู้ประกอบการหลายรายให้ความสนใจในการลงทุน เพื่อผลิตที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้แจ้งข้อคิดเห็นว่าการลดอัตราอากรขาเข้าสำหรับที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (Car Seat) เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อสนับสนุนการลดราคาให้กับผู้บริโภค จะทำให้ผู้ประกอบการภายในประเทศสามารถประเมินศักยภาพในการผลิตและความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ หลังจากครบกำหนดระยะเวลาการลดอัตราอากรดังกล่าว จะได้มีการหารือร่วมกับผู้ประกอบการภายในประเทศเพื่อประเมินศักยภาพในการผลิตต่อไป
3. กค. โดยกรมศุลกากรพิจารณาแล้ว เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในระยะเริ่มต้นของการใช้กฎหมายจราจรทางบก และสนับสนุนความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของประชาชนตามข้อ 2. จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 ซึ่งบัญญัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี มีอำนาจประกาศลดอัตราอากรสำหรับของ ใดๆ จากอัตราที่กำหนดไว้ได้ หรือยกเว้นอากรสำหรับของใดๆ หรือเรียกเก็บอากรพิเศษเพิ่มขึ้นสำหรับของใดๆ ไม่เกินร้อยละห้าสิบของอัตราอากรที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราศุลกากรสำหรับของนั้น โดย กค. ได้ดำเนินการยกร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530 (ฉบับที่ ..) เพื่อยกเว้นอากรสำหรับที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (Car seat) ตามประเภทย่อย 9401.80.00 รหัสย่อย 01 เฉพาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กนำเข้ามาจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566
4. กค. ได้พิจารณาการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับตามมาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว โดยพิจารณาจากมูลค่าอากรขาเข้าที่จัดเก็บ ตั้งแต่ ปี 2562 – 2565 ซึ่งคาดว่าจะมีการสูญเสียรายได้เฉลี่ยประมาณ 555,000 บาทต่อปี และการสูญเสียรายได้ก็อาจจะเพิ่มสูงขึ้นตามปริมาณความต้องการภายในประเทศ แต่จะเป็นการช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและสนับสนุนด้านความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของประชาชน ส่งเสริมให้เกิดการใช้ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กและการปฏิบัติตามกฎหมายพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 4 กันยายน 2565
สาระสำคัญของร่างประกาศ
1. กำหนดให้ยกเว้นอากรสำหรับที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (Car seat) ตามประเภทย่อย 9401.80.00 รหัสย่อย 01 เฉพาะที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กนำเข้ามา โดยให้ยกเว้นอากรจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 (จากเดิมจัดเก็บอัตราอากรร้อยละ 20) และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ให้จัดเก็บอัตราอากรร้อยละ 20
2. กำหนดให้ประกาศนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
(โปรดตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีที่เป็นทางการจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) 28 มิถุนายน 2565
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โทร. 0 2288-4396
A6935